3 เรื่องกังวลของแม่ตั้งครรภ์
ตั้งครรภ์

3 เรื่องกังวลของคนท้อง
(Mother & Care)

          ความเครียดและความกังวลช่วงตั้งครรภ์เป็นเรื่องที่ห้ามไม่ได้ ซึ่งคุณแม่อาจกังวลเกี่ยวกับการทำงาน รูปร่าง หรือลูกในท้อง คุณแม่จึงควรรับมือกับความกังวลเหล่านี้ และหาวิธีผ่อนคลายอย่างถูกวิธี เพื่อสุขภาพของคุณแม่และลูกในท้องค่ะ

1. กังวล เรื่องการทำงาน

ในช่วงที่ตั้งครรภ์ คุณแม่ที่ต้องทำงาน อาจต้องพบกับภาวะกดดันและความเครียดจากการทำงาน แต่คุณแม่ก็ต้องแบ่งเรื่องงานออกจากเรื่องส่วนตัว และแบ่งเวลาสำหรับตัวเองให้ดีเพื่อที่จะได้ไม่กระทบกระเทือนต่อลูกน้อยในท้อง เพราะความเครียดนอกจากจะทำให้คุณแม่ไม่สบายใจแล้ว ยังส่งผลต่อสุขภาพทางกาย เช่น ทำให้อ่อนล้า ปวดศีรษะ เบื่ออาหาร เป็นต้น การหยุดพักจากการทำงานชั่วคราว และออกไปเดินเล่น ดูหนังหรือฟังเพลงจะช่วยคลายความเครียดลงได้

2. กังวล เรื่องรูปร่าง

ช่วงตั้งครรภ์ ร่างกายและฮอร์โมนในร่างกายที่เปลี่ยนแปลงไปอาจทำให้อารมณ์ของคุณแม่แปรปรวนและเกิดความกังวล ทั้งเรื่องการแพ้ท้อง รอบเอวที่ขยายขึ้น รูปร่างและผิวที่เปลี่ยนแปลงไป และกังวลว่าหลังคลอดลูกแล้วรูปร่างจะไม่เหมือนเดิม ดังนั้น ในช่วงตั้งครรภ์ต้องกินอาหารให้ครบ 5 หมู่ ไม่ควรกินอาหารที่ไม่มีประโยชน์หรือกินมากจนเกินไป เพราะจะทำให้เกิดไขมันสะสมตามส่วนต่าง ๆ ของร่างกาย ทำให้ลดน้ำหนักยากในช่วงหลังคลอด

โดยปกติแล้ว ถ้าน้ำหนักตัวที่เพิ่มในขณะตั้งครรภ์อยู่ในภาวะสมดุล น้ำหนักตัวจะกลับสู่ภาวะเดิมภายใน 2 เดือนหลังคลอด ซึ่งการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่จะช่วยให้น้ำหนักตัวกลับสู่ภาวะเดิมได้เร็วขึ้นอีกด้วย ดังนั้น ควรคำนึงถึงการรักษาสุขภาพและหลักการกินอาหารที่ถูกต้องทั้งระหว่างตั้งครรภ์และหลังคลอดแล้ว เพื่อคุณแม่จะได้มีความสุขกับการตั้งครรภ์และลูกจะได้แข็งแรงเติบโตสมวัย

3. กังวล เรื่องลูก

คุณแม่ท้องเกือบทุกคนมักจะกังวลเกี่ยวกับสุขภาพของลูกในท้อง เช่น กังวลว่าลูกจะไม่สมบูรณ์ ลูกจะไม่โตตามอายุครรภ์ เป็นต้น หรือบางครั้งคนรอบข้างอาจแนะนำหรือเตือนเกี่ยวกับการปฏิบัติตัวระหว่างท้องด้วยความหวังดี แต่กลับทำให้วิตกกังวลมากขึ้น ซึ่งคุณแม่สามารถกำจัดความกังวลเหล่านี้ได้โดยการปรึกษาคุณหมอที่ฝากครรภ์ด้วย เพื่อขอคำแนะนำและการช่วยเหลือที่เหมาะสม และคุณหมออาจตรวจความผิดปกติของทารกในครรภ์ด้วยเครื่องอัลตร้าซาวนด์ ก็จะช่วยให้คลายความกังวลได้

รับมือกับความกังวลอย่างไร?

หากมีความกังวลนอกเหนือจากที่กล่าวมาแล้ว ลองใช้วิธีง่าย ๆ ที่จะช่วยให้คลายความกังวลระหว่างตั้งครรภ์ได้ ดังนี้

พูดคุยอย่างเปิดเผย การเล่าความกังวลหรือปัญหาให้คนที่ไว้ใจ เช่น สามี ครอบครัว หรือเพื่อนสนิทฟัง อาจทำให้รู้สึกดีและสบายใจขึ้น และอาจได้รับคำแนะนำที่ดีในการแก้ปัญหาด้วย

หาสาเหตุของความเครียด เช่น ปัญหาในครอบครัว ปัญหากับเพื่อนร่วมงาน ซึ่งบางครั้งคุณแม่อาจรับภาระหน้าที่เกินกำลังที่จะทำได้ ดังนั้น ควรแบ่งเบางานบางอย่างให้คนอื่นบ้าง หรืออาจจัดลำดับความสำคัญของงาน เพื่อจะได้ค่อย ๆ ทำงานเหล่านั้นให้เสร็จตามลำดับก่อน-หลัง

อาบน้ำลดความเครียด จะช่วยให้รู้สึกสดชื่นและผ่อนคลาย หลังอาบน้ำ อาจนอนหลับหรืองีบพักผ่อนก็จะทำให้คุณแม่ได้พักทั้งร่างกายและจิตใจ

นอกจากนี้ การกินอาหารเต็มที่และครบถ้วนจะช่วยเสริมพลังให้ร่างกาย และดีต่อการเจริญเติบโตของทารกในครรภ์ รวมทั้งการทำงานต่าง ๆ ด้วย

TIP : การผ่อนคลายโดยการฝึกสมาธิ เป็นอีกวิธีง่าย ๆ ที่คุณแม่ท้องสามารถปฏิบัติได้ทุกที่และทุกเวลา โดยการนั่งหลับตา พยายามปล่อยกล้ามเนื้อทุกส่วนให้ผ่อนคลาย กำหนดลมหายใจเข้าออกอย่างช้า ๆ หายใจเข้าจนหน้าท้องป่องออก แล้วค่อย ๆ ผ่อนคลายกล้ามเนื้อไหล่และคอ พร้อมกับปล่อยลมหายใจออกช้า ๆ ทำซ้ำไปเรื่อย ๆ จนรู้สึกผ่อนคลายความกังวล






























Create Date : 26 มิถุนายน 2555
Last Update : 26 มิถุนายน 2555 1:43:27 น.
Counter : 902 Pageviews.

4 comment
กินโยเกิร์ตแล้วผอมจริงหรือ?
โยเกิร์ต

สาวรักหุ่นเช็คด่วน! กินโยเกิร์ตแล้วผอมจริงหรือ? (สุขกายสบายใจ)

ผลการวิจัยล่าสุดของมหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ดเผยถึงความจริงในโยเกิร์ตว่า อันที่จริงโยเกิร์ตไม่ใช่สิ่งที่กินแล้วดีต่อสุขภาพเสมอไป โดยเฉพาะโยเกิร์ต 5 แบบต่อไปนี้ที่ควรใส่ใจเรื่องปริมาณการบริโภคให้มากขึ้น เพราะนอกจากจะไม่ช่วยให้สุขภาพดีแล้ว ยังจะทำให้น้ำหนักตัวเพิ่มขึ้นโดยไม่รู้ตัวอีกด้วย

งานนี้สาวคนไหนกินโยเกิร์ตแทนข้าวเย็นยิ่งต้องอ่านให้แน่ใจว่า น้ำหนักลงจริงหรือไม่?

"โยเกิร์ต +ชิ้นเนื้อผลไม้เต็ม ๆ คำ" = คิทแคทบาร์

          ดูเหมือนจะคุ้มราคาดีใช่ไหมที่โยเกิร์ตถ้วยเล็ก ๆ แต่อุดมด้วยชิ้นเนื้อผลไม้คับถ้วย ชนิดที่ตักเข้าปากกี่คำก็ได้รสชาติผลไม้เต็ม ๆ แต่ความจริงแล้ว คุณรู้หรือไม่ว่า ชิ้นเนื้อผลไม้ที่ใส่ในโยเกิร์ตชนิดนี้ให้ปริมาณน้ำตาลสูงถึง 27 กรัม ต่อ 1 ถ้วย (6 ออนซ์) ซึ่งนับว่าใกล้เคียงกับปริมาณน้ำตาลในคิทแคทบาร์ 4 ชิ้น คือ 28.2 กรัม (หรือ 7 ช้อนโต๊ะ)



"กรีก โยเกิร์ต (Greek Yogurt)" = ชีสเบอร์เกอร์

          Greek Yogurt หรือ โยเกิร์ตเนื้อข้น เป็นหนึ่งในตัวเลือกที่น่าลิ้มลอง เพราะคุณจะได้รสสัมผัสแท้ของคำว่า "โยเกิร์ต" แต่คุณรู้อะไรไหม แค่โยเกิร์ตเนื้อข้นรสธรรมชาติก็อุดมด้วยไขมัน 20 กรัมต่อ 1 หน่วยบริโภค นั่นหมายความว่า หากคุณกินโยเกิร์ตประเภทนี้หมดถ้วยภายในครั้งเดียว คุณจะได้รับไขมันเกือบเท่ากับการชีสเบอร์เกอร์ของแมคโดนัลด์ถึง 2 ชิ้นเลยทีเดียว (1.5 กรัม คือปริมาณไขมันในชีสเบอร์เกอร์ต่อ 1 ชิ้น)

"โยเกิร์ต + ธัญพืช" = มีประโยชน์จริง แต่ต้องหาถั่วใส่เพิ่ม

          โยเกิร์ตใส่ธัญพืช เหมือนได้ประโยชน์คูณสอง เพราะโยเกิร์ตชนิดนี้ส่วนใหญ่มีน้ำตาล 0% ประกอบกับธัญพืชหลากหลายไม่ว่าจะเป็น เม็ดบัว ถั่วแดง ลูกเดือย ลูกเกด เพราะอย่างนี้สาว ๆ หลายคนจึงยกย่องให้โยเกิร์ตแบบนี้เป็นมิตรแท้ต่อสุขภาพที่ช่วยลดน้ำหนักของพวกเธอจริง แต่ถ้าจะให้ดีกว่านี้ ควรเพิ่มถั่วลงไปสักเล็กน้อย อาจเป็นอัลมอนด์สไลด์ แมคคาเดเมีย หรือแม้แต่ถั่วลิสง เพื่อเติมโอเมก้าทรีให้กับโยเกิร์ตถ้วยนี้

โยเกิร์ต

"โยเกิร์ตสมูธตี้" = ไอศกรีมซันเดย์

          เมนูโยเกิร์ตสมูธตี้ส่วนใหญ่มีส่วนประกอบคล้าย ๆ กับการทำมิลค์เชค เพียงแต่ใส่โยเกิร์ตแทนนม จึงทำให้มีแคลอรีต่ำเพียง 160 แคลอรีต่อ 8 ออนซ์ แต่กรณีที่ใส่นมเพิ่มด้วยจะมีแคลอรีสูงถึง 360 แคลอรีทีเดียว ซึ่งนับว่าปริมาณแคลอรีใกล้เคียงกับเมนูของหวานที่ใช้นมเป็นส่วนประกอบ อย่างเช่น ไอศกรีมซันเดย์ 1 ถ้วยเท่ากับ 490 แคลอรี ดังนั้น ในการใช้โยเกิร์ตเพื่อทำสมูธตี้ให้ดีต่อสุขภาพจริง ๆ ควรจะปรับเป็นสูตรแบบไม่หวาน โดยงดนม ใส่ผลไม้สด ใส่โยเกิร์ตธรรมดา เพียงเท่านี้ก็สามารถลดปริมาณแคลอรีลงต่ำลงได้อีก 83 แคลอรี

"เมนูโยเกิร์ตแช่เย็น" = ไม่ได้ประโยชน์อะไรเลย

          หลากหลายสูตรโฮมเมดของหวาน ที่นำโยเกิร์ตมาดัดแปลงเป็นเมนูหวานเย็นชื่นใจทั้งหลาย โดยเฉพาะไอศกรีมโยเกิร์ต ที่ต้องนำโยเกิร์ตไปผสมกับนมแล้วนำไปแช่ฟรีส ซึ่งสำหรับเมนูแบบนี้ คุณจะไม่ได้รับประโยชน์อะไรเลยนอกจากน้ำตาลและไขมัน ดังนั้นไม่ใช่ว่าโยเกิร์ตทุกชนิดจะนำมาใช้เป็นส่วนประกอบในเมนูของหวานได้ โดยเฉพาะชนิดที่เขียนระบุว่ามีจุลินทรีย์ และโพรไบโอติกส์ ที่เหมาะสำหรับบริโภคเดี่ยว ๆ มากกว่า เนื่องจากจุลินทรีย์และโพรไบโอติกส์มีคุณสมบัติช่วยให้ปรับปรุงระบบย่อยอาหารทำงานเป็นปกติ






























Create Date : 26 มิถุนายน 2555
Last Update : 26 มิถุนายน 2555 1:38:25 น.
Counter : 1246 Pageviews.

4 comment
25 ความจริงเกี่ยวกับตัวเราที่คุณอาจไม่รู้



เรียบเรียงข้อมูลโดยกระปุกดอทคอม

           ในชีวิตของคนเราแต่ละวัน มักจะได้เรียนรู้อะไรหลาย ๆ อย่างมากมาย แต่ถ้าหากพูดถึงเรื่องความจริงของร่างกายคนเราแล้ว เชื่อเลยว่าคงไม่มีใครเรียนรู้เรื่องราวของร่างกายตัวเองได้ทั้งหมด แม้ว่าจะเป็นเรื่องที่ใกล้ตัวมาก ๆ ก็เถอะ วันนี้กระปุกดอทคอม ก็เลยขอนำข้อมูลน่ารู้เกี่ยวกับร่างกายที่รวบรวมไว้ในเว็บไซต์ psychofactz.com มาฝากกันค่ะ เพื่อให้หลาย ๆ คนได้รู้จักเรื่องของร่างกายตัวเองกันมากขึ้นเสียหน่อย...เอ้า พร้อมแล้วก็ไปดูกันเลย


คนเราไม่สามารถพูดได้พร้อม ๆ กับสูดลมหายใจเข้า และเช่นเดียวกัน คนเราไม่สามารถกลืนอาหารได้พร้อม ๆ กับหายใจ

เมื่อคนเรารับประทานอาหารอิ่มมาก ๆ ประสิทธิภาพในการได้ยินของเราจะลดลง





การร้องเพลงนั้นเป็นสิ่งที่ดีสำหรับคนทุกคน มันสามารถทำให้คนเรามีความสุขและมีอายุยืนได้

เคยมีงานวิจัยเปิดเผยว่า คนเรามีความคิดสร้างสรรค์ในตอนกลางคืนมากกว่าตอนกลางวัน

คนเราไม่สามารถฆ่าตัวตายได้โดยการกลั้นหายใจ

ทุกครั้งที่คนเราจาม หัวใจของเราจะหยุดเต้น และเราไม่สามารถลืมตาได้ขณะที่เราจาม

หากคนเราอดหลับอดนอนตอนกลางคืน ร่างกายจะเผาผลาญเพิ่มขึ้นประมาณ 161 แคลอรี

ไม่ว่าคนเราจะพยายามอย่างไร ก็ไม่มีใครจดจำช่วงเริ่มต้นของความฝันได้




ผู้ชายยิ่งมีนิ้วนางยาวเท่าไร ยิ่งเป็นคนมีแรงขับทางเพศมากเท่านั้น (อุ๊บส์!)

เซลล์กว่า 5,000 เซลล์ในร่างกายคุณจะตายลง และถูกแทนที่ด้วยเซลล์ใหม่ ภายในระยะเวลาที่คุณอ่านประโยคนี้จบ

การปัสสาวะตอนอาบน้ำ ทำให้เราประหยัดน้ำได้กว่า 1,157 แกลลอนต่อปี

อวัยวะ 2 ส่วนของคนเราที่สามารถทำความสะอาดตัวเองได้ คือ อวัยวะเพศหญิง และดวงตา

คนที่มีไอคิวสูง มีแนวโน้มจะนอนดึกมากกว่าคนที่มีไอคิวต่ำ

เวลาที่ใครจั๊กจี้คุณ การหัวเราะนั้นมาจากการที่คุณหวั่นวิตกและตกใจ ดังนั้น จึงไม่แปลกที่คุณไม่สามารถจั๊กจี้ตัวเองให้หัวเราะได้ เพราะร่างกายคุณไม่มีความกลัวและตกใจตรงนี้

เคยมีงานวิจัยเปิดเผยว่า คนที่ตื่นก่อน 7 โมงเช้า จะผอม และมีความสุขมากกว่าคนที่ตื่นหลังจากนั้น

หูขวาของคนเรา ฟังคำพูดได้ดีกว่าหูซ้าย ขณะที่หูซ้ายนั้น จะฟังดนตรีได้ดีกว่าหูขวา

การอ่านหนังสือท่ามกลางแสงสลัว ไม่ได้ทำให้สายตาเสีย

การฟังเพลงช่วยเพิ่มประสิทธิภาพของระบบภูมิคุ้มกันร่างกายอย่างไม่น่าเชื่อ

ยิ่งผู้ชายช่วยตัวเองมากเท่าไร ความเสี่ยงในการเป็นมะเร็งต่อมลูกหมากก็ยิ่งน้อยลงเท่านั้น



การมีเซ็กส์ทำให้ผู้หญิงสวยขึ้น เพราะระหว่างที่มีเซ็กส์นั้น ร่างกายจะขับฮอร์โมนเอสโตรเจนออกมาถึงสองเท่า และส่งผลให้ผมสลวยเป็นเงางาม และผิวพรรณก็นุ่มนวลขึ้น

เมื่อคุณฝันว่าคุณปัสสาวะ คุณก็มักจะปัสสาวะในความจริงด้วย

การนอนหลับทำให้ความจำดีขึ้น และมีความคิดสร้างสรรค์มากขึ้น

ปัสสาวะที่ขับออกมาใหม่ ๆ สะอาดกว่าน้ำลายและผิวหน้าของคุณตั้งเยอะ

เด็กเกิดใหม่จะร้องไห้โดยไม่มีน้ำตาไหล เพราะยังไม่มีท่อน้ำตา จนกว่าจะอายุได้ 1 เดือน

เล็บมือของเราจะยาวเร็วกว่าเล็บเท้าถึง 4 เท่า





          และนี่คือทั้ง 25 ความจริงที่คุณอาจไม่รู้เกี่ยวกับร่างกายของตัวเอง ที่เรานำมาฝากกันวันนี้ เชื่อว่าความจริงหลาย ๆ ข้อคงทำให้หลายคนถึงกับอึ้ง ทึ่ง และงงกันเลยทีเดียวล่ะ ขณะที่ความจริงอีกหลายข้อ คงจะทำให้ใครหลายคนได้ปรับความคิดเสียใหม่ เพราะมีความเชื่อผิด ๆ เกี่ยวกับร่างกายตัวเองมาโดยตลอดเลยใช่ม้าาา อิอิ




















Create Date : 24 มิถุนายน 2555
Last Update : 24 มิถุนายน 2555 12:39:33 น.
Counter : 1090 Pageviews.

5 comment
แนะอาหารคลายร้อน ปรับอุณหภูมิร่างกายจากภายใน



เรียบเรียงข้อมูลโดยกระปุกดอทคอม


ช่วงนี้ เป็นช่วงหน้าร้อนที่อากาศนั้นแสนจะร้อนอบอ้าว อุณหภูมิทะลุ 40 องศาเซลเซียส หลาย ๆ คนก็มีวิธีคลายร้อนที่แตกต่างกันไป ทั้งนี้ทั้งนั้น เรื่องอาหารการกินก็เป็นเรื่องสำคัญที่จะช่วยให้คุณคลายร้อนได้ หากคุณรู้จักเลือกรับประทาน และในวันนี้ เรามีอาหารคลายร้อน และวิธีการเลือกกินอาหารที่จะช่วยให้คุณคลายร้อนมาฝากกัน





ควรทานอาหารอย่างไรดีในหน้าร้อน

            อาหารที่เหมาะแก่การรับประทานในช่วงซัมเมอร์ ควรจะเน้นอาหารที่มีน้ำเป็นส่วนประกอบมาก ๆ ให้พลังงานน้อย ไขมันต่ำ เพราะไม่ต้องใช้พลังงานในการเผาผลาญมากนัก ร่างกายจึงไม่เกิดความร้อนจากการทำงานหนัก ดังนั้น อาหารที่ไม่ควรทานในหน้าร้อนในปริมาณมาก ๆ คือ อาหารจำพวกเนื้อสัตว์ ไข่ ถั่วเมล็ดแห้ง นม และไขมัน เนื่องจากเป็นอาหารที่ต้องใช้พลังงานในการย่อยและการนำไปใช้สูงกว่าข้าว ผัก และผลไม้ ส่วนอาหารที่ควรทานในหน้าร้อน คือ อาหารประเภทผักและผลไม้ที่ไม่มีแป้งมาก และหากต้องอยู่ท่ามกลางสภาพอากาศร้อนจัดหรือออกกำลังกายกลางแจ้ง ควรดื่มน้ำให้ได้ชั่วโมงละ 1 ลิตรหรือ 4 - 6 แก้วต่อชั่วโมง แม้ไม่รู้สึกกระหายน้ำก็ตาม เพราะคุณจะสูญเสียน้ำเป็นจำนวนมาก จึงต้องการน้ำมาชดเชยในส่วนที่ร่างกายเผาผลาญไป





ผักและผลไม้ที่ควรรับประทานในหน้าร้อน

สำหรับฤดูร้อนนั้น อาหารเบา ๆ อย่างเช่นผักและผลไม้เหมาะสำหรับร่างกายของคนเรามากกว่าอาหารหนัก โดยสุดยอดผักและผลไม้คุณภาพ 4 ประเภทที่ช่วยคลายร้อนได้มากขึ้น มีดังต่อไปนี้

1. แตงโม และแคนตาลูป มีส่วนประกอบของน้ำสูงถึง 95% สามารถทดแทนน้ำในร่างกายที่สูญเสียไปเนื่องจากอากาศร้อนได้เป็นอย่างดี

2. ผลไม้ตระกูลเบอร์รี่ มีส่วนผสมของน้ำและสารประกอบทางธรรมชาติสำหรับรักษาอาการปวดบวมอักเสบ ซึ่งสารดังกล่าวถูกนำมาใช้เป็นส่วนผสมของยาแอสไพริน ดังนั้น การบริโภคเบอร์รี่รสหวานฉ่ำจึงช่วยลดอาการอักเสบและช่วยถอนพิษจากการเผาไหม้ของแสงแดดฤดูร้อนได้เป็นอย่างดี

3. ผักโขม ให้คุณประโยชน์หลัก 2 อย่าง อันดับแรก คือ ผักโขมและผักใบเขียวนอกจากจะอุดมไปด้วยน้ำ ยังเป็นแหล่งสะสมของแมกนีเซียม หนึ่งในแร่ธาตุที่เราสูญเสียไปพร้อมกับเหงื่อที่ถูกขับออก นอกจากนี้ ใบสีเขียวเข้มของผักขมยังมีสารลูติน ซึ่งเป็นสารต้านอนุมูลอิสระที่เกิดขึ้นเองตามธรรมชาติจึงช่วยปกป้องผิวและสายตาจากการถูกทำลายจากแสงแดด

4. พริกไทย อาจเป็นตัวเลือกอันดับสุดท้ายสำหรับหลาย ๆ คนที่จะนำมาบริโภคในช่วงอากาศร้อน แต่ในความเป็นจริงเราจะพบว่าพริกไทยที่เผ็ดร้อนสามารถกระตุ้นให้เกิดการขับเหงื่อออกจากร่างกาย ซึ่งเมื่อเหงื่อระเหยออกจากผิว จะทำให้เกิดความรู้สึกเย็นสบายแก่ร่างกายของเราได้อย่างน่าเหลือเชื่อ


เมนูอาหารที่แนะนำสำหรับหน้าร้อน

หากคุณกำลังรู้สึกร้อน และไม่อยากจะกินอะไร อีกทั้งยังคิดเมนูที่จะรับประทานยังไม่ได้ เราขอแนะนำ 4 เมนูคลายร้อนให้ร่างกายได้ ดังนี้เลย...

1. ข้าวแช่ เมนูไทยแท้ระดับชาววัง ข้าวแช่อาจหาทานได้ไม่ง่ายนักในปัจจุบัน แต่เจ้าข้าวลอยน้ำดอกไม้อบควันเทียนหอมเย็น รับประทานคู่กับเครื่องเคียงต่าง ๆ ทั้งลูกกะปิทอด พริกหยวกยัดไส้ หรือปลาหวาน เมนูนี้ช่วยให้ความสดชื่นหอมอร่อยในวันที่อบอ้าวดีจริง ๆ

2. บะหมี่เย็นทรงเครื่อง เมนูเส้นคลายร้อนสไตล์ญี่ปุ่นที่คนไทยน่าจะรู้จักกันดี บะหมี่เย็นทรงเครื่องเป็นเมนูยอดนิยมในฤดูร้อนของชาวญี่ปุ่นทำจากเส้นราเมนลวก มีเครื่องเคียงหลากหลายเน้นสีสันสวยงามให้สดใสตามฤดูกาลราดด้วยซอสทาเระรสเปรี้ยวเพิ่มความสดชื่น

3. สลัด หันมาดูเมนูเบา ๆ ทางฝั่งตะวันตกกันบ้าง เมนูเบา ๆ ที่ช่วยเพิ่มความสดชื่น ผักสดเย็น ๆช่วยเพิ่มน้ำให้กับร่างกาย พร้อมผักและผลไม้สดตามฤดูกาลอื่น ๆ ที่จะช่วยเพิ่มรสชาติและวิตามิน พร้อมช่วยสร้างภูมิคุ้มกันป้องกันไข้หวัดเมื่ออุณหภูมิอากาศเปลี่ยนแปลง แถมยังเป็นเมนูคลายร้อนที่เหมาะกับสาว ๆ ที่กำลังควบคุมน้ำหนักด้วย

4. เมนูคลายร้อนที่แนะนำอีกหนึ่งอย่าง คือ มะระทรงเครื่อง นอกจากจะเป็นยาดับร้อน ถอนพิษไข้ ยังช่วยแก้กระหายได้อีกด้วย





เครื่องดื่มดับกระหายคลายร้อน

            คนจีนมักจะดื่มน้ำชาร้อน ทำให้เหงื่อออก เป็นการระบายความร้อนออกจากร่างกายได้ดีอีกวิธีหนึ่ง หรือดื่มน้ำสมุนไพรที่มีสรรพคุณแก้ร้อนใน คลายร้อน เช่น ใบบัวบก ใบสะระแหน่ แตงโม ใบเตย ช่วยดับกระหายและคลายความร้อนในร่างกาย

            ทั้งนี้ การดื่มน้ำสมุนไพรไม่ใส่น้ำตาล หรือใส่แต่น้อย เช่น น้ำตะไคร้ จะช่วยขับเหงื่อ ขับปัสสาวะได้ดี น้ำกระเจี๊ยบ ช่วยรักษาอาการร้อนในภายในช่องปาก น้ำมะนาวผสมกับน้ำหวานใส่น้ำแข็งทำให้สดชื่นกระปรี้กระเปร่า ขับเสมหะได้ บางคนไปเที่ยวทะเลจะได้กินน้ำมะพร้าว เพราะน้ำมะพร้าวสามารถลดอุณหภูมิในร่างกายได้ หากไม่ชอบน้ำสมุนไพร ให้ดื่มน้ำผลไม้คั้นแต่ไม่ต้องเติมเกลือหรือน้ำตาล

และทั้งหมดนี้ก็เป็นอีกทางเลือกหนึ่งที่ช่วยดับกระหายคลายร้อนออกมาจากภายใน แต่แม้อากาศจะร้อนเท่าไร แต่จิตใจอย่าร้อนตามอากาศกันนะจ๊ะ เพราะไม่เช่นนั้น วิธีการคลายร้อนไหน ๆ เอาไม่อยู่แน่ ๆ


















Create Date : 24 มิถุนายน 2555
Last Update : 24 มิถุนายน 2555 12:37:23 น.
Counter : 1090 Pageviews.

4 comment
ทานแอปเปิ้ล ทางลัดลดความอ้วน
แอปเปิ้ล


ทานแอปเปิ้ล ทางลัดลดอ้วน (Woman Plus)

          สาว ๆ คนไหนที่ชอบทานแอปเปิ้ล จงทานต่อไปอย่าได้หยุด ส่วนสาว ๆ คนไหนที่เคยเบือนหน้าหนีแอปเปิ้ล ลองเปลี่ยนใจหันมาทานผลไม้ชนิดนี้กันดู เพราะนานาคุณประโยชน์สุมรวมอยู่ในผลเล็ก ๆ นี้ ทั้ง วิตามิน แร่ธาตุ สารอาหารต้านอนุมูลอิสระ แนะนำให้ทานทั้งเปลือกจะได้รับสารอาหารทั้งหมดที่มีอยู่ในแอปเปิ้ลไปเต็ม ๆ

และที่จั่วหัวไว้ว่า แอปเปิ้ลช่วยลดน้ำหนักได้นั้น เป็นความจริง เพราะในแอปเปิ้ลมีน้ำตาลโมเลกุลเดี่ยว ง่ายต่อการดูดซึมไปใช้ประโยชน์ได้ภายในไม่ถึง 10 นาที จึงช่วยลดความอยากอาหาร และควบคุมน้ำหนักได้ดี อีกทั้งกากใยจากเปลือกแอปเปิ้ลยังช่วยในเรื่องระบบขับถ่าย นี่จึงเป็นเหตุผลว่า..... เหตุใดจึงควรเลือกแอปเปิ้ลเป็นผลไม้สำหรับลดความอ้วน

อ้อ! แอบกระซิบอีกหน่อยว่า ในบรรดาแอปเปิ้ลทั้งหลายนั้น แอปเปิ้ลสีเขียวจะช่วยเรื่องการควบคุมน้ำหนักได้ดีที่สุด ถ้าไปตลาด หรือซูเปอร์มาร์เก็ตคราวนี้ ก็อย่าลืมเลือกแอปเปิ้ลสักผลติดไม้ติดมือมาด้วยล่ะ



Create Date : 15 มิถุนายน 2555
Last Update : 15 มิถุนายน 2555 8:36:45 น.
Counter : 1364 Pageviews.

0 comment
1  2  3  4  5  6  7  8  9  10  11  12  13  14  15  16  17  18  19  20  21  22  23  

jaideeda1
Location :
  

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]



D D D D D D D D .......
Group Blog
All Blog