จินตนาการสำคัญกว่าความรู้
Group Blog
 
All Blogs
 

เจ้าบ้านเจ้าเรือน * แก้วเก้า

เจ้าบ้านเจ้าเรือน * แก้วเก้า




เมื่อตอนอบรมต่อยอดรางวัลสุภัทร สวัสดิรักษ์ เมื่อปีที่แล้วผมดีใจมากได้เจออาจารย์วนิตา นักเขียนคนโปรดคนหนึ่งของตัวเอง .. วันนั้นอาจารย์ถ่ายทอดวิชา กลเม็ด เคล็ดลับ การเขียนนิยายให้โดนใจนักอ่านอยู่หลายหัวข้อ แต่ผมนำมาใช้ในยามจำเป็นไม่ค่อยจะได้ เขียนยังไงก็ยังไม่เหมือนหรือลื่นไหลเท่าเรื่องราวที่อาจารย์ถ่ายทอด .. อย่างนวนิยายเรื่องล่าสุดของอาจารย์ ในนามปากกาแก้วเก้าที่ชื่อ .. เจ้าบ้านเจ้าเรือน เรื่องนี้ .. อาจารย์เขียนได้ยังไง ๘๐ ตอน แล้วคนอ่าน(อย่างผม)ต้องอดตาหลับขับตานอน จรดสายตาอ่านถึงดึกดื่นเที่ยงคืนตีหนึ่งตีสองในสองวัน เพราะนิยายเรื่องนี้อ่านแล้วสนุกมากมาก .. อาจารย์วางตัวละครได้พอดี เหมาะเหม็ง กระจายความสำคัญออกมาเท่าๆกัน ไม่มีใครเดินเรื่องโดดเด่นกว่าหรือออกบ่อยมากนัก

เจ้าบ้านเจ้าเรือน .. เป็นเรื่องราวของพระเอก คือ ไรวินทร์ ผีบ้านผีเรือนที่ถูกจองจำอยู่ในบ้านที่นางเอก คือ แพรขาว มาเช่าอาศัยอยู่กับชมพู ลูกสาวตัวน้อยน่ารัก .. เรื่องราวถูกเล่าสลับกันไปกันมาระหว่างชาติอดีตของพระเอกกับภาคปัจจุบันของแพรขาว เนื้อเรื่องตื่นเต้นสลับกับน่ากลัวไปจนจบเรื่อง ตัวละครในเรื่องเยอะแยะมากมาย .. ซึ่งเสน่ห์จากการอ่านนิยายแก้วเก้าอีกอย่างหนึ่งก็คือ .. บ้านเรือนไทยโบราณ อาจารย์บรรยายได้เห็นภาพชัดเจนมาก บ้านริมคลองก็ร่มเย็นน่าอยู่ .. แน่นอนตัวร้ายของเรื่องก็ต้องออกมาโลดแล่นกันสนั่นหนังสือ คนเลวอย่าง ลิลิต กับมาตา หรือพัสกร อดีตสามีนางเอกเป็นต้น .. เรื่องราวในอดีตของไรวินทร์ก็แสนสนุก ชีวิตของเขาขึ้นลง เจอคนดี คนไม่ดีเยอะไปหมด (บางคนตอนแรกดี ตอนหลังมา ... อิ๊บอ๋าย)
ภาษาสำนวนที่อาจารย์ใช้ในเรื่องก็อ่านสนุก กระแทกกระทั้นอารมณ์ได้ดีมากมาก ตัวละครร้ายๆฝ่ายหญิง อย่างมาลาตี มาตา หรือคนเหวี่ยงๆอย่าง สร้อยสวาท ก็เรียงหน้ามาให้หมั่นไส้ได้ตลอดเวลาที่อ่านเรื่องราว ..

นิยายเรื่องนี้ดีหมดทุกอย่าง แต่ผมว่าบางตอนก็ยืดๆหน่อยๆ แต่สรุปโดยรวมแล้ว กลมกล่อมพอดีๆ เป็นนิยายที่น่าอ่านอีกเรื่องของแก้วเก้า ซึ่งอาจจะไม่ดีเด่นเท่ามาลัยสามชาย หรือ พลอยเปลี่ยนสี (ที่อ่านซ้ำกี่รอบๆ ก็ยังสนุก) แต่ก็อยากอ่านไปตั้งแต่หน้าแรกจนสุดท้ายของเรื่อง ..

เสน่ห์ที่สำคัญเลยของเจ้าบ้านเจ้าเรือน คือ เหตุการณ์ในเรื่องที่พลิกผันสลับไปมาอย่างคาดไม่ถึง แต่ถ้าใครลุ้นความรักของพระเอกนางเอกก็ต้องลุ้นหน่อยเพราะ ทั้งสองอยู่คนละภพ คนละชาติ กว่าจะสมหวังก็ต้องใช้เวลา .. ไปหาอ่านงานเขียนของแก้วเก้าเล่มนี้กันนะครับ ผมรับรองว่าอ่านสนุก กลัวผี กลัวบาปบุญคุณโทษกันไปเลยทีเดียวเชียวครับผม

สวัสดีวันจันทร์แสนสดใสนะครับ ........................................... นายอิส







 

Create Date : 20 กุมภาพันธ์ 2555    
Last Update : 20 กุมภาพันธ์ 2555 13:30:30 น.
Counter : 4089 Pageviews.  

ตุ๊กตาในป่าหนาว * ถ่ายเถา สุจริตกุล

ตุ๊กตาในป่าหนาว * ถ่ายเถา สุจริตกุล




ชีวิตคนเป็นเรื่องยาก แค่ได้เกิดมาและใช้ชีวิตก็เป็นเรื่องยากสุดสุดแล้วที่จะประคับประคองให้มีชีวิตที่ดีดีไปตลอดรอดฝั่งแห่งความสุขสงบไปจนชั่วอายุขัยได้ ..

ชีวิตของสรัญธม หรือ ตุ๊กตาก็เช่นกัน เธอไม่สามารถเลือกเส้นทางชีวิตได้เลยแม้ครั้งเดียว ชะตากรรมลากจูงเธอไปในแต่ละที่หลายแห่ง ตั้งแต่ในบ้านคหบดี ไร่ฝิ่น ริมกองขยะและมาอยู่กับแม่เล้า สารพัดสารเพจะเจอรูปแบบชีวิตมาตั้งแต่เด็กน้อยจนเติบใหญ่เป็นสาวสวย ..

ตุ๊กตา เกิดในตระกูลพระยาพานทอง แค่เป็นเมียบ่าว (ที่ไม่รักดี) ชีวิตก็สงบดีอยู่กับคุณเต้ย (ญาติลูกพี่ลูกน้อง) นังแถม .. คนใช้ที่เสมือนเพื่อนคนเดียวในชีวิต กับการเรียนหนังสือโดยมีคุณพ่อพระยาเป็นร่มโพธิ์ร่มไทรคนเดียวขณะอยู่ในบ้านหลังใหญ่ ต่อมาแม่มีชู้ตั้งท้องกับฝรั่งคลอดลูกออกเป็นชาย ชื่อ ตุ๊กตุ่น เป็นเด็กอารมณ์ดี ผมสีทอง ..

แม่ของตุ๊กตาพาเด็กชายหนี แล้ววกมารับเธอในวันหนึ่ง ทางชีวิตข้างหน้าเปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง จากชีวิตที่สุขสบายถูกพ่อเลี้ยงที่เป็นฝรั่งข่มขืน ถูกเอามาทิ้งข้างกองขยะ ก่อนจะมาอยู่ในอาชีพค้าของเก่าไปในที่สุด .. เรื่องราวเข้มข้นขมวดปมไปเรื่vยๆจนจบเรื่อง อยากให้เพื่อนๆไปอ่านนิยายเรื่องนี้ดูว่าชีวิตที่ไม่มีแสงดาวนำทาง จะเป็นเช่นไร ..

เรื่องราวทั้งหมดอาจจะหดหู่ไปบ้าง แต่ก็ถือว่าเราอ่านบทเรียนชีวิตมนุษย์คนหนึ่ง ..

ผมอ่านไปก็สงสารชีวิตตุ๊กตา ช่างโชคร้ายอะไรได้ตลอดชีวิต แต่จริงๆแล้วนี่อาจจะเป็นชีวิตคนจริงๆ อย่างที่ป้าถ่ายเถาฯ ถ่ายทอดมาให้เราอ่านก็เป็นได้ .
ชีวิตก็เป็นแบบนี้แหละไม่มีใครรู้หรอกว่าจะเกิดอะไรขึ้นในอนาคต ฉะนั้นอย่าประมาทใช้ชีวิตก็แล้วกัน

งานเขียนของป้าถ่ายเถา สุจริตกุลิ ... ผมมีอยู่สองเรื่อง คือ มงกุฎดอกส้มกับเรื่องนี้ ส่วนเรื่องอื่นยังตามหาต่อไปครับ วันนี้มาชวนอ่านงานเขียนอันฮอตฮิตโด่งดังที่พลอยแกมเพชร พอจบปุ๊บตีพิมพ์รวมเล่มโดน สนพ.ศรีสาราเลย ราคา ๔๐๐ บาท อย่าลืมหาซื้อมาอ่านดูมีขายตามร้านหนังสือทั่วไปครับผม

สวัสดีวันพุธครับ .. นายอิส





 

Create Date : 15 กุมภาพันธ์ 2555    
Last Update : 15 กุมภาพันธ์ 2555 14:09:21 น.
Counter : 4092 Pageviews.  

มนต์ซอยังไม่สิ้น * อ.ไชยวรศิลป์





ช่วงนี้ผมงานยุ่งมากเลยไม่มีเวลาอ่านนิยายเรื่องโปรดที่เรียงรายตรงหน้าเป็นภูเขาเลากา แต่ก็พอมีอ่านบ้างที่เป็นนิยายแปล ตามกระแสด่วน ด่วน อย่างเรื่อง คุณนายขาว สาวใช้ดำ หรือ the Help นั่นเอง พอว่างๆได้บ้างอยากอ่านนิยายแบบไทยใจจะขาด หาที่ใกล้มือสุดก็เรื่องนี้ครับ มนต์ซอยังไม่สิ้น ของ นักเขียนผู้ล่วงลับ อ. ไชยวรศิลป์ นั่นเอง

หนังสือเล่มนี้มีขนาดเล็กบาง ไม่หนามาก ราคาก็ไม่แพง พิมพืออกมาเป็นครั้งแรก หลังจากต้นฉบับตกค้างมาก่อน

เนื้อหาในเรื่องสิน่าสนใจ .. นิยายเรื่องนี้พูดถึงช่างซอในภาคเหนือ ช่างซอก็คล้ายหมอลำทางอิสาน หรือ รำโนราห์ทางใต้

เนื้อเรื่องย่อก็คือ .. สร้อยดาว เป็นลูกช่างซอที่ชื่อจันทร์ทิพย์ เกิดความรักกับหนุ่มกรุงเทพฯที่มาภาคเหนือด้วยความสนใจในวัฒนธรรม การแสดงและสภาพบ้านเมืองล้านนา .. ทั้งสองรักกัน แต่อุปสรรคอยู่ที่เจ้าหญิงคนงามที่ชื่อ เจ้าดวงดารา ผู้เป็นพี่สาวคนละแม่กับสร้อยดาว

เจ้าดวงดารามีอดีตที่ฝังใจกับความรักของเจ้าจักรแก้วและจันทร์ทิพย์ แม่ของสร้อยดาว จึงพยายามเอาชนะสร้อยดาว นางเอกของเราทุกวิถีทาง ทั้งเรื่องพ่อแม่ ทั้งเรื่องความรัก ..

จุดหมายปลายทางของนิยายเรื่องนี้ ไม่ได้แฮปปี้เอนดิ้งเหมือนนิยายเรื่องอื่นๆของ อ.ไชยวรศิลป์ เพื่อนๆลองไปหาอ่านงานเขียนชิ้นนี้ดู เล่มไม่หนา ราคาก็ไม่แพง แถมเนื้อเรื่องสนุก ได้ความรู้เกี่ยวกับประเพณีชาวเหนือเป็นของแถมอีกด้วย

งานเขียนของ อ.ไชยวรศิลป์ในตอนนี้ค่อนข้างหาอ่านยาก (หนังสือมือสองบางเล่มมีราคาสูง เพราะหายากนั่นเอง)แต่ สำนักพิมพ์ปอยได้นำกลับมาพิมพ์หลายเรื่องแล้ว อย่างเช่นเรื่อง มนต์แม่ระมิงค์ / ริมฝั่งแม่ระมิงค์ / แม่สายสะอื้น / ตะวันครึ่งดวงที่วาปี และชุดเรื่องสั้น ประทีปเหนือธารพิงค์ (ชื่อเรื่องไพเราะเหลือเกิน) จับจ่ายหาซื้อได้นะครับผม

งานสัปดาห์หนังสือปีนี้ใกล้เข้ามาอีกแล้ว ปีนี้น่าจะมีหนังสืออกมาใหม่เยอะแยะ คงได้เวลาเก็บเงินซื้ออีกแล้วสินะครับ
วันนี้รีวิวแนะนำพอสั้นๆ พบเจอกันใหม่อาทิตย์หน้าครับ ...

นายอิส รักในหลวงครับ






 

Create Date : 06 กุมภาพันธ์ 2555    
Last Update : 6 กุมภาพันธ์ 2555 10:37:13 น.
Counter : 1953 Pageviews.  

ผลิบานในวันร้อน * ชมัยภร แสงกระจ่าง

นวนิยายเรื่องนี้เป็นผลงานเรื่องล่าสุดของอาจารย์ชมัยภร แสงกระจ่างที่ตีพิมพ์ตามหน้านิตยสาร แล้วมารวมเล่มกับสำนักพิมพ์คมบาง ผมไม่ได้ติดตามตามกับสกุลไทยเลยมารอรวมเล่มดีกว่า แต่ปัญหาก็มีอยู่ว่า นวนิยายเล่มนี้วางขายตอนงานมหกรรมหนังสือแห่งชาติเมื่อต้นเดือนตุลาคม ตอนนั้นน้ำกำลังท่วมกรุงเทพฯพอดี ตอนแรกตั้งใจว่าจะไปซื้อที่ในงาน พอวันท้ายๆทางเข้ากรุงเทพฯถูกตัดขาดก็เลยอดไปร่วมงานด้วยประการฉะนี้ ครั้นไปสอบถามที่ร้านหนังสือตามร้านต่างๆก้ไม่มีขายเลย จึงไปสมัครเป็นสมาชิกสำนักพิมพ์คมบาง แล้วสั่งซื้อทางอินเตอร์เน็ตถึงได้มาครอบครองในราคา 250.-บาท คุ้มค่ากับการรอคอยเลยทีเดียวเชียวครับ

นวนิยายเรื่องนี้อาจารย์ชมัยพรเคยพูดถึงตอนไปอบรมต่อยอดรางวัลสุภัทร ครั้งที่ 1 ด้วยความที่อยากอ่านมาก ครั้นจะติดตามที่หน้านิตยสารก็ออนแอร์ได้ครึ่งๆกลางๆเข้าไปแล้ว พอได้อ่านเต็มๆเรื่องก็ถึงกับน้ำตาไหลริน สงสารชีวิตผู้คนตัวละครในเรื่องเป็นอย่างมาก นิยายเรื่องนี้พูดถึงชีวิตคนในสังคม สะท้อนชีวิต ความรัก ที่ต้องดำเนินไปบนความผิดพลาดตั้งแต่เริ่มต้น คือ ปัญหาท้องในวัยเรียนกับปัญหาท้องไม่มีพ่อในวัยผู้ใหญ่ ..

สิ่งที่ท้าทายคนอ่านมากสำหรับคนอ่านก็คือ ทางออกของสองชีวิตตัวละครในเรื่อง คือ เป็นใจ กับเอมิ

เป็นใจเป็นเด็กบ้านเด็กกำพร้าไม่มีพ่อไม่มีแม่ แต่พลาดท่าตั้งท้องกับมาลิก ผู้บริหารระดับสูงในหน่วยงาน

เอมิ เป็นเด็กนักเรียนอายุ 15 ปี แต่พลาดตั้งท้องด้วยความไม่รู้เดียงสากับต่อตระกูล เด็กชายอายุเท่ากัน

ปัญหาของทั้งสองล้วนมืดมน ต้องแก้กันไป ถูลู่ถูกังกันไปให้ได้เมื่อเวลาผ่านไป ทุกอย่างเริ่มคลี่คลายไปในทางที่ดีขึ้นแต่ก็ยังมีปัญหาให้ได้แก้ไข ...

เอมิมีคุณนายโสภา ผู้เป็นยายดูแลลูกชายคือน้องธนให้ด้วยความรัก รวมทั้งเอก ผู้เป็นพ่อกับลดา ผู้เป็นแม่ ส่วนเป็นใจ ก็ได้ สุณี เทียนขวัญ และวุฒิ ช่วยดูแลประคับประคองกันไปให้ตลอดรอดฝั่ง

อีกสองครอบครัวที่เป็นตัวแปรก็คือ ครอบครัวของมาลิก ดารา เด็กชายญัง และครอบครัวคนจีนของต่อตระกูลที่เพิ่มสีสรรของเรื่อองจนแทบจะเรียกได้ว่าสนุกทุกตอนที่อ่าน เป็นเสน่ห์อีกอย่างหนึ่งที่ได้อ่านนิยายของอาจารย์ชมัยภรก็คือ ความอิ่มเอมใจกับเด็กๆ ที่ไร้เดียงสา ความซื่อบริสุทธิ์ไร้มลทินของเขาเห่านี้แหละทำให้เราคนอ่านหัวเราะ ยิ้ม เศร้าและอิ่มใจจนจบเรื่อง อาจารย์เก่งมากในการตีแผ่ปัญหาสังคม และเก่งในการนำเสนอเรื่องที่ค่อนข้างหมิ่นเหม่ศีลธรรม ใครๆก้พากันเมินหนีห่างถ้ารู้ว่า เด็กท้องไม่มีพ่อ และเด็กท้องในวัยเรียน ยังไม่ประสีประสากับชีวิตอะไรเท่าไหร่เลย

ไปหาอ่านนิยายส่งเสริมสถาบันครอบครัวเรื่องผลิบานในวันร้อน ของชมัยภร แสงกระจ่างกันเยอะๆนะครับ รับรองไม่ผิดหวัง อ่านสนุกมากเหมือน ดั่งดาวระยิบฟ้า/เหมือนมีพระอาทิตย์สองดวง/ผัดไทยไม่ใส่เส้น/ในสวนเมฆ/คุณปู่แว่นตาโต อย่างแน่นอน หาอ่านกันนะครับผม ///

นายอิสครับ

images by free.in.th>




 

Create Date : 23 ธันวาคม 2554    
Last Update : 16 มีนาคม 2555 15:03:44 น.
Counter : 4671 Pageviews.  

วันชื่นคืนสุขกับสามวันงานหนังสือโคราช ๕๔




งานสัปดาห์หนังสือโคราช ๑ : วันแรก ๒ ธันวาคม ๒๕๕๔

งานวันแรกเป็นวันที่ ๒ ธันวาคม ซึ่งวันนี้เป็นวันเกิดของผม ตื่นขึ้นมาแต่เช้าก็ออกไปเริ่มต้นทำบุญหลายอย่าง พอตกค่ำก็ออกไปงานหนังสือ อากาศรายรอบตัวยังร้อนจัดอยู่มา เห็นน้องนักเรียนเกือบครึ่งพันกำลังเข้าแถวเตรียมเข้าร่วมกิจกรรม work rally ท่ทางจะร้อนมาก ขนาดว่าผมยังรู้สึกเลยว่าร้อนจนแสบหน้า เดินไปบูธแรกเป็นบูธของฐานบุ๊ค ..ปีนี้เป็นปีแรกที่เข้ามาขายหนังสือที่งานแห่งนี้ ได้หนังสือของเพื่อนมาสามเล่ม คือ รอยรัก รอยนิมิต (นามปากกา คือ มณีมรกต คือ สันติธร วินิจฉัยกุล หรือ นายใหม่ .. เขาได้รับรางวัลที่ ๓ จากเรื่อง ละครฉากสุดท้าย รางวัลสุภัทร สวัสดิกุล ครั้งที่ ๑) ผมหาเล่มนี้มานานมาก หาไม่ได้เพราะขาดตลาดไปนานแล้ว .. เจอโดยบังเอิญก็เลยจัดมาเสียสามเล่ม ชวนคนขายว่าปีหน้าให้มาขายอีกนะเขาบอกว่าโอเค (ถ้าขายได้ในปีนี้นะครับ) เดินเรื่อยมาที่บูธซีเอ็ต เจอน้องๆที่เป็นพนักงานขายรู้จักกัน เลยแซวนิดหน่อยแล้วเดินผ่านไป กระโดดข้ามสระน้ำไปอีกฟากเมื่อเห็นบูธของสถาพรบุ๊คหรือ พิมพ์คำ .. ปีนี้มาแบบจัดเต็ม แต่หนังสือลดไม่มากนัก ๒๐ เปอร์เซ็นต์ ผมไม่ซื้อเพราะร้านเช่ามีให้เลือกอ่านแล้วทุกเล่ม เดินเลยไปหน่อยเจอะเจอร้านหนังสือโฆษิตถามหาพี่คนหนึ่ง แต่เจอน้องคนขายสวยงาม น่ารัก เหลือบตาไปมองในแผงก้เห็นหนังสือน่าสนใจมากมาย แต่ราคายังแพงอยู่ อยากได้หลายชุดมาก อดใจหยิบมาจ่ายเงินเพียงชุดเดียว คือนิยายแปลของแซนด้า บราวน์ เรื่อง mirror face แปลโดยคุณขีดขิน จินดาอนันต์ .. เรื่องนี้ขอบอกว่าเป็นเรื่องแปลทีอ่านว้ำบ่อยที่สุด กอ่านแล้วอ่านอีก ชอบวิธีการดำเนินเรื่องมากที่สุด ตื่นเต้น ลุ้นตัวโก่งเลย .. จ่ายเงินก็เดินเลยไปเจอร้านหนังสือเก่าอีกสองร้าน ไม่ได้อะไร แต่ผ่านร้านรุ่งวัฒณาไม่ได้ ซื้อที่ร้านนี้อีก ๕ เล่ม ได้อัตชีวิตศิลปินทางด้านศิลปะชื่อก้องโลก ๔ ท่าน รวมทั้ง ปิกาศโซ่ด้วย ราคาเล่มล่ะ ๖๐ บาทเท่านั้น อีกเล่มก็น่าสนใจคือ หนังสืออัตชีวประวัติของอากิระ คุโรซาว่า พร้อมรายชือหนังที่เขาสร้างแบบย่อๆ ชอบเล่มนี้จริงๆ (ผมเก็บสะสมงานของเขาได้ส่วนหนึ่ง แต่น้อยมาก)

เลยมาอีกนิดเป็นบูธของ สนพ.มติชน ที่นี่มีหนังสือเยอะมาก มีหลายราคา อย่างหนังสือใหม่กิ๊กเลยลด ๑๕% ถ้าเก่าหน่อยจะลด ๒๐ % มีมุมประหยัดราคาลด ๕๐ % ก็มี ส่วนมุมที่ผมถลาเข้าไปก็คือ หนังสือลดราคาเล่มละ๒๐ บาท ส่วนกะบะสุดท้ายลดราคาเหลือเล่มละ ๕๐ บาท หนังสือทั้งหมดลดราคาตามความนิยม .. ผมมองดูแล้วอยากได้หลายเล่มเหมือนกัน แต่ก็ต้องตัดใจเลือกเฉพาะที่ชอบก่อน เลือกมา ๒ เล่มจากครึ่งราคา คือ บันทึกนกไขลาน ของ มูราคามิ (ที่รอคอย คลาดกันไปคลาดกันมากนานแล้ว)อีกเล่ม คือ พระประวัติของกรมหลวงนราธิปวัติวงศ์ (ราคาเล่มละ ๔๕๐) พอจะจ่ายตังค์พี่คนขายบอกว่าถ้าซื้อครบ ๓๐๐ บาทจะได้จับฉลากกาแล็คซี่แท็ปหนึ่งเครื่อง ผมก้บ้าจี้หามาเพิ่มให้ครบ ๖๐๐ บาท หาอย่างไงก็ไม่ได้ สุดท้ายได้เรื่อง รถเมล์สายสุดท้ายของตองยี ของ อาจารย์สมบูรณ์ วรพงษ์มาอ่าน (เล่มนี้ก็คลาดกันไปคลาดกันมา)

เดินแบกหนังสืออันหนักอึ้งไปข้างหน้าต่อไป ผ่านร้านหนังสือเฟื่องนคร น้องบิ๊ง เรียกให้เข้าไปพักทีร้านบอกว่าพี่บินหลา

สันกาลาคีรี มาแล้วก็ไปแล้ว เราบอกว่าเป็นแบบนี้ทำทีเลยเนอะ หนักของมากเลยฝากหนังสือร้าน้องไว้แล้วเดินช็อปต่อไป เจอร้านเคล็ดไทย เข้าไปถามงานของพ่อครูมาลา คำจันทร์ คนขายบอกว่าไม่ได้เอาหนังสือมาเท่าใด เพราะน้ำท่วมติดหนังสือของสำนักพิมพ์มาน้อยมาก ขาดแต่ของสำนักพิมพ์อื่นอย่าง ฟีฟอร์ม โอเพ่น อะเดย์ อย่างนี้เป็นต้น เลยเดินผ่านไปจนถึงบูธอะเดยื เด็กๆ รุมกันเยอะจนน่าดีใจแทน ผมไม่เด้กแล้ว จึงเดินเลยไปอย่างอายๆ อิอิ พอถึงบูธ บลิส พับบิสซิ่งเจอพี่คนขายใจดีคุยกันเรื่องนิยายให้ฟัง คุยกันนานมาก เมื่อยขาเลยขอฉิ่งออกมา แต่ก็ไม่ลืมที่จะอุดหนุนนิยายแปลมาสามเล่ม หนึ่งในนั้นมีเรื่อง the Friends หรือ เพื่อนรัก ของยูโมโตะ คาซูมิ กับอีกสองเรื่อง คนเขียนคนเดียวกัน คือ รอวันฤดูใบไม้ผลิ กับเรื่อง จดหมายถึงพ่อ ..เรื่องสุดท้ายนี้พี่คนขายการันตีว่าน้ำตาไหลพรากแน่แน่ .. ผมยิ้มอย่างสะใจปนซาดิสถ์ ชอบจริ้งนิยายที่เขย่าต่อมน้ำตาเช่นฉะนี้ เดินจากบูธบลิสมาอย่างน้ำตารื้นดีใจอิ่มใจ

เดินมาได้ครึ่งงานหิวข้าวฉิบเป๋ง แต่ตาก็ยังมองเห็นหนังสือลดราคากองใหญ่เท่าบ้านอยู่ด้านซ้ายมือ มีรึจะหยุดเดินไปร้านอาหาร รีบแทรกคนไปยังที่นั่นทันที เห็นตราสำนักพิมพ์เพื่อนดีอยู่สองเล่มรีบหยิบมากอดไว้ คือ คฤหาสน์กุหลาบดำ ของ ต.อักษรา กับ ตะวันขึ้น ตะวันลา ของ นราวดี อีกเล่มเป็นงานเขียนของพี่ชมัยภร แสงกระจ่างเรื่อง ริ้บบินสีแดง อีกเล่มที่หยิบมาพร้อมจ่ายเงินก็คือ ฝังเธอไว้ที่ปลายฟ้า นิยายแปลงสำนักพิมพ์สันสกฤษ .. ทุกเล่มที่ว่าราคา ๕๐ เล่มทุกเล่ม

เฮ้อ .. หนักกระเป๋าเสียจริงๆ ใกล้ร้านอาหารมีร้านหนังสือของสำนักพิมพ์โอเพ่น .. ผมเดินไปคุยกับพี่คนขาย รู้สึกถูกจริตมากมาก เห็นนิยายแปลเล่มโตของเฮียฮารูกิ มูราคามิ เรื่อง 1984 ทั้งสองเล่ม ราคาเล่มล่ะ ๔๘๕ บาท รวม ๙๗๐ บาท แต่พี่คนขายลดให้เหลือ ๖๘๐ บาท ผมลูบกระเป๋าตังค์อีกครั้ง แล้วกลั้นหายใจยมันไปพร้อมน้ำตาแห่งความพ่ายแพ้ .. หมดดากคราวนี้ไอ้อิสเอ๊ย 555

พอเสียตังค์ไปเยอะก้เริ่มหิวเดินเข้าคิวสั่งอาหารได้มาสองอย่าง คือ ผัดไทยห่อกุ้งกับ สเต็กหมูคาวบอย (คนขายแต่งตัวเป็นคาวบอยทั้งร้าน) หม่ำ หม่ำ จนอิ่มเดินย่อยไปเรื่อยๆ จนถึงร้านหนังสือที่คนมุงเพราะหนังสือลดราคา ๕๐ เปอร์เซ็นต์ กองสูงเท่าภูเขา แหวกๆๆๆๆ คนเข้าไปสำรวจดูก็เห็นว่า ส่วนมากเป็นนิยายที่มีเกือบหมดแล้ว ที่เหลือก้ไม่น่าสนใจมากนักได้หนังสือมาสองเล่มคือ กิ่งฟ้ากับคืนนี้ไม่มีพระจันทร์ ของ สุวรรณี สุคนธา ดีใจมาก เพราะหามานานเหมือนกันครับ .. เลยร้านนี้ก็ถึง สำนักพิมพ์คบไฟ คุยกับพี่คนขายเรื่อง .. หนังสือบางเล่ม แนวฮาร์ดคอร์ยังขายได้ที่งานนี้ (อัศจรรย์มากที่คนโคราชยังมีคนอ่านแนวหนักๆกันพอสมควร) คุยไปคุยมาถึงหนังสือหลายเรื่อง จนมาสรุปจบที่งานแปลของสำนักพิมพ์สมมุติ ผมถอยมาสามเล่มแล้ว คือ รักแรก /บันทึกของคนเสื้อขาว ..

แต่อยากได้ มองกลับ หรือ Looking Forward ของเอ็ดเวิร์ด เบลลามี ผมมองหน้าพี่คนขาย อยากช่วยให้เขาขายหนังสือได้จริงๆ เลยซื้อเล่มนี้มาในราคา ๒๑๐ บาท จาก ๓๐๐ บาทดีใจมากที่พี่กรุณาลดราคาให้ ๓๐ เปอร์เซ็นต์ เย้ เย้ เย้ ประหยัดไปอีกหน่อย .ผ่านสำนักพิมพ์แสงดาวก็รู้สึกเหงาๆเงียบๆ อยากจะช่วยซื้อนิยายของสำนักพิมพ์นี้ แต่ราคาก็แพงมาก ขนาดลด ๒๐ เปอร์เซ็นต์แล้วนะครับ ยังแพงอยู่ มองเห็นนิยายเก่าเอามาพิมพ์ใหม่ๆ หลายเรื่องวางขาย อย่าง ปริศนา /มัจจุราชสีน้ำผึ้ง / เจ้าสาวของอานนท์ / รัตนาวดี /อย่าซื้อฉันด้วยเงิน /บ้านนอกเข้ากรุง/ รักเกิดในตลาดสด และอีกหลายเรื่อง ได้แต่เดินเลยผ่านไปมองตาปริบๆ ด้วยความอยากได้น่ะครับ

บนเวทีมีการเสวนาของคุณตัน อิชิตัน ผมเดินจนเมื่อยขาแล้วจึงหลบเร้นเข้าข้างพุ่มไม้หาพักขาก่อนกลับบ้าน งานหนังสือวันแรกจึงจบด้วยความเหนื่อยอ่อน กระเป๋าฉีก และหอบหนังสือกลับบ้านอย่างสราญใจครับผม

------------------------------------------------

งานสัปดาห์หนังสือโคราช ๒ : ๓ ธันวาคม ๒๕๕๔

วันนี้เป็นอีกวันที่หยุดราชการ นั่งอยู่กับบ้าน ตื่นสายโด่ง แล้วออกไปตามนัดหมายเพื่อนที่ห้างเดอะมอลล์ นครราชสีมา รับประทานกาแฟสตาร์บั๊ค รสชาติใหม่เพิ่งมีในเมนู ก่อนจะกลับบ้านในเวลาค่ำๆ วันนี้ไม่มีแพลนที่จะเดินในงานหนังสือ แต่ได้แค่คิดแวะไปแว่บๆ กะเดินเอาบรรยากาศแค่นั้น พอเดินไปเรื่อยๆก็ได้หนังสือราคา ๒๐ บาทมาสองเล่ม เป็นแนว howto สำหรับผู้เริ่มต้นธุรกิจขนาดเล็ก ท่าทางจะหนักหัวเอาการ เลยเดินผ่านไปที่บูธมติชนเห็นนิ้วกลมกำลังเซ็นต์หนังสือ พร้อมกับกองทัพแฟนคลับจำนวนมหาศาล ถัดมาหน่อยพี่จุ้ย ศุ บุญเลี้ยงกำลังแจกลายเว็นต์พร้อมขายแผ่นซีดีช่วยน้ำท่วมอยู่เช่นกัน

ผมเดินเลียบเลาะไปเรื่อยๆจนถึงบูธโฆษิตก็เห็นเพียงใจที่ผูกพัน ของ พี่ปุ้ย กิ่งฉัตร วางอยู่ในราคา ๒๖๐ บาท จะซื้อหรือไม่ซื้อดีว่ะ (ถามตัวเองอยู่อย่างนั้น จนเดินออกนอกร้าน) เดินเรื่อยเปื่อยจนหิวทานสเต็กหมู ในราคา ๕๘ บาท ร้านเดิมอีกครั้งเพราะติดใจ เดินวกกลับมาเห็นว่าพ่หนุ่มเมืองจันทร์กับพี่ธนา เธียรอัจฉริยะกำลังถกเสวนากันอย่างเข้มข้น เลยแวะนั่งพักขา (คนฟังน้อยมาก) พี่หนุ่มเมืองจันท์ หรือ พี่ตุ้มก็รู้จักพี่มาแล้วเมื่อครั้ง happy book day ที่เดอะมอลล์ โคราชจัดเมื่อสิบว่าปีที่แล้วครั้งนั้น ปราบดาหยุ่น พี่ภิญโญ ไตรสุธรรมมา พี่ชาติ กอบจิตติก็มาในงานนั้น เมื่อคืนพูดคุยกับพี่หนุ่มฯถึงประเด็นงานหนังสือได้ความว่า งานหนังสือโคราชเป็นงานปราบเซียนมานานแล้ว ครั้งนี้ถือว่าประสบความสำเร็จระดับน่าพอใจ ..

พี่ตุ้มน่ารัก อารมณ์ดี สมกับเป็นนักเขียนยอดนิยมจากค่ายมติชน จากคอลัมน์ฟาดฟู๊ดธุรกิจอันโด่งดัง ประเด็นที่พี่ธนาพูดถึงเป็นเรื่องราของการต่อสู้ในสายธุรกิจ ก่ว่าจะมาเป็นเขาในทุกวันนี้ เส้นทางสายอดทนเริ่มต้นมายาวนาน ผมฟังไปก็อึ้งไป ได้อะไรกลับมาในชีวิตเยอะแยะมากมาย ฟังจบไปอย่างไม่คิดว่าเวลาที่ผ่านไปจะเร็วถึงเพียงนี้ พอฟังจบพี่จุ้ย นิ้วกลมกับพี่กล้า วงบาสเก็ตแบรนด์เสวนาต่อ ก็สนุกเข้มข้นได้ใจวัยรุ่นเช่นเดียวกัน ..

ผมเดินกลับบ้านด้วยหัวใจพองโต วันนี้ดีจังเลย คิดว่าเป็นวันดีอีกวันน่ะเนี่ย อิอิ
-----------------------------------------------------

งานสัปดาห์หนังสือโคราช ๓ : ๔ ธันวาคม ๒๕๕๔


วันนี้เป็นวันซักผ้าแห่งชาติ ทุระเสร็จก็ออกออกจากบ้านไปตลาด ซื้อตับปิ้งให้มาริโอ้(ชื่อหมาของผม)ก่อนจะนั่เอาหนังสือเขียนนิยายส่งสกุลไทยต่อไปจนค่ำ ขับมอเตอร์ไซค์คันเก่า ควบปุเลงๆ ไปงานสัปดาห์หนังสือที่เรารักอีกวัน .. วันนี้คนเยอะมาก (อาจจะเป็นวันหยุดยาว) รีบไปบูธแรกที่คิดไว้ ตั้งใจจะไปหยิบวิมานมะพร้าว ฉบับ สนพ.ดอกหญ้า แต่ก็ต้องเศร้าใจเพราะหนังสือได้หายไปแล้ว แอบโวยกับเจ้าของร้านนิดหน่อยว่า ใคร ใคร ใคร คนไหนเอาหนังสือผมไป แงๆๆๆๆ แต่ก็ปลงไปในทันที สอนตัวเองไว้ว่า ถ้าหากเห็นหนังสืออะไรที่คิดว่าหายากก็รีบแฮปเหอะ ไม่งั้นจะเสียใจเช่นฉะนี้ อิอิ

ผ่านบูธไพลิน เห็นหนังสือน่าสนใจหลายเล่มเลยหยิบมาแค่ที่คิดว่าชอบจริงๆ ได้รวมเรื่องสั้นของ อนุสรณ์ มาลาสา ชื่อเรื่อง เหมือนพายุกำลังจะมา .. วิธีการเลือกหนังสือเล่มนี้ไม่มีอะไรมาก แค่เห็นว่าเรื่องสั้นแต่ละเรื่องได้รับรางวัลจากสถาบันต่างๆเพรียบ (เราอยากจะเก่งแบบเขาจัง) อีกอย่างคือเป็นเรื่องของ ภาคใต้ .. อะไรประมาณนั้นครับ

อีกเล่มคือ ร่มเรือนกาแล ผลงานเขียนของพ่อครูมาลา คำจันทร์ (อันเป็นบุคคลที่ผมเคารพยิ่ง) ความจริงเล่มนี้มีแล้วหนึ่งเล่ม อยากจะให้ใครสักคนที่เห็นค่าหนังสือเล่มนี้ (ในสักวัน) ผมชอบเพราะมีความเป้นอัตลักษณ์ท้องถิ่นสูง ใครจะเขียนเรื่องเหล่านี้ได้ต้องเชี่ยวชาญ พบเห็นมามากเป้นพิเศษ พ่อครูมาลา คำจันทร์ คือ สุดยอดด้านนี้แล้ว.. เดินจากมาจนถึงบูธโอเพ่นบุ๊คอีกครั้ง ได้หนังสือลดราคา ๑๕๑ ซิเนม่าจาก ๓๕๐ เหลือ ๑๐๐ บาท เล่มนี้อยากได้มากนานแล้ว แต่ราคาแพงมากไม่กล้าแตะ หนังสือเก่าตามสภาพ แต่ผมไม่เน้นสวยงาม แค่อยากอ่านเนื้อหาข้างในมากกว่าน่ะครับ อีกเล่มก็คือ กลวิธีเขียนนวนิยายให้ขายดีของฮูรากิ มูราคามิ โดยปราย พันแสง ..คนขายเห็นน้ำหน้า รากหญ้าหน้าตาดี (ฮิ้วๆๆๆๆๆ)อย่างนี้ เอ้าลดราคาให้เยอะๆเลย ผมก็แฮปปี้น่ะสิครับ


เดินมาจนถึงบูธที่ต้องการสอย .. สร้อยสลับสี กับ ดอกไม้ในป่าแดด ของ สุวรรณี สุคนธา มาอีกสองเล่มด้วยความบันเทิงใจ ดีใจมากได้เกือบครบผลงานของอาจารย์สุวรรณีแล้วครับ (งานเขียนอย่างจันทร์ไร้แสง / มายา ค่อนข้างหายากสักนิด)เดินเรื่อยมาจนถึงลานเสวนา ยืนฟังพระมหาสมปอง .. ตอนแรกก็ไม่คิดจะฟังพอเห็นคนเยอะเลยแหวกเข้าไปดู ฟังไปก็หัวเราะน้ำหูน้ำตาไหล ประทับใจในมุขตลกของพระอาจารย์มากมาก ปฏิภาณ ไหวพริบ นั้นสุดยอดของสุดยอด ยกนิ้วให้เลย

ท่านมหาสมปองบอกอยู่ตอนหนึ่งว่า คนไทยอ่านหนังสือแค่ ๙ บรรทัด (น่าอนาถใจเสียจริง) ท่านบอกอีกว่ามุขตลกหรือเรื่องราวทั้งหมดที่พูดเสวนาธรรม ส่วนมาก ๘๐ เปอร์เซ็นต์เอามาจากหนังสือทั้งนั้น แล้วท่านยังแนะนำอีกว่าท่านเป็นคนโคราชแต่กำเนิด บ้านอยู่อำเภอชุมพวง แต่ไปโตชัยภูมิ แม่อยู่ศรีสะเกษ แต่ไปได้ดีที่กรุงเทพฯ เฮ้อ .. ชีวิตคนเราช่างวกวนสับสนจริงๆ ตอนท้ายพระอาจารย์ฯ พูดถึงพระราชอารมณ์ขันของในหลวง .. ผมหัวเราะจนน้ำตาไหล ก่อนที่สุดท้ายน้ำตาไหลอีกรอบ เมื่อพะมหาสมปองท่านพูดถึงพระคุณพ่อ พระคุณแม่. พร้อมเสียงอ่านกลอนกาพย์ของอาจารย์ชินกร ไกรลาส .. โห สุดยอดซึ้งมากมาก

การเสวนาจึงจบด้วยความประทับใจยิ่งนัก ผมเดินไปบูธมติชนที่อยู่ใกล้ๆ อยากได้อีกหลายเล่ม แต่ก็อดใจไว้ บอกตัวเองว่ามาม่ากำลังถามหาอยู่ อิอิ เสียงดนตรีดังขึ้นอีกครั้ง วงดนตรีที่ผมรอคอยกำลังแสดง วง basketband กำลังเล่นอยู่ ผมนั่งฟังพร้อมคนฟัประมาณครึ่งร้อย บรรยากาศเป็นไปด้ยความสนุกสนานมากๆๆๆ ชอบพี่กล้า พี่ ..... และพี่โบ๊ต (หล่อมากสาวๆๆกรี๊ดเวทีแทบแตก) และแล้วเพลงโปรดของผมก็ถูกเล่น ... เพลง ครึ่งของหัวใจ ....

ผมนั่งฟังไป สายลมหนาวพัดกรูมา เพลงก็แสนเพราะจับใจ คิดถึง คิดถึง ..... จัง

ดนตรีแสดงจบลง พร้อมเสียงปรบมือในเวลาห้าทุ่มครึ่ง ... ผมปรบมือยาวนาน ขอบคุณงานสัปดาห์หนังสือโคราช ๕๔ ขอบคุณท่านนายกสุรวุฒิ เชิดชัย ชอบคุณพระมหาสมปอง ขอบคุณวง BasketBand ขอบคุณที่ทำให้ผมมีความสุขอีกวันนะครับ
-----------------------------------------

ปล. งานยังเหลือวีนนี้อีกวัน ใครอยู่แถวนี้รีบด่วนเลยมาให้ได้ วันนี้พี่คำ ผกา จะมาระเบิดเวทีครับ ้รียนเชิญคร้าบ





 

Create Date : 05 ธันวาคม 2554    
Last Update : 5 ธันวาคม 2554 16:40:31 น.
Counter : 1890 Pageviews.  

1  2  3  4  5  6  7  8  9  10  11  12  13  14  15  16  17  18  19  20  21  22  23  24  25  26  27  28  29  30  31  32  33  34  35  36  37  38  39  40  41  42  43  44  45  46  47  48  49  50  51  

เมฆชรา
Location :
นครราชสีมา Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 22 คน [?]




เข้าสู่ปีที่ 8
Friends' blogs
[Add เมฆชรา's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.