จินตนาการสำคัญกว่าความรู้
Group Blog
 
All Blogs
 

เดียวดายใต้ฟ้าคลั่ง * แดนอรัญ แสงทอง



ลูกขะจีวะระธารีนัง ขอพระแม่กีสาโคตะมี

อัคคา กิสาปิ โคตะมี อันพระบรมศาสดายกย่อง

ฐะปิตาอัคคัฎนัมหิ ว่าเป็นเอกทัคคะในทางเป็นผู้ครองจีวรเศร้าหมอง

สะทา โสตถิง กะโรตุ โนจงประทานความสวัสดีแก่ข้าพเจ้าในกาลทุกเมื่อ

“... มีผึ้งเท่านั้นที่จะล่วงรู้ลึกซึ้งถึงสุคนธรสแห่งดอกไม้งาม.. เธอต้องเป็นผึ้งเสียก่อน เธอจึงจะตอบได้ว่า“เดียวดายใต้ฟ้าหลั่ง”นี้เป็นสุคนธรสแห่งดอกไม้งามหรือไม่ หรือเป็นอย่างอื่น ..”

ปัญหาของผมอีกอย่างหนึ่งคือ.. มีนวนิยายดีดีแต่อ่านไม่ทัน เล่มใหม่เฉพาะกิจมักจะมาแทนเล่มเก่าที่เรากะเก็งเอาไว้ว่าวันนี้อาทิตย์นี้จะอ่านเล่มนี้อะไรประมาณนี้จนแล้วจนรอดก็ไม่ได้อ่านอีก ... อย่างเช่นนวนิยายเรื่อง .. เงาสีขาวของแดนอรัญแสงทอง .. นิยายปรากฏการณ์ที่หนอนหนังสือทุกคนต้องรู้จักดีถึงความยอดเยี่ยม..ผมซื้อมาได้แล้ว ราคาค่อนข้างสูง แต่ก็คุ้มค่าในความเยี่ยมยอดที่สุดของที่สุดในนิยายไทยอีกแบบหนึ่งเลยทีเดียว.. ส่วนเดียวดายใต้ฟ้าคลั่งเล่มนี้มีขนาดบางมาก ๑๑๙ หน้า ราคา ๑๐๕ บาทเท่านั้นพอได้ซื้อหามาอ่านก็ถึงกับตกตะลึงในการใช้ภาษา... ตกตะลึงในเหตุการณ์ท้องเรื่อง ..ตกตะลึงกับเรื่องราวที่ตัวละครเอกได้พบเจอะเจอตั้งแต่ต้นจนจบเรื่องและสุดท้ายในบทสรุปผมก็ถึงกับอึ้งว่านิยายเรื่องนี้สร้างจากพระประวัติพระแม่กีสาโคตรมีนั่นเอง ...

มันน่าทึ่งและก็ชวนตกตะลึงกับนิยายเรื่องนี้.. ผมสารภาพว่าเรื่องราวในพุทธประวัติเกี่ยวกับพระอรหันต์ พระเถระ รูปต่างๆผมยังมีความรู้ความเข้าใจเพียงน้อยนิด น้อยมากมาก .. พอเริ่มอ่านกราวพากย์จะเล่าย้อนไปในตอนจบเรื่อง ก่อนที่ตัวเอกจะเริ่มเล่าเรื่องความเป็นมาในชีวิตตัวเองของตนเองตั้งแต่เป็นนางทาสถูกรังแกดูถูก มีลูกชาย ลูกชายถูกงูกัดตัวเองเสียสติเหมือนคนบ้าตะเวณหาคนมาช่วยลูกชายผ่านสถานการณ์เลวร้ายเหลือประมาณ จนกระทั่งพบเจอพระพุทธองค์ได้เจอทางสว่าง .. เข้าใจในคำสอนเพียงประโยคเดียวของพระบรมศาสดาของเรื่อง

พระองค์ท่านตรัสกับนางกีสาโคตรมีว่า .. “ตถาคตรู้วิธีประกอบโอสถชำระพิษงูแต่โอสถนั้นต้องประกอบไปเมล็ดพันธุ์ผักกาดจากหมู่บ้านที่ไม่เคยมีคนตาย ..เธอจงไปแสวงหาเมล็ดพันธุ์ผักกาดที่ว่านั้นมาให้ตถาคตเสียก่อน ..”เสียงพระสมณโคดม ราบเรียบ ไพเราะละมุนละไมยิ่งกว่าเสียงระฆัง เป็นคำปลอบโยนและบัญชาอยู่ในตัวมันเอง ..ในที่สุดนางกีสาก็คิดว่านางหาเจอบุคคลที่ต้องการเสียทีหลังจากเสาะแสวงหาอย่างทุรนทุราย

ความสนุกเข้มข้นของนิยายเรื่องนี้อยู่ที่ ...ความไม่รู้ว่า ตัวเอกของเรื่องจะอุ้มลูกที่รักปานชีวิต ผ่านฝ่าอุปสรรคอะไรไปบ้าง? ซึ่งในเรื่องถ้าถามความรู้สึกผมผมว่านางกีโคตรมีมีความอดทนต่อสู้ความเป็นความตายในความเชื่อว่าหนทางข้างหน้าจะต้องมีความหวัง ลูกชายสุดที่รัก(เสมือนตัวแทนเดียวที่จะทำให้ตัวเองหลุดจากความเป็นทาสอันต่ำเตี้ย)นางเหมือนคนบ้า .. นางเหมือนคนไม่มีสติสัมปชัญญะใดใดหลงเหลืออยู่แล้ว ...แต่ละด่านความทุกข์ยากเสมือนบททดสอบชีวิตให้ก้าวเดินไป .. สัตว์ร้ายที่ว่าน่ากลัว.. คนเรานี่แหละที่น่ากลัวกว่า .. สำนวนภาษาที่คนแต่งใช้ในเรื่อง(หนอนบ้านนอกอย่างผม)ขอชูฮกให้กับความวิจิตรและสรรหามาใช้ในนิยายขนาดสั้นเล่มนี้ .. ทั้งมีความไพเราะ สวยงามเหมือนภาพเขียนเสนาะโสตเหมือนดนตรี บางครั้งก็หวานบางครั้งก็เศร้า บางครั้งก็ถั่งโถม บางครั้งก็ราบเรียบ(อ่านไปรู้สึกเหมือนกำลังล่องเรือในมหาสมุทรอันกว้างใหญ่)

ใน ๑๕ เล่มที่เข้ารอบซีไรต์ปี ๒๕๕๕ โลกุตระนิยายของแดนอรัญแสงทอง ... เป็นเล่มแรกที่ประทับใจที่สุด ... ขอให้ห้าดาวไปด้วยความเต็มใจ ..อ่านไปอ่านแล้วเชื่อในสิ่งที่คนแต่งสื่อสาร ..ความวิจิตรบรรจงใช้ภาษาไทยอยู่ในระดับดียอดเยี่ยม ภาษาอ่านลื่นไหล ..เหตุการณ์ในท้องเรื่องตื่นเต้นและตระหนก ถูกทดสอบตลอดเวลาขณะอ่าน ..ฝีมือการประพันธ์เข้าขั้นเทพไปแล้วสำหรับพี่แดนอรัญฯ .. นิยายเรื่องนี้เป็นนิยายที่ผมอยากแนะนำให้เพื่อนหนอนไปหามาอ่านดูนอกจากจะได้อรรถรสนิยายแนวพุทธประวัติ สมัยพุทธกาล (แต่เนื้อหาสวิงสวายโลดโผน)คนอ่านยังได้คติสอนใจจากกลุ่มคนหลากวรรณะในเรื่อง ..ผมชอบมากตอนที่นางกีสาพบเจอพระพุทธองค์ .. อ่านตรงนี้ตั้งหลายรอบ .. จินตนาการมโนนึกไปว่าถ้ามีโอกาสได้เข้าเฝ้าพระองค์แบบนั้น.. คงตัวสั่นงันงกทำการสิ่งใดไม่ถูก จะพูดจะจาอะไรคงใบ้บ้าไปเลย 555

ชื่อเรื่องเรื่องนี้ผมว่าพี่แดนอรัญตั้งได้เหมาะสมแล้ว..อย่างที่ผมเคยบอกว่าผลงานที่จะได้รางวัลซีไรต์จะต้องมีคุณสมบัติที่โดดเด่นในเนื้อหาวรรณศิลป์และมีความเป็นศิลปะเจือปนอยู่ค่อนข้างสูง และที่สำคัญความสมจริงในท้องเรื่องต้องทำให้คนอ่าน หัวเราะ .. ร้องไห้ ..ยิ้ม .. อึ้ง .. เสียใจ .. รอคอย .. โล่งอก .. สลับสับเปลี่ยนไปมาแบบนี้จนจบเรื่อง.. เท่านี้ก็หยิบรางวัลไปได้เลย(แต่ถ้าจะให้ดีต้องเพิ่มความเป็นอัตลักษณ์ความเป็นไทยไปข้างในจะดีมากมาก)สำหรับข้อติติงในนิยายเรื่องนี้ .. ไม่มีครับ

นิยายเรื่องนี้นอกจากจะสั่นสะเทือนความรู้สึกแล้วก็ขอการันตีอีกว่า ..ห้ามพลาดในการซื้ออ่านด้วยประการทั้งปวง .. อ่านแล้วจะได้ย้อนกลับไปในสมัยพุทธกาลอย่างสมจริงเป็นนิยายที่ลงตัว กำลังดี .. เหมาะสมกับคนรุ่นใหม่ได้อ่านกันทั่วถึง .. เอาเป็นว่าชวนไปหาอ่านนิยายเรื่องสำคัญ(มากมาก)เรื่องเดียวดายใต้ฟ้าคลั่งกันเยอะนะครับผม .

ขอบพระคุณมากที่เข้ามาอ่านบล็อกกันเหนียวแน่นกันมา๘ ปีแล้ว ..

ขอความดีจงคู่เพื่อนทุกคน

สวัสดีวันเสาร์คร้าบ ........................................นายอิส รักในหลวง/เมฆชรา


ลิงค์รีวิวที่น่าสนใจครับ

//daen-aran-saengthong.blogspot.com/2012/02/blog-post_29.html

กับ //mirayebook.exteen.com/20120501/entry




 

Create Date : 14 กรกฎาคม 2555    
Last Update : 14 กรกฎาคม 2555 23:29:55 น.
Counter : 5098 Pageviews.  

ช่างซ่อมตุ๊กตาแห่งอาเคเชีย * ศิริวร แก้วกาญจน์



นิยายเรื่องนี้เป็นหนึ่งสิบห้าเล่มที่เข้ารอบซีไรต์ปีนี้.. เรื่องนี้ผมได้ซื้อไว้เมื่อตอนพิมพ์ออกมาปี ๒๕๕๓ พอดี ในตอนนั้นจำได้ว่ากระแสเรื่องสามจังหวัดภาคใต้กำลังรุนแรง ...


นิยายเรื่องนี้ตอบโจทย์ในเรื่องข้อมูลในเรื่องนั้นได้เป็นอย่างดี ..นิยาย/กวีนิพนธ์/เรื่องสั้น ของพี่ศิริวรฯหลายเรื่องได้เข้ารอบซีไรต์และได้รับรางวัลมามากมายอย่างเช่น ..กวีนิพนธ์เรื่องประเทศที่สาปสูญ(รอบสุดท้ายซีไรต์ ๒๕๔๗)/เรื่องเล่าของคนบันทึกเรื่องเล่าจากนักเล่าเรื่องคนหนึ่งเล่าให้เขาฟัง(เรื่องสั้น)เข้ารอบสุดท้ายซีไรต์ ปี ๒๕๔๘/เก็บความเศร้าให้พ้นมือเด็ก (กวีนิพนธ์)รอบสุดท้ายซีไรต์ ปี ๒๕๕๐/กรณีฆาตกรรมอิหม่ามสะตอปา การ์เด (๒๕๕๐) กวีนิพนธ์เข้ารอบสุดท้ายซีไรต์ ฯลฯ


มาปีนี้พี่ศิริวรฯมีผลงานเข้าชิงสิบห้าเรื่องซีไรต์ถึงสองเรื่องคือ .. เรื่องนี้กับเรื่องโลกประหลาดในประวัติศาสตร์ความเศร้า (ซึ่งก็น่าสนใจมากๆ เล่มก็หนามากๆด้วย)นิยายเรื่องนี้เกริ่นกล่าวเปิดตัวละครคือ..ชายชราเคราแดงที่หอบหิ้วกระเป๋าสะพายหลังเป็นรูปหมีเท็ดดี้ ..ข้างในบรรจุตุ๊กตาหลากแบบและวรรณกรรมหนังสือชั้นดีหลายเรื่องร่อนเร่ไปในแดนใต้ในเมืองเล็กๆผู้คนส่วนมากเป็นชาวไทยเชื่อสายมลายู ..ลุงเคราแดงรับซ่อมตุ๊กตาทุกชนิดให้เรียบร้อยสวยงาม ..


จนวันหนึ่งเขาพบกับเด็กหญิงน่ารักชื่อ ชาลมา ..เด็กหญิงสนใจตุ๊กตา สนใจวรรณกรรมและชอบอ่านคัมภีร์อัลกุรอาน รวมทั้งสุไฮมีเด็กหนุ่มที่มีความไฝ่ดีคนนั้น ...เรื่องราวในเรื่องดำเนินการไปแบบตัดสลับไปมา(คนอ่านต้องคิดนึกถึงเหตุการณ์ที่ผ่านมาว่าต่อจากตอนไหนแล้ว)คนแต่งใช้สัญลักษณ์และความเหนือจริงแทรกไปในเรื่องตลอดเวลาที่ผ่าน ..บางทีก็เดาไม่ถูกว่านี้มันจริง หรือเป็นมโนคิด ...หลายเหตุการณ์ในเรื่องอ่านแล้วสะเทือนใจ .. เห็นความสูญเสีย เห็นหยดเลือก เห็นความพินาศย่อยยับ ..มันเกินบรรยายในความสมจริงของนิยายที่พี่ศิริวรฯบอกกล่าวเล่าแจ้งในนิยายเล่มเล็กเล่มนี้.. ตัวละครในเรื่องมีไม่เยอะมากสี่ห้าตัว .. แต่ละตัว(คนอ่าน) ต้องจำไว้ให้ดีเพราะเกี่ยวพันกันหมดตั้งแต่ต้นเรื่องจนจบเรื่อง ..นิยายเรื่องนี้อ่านรอบเดียวจะไม่ค่อยอินต้องอ่านซ้ำสามเที่ยวเป็นอย่างน้อยถึงจะเข้าถึง (จำนวนหน้าน้อย จำนวนตอนก็ไม่มากแต่เนื้อหากินใจ ..ระดับกระชากวิญญาณ เว่อร์ไปไหม555)ผมชอบเจ้าแพะที่ชื่อ ..โอเอซีส ดูมันน่ารักแต่ไปอยู่ในท่ามกลางความสับสนวุ่นวายของเมืองยังไงไม่รู้ ..


สำหรับนิยายเรื่องนี้ .. รูปเล่มอาจจะบางแต่ก็อัดแน่นเนื้อหาข้นเข้มทีเดียว .. ส่วนข้อตำหนิ แทบจะไม่มีจะมีแต่ระดับความลื่นไหลของเรื่องบางทียังตะกุกตะกักเป็นบางช่วงบางตอน ..ถ้าราบรื่น ลื่นไหล กระแทกอารมณ์ตั้งแต่ต้นจนจบแล้วมีภาษาที่เน้นย้ำความวิจิตรได้ทุกบบรทัด .. ซีไรต์ปีนี้คงอยู่แค่เอื้อมมือ ..ขอเอาใจช่วยอีกเล่มหนึ่งสำหรับปีนี้ผมให้สี่ดาวครึ่งเช่นเดียวกับโปรดจงโอบกอดฉันเอาไว้ของปรีดี หงษ์สต้นนะครับผม ..


วันนี้วันศุกร์ที่ ๑๓ ไปหาอ่านงานเขียนชิ้นนี้ดู ส่วนเรื่องหน้าจะมารีวิว .. เดียวดายได้ฟ้าคลั่งของแดนอรัญ แสงทอง .. สะเด็ดสะเด่าเยี่ยมยอดยุทธจริงๆติดตามนะครับผม


สวัสดีครับ ...................................... เมฆชรา/นายอิส รักในหลวง





 

Create Date : 13 กรกฎาคม 2555    
Last Update : 13 กรกฎาคม 2555 13:21:49 น.
Counter : 3140 Pageviews.  

โปรดจงโอบกอดฉันเอาไว้ * ปรีดี หงษ์สต้น




“ นวนิยายแห่งยุคสมัยที่ความจริงไม่เป็นความจริงและความรักไม่ใช่ความรักอีกต่อไป..”


เป็นนิยายเข้ารอบซีไรต์ประเภทนวนิยายปี ๒๕๕๕เรื่องแรกเล่มแรกที่ได้อ่าน(ตามกระแส) หลังจากที่หยิบๆจับๆวางๆไว้อยู่ชั้นหนังสือหลายๆรอบๆ.. ความคิดในตอนนั้นคิดว่าจะซื้อดีไหม? ซื้อไปแล้วจะคุ้มค่ากับเงิน๒๓๕บาทหรือไม่? แล้วฝีมือนักเขียนหน้าใหม่ที่ชื่อปรีดีหงษ์สต้นคนนี้เป็นใคร ... ยังไงไม่เคยได้ยินชื่อมาก่อนเลย? แต่อีกใจหนึ่งก็ยังคิดอยากลิ้มลองอ่านผลงานเขียนของคนรุ่นใหม่(แอบเปิดดุประวัติคนแต่งโอ้ .. เป็นรุ่นน้องเราตั้งหลายปี) จนแล้วจนรอดก็ยังไม่ได้ซื้ออ่านเพราการงานรุมเร้า (ในตอนนั้นมีเพื่อนเฟชบุ๊คผมมาแนะนำให้อ่านทั้งสองเรื่องคือ..ฤดูหนาวกับโปรดจงโอบกอดฉันเอาไว้) พอประกาศ ๑๕เล่มรอบสุดท้ายซีไรท์เล่มนี้เป็นเล่มแรกที่คิดถึงและต้องไปหาซื้ออ่านแบบด่วนๆเลย

เมื่อได้อ่านนิยายเรื่องนี้จนจบภายในสองวันเต็ม.. ก็ถึงรู้ว่าของเขาดีจริงๆด้วยแหละ ..ข้อดีอันแรกที่ขอชมเชยก่อนก็คือ ..ความกล้าในการนำเสนอ .. ความกล้าในที่นี่หมายถึงกลาเอาเรื่องเซ็กซ์มาเปิดจนหมดไส้หมดพุง..เปิดซะจนเหมือนว่าการมีเซ็กซ์คือ ... การกินข้าวปกติ(แต่ประเด็นเรื่องนี้ไม่ใช่แก่นเรื่องนะครับ) ส่วนข้อดีต่อไปก็คือ ...การตกผลึกความคิดของคนแต่งทั้งในการสังคม การเมือง ประวัติศาสตร์ การเข้าถึงแก่นจิตใจคน ฯลฯและอีกหลายประเด็นที่อ่านไปอ่านก็อินกับนิยาย ..

อยากรู้ไปเรื่อยๆว่าคนแต่งจะเล่าเรื่องอะไรผ่านตัวละครคนไหนทั้งสี่ตัว

โปรดจงโอบกอดฉันเอาไว้ ... เป็นนิยายที่กล้านำเสนอด้านมืดของผู้คนในสังคมปัจจุบันผ่านตัวละครหลากหลาย แต่ที่ดำเนินเรื่องจริงๆมีอยู่ ๔ คน และทั้งหมดก็เป็นเพื่อนกันในชั้นประถมก็คือ... อัญชิสา กมลเกสรสมบัติ นักศึกษาสาวที่มีชีวิตที่สับสนในความโกลาหลของชีวิตคนกรุง/ ทนง ... เด็กหนุ่มกระทงมีชีวิตต้องดิ้นรนสับสนต่อสู้เพื่อปากท้องและหลายอย่าง /สุวิทย์ ธำรงชัยชาญ ... เด็กหนุ่มทะยานกล้า มีความฝันและอุดมการณ์แต่ชีวิตยังต้องผ่านอะไรอีกมากมาย และคนสุดท้ายคือกุญชร กาญจนเลขกุล ...หนุ่มน้อยลูกเศรษฐีเจ้าของธุรกิจขนาดใหญ่ ไม่เก่งกาจแต่วาสนาดีเป็นคนมีน้ำใจกับเพื่อนๆเสมอ ..................

ตัวละครทั้งหมดเกี่ยวเนื่องกันตลอดทั้งเรื่อง อย่างเช่นอัญชิสา เป็นผู้หญิงคนเดียวในเรื่องที่ดูเหมือนกำลังสับสน ... ไม่มีความสุข ... ใช้ชีวิตที่ขาดจุดหมาย ..มีแม่เหมือนจะให้คำปรึกษาไม่ได้ เธอจึงคว้าง เปลี่ยวเหงา ..ไม่รู้อนาคตในสิ่งที่ตัวเองกำลังเป้นกำลังทำ ... ส่วนตัวละครอื่นๆก็เช่นกัน ..

ทุกคนเหงา ... ว้าเหว่ .. ไขว่คว้า .. ผิดหวัง ..หวนไห้หาอดีต .. คว้าเมฆ .. จับเงา .. ไร้สาระ ..ไร่แก่นสาร ..โหยหาความรัก .. ถูกทิ้ง.. สบถ .. สัญญา .. ตามเก็บหาอดีต ... จ่อมจมกับความหลังจนเพี้ยน ...มีบาดแผลเกินเยียวยา .. เก็บกด .. กดดัน และอีกหลากอารมณ์ที่เจอ ฯลฯ

นิยายเรื่องนี้ถ้าในมองในแง่วรรณศิลป์ ..ผมไม่เก่งพอขนาดที่จะบอกว่าเรื่องนี้ดียอดเยี่ยมสมควรได้รับรางวัลใหญ่ (เพราะประเด็นล่อแหลมโจ่งครึ่ม ชัดเจน ตรงไปตรงมา .. แทบทั้งเรื่อง)คุณค่าของรางวัลนี้ถ้าให้ผมคิดนะว่า รางวัลซีไรต์ที่ใครนักเขียนคนไหนได้ .. ประเด็นเรื่องต้องอยู่ในระดับชาติ ..เนื้อเรื่องและอรรถรส คุณค่าวรรณกรรมต้องเต็มสิบ(อย่างเรื่องสั้น .. แดดเช้าร้อนเกินกว่าจะนั่งจิบกาแฟของจเด็ด กำจรเดช .. เป็นตัวอย่าง เรื่องสั้นชุดนี้อ่านสนุกดีเด่นตั้งแต่เรื่องแรก.. เช้าวันนี้มีแดด(นักเขียนบันทึก) ... จนถึงเรื่องที่ ๑๓ไปกินมื้อเช้าที่ดาวพูลโต .. สมควรได้รับรางวัลด้วยประการทั้งปวง)และที่สำคัญความยอดเยี่ยมที่ว่าจะต้องนำเสนอได้ในวงกว้างทั้งเยาวชน .. คนทำงานและกลุ่มคนทั่วไป .. ฉะนั้นความดีเด่นของนิยายเรื่องนี้จะต้องขึ้นอยู่กับคณะกรรมการตัดสินแล้วว่าสมควรได้เป็นนวนิยายรางวัลซีไรท์ปี๒๕๕๕ หรือไม่ ต้องลุ้นกันอีกทีนะครับ

สำหรับตัวผม .. ผมให้นิยายเรื่อง .. โปรดจงโอบกอดฉันเอาไว้ของน้องปรีดี หงษ์สต้น ๔ ดาวครึ่งไปเลย .. อ่านแล้วชอบมาก .. ไม่น่าเชื่อว่าเด็กอายุแค่นี้จะมีความคิดอลังการงานสร้างมีมุมมองทะลุทะลวง ซอนไซสังคม จิกกัด แทะแลมโลกศิวิไลซ์ได้ถึงแก่นก้นบึ้ง ..ซึ่งเรา เรา .. ท่าน ท่าน จะเถียงไม่ได้ว่ามันคือเรื่องจริง .. ชอบชอบครับผม .... ไม่สปอยเนื้อเรื่องเพราะอยากให้เพื่อนหนอนไปหาซื้ออุดหนุนนิยายเข้ารอบ๑๕ เล่มซีไรท์ปีนี้เรื่องนี้กันเยอะๆ รับรอง ... อ่านแล้ว จี๊ดจ๊าดคันคะเยอดีแท้เหล่า 55

สวัสดีวันอาทิตย์ ............... เจอกันใหม่รีวิวซีไรท์๕๕ เล่มต่อไปนะครับผม ....


นายอิส/เมฆชรา


๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑





 

Create Date : 08 กรกฎาคม 2555    
Last Update : 8 กรกฎาคม 2555 20:38:30 น.
Counter : 4537 Pageviews.  

บ้านนอกเข้ากรุง * ชอุ่ม ปัญจพรรค์




“ หนุ่มบ้านนอกทั้งหล่อ ทั้งรวยอย่างนี้ ..สาวๆจะปล่อยให้หลุดมือได้ยังไง ..”


นิยายบ้านนอกเข้ากรุง ของป้าชอุ่ม ปัญจพรรค์ ..เป็นนิยายเล่มเล็กขนาด ๒๐ กว่าตอนจบ .. อ่านสนุก ไม่ซับซ้อนตัวละครเด่นมีไม่กี่ตัว ... พระเอกนางเอกกุ๊กกิ๊กน่ารักมากมาก ..นิยายเรื่องนี้กำลังทำเป็นละครเย็นทางช่อง ๓พล็อตเรื่องไม่มีอะไรมาก(เหมือนชื่อเรื่องเลย)


พระเอกของเราคือ .. หม่อมหลวงเชยพิมาน พิมาลา .. หนุ่มหล่อเต็มขั้นหลานชายเศรษฐีเหมืองแร่เมืองใต้ได้รับมรดกจากหม่อมทิพยาตระกูลพิมาลาคือ วังพิมาลานั่นเอง ..แต่วังนี้อยู่กรุงเทพจึงจำเป็นที่พระเอกของเราจะต้องเดินทางเข้ากรุงเทพเพื่อมารับมรดก .. เชยพิมานมาเมืองกรุงพร้อมน้องชายคือ นายแขกกับนายสี คนรับใช้ แต่การมาครั้งนี้หาได้รอดพ้นสายตาของคุณหญิงเดือน ..เพื่อนบ้านที่มองการณ์ไกลอยากจะให้หลานสาวสวยสองคนคือ ดาวรุ่งกับดาวรายมาตีสนิทกับเจ้าของวังคนใหม่.. เรื่องราวเลยชุลมุนสนุกสนานเริ่มต้นเมื่อพระเอกเข้ามากรุงเทพแล้วมาอยู่วังอันใหญ่โตกระทั่งมาเจอนางเอกของเรา(อยู่ในร่างสาวผิวดำเป็นผิวหมึกเพราะโดนคุณหญิงย่าพรางตัวให้เป็นคนใช้มาจากบ้านนอก) ส่วนพระเอกของเราก็ปลอมตัวเป็นพี่เลี้ยงตัวเองคือ เป็นพี่เลี้ยงหม่อมหลวงเชยพิมานด้วยเช่นกัน)


เรื่องราวในเรื่องอ่านแล้วสนุกมาก..โดยเฉพาะฉากเข้าพระเข้านางระหว่างพระเอกกับนางเอก .. อ่านแล้วฮาดี..พระเอกก็ช่างแกล้ง ... นางเอกก็ช่างไร้เดียงสาดีแท้ .. อ่านแล้วไม่มีพิษมีภัย ..สนุกในกิจกรรมของตัวละครทั้งเรื่อง ..ผมว่าบางทีดูพฤติกรรมคุณหญิงเดือนที่ทำกับดาวนิลก็เหมือนคนไม่เต็มยังไงก็ไม่รู้(มีอย่างที่ไหนให้ดาวนิลพอกตัวสีดำเป้นหมึก แล้วจะจับกร้อนผมให้เป็นผู้ชาย เพราะความแค้นสมัยรุ่นตัวเองยังคุกรุ่นอยู่)แต่เมื่อมองอีกด้านก็ถือว่ายังไม่รุนแรงอะไรนัก อย่างน้อยก็ยังให้อยู่ในบ้านสุศักดิ์ถึงจะเป็นคนใช้ก็เถอะ ... นิยายเรื่องนี้อ่านง่ายอย่างที่บอก ..อ่านไปไม่ต้องคิดอะไรมากเอาความสนุก เอาความฮาเข้าไว้ ... การอ่านนิยายเรื่องนี้ก็ได้อะไรหลายอย่างทั้งความรักที่ใสซื่อบริสุทิ์ของพระเอกนางเอก ทั้งคุณงามความดีที่ชนะในทุกสิ่ง ...ทั้งตัวอย่างการพิสูจน์รักแท้ของคนสมัยก่อน .. สำนวนคำพูดคำจา..ได้อะไรเยอะดีเหมือนกันนะครับ


ต้องขอบคุณสำนักพิมพ์แสงดาวที่นำนิยายเรื่องนี้มาปัดฝุ่นอีกครั้ง(คงรับกับละครที่จะออนแอร์)ส่วนเรื่องอื่นเขก็เอามาพิมพ์ใหม่น่าอย่างเรื่อง ... มัจจุราชสีน้ำผึ้ง /มารพิสมัย /สาปสวาท / บุษบกใบไม้ /ไม้ผลัดใบ / คนไม่มีหัวใจ / อย่าซื้อฉันด้วยเงิน/ รากบุญ / ปิ่นอนงค์ / ตราบสิ้นดินฟ้า / ฝันกลางฤดูฝน / มาหยารัศมี /วนิดา/ทัดดาวบุษยา /ในกระแสชล และอีกหลายสิบเรื่อง .. ก้ได้อ่านสมความตั้งใจจนได้อ่านนิยายที่คนเขียนทิ้งไว้ในประโยคสุดท้ายเรื่องว่า...

นิยายเรื่องนี้จบลงด้วยความสุขสันต์ ..


ไปหาอ่านกันนะครับบ้านนอกเข้ากรุง ของชอุ่ม ปัญจพรรค์


สวัสดีคืนวันศุกร์ สุข สุข สุข ครับ .....................................นายอิส / เมฆชรา






 

Create Date : 06 กรกฎาคม 2555    
Last Update : 6 กรกฎาคม 2555 23:55:20 น.
Counter : 3032 Pageviews.  

เถ้าแห่งความรัก * จ.จ.ร



นิยายชื่อเรื่องนี้ ...อาจจะไม่แปลกสำหรับหนอนบางท่าน แต่นามปากกา จ.จ,ล.นี่สิแปลกประหลาดกว่า ..ผมก็เพิ่งได้ยินมาก่อนว่าบ้านเรามีนามประกาของนักประพันธ์ท่านนี้ (หนอนรุ่นลุงป้าน่าจะพอทราบข้อมูลนะครับ) ท่านจ.จ.ล.เป็นคนแต่งเรื่องเถ้าแห่งความรักที่ผมจะมารีวิวเรื่องราวในวันนี้


เถ้าแห่งความรัก ..เป็นเรื่องราวความรักที่ไม่สมหวังของคนหลายคน .. เริ่มต้นเรื่องเมื่อ รัก ...พระเอกรูปงามของเราอยู่ในวัยเรียนต้องออกโรงเรียนเพราะดันไปจูบกับสาทรี ..สาวงามประจำโรงเรียน ที่เป็นลูกสาวสุดรักของอาจารย์ในโรงเรียนนี้ ... รัก..หายไปหลายปีกลับมาพร้อมความสง่างาม แข็งแรง เป็นหนุ่มเต็มตัว ..กลับมาคราวนี้ทุกอย่างเปลี่ยนแปลงไปหมดสาทรีได้แต่งงานและกำลังท้องกับเพื่อนรัก(ตายแทนกันได้) คือ ปิยะ ...แต่รักก็เพิ่งจะรู้ว่าสารทรี เมียของเพื่อนรักไม่เคยลืมตนเองเลย ..ที่แต่งงานก็เพราะปิยะมีฐานะร่ำรวย สามารถให้ความสุขสบายแก่เธอไปตลอดชีวิต ..สาทรีทนความเจ็บปวดในความคิดถึงรัก แทบจะทนไม่ไหวจนกระทั่งให้กำเนิดบุตรชายกับปิยะ ชื่อเด็กชายรักษา ... ก็ยังรักรักอยู่ไม่รู้ลืม... ใจจะขาดแทบทุกครั้งเมื่อเห็นรักมาวนเวียนใกล้ๆที่บ้าน ..วันหนึ่งรักบอกว่าจะย้ายไปเมืองอื่นเพราะผู้เป็นพ่อได้จากไปจึงไม่มีอะไรในเมืองนี้อีกแล้ว .. สารทรีเศร้ามากคิดมากจนโศกเศร้าเกิดความเครียดควบม้าออกไปนอกเมืองจนตกม้า คอหักเสียชีวิต ..ทิ้งไว้เหลือแต่ความเศร้าไว้ให้กับทุกคน รวมทั้งบังอร เพื่อนรักของสารทรีที่รู้เรื่องรักกับสารทรีอยู่ตลอดเวลาคนนี้ด้วย


เรื่องราวปูเรื่องเอาไว้สนุกสนานได้ครึ่งเรื่อง.. คนแต่งจึงปล่อยสัญญากับคนอ่านอีกครั้ง โดยครั้งนี้ให้ปมปัญหาไปที่บังอร ..ปิยะต้องการให้บังอรมาเป็นภรรยา เพื่อเป็นแม่เลี่ยงดูแลเด็กชายรักษา แต่รัก .. ก็กำลังรักใคร่อยู่บังอร เรื่องมาพลิกอีกครั้งเมื่อบังอรปฏิเสธรักรัก... แล้วตอบตกลงแต่งงานกับพ่อม่ายลูกติดอย่างปิยะ .. โอ้ละพ่อ! งงในตัวนางเอก ..แต่ก็ได้คำตอบว่าทั้งสองจะไม่ล่วงเกินกัน เป็นสามีภรรยากันเพียงในนามเท่านั้นจนเวลาล่วงผ่านไปหลายปี ... สุดท้ายปิยะก็ยอมปล่อยให้บังอรมีอิสระเพราะเห็นความแน่วแน่ในรักแท้กับรัก เพื่อนรัก ...เรื่องราวจึงจบลงแบบแฮปปี้เอนดิ้ง (แต่กว่าจะจบเรื่องได้ ..ปัญหาอุปสรรคในเรื่องมีมากเสียเหลือเกิน)ในเรื่องนี้ผมชอบประเด็นเรื่องอยู่หลายข้อ ขอยกตัวอย่างสัก ๕ เรื่อง ก็คือ...


๑. ความซื่อสัตย์ต่อคำพูดกันของคนสมัยก่อน.. ตัวเอกของเรื่องจะมีสัจจะปฏิญาณต่อกันตลอดทั้งเรื่อง ยึดมั่นในสิ่งที่พูดออกไปจนถึงวันร่วงโรยสังขาร ก็ยังไม่กลับคำพูดตัวเอง

๒. ฐานะชนชั้นในสังคมสมัยก่อน ยังคงมีช่องว่างเหมือนสมัยนี้ทุกอย่างคนจนคนรวยยังห่างชั้นกันเสมอๆ

๓. กิริยาสำรวมอาการต่างๆคนสมัยก่อนสามารถสะกดกลั้นความรู้สึกข้างในได้เป็นสิบๆปีโดยไม่ปริปากออกมาต่างจากคนสมัยนี้ที่เร่งร้อนไปทุกสิ่งอย่าง เห็นเงินตราเป็นพระเจ้าบูชาอำนาจที่จะทำให้ตนเองได้มีได้กินฯลฯ

๔. วิถีความเรียบง่ายพอเพียงแบบคนสมัยก่อนหายไปหมด

๕. สิ่งบันเทิงในสมัยนั้นมีไม่กี่อย่าง... ดูหนังกับเต้นรำ เท่านั้น


ฯลฯ


พอได้อ่านนิยายเก่าๆหลายเรื่องก็รู้สึกถึงความแต่กต่างในท่วงที คำสนทนาของนักเขียนในการเขียนงาน ..นักเขียนสมัยก่อนใช้ภาษาละเมียดละไม แม้จะเป็นเรื่องรัก เรื่องเบาสมอง แต่เราชาวหนอนจะรับรู้ได้เลยว่าเป็นคำไทยแท้ๆเป็นคำโบราณที่แสนไพเราะ อ่านแล้วลื่นไหลไม่ติดขัด ... ทุกเรื่องราวกลั่นกรองมาจากความคิดของนักเขียนจริงๆ แม้แต่เรื่องเถ้าแห่งความรักของ จ.จ.ล เรื่องนี้ นิยายเล่มเล็กๆไม่กี่บท แต่ก็สร้างเรื่องราวได้น่าประทับใจดีเหลือเกิน ..เอาเป็นว่าเพื่อนไปลองหาอ่านกันดูนะครับ หนังสือหลายเรื่องมีหลายเรื่องราวน่าสนใจ ไม่จำเป็นต้องเป็นนิยาย ทุกเล่มดีหมด .. อ่านเถอะนะครับ


วันนี้วันอังคาร.. สีชมพูหวานสมกับการรีวิว นิยายรักเรื่องนี้ .. ขอมีความสุขเยอะๆนะครับผม



สวัสดีคร้าบ....................................................เมฆชรา/นายอิส รักในหลวง





 

Create Date : 03 กรกฎาคม 2555    
Last Update : 3 กรกฎาคม 2555 10:21:47 น.
Counter : 1969 Pageviews.  

1  2  3  4  5  6  7  8  9  10  11  12  13  14  15  16  17  18  19  20  21  22  23  24  25  26  27  28  29  30  31  32  33  34  35  36  37  38  39  40  41  42  43  44  45  46  47  48  49  50  51  

เมฆชรา
Location :
นครราชสีมา Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 22 คน [?]




เข้าสู่ปีที่ 8
Friends' blogs
[Add เมฆชรา's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.