เดียวดายใต้ฟ้าคลั่ง * แดนอรัญ แสงทอง
ลูกขะจีวะระธารีนัง ขอพระแม่กีสาโคตะมี อัคคา กิสาปิ โคตะมี อันพระบรมศาสดายกย่อง ฐะปิตาอัคคัฎนัมหิ ว่าเป็นเอกทัคคะในทางเป็นผู้ครองจีวรเศร้าหมอง สะทา โสตถิง กะโรตุ โนจงประทานความสวัสดีแก่ข้าพเจ้าในกาลทุกเมื่อ “... มีผึ้งเท่านั้นที่จะล่วงรู้ลึกซึ้งถึงสุคนธรสแห่งดอกไม้งาม.. เธอต้องเป็นผึ้งเสียก่อน เธอจึงจะตอบได้ว่า“เดียวดายใต้ฟ้าหลั่ง”นี้เป็นสุคนธรสแห่งดอกไม้งามหรือไม่ หรือเป็นอย่างอื่น ..” ปัญหาของผมอีกอย่างหนึ่งคือ.. มีนวนิยายดีดีแต่อ่านไม่ทัน เล่มใหม่เฉพาะกิจมักจะมาแทนเล่มเก่าที่เรากะเก็งเอาไว้ว่าวันนี้อาทิตย์นี้จะอ่านเล่มนี้อะไรประมาณนี้จนแล้วจนรอดก็ไม่ได้อ่านอีก ... อย่างเช่นนวนิยายเรื่อง .. เงาสีขาวของแดนอรัญแสงทอง .. นิยายปรากฏการณ์ที่หนอนหนังสือทุกคนต้องรู้จักดีถึงความยอดเยี่ยม..ผมซื้อมาได้แล้ว ราคาค่อนข้างสูง แต่ก็คุ้มค่าในความเยี่ยมยอดที่สุดของที่สุดในนิยายไทยอีกแบบหนึ่งเลยทีเดียว.. ส่วนเดียวดายใต้ฟ้าคลั่งเล่มนี้มีขนาดบางมาก ๑๑๙ หน้า ราคา ๑๐๕ บาทเท่านั้นพอได้ซื้อหามาอ่านก็ถึงกับตกตะลึงในการใช้ภาษา... ตกตะลึงในเหตุการณ์ท้องเรื่อง ..ตกตะลึงกับเรื่องราวที่ตัวละครเอกได้พบเจอะเจอตั้งแต่ต้นจนจบเรื่องและสุดท้ายในบทสรุปผมก็ถึงกับอึ้งว่านิยายเรื่องนี้สร้างจากพระประวัติพระแม่กีสาโคตรมีนั่นเอง ... มันน่าทึ่งและก็ชวนตกตะลึงกับนิยายเรื่องนี้.. ผมสารภาพว่าเรื่องราวในพุทธประวัติเกี่ยวกับพระอรหันต์ พระเถระ รูปต่างๆผมยังมีความรู้ความเข้าใจเพียงน้อยนิด น้อยมากมาก .. พอเริ่มอ่านกราวพากย์จะเล่าย้อนไปในตอนจบเรื่อง ก่อนที่ตัวเอกจะเริ่มเล่าเรื่องความเป็นมาในชีวิตตัวเองของตนเองตั้งแต่เป็นนางทาสถูกรังแกดูถูก มีลูกชาย ลูกชายถูกงูกัดตัวเองเสียสติเหมือนคนบ้าตะเวณหาคนมาช่วยลูกชายผ่านสถานการณ์เลวร้ายเหลือประมาณ จนกระทั่งพบเจอพระพุทธองค์ได้เจอทางสว่าง .. เข้าใจในคำสอนเพียงประโยคเดียวของพระบรมศาสดาของเรื่อง พระองค์ท่านตรัสกับนางกีสาโคตรมีว่า .. “ตถาคตรู้วิธีประกอบโอสถชำระพิษงูแต่โอสถนั้นต้องประกอบไปเมล็ดพันธุ์ผักกาดจากหมู่บ้านที่ไม่เคยมีคนตาย ..เธอจงไปแสวงหาเมล็ดพันธุ์ผักกาดที่ว่านั้นมาให้ตถาคตเสียก่อน ..”เสียงพระสมณโคดม ราบเรียบ ไพเราะละมุนละไมยิ่งกว่าเสียงระฆัง เป็นคำปลอบโยนและบัญชาอยู่ในตัวมันเอง ..ในที่สุดนางกีสาก็คิดว่านางหาเจอบุคคลที่ต้องการเสียทีหลังจากเสาะแสวงหาอย่างทุรนทุราย ความสนุกเข้มข้นของนิยายเรื่องนี้อยู่ที่ ...ความไม่รู้ว่า ตัวเอกของเรื่องจะอุ้มลูกที่รักปานชีวิต ผ่านฝ่าอุปสรรคอะไรไปบ้าง? ซึ่งในเรื่องถ้าถามความรู้สึกผมผมว่านางกีโคตรมีมีความอดทนต่อสู้ความเป็นความตายในความเชื่อว่าหนทางข้างหน้าจะต้องมีความหวัง ลูกชายสุดที่รัก(เสมือนตัวแทนเดียวที่จะทำให้ตัวเองหลุดจากความเป็นทาสอันต่ำเตี้ย)นางเหมือนคนบ้า .. นางเหมือนคนไม่มีสติสัมปชัญญะใดใดหลงเหลืออยู่แล้ว ...แต่ละด่านความทุกข์ยากเสมือนบททดสอบชีวิตให้ก้าวเดินไป .. สัตว์ร้ายที่ว่าน่ากลัว.. คนเรานี่แหละที่น่ากลัวกว่า .. สำนวนภาษาที่คนแต่งใช้ในเรื่อง(หนอนบ้านนอกอย่างผม)ขอชูฮกให้กับความวิจิตรและสรรหามาใช้ในนิยายขนาดสั้นเล่มนี้ .. ทั้งมีความไพเราะ สวยงามเหมือนภาพเขียนเสนาะโสตเหมือนดนตรี บางครั้งก็หวานบางครั้งก็เศร้า บางครั้งก็ถั่งโถม บางครั้งก็ราบเรียบ(อ่านไปรู้สึกเหมือนกำลังล่องเรือในมหาสมุทรอันกว้างใหญ่) ใน ๑๕ เล่มที่เข้ารอบซีไรต์ปี ๒๕๕๕ โลกุตระนิยายของแดนอรัญแสงทอง ... เป็นเล่มแรกที่ประทับใจที่สุด ... ขอให้ห้าดาวไปด้วยความเต็มใจ ..อ่านไปอ่านแล้วเชื่อในสิ่งที่คนแต่งสื่อสาร ..ความวิจิตรบรรจงใช้ภาษาไทยอยู่ในระดับดียอดเยี่ยม ภาษาอ่านลื่นไหล ..เหตุการณ์ในท้องเรื่องตื่นเต้นและตระหนก ถูกทดสอบตลอดเวลาขณะอ่าน ..ฝีมือการประพันธ์เข้าขั้นเทพไปแล้วสำหรับพี่แดนอรัญฯ .. นิยายเรื่องนี้เป็นนิยายที่ผมอยากแนะนำให้เพื่อนหนอนไปหามาอ่านดูนอกจากจะได้อรรถรสนิยายแนวพุทธประวัติ สมัยพุทธกาล (แต่เนื้อหาสวิงสวายโลดโผน)คนอ่านยังได้คติสอนใจจากกลุ่มคนหลากวรรณะในเรื่อง ..ผมชอบมากตอนที่นางกีสาพบเจอพระพุทธองค์ .. อ่านตรงนี้ตั้งหลายรอบ .. จินตนาการมโนนึกไปว่าถ้ามีโอกาสได้เข้าเฝ้าพระองค์แบบนั้น.. คงตัวสั่นงันงกทำการสิ่งใดไม่ถูก จะพูดจะจาอะไรคงใบ้บ้าไปเลย 555 ชื่อเรื่องเรื่องนี้ผมว่าพี่แดนอรัญตั้งได้เหมาะสมแล้ว..อย่างที่ผมเคยบอกว่าผลงานที่จะได้รางวัลซีไรต์จะต้องมีคุณสมบัติที่โดดเด่นในเนื้อหาวรรณศิลป์และมีความเป็นศิลปะเจือปนอยู่ค่อนข้างสูง และที่สำคัญความสมจริงในท้องเรื่องต้องทำให้คนอ่าน หัวเราะ .. ร้องไห้ ..ยิ้ม .. อึ้ง .. เสียใจ .. รอคอย .. โล่งอก .. สลับสับเปลี่ยนไปมาแบบนี้จนจบเรื่อง.. เท่านี้ก็หยิบรางวัลไปได้เลย(แต่ถ้าจะให้ดีต้องเพิ่มความเป็นอัตลักษณ์ความเป็นไทยไปข้างในจะดีมากมาก)สำหรับข้อติติงในนิยายเรื่องนี้ .. ไม่มีครับ นิยายเรื่องนี้นอกจากจะสั่นสะเทือนความรู้สึกแล้วก็ขอการันตีอีกว่า ..ห้ามพลาดในการซื้ออ่านด้วยประการทั้งปวง .. อ่านแล้วจะได้ย้อนกลับไปในสมัยพุทธกาลอย่างสมจริงเป็นนิยายที่ลงตัว กำลังดี .. เหมาะสมกับคนรุ่นใหม่ได้อ่านกันทั่วถึง .. เอาเป็นว่าชวนไปหาอ่านนิยายเรื่องสำคัญ(มากมาก)เรื่องเดียวดายใต้ฟ้าคลั่งกันเยอะนะครับผม . ขอบพระคุณมากที่เข้ามาอ่านบล็อกกันเหนียวแน่นกันมา๘ ปีแล้ว .. ขอความดีจงคู่เพื่อนทุกคน สวัสดีวันเสาร์คร้าบ ........................................นายอิส รักในหลวง/เมฆชรา
ลิงค์รีวิวที่น่าสนใจครับ
//daen-aran-saengthong.blogspot.com/2012/02/blog-post_29.html
กับ //mirayebook.exteen.com/20120501/entry
Create Date : 14 กรกฎาคม 2555 | | |
Last Update : 14 กรกฎาคม 2555 23:29:55 น. |
Counter : 5098 Pageviews. |
| |
|
|
|