จินตนาการสำคัญกว่าความรู้
Group Blog
 
All Blogs
 
วันชื่นคืนสุขกับสามวันงานหนังสือโคราช ๕๔




งานสัปดาห์หนังสือโคราช ๑ : วันแรก ๒ ธันวาคม ๒๕๕๔

งานวันแรกเป็นวันที่ ๒ ธันวาคม ซึ่งวันนี้เป็นวันเกิดของผม ตื่นขึ้นมาแต่เช้าก็ออกไปเริ่มต้นทำบุญหลายอย่าง พอตกค่ำก็ออกไปงานหนังสือ อากาศรายรอบตัวยังร้อนจัดอยู่มา เห็นน้องนักเรียนเกือบครึ่งพันกำลังเข้าแถวเตรียมเข้าร่วมกิจกรรม work rally ท่ทางจะร้อนมาก ขนาดว่าผมยังรู้สึกเลยว่าร้อนจนแสบหน้า เดินไปบูธแรกเป็นบูธของฐานบุ๊ค ..ปีนี้เป็นปีแรกที่เข้ามาขายหนังสือที่งานแห่งนี้ ได้หนังสือของเพื่อนมาสามเล่ม คือ รอยรัก รอยนิมิต (นามปากกา คือ มณีมรกต คือ สันติธร วินิจฉัยกุล หรือ นายใหม่ .. เขาได้รับรางวัลที่ ๓ จากเรื่อง ละครฉากสุดท้าย รางวัลสุภัทร สวัสดิกุล ครั้งที่ ๑) ผมหาเล่มนี้มานานมาก หาไม่ได้เพราะขาดตลาดไปนานแล้ว .. เจอโดยบังเอิญก็เลยจัดมาเสียสามเล่ม ชวนคนขายว่าปีหน้าให้มาขายอีกนะเขาบอกว่าโอเค (ถ้าขายได้ในปีนี้นะครับ) เดินเรื่อยมาที่บูธซีเอ็ต เจอน้องๆที่เป็นพนักงานขายรู้จักกัน เลยแซวนิดหน่อยแล้วเดินผ่านไป กระโดดข้ามสระน้ำไปอีกฟากเมื่อเห็นบูธของสถาพรบุ๊คหรือ พิมพ์คำ .. ปีนี้มาแบบจัดเต็ม แต่หนังสือลดไม่มากนัก ๒๐ เปอร์เซ็นต์ ผมไม่ซื้อเพราะร้านเช่ามีให้เลือกอ่านแล้วทุกเล่ม เดินเลยไปหน่อยเจอะเจอร้านหนังสือโฆษิตถามหาพี่คนหนึ่ง แต่เจอน้องคนขายสวยงาม น่ารัก เหลือบตาไปมองในแผงก้เห็นหนังสือน่าสนใจมากมาย แต่ราคายังแพงอยู่ อยากได้หลายชุดมาก อดใจหยิบมาจ่ายเงินเพียงชุดเดียว คือนิยายแปลของแซนด้า บราวน์ เรื่อง mirror face แปลโดยคุณขีดขิน จินดาอนันต์ .. เรื่องนี้ขอบอกว่าเป็นเรื่องแปลทีอ่านว้ำบ่อยที่สุด กอ่านแล้วอ่านอีก ชอบวิธีการดำเนินเรื่องมากที่สุด ตื่นเต้น ลุ้นตัวโก่งเลย .. จ่ายเงินก็เดินเลยไปเจอร้านหนังสือเก่าอีกสองร้าน ไม่ได้อะไร แต่ผ่านร้านรุ่งวัฒณาไม่ได้ ซื้อที่ร้านนี้อีก ๕ เล่ม ได้อัตชีวิตศิลปินทางด้านศิลปะชื่อก้องโลก ๔ ท่าน รวมทั้ง ปิกาศโซ่ด้วย ราคาเล่มล่ะ ๖๐ บาทเท่านั้น อีกเล่มก็น่าสนใจคือ หนังสืออัตชีวประวัติของอากิระ คุโรซาว่า พร้อมรายชือหนังที่เขาสร้างแบบย่อๆ ชอบเล่มนี้จริงๆ (ผมเก็บสะสมงานของเขาได้ส่วนหนึ่ง แต่น้อยมาก)

เลยมาอีกนิดเป็นบูธของ สนพ.มติชน ที่นี่มีหนังสือเยอะมาก มีหลายราคา อย่างหนังสือใหม่กิ๊กเลยลด ๑๕% ถ้าเก่าหน่อยจะลด ๒๐ % มีมุมประหยัดราคาลด ๕๐ % ก็มี ส่วนมุมที่ผมถลาเข้าไปก็คือ หนังสือลดราคาเล่มละ๒๐ บาท ส่วนกะบะสุดท้ายลดราคาเหลือเล่มละ ๕๐ บาท หนังสือทั้งหมดลดราคาตามความนิยม .. ผมมองดูแล้วอยากได้หลายเล่มเหมือนกัน แต่ก็ต้องตัดใจเลือกเฉพาะที่ชอบก่อน เลือกมา ๒ เล่มจากครึ่งราคา คือ บันทึกนกไขลาน ของ มูราคามิ (ที่รอคอย คลาดกันไปคลาดกันมากนานแล้ว)อีกเล่ม คือ พระประวัติของกรมหลวงนราธิปวัติวงศ์ (ราคาเล่มละ ๔๕๐) พอจะจ่ายตังค์พี่คนขายบอกว่าถ้าซื้อครบ ๓๐๐ บาทจะได้จับฉลากกาแล็คซี่แท็ปหนึ่งเครื่อง ผมก้บ้าจี้หามาเพิ่มให้ครบ ๖๐๐ บาท หาอย่างไงก็ไม่ได้ สุดท้ายได้เรื่อง รถเมล์สายสุดท้ายของตองยี ของ อาจารย์สมบูรณ์ วรพงษ์มาอ่าน (เล่มนี้ก็คลาดกันไปคลาดกันมา)

เดินแบกหนังสืออันหนักอึ้งไปข้างหน้าต่อไป ผ่านร้านหนังสือเฟื่องนคร น้องบิ๊ง เรียกให้เข้าไปพักทีร้านบอกว่าพี่บินหลา

สันกาลาคีรี มาแล้วก็ไปแล้ว เราบอกว่าเป็นแบบนี้ทำทีเลยเนอะ หนักของมากเลยฝากหนังสือร้าน้องไว้แล้วเดินช็อปต่อไป เจอร้านเคล็ดไทย เข้าไปถามงานของพ่อครูมาลา คำจันทร์ คนขายบอกว่าไม่ได้เอาหนังสือมาเท่าใด เพราะน้ำท่วมติดหนังสือของสำนักพิมพ์มาน้อยมาก ขาดแต่ของสำนักพิมพ์อื่นอย่าง ฟีฟอร์ม โอเพ่น อะเดย์ อย่างนี้เป็นต้น เลยเดินผ่านไปจนถึงบูธอะเดยื เด็กๆ รุมกันเยอะจนน่าดีใจแทน ผมไม่เด้กแล้ว จึงเดินเลยไปอย่างอายๆ อิอิ พอถึงบูธ บลิส พับบิสซิ่งเจอพี่คนขายใจดีคุยกันเรื่องนิยายให้ฟัง คุยกันนานมาก เมื่อยขาเลยขอฉิ่งออกมา แต่ก็ไม่ลืมที่จะอุดหนุนนิยายแปลมาสามเล่ม หนึ่งในนั้นมีเรื่อง the Friends หรือ เพื่อนรัก ของยูโมโตะ คาซูมิ กับอีกสองเรื่อง คนเขียนคนเดียวกัน คือ รอวันฤดูใบไม้ผลิ กับเรื่อง จดหมายถึงพ่อ ..เรื่องสุดท้ายนี้พี่คนขายการันตีว่าน้ำตาไหลพรากแน่แน่ .. ผมยิ้มอย่างสะใจปนซาดิสถ์ ชอบจริ้งนิยายที่เขย่าต่อมน้ำตาเช่นฉะนี้ เดินจากบูธบลิสมาอย่างน้ำตารื้นดีใจอิ่มใจ

เดินมาได้ครึ่งงานหิวข้าวฉิบเป๋ง แต่ตาก็ยังมองเห็นหนังสือลดราคากองใหญ่เท่าบ้านอยู่ด้านซ้ายมือ มีรึจะหยุดเดินไปร้านอาหาร รีบแทรกคนไปยังที่นั่นทันที เห็นตราสำนักพิมพ์เพื่อนดีอยู่สองเล่มรีบหยิบมากอดไว้ คือ คฤหาสน์กุหลาบดำ ของ ต.อักษรา กับ ตะวันขึ้น ตะวันลา ของ นราวดี อีกเล่มเป็นงานเขียนของพี่ชมัยภร แสงกระจ่างเรื่อง ริ้บบินสีแดง อีกเล่มที่หยิบมาพร้อมจ่ายเงินก็คือ ฝังเธอไว้ที่ปลายฟ้า นิยายแปลงสำนักพิมพ์สันสกฤษ .. ทุกเล่มที่ว่าราคา ๕๐ เล่มทุกเล่ม

เฮ้อ .. หนักกระเป๋าเสียจริงๆ ใกล้ร้านอาหารมีร้านหนังสือของสำนักพิมพ์โอเพ่น .. ผมเดินไปคุยกับพี่คนขาย รู้สึกถูกจริตมากมาก เห็นนิยายแปลเล่มโตของเฮียฮารูกิ มูราคามิ เรื่อง 1984 ทั้งสองเล่ม ราคาเล่มล่ะ ๔๘๕ บาท รวม ๙๗๐ บาท แต่พี่คนขายลดให้เหลือ ๖๘๐ บาท ผมลูบกระเป๋าตังค์อีกครั้ง แล้วกลั้นหายใจยมันไปพร้อมน้ำตาแห่งความพ่ายแพ้ .. หมดดากคราวนี้ไอ้อิสเอ๊ย 555

พอเสียตังค์ไปเยอะก้เริ่มหิวเดินเข้าคิวสั่งอาหารได้มาสองอย่าง คือ ผัดไทยห่อกุ้งกับ สเต็กหมูคาวบอย (คนขายแต่งตัวเป็นคาวบอยทั้งร้าน) หม่ำ หม่ำ จนอิ่มเดินย่อยไปเรื่อยๆ จนถึงร้านหนังสือที่คนมุงเพราะหนังสือลดราคา ๕๐ เปอร์เซ็นต์ กองสูงเท่าภูเขา แหวกๆๆๆๆ คนเข้าไปสำรวจดูก็เห็นว่า ส่วนมากเป็นนิยายที่มีเกือบหมดแล้ว ที่เหลือก้ไม่น่าสนใจมากนักได้หนังสือมาสองเล่มคือ กิ่งฟ้ากับคืนนี้ไม่มีพระจันทร์ ของ สุวรรณี สุคนธา ดีใจมาก เพราะหามานานเหมือนกันครับ .. เลยร้านนี้ก็ถึง สำนักพิมพ์คบไฟ คุยกับพี่คนขายเรื่อง .. หนังสือบางเล่ม แนวฮาร์ดคอร์ยังขายได้ที่งานนี้ (อัศจรรย์มากที่คนโคราชยังมีคนอ่านแนวหนักๆกันพอสมควร) คุยไปคุยมาถึงหนังสือหลายเรื่อง จนมาสรุปจบที่งานแปลของสำนักพิมพ์สมมุติ ผมถอยมาสามเล่มแล้ว คือ รักแรก /บันทึกของคนเสื้อขาว ..

แต่อยากได้ มองกลับ หรือ Looking Forward ของเอ็ดเวิร์ด เบลลามี ผมมองหน้าพี่คนขาย อยากช่วยให้เขาขายหนังสือได้จริงๆ เลยซื้อเล่มนี้มาในราคา ๒๑๐ บาท จาก ๓๐๐ บาทดีใจมากที่พี่กรุณาลดราคาให้ ๓๐ เปอร์เซ็นต์ เย้ เย้ เย้ ประหยัดไปอีกหน่อย .ผ่านสำนักพิมพ์แสงดาวก็รู้สึกเหงาๆเงียบๆ อยากจะช่วยซื้อนิยายของสำนักพิมพ์นี้ แต่ราคาก็แพงมาก ขนาดลด ๒๐ เปอร์เซ็นต์แล้วนะครับ ยังแพงอยู่ มองเห็นนิยายเก่าเอามาพิมพ์ใหม่ๆ หลายเรื่องวางขาย อย่าง ปริศนา /มัจจุราชสีน้ำผึ้ง / เจ้าสาวของอานนท์ / รัตนาวดี /อย่าซื้อฉันด้วยเงิน /บ้านนอกเข้ากรุง/ รักเกิดในตลาดสด และอีกหลายเรื่อง ได้แต่เดินเลยผ่านไปมองตาปริบๆ ด้วยความอยากได้น่ะครับ

บนเวทีมีการเสวนาของคุณตัน อิชิตัน ผมเดินจนเมื่อยขาแล้วจึงหลบเร้นเข้าข้างพุ่มไม้หาพักขาก่อนกลับบ้าน งานหนังสือวันแรกจึงจบด้วยความเหนื่อยอ่อน กระเป๋าฉีก และหอบหนังสือกลับบ้านอย่างสราญใจครับผม

------------------------------------------------

งานสัปดาห์หนังสือโคราช ๒ : ๓ ธันวาคม ๒๕๕๔

วันนี้เป็นอีกวันที่หยุดราชการ นั่งอยู่กับบ้าน ตื่นสายโด่ง แล้วออกไปตามนัดหมายเพื่อนที่ห้างเดอะมอลล์ นครราชสีมา รับประทานกาแฟสตาร์บั๊ค รสชาติใหม่เพิ่งมีในเมนู ก่อนจะกลับบ้านในเวลาค่ำๆ วันนี้ไม่มีแพลนที่จะเดินในงานหนังสือ แต่ได้แค่คิดแวะไปแว่บๆ กะเดินเอาบรรยากาศแค่นั้น พอเดินไปเรื่อยๆก็ได้หนังสือราคา ๒๐ บาทมาสองเล่ม เป็นแนว howto สำหรับผู้เริ่มต้นธุรกิจขนาดเล็ก ท่าทางจะหนักหัวเอาการ เลยเดินผ่านไปที่บูธมติชนเห็นนิ้วกลมกำลังเซ็นต์หนังสือ พร้อมกับกองทัพแฟนคลับจำนวนมหาศาล ถัดมาหน่อยพี่จุ้ย ศุ บุญเลี้ยงกำลังแจกลายเว็นต์พร้อมขายแผ่นซีดีช่วยน้ำท่วมอยู่เช่นกัน

ผมเดินเลียบเลาะไปเรื่อยๆจนถึงบูธโฆษิตก็เห็นเพียงใจที่ผูกพัน ของ พี่ปุ้ย กิ่งฉัตร วางอยู่ในราคา ๒๖๐ บาท จะซื้อหรือไม่ซื้อดีว่ะ (ถามตัวเองอยู่อย่างนั้น จนเดินออกนอกร้าน) เดินเรื่อยเปื่อยจนหิวทานสเต็กหมู ในราคา ๕๘ บาท ร้านเดิมอีกครั้งเพราะติดใจ เดินวกกลับมาเห็นว่าพ่หนุ่มเมืองจันทร์กับพี่ธนา เธียรอัจฉริยะกำลังถกเสวนากันอย่างเข้มข้น เลยแวะนั่งพักขา (คนฟังน้อยมาก) พี่หนุ่มเมืองจันท์ หรือ พี่ตุ้มก็รู้จักพี่มาแล้วเมื่อครั้ง happy book day ที่เดอะมอลล์ โคราชจัดเมื่อสิบว่าปีที่แล้วครั้งนั้น ปราบดาหยุ่น พี่ภิญโญ ไตรสุธรรมมา พี่ชาติ กอบจิตติก็มาในงานนั้น เมื่อคืนพูดคุยกับพี่หนุ่มฯถึงประเด็นงานหนังสือได้ความว่า งานหนังสือโคราชเป็นงานปราบเซียนมานานแล้ว ครั้งนี้ถือว่าประสบความสำเร็จระดับน่าพอใจ ..

พี่ตุ้มน่ารัก อารมณ์ดี สมกับเป็นนักเขียนยอดนิยมจากค่ายมติชน จากคอลัมน์ฟาดฟู๊ดธุรกิจอันโด่งดัง ประเด็นที่พี่ธนาพูดถึงเป็นเรื่องราของการต่อสู้ในสายธุรกิจ ก่ว่าจะมาเป็นเขาในทุกวันนี้ เส้นทางสายอดทนเริ่มต้นมายาวนาน ผมฟังไปก็อึ้งไป ได้อะไรกลับมาในชีวิตเยอะแยะมากมาย ฟังจบไปอย่างไม่คิดว่าเวลาที่ผ่านไปจะเร็วถึงเพียงนี้ พอฟังจบพี่จุ้ย นิ้วกลมกับพี่กล้า วงบาสเก็ตแบรนด์เสวนาต่อ ก็สนุกเข้มข้นได้ใจวัยรุ่นเช่นเดียวกัน ..

ผมเดินกลับบ้านด้วยหัวใจพองโต วันนี้ดีจังเลย คิดว่าเป็นวันดีอีกวันน่ะเนี่ย อิอิ
-----------------------------------------------------

งานสัปดาห์หนังสือโคราช ๓ : ๔ ธันวาคม ๒๕๕๔


วันนี้เป็นวันซักผ้าแห่งชาติ ทุระเสร็จก็ออกออกจากบ้านไปตลาด ซื้อตับปิ้งให้มาริโอ้(ชื่อหมาของผม)ก่อนจะนั่เอาหนังสือเขียนนิยายส่งสกุลไทยต่อไปจนค่ำ ขับมอเตอร์ไซค์คันเก่า ควบปุเลงๆ ไปงานสัปดาห์หนังสือที่เรารักอีกวัน .. วันนี้คนเยอะมาก (อาจจะเป็นวันหยุดยาว) รีบไปบูธแรกที่คิดไว้ ตั้งใจจะไปหยิบวิมานมะพร้าว ฉบับ สนพ.ดอกหญ้า แต่ก็ต้องเศร้าใจเพราะหนังสือได้หายไปแล้ว แอบโวยกับเจ้าของร้านนิดหน่อยว่า ใคร ใคร ใคร คนไหนเอาหนังสือผมไป แงๆๆๆๆ แต่ก็ปลงไปในทันที สอนตัวเองไว้ว่า ถ้าหากเห็นหนังสืออะไรที่คิดว่าหายากก็รีบแฮปเหอะ ไม่งั้นจะเสียใจเช่นฉะนี้ อิอิ

ผ่านบูธไพลิน เห็นหนังสือน่าสนใจหลายเล่มเลยหยิบมาแค่ที่คิดว่าชอบจริงๆ ได้รวมเรื่องสั้นของ อนุสรณ์ มาลาสา ชื่อเรื่อง เหมือนพายุกำลังจะมา .. วิธีการเลือกหนังสือเล่มนี้ไม่มีอะไรมาก แค่เห็นว่าเรื่องสั้นแต่ละเรื่องได้รับรางวัลจากสถาบันต่างๆเพรียบ (เราอยากจะเก่งแบบเขาจัง) อีกอย่างคือเป็นเรื่องของ ภาคใต้ .. อะไรประมาณนั้นครับ

อีกเล่มคือ ร่มเรือนกาแล ผลงานเขียนของพ่อครูมาลา คำจันทร์ (อันเป็นบุคคลที่ผมเคารพยิ่ง) ความจริงเล่มนี้มีแล้วหนึ่งเล่ม อยากจะให้ใครสักคนที่เห็นค่าหนังสือเล่มนี้ (ในสักวัน) ผมชอบเพราะมีความเป้นอัตลักษณ์ท้องถิ่นสูง ใครจะเขียนเรื่องเหล่านี้ได้ต้องเชี่ยวชาญ พบเห็นมามากเป้นพิเศษ พ่อครูมาลา คำจันทร์ คือ สุดยอดด้านนี้แล้ว.. เดินจากมาจนถึงบูธโอเพ่นบุ๊คอีกครั้ง ได้หนังสือลดราคา ๑๕๑ ซิเนม่าจาก ๓๕๐ เหลือ ๑๐๐ บาท เล่มนี้อยากได้มากนานแล้ว แต่ราคาแพงมากไม่กล้าแตะ หนังสือเก่าตามสภาพ แต่ผมไม่เน้นสวยงาม แค่อยากอ่านเนื้อหาข้างในมากกว่าน่ะครับ อีกเล่มก็คือ กลวิธีเขียนนวนิยายให้ขายดีของฮูรากิ มูราคามิ โดยปราย พันแสง ..คนขายเห็นน้ำหน้า รากหญ้าหน้าตาดี (ฮิ้วๆๆๆๆๆ)อย่างนี้ เอ้าลดราคาให้เยอะๆเลย ผมก็แฮปปี้น่ะสิครับ


เดินมาจนถึงบูธที่ต้องการสอย .. สร้อยสลับสี กับ ดอกไม้ในป่าแดด ของ สุวรรณี สุคนธา มาอีกสองเล่มด้วยความบันเทิงใจ ดีใจมากได้เกือบครบผลงานของอาจารย์สุวรรณีแล้วครับ (งานเขียนอย่างจันทร์ไร้แสง / มายา ค่อนข้างหายากสักนิด)เดินเรื่อยมาจนถึงลานเสวนา ยืนฟังพระมหาสมปอง .. ตอนแรกก็ไม่คิดจะฟังพอเห็นคนเยอะเลยแหวกเข้าไปดู ฟังไปก็หัวเราะน้ำหูน้ำตาไหล ประทับใจในมุขตลกของพระอาจารย์มากมาก ปฏิภาณ ไหวพริบ นั้นสุดยอดของสุดยอด ยกนิ้วให้เลย

ท่านมหาสมปองบอกอยู่ตอนหนึ่งว่า คนไทยอ่านหนังสือแค่ ๙ บรรทัด (น่าอนาถใจเสียจริง) ท่านบอกอีกว่ามุขตลกหรือเรื่องราวทั้งหมดที่พูดเสวนาธรรม ส่วนมาก ๘๐ เปอร์เซ็นต์เอามาจากหนังสือทั้งนั้น แล้วท่านยังแนะนำอีกว่าท่านเป็นคนโคราชแต่กำเนิด บ้านอยู่อำเภอชุมพวง แต่ไปโตชัยภูมิ แม่อยู่ศรีสะเกษ แต่ไปได้ดีที่กรุงเทพฯ เฮ้อ .. ชีวิตคนเราช่างวกวนสับสนจริงๆ ตอนท้ายพระอาจารย์ฯ พูดถึงพระราชอารมณ์ขันของในหลวง .. ผมหัวเราะจนน้ำตาไหล ก่อนที่สุดท้ายน้ำตาไหลอีกรอบ เมื่อพะมหาสมปองท่านพูดถึงพระคุณพ่อ พระคุณแม่. พร้อมเสียงอ่านกลอนกาพย์ของอาจารย์ชินกร ไกรลาส .. โห สุดยอดซึ้งมากมาก

การเสวนาจึงจบด้วยความประทับใจยิ่งนัก ผมเดินไปบูธมติชนที่อยู่ใกล้ๆ อยากได้อีกหลายเล่ม แต่ก็อดใจไว้ บอกตัวเองว่ามาม่ากำลังถามหาอยู่ อิอิ เสียงดนตรีดังขึ้นอีกครั้ง วงดนตรีที่ผมรอคอยกำลังแสดง วง basketband กำลังเล่นอยู่ ผมนั่งฟังพร้อมคนฟัประมาณครึ่งร้อย บรรยากาศเป็นไปด้ยความสนุกสนานมากๆๆๆ ชอบพี่กล้า พี่ ..... และพี่โบ๊ต (หล่อมากสาวๆๆกรี๊ดเวทีแทบแตก) และแล้วเพลงโปรดของผมก็ถูกเล่น ... เพลง ครึ่งของหัวใจ ....

ผมนั่งฟังไป สายลมหนาวพัดกรูมา เพลงก็แสนเพราะจับใจ คิดถึง คิดถึง ..... จัง

ดนตรีแสดงจบลง พร้อมเสียงปรบมือในเวลาห้าทุ่มครึ่ง ... ผมปรบมือยาวนาน ขอบคุณงานสัปดาห์หนังสือโคราช ๕๔ ขอบคุณท่านนายกสุรวุฒิ เชิดชัย ชอบคุณพระมหาสมปอง ขอบคุณวง BasketBand ขอบคุณที่ทำให้ผมมีความสุขอีกวันนะครับ
-----------------------------------------

ปล. งานยังเหลือวีนนี้อีกวัน ใครอยู่แถวนี้รีบด่วนเลยมาให้ได้ วันนี้พี่คำ ผกา จะมาระเบิดเวทีครับ ้รียนเชิญคร้าบ





Create Date : 05 ธันวาคม 2554
Last Update : 5 ธันวาคม 2554 16:40:31 น. 4 comments
Counter : 1888 Pageviews.

 
ว้าวๆๆ อิจฉาจังค่ะ ได้ไปเกือบครบทุกวันเลยอ่ะ
ตั๊กแตนก็ไปแต่ว่าอยู่ดึกมากไม่ได้ ห้าๆๆ ไม่คุ้นทาง
(เพราะเพิ่งมาอยู่โคราชได้ไม่นาน แถมไม่ได้อยู่ในเมืองค่ะ)
พลาดงานบนเวทีไปเยอะเหมือนกัน ไม่สิ ไม่ได้ฟังเลยสักวัน TT
ขอบคุณที่เล่าบรรยากาศให้ฟังนะค่ะ


โดย: Nepster วันที่: 5 ธันวาคม 2554 เวลา:17:49:16 น.  

 
บรรยายเห็นภาพเลยครับคุณเมฆชรา
มีร่มเรือนกาแล ของครูมาลา เหมือนกันครับ ส่วนของคุณสุวรรณีมีโอกาสอ่านไม่กี่เล่มเองครับ ที่แน่ๆก็สวนสัตว์ สร้อยแสงแดง แล้วก็วันวารครับ ยังไง รออ่านรีวิวงานเขียนของท่านด้วยคนนะครับ


โดย: สามปอยหลวง วันที่: 5 ธันวาคม 2554 เวลา:19:38:04 น.  

 


โดย: เมฆชรา วันที่: 14 ธันวาคม 2554 เวลา:11:22:43 น.  

 
ว้าว!!!


โดย: วฤนดพร IP: 101.108.8.60 วันที่: 8 กุมภาพันธ์ 2555 เวลา:18:06:44 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

เมฆชรา
Location :
นครราชสีมา Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 22 คน [?]




เข้าสู่ปีที่ 8
Friends' blogs
[Add เมฆชรา's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.