|
|||
ข้าวเปล่าหนึ่งถ้วย
อ่านทีไรน้ำตาซึม ทุกครั้ง จึงขอแชร์ ให้ท่านคับ เรื่องราวดีๆ..เกี่ยวกับการให้ ที่หลายคนคงเคยอ่านมาบ้างแล้ว..แต่อยากนำมาเล่าใหม่..สำหรับคนที่ยังไม่เคยอ่าน ขอบคุณความยากจน ความเพียร ความมุ่งมัน ความชัดเจน และจริงใจ ค่ำวันหนึ่งเมื่อ20ปีที่แล้ว มีเด็กหนุ่มคนหนึ่งท่าทางเหมือนนักศึกษากำลังลังเลอยู่หน้าร้านบุฟเฟต์แห่งหนึ่ง เมื่อลูกค้าส่วนมากออกจากร้านแล้ว เขาจึงเดินเข้าร้านมาด้วยอาการเขินอาย เมื่อเถ้าแก่ได้ยิน ก็เดาออกว่า เด็กหนุ่มคนนี้คงมาจากต่างจังหวัดในเขตภาคใต้เป็นแน่ ฐานะที่บ้านคงไม่สู้จะดีนัก เขาคงมาเรียนที่ไทเปคนเดียว และคงจะทำงานและก็เรียนไปด้วย ดูก็รู้ว่าเด็กคนนี้คงจะลำบากอยู่ไม่น้อย เมื่อภรรยาของเขาเห็นดังนั้น ก็เข้าใจในสิ่งที่สามีกำลังทำว่าต้องการช่วยเหลือเด็กหนุ่มคนนี้ แต่ไม่เข้าใจว่าทำไมไม่ราดโร่วจ้าวไว้บนข้าว จะใส่ไว้ใต้ข้าวทำไม? จากนั้นเป็นต้นมา นอกจากว่าเป็นช่วงปิดเทอม พลบค่ำของทุกวัน เด็กหนุ่มก็จะมากินข้าวที่ร้าน เขาสั่งข้าวเปล่าหนึ่งถ้วยและข้าวเปล่าหนึ่งกล่องเอากลับบ้าน และใต้กล่องข้าวก็จะมีอาหารที่แตกต่างกันไปในแต่ละวัน จนเด็กหนุ่มเรียนจบปริญญาตรี ผ่านมา20ปีแล้ว ที่ร้านบุฟเฟต์แห่งนี้ไม่ได้ต้อนรับลูกค้าคนพิเศษคนนี้อีกเลย อยู่ๆ ทางการก็ส่งจดหมายมาบอกว่าจะทำการเวนคืนที่และร้านของเขาก็เป็นหนึ่งในนั้น สองสามีภรรยาอายุใกล้จะ50ปี เมื่อรู้ข่าวนี้ต่างก็กลัดกลุ้มใจ ชีวิตต่อไปข้างหน้าจะทำอย่างไร เงินทองที่จะได้จากทางการก็ไม่เพียงพอกับการจัดซื้อบ้านที่มีทำเลดีอย่างนี้ได้อีก แล้วลูกๆที่กำลังเรียนอยู่จะหาค่าเทอมมาจากไหน? ต่างก็กอดกันร้องไห้ไม่รู้จะจัดการกับชีวิตอย่างไรดี เช้าวันหนึ่ง ชายคนหนึ่งแต่งกายภูมิฐานเข้ามาหาสองสามีภรรยา ผู้จัดการใหญ่ของบริษัทเป็นใครกัน? ทำไมเขาถึงดีกับเราอย่างนี้? เราไม่เคยรู้จักผู้หลักผู้ใหญ่ในสังคมเลยสักคนเดียว? สองสามีภรรยาต่างทำหน้างงๆ เมื่อเดินทางไปถึงบริษัท สองสามีภรรยาจึงรู้ว่า ผู้จัดการใหญ่ของบริษัทนี้ก็คือเด็กหนุ่มที่มากินข้าวเปล่ายามพลบค่ำทุกวันนั่นเอง หลังจากจบมหาวิทยาลัย เขาก็มุมานะสร้างเนื้อสร้างตัวจนสามารถเปิดบริษัทแห่งนี้ได้ เขาสำนึกบุญคุณข้าวเปล่าที่สองสามีภรรยาให้เขากินตลอดเวลาที่เรียนมหาวิทยาลัย หากไม่มีสองสามีภรรยาช่วยเหลือเขาในตอนนั้น เขาคงลำบากและไม่สามารถเรียนจนจบได้ ความรักที่ให้ออกไป ความรักก็จะย้อนกลับคืนมา ความสุขที่ให้ออกไป ความสุขก็จะย้อนกลับคืนมา คิดเผื่อคนอื่น ย่อมจะต้องมีคนคิดถึงคุณ นี่คือเหตุและผล นี่คือกฏเกณฑ์ เมื่อท่านอ่านบทความนี้จบ ท่านมี2ทางเลือก 1. ท่านเผยแพร่ออกไปเต็มความสามารถ ทำให้โลกนี้มีความรักเพิ่มขึ้น การแบ่งปันเล็กๆของท่าน อาจสามารถส่องสว่างให้แก่ชีวิตคนมากมาย คนมีความฝันจึงทำให้ยิ่งใหญ่ การกระทำยิ่งทำให้ประสบความสำเร็จ การเรียนรู้ของท่านทำให้ท่านเปลี่ยนแปลง ขอให้ท่านกระจายความรักของท่านจะช่วยให้คนส่วนมากเติบใหญ่ขึ้น ขอขอบคุณ คุณนุสนธิ์บุคส์ สร้างตัวตนบนอินเตอร์เน็ต
เพราะสื่อเดี๋ยวนี้เข้าใจง่าย และใกล้ตัว สามารถเข้าถึงผู้คนได้รวดเร็ว ธุรกิจสมัยใหม่จึงให้ความสำคัญกับสื่อเป็นอันดับต้นๆ สมัยก่อน สื่อคือเครื่องมือการโฆษณา ประชาสัมพันธ์ สำหรับสินค้า แต่ปัจจุบันสื่อเป็นเครื่องมือประชาสัมพันธ์ หน่วยงาน องค์กร และ ตัวตนของบุคคลทั่วไป การจะให้ใครรู้จักเรา จำเป็นต้องประชาสัมพันธ์ เพราะไม่เช่นนั้น จะกลายเป็นคนตกขอบ ทำอะไร ที่ไหน ทำไม อย่างไร ทำไปแล้วเหมือนสูญเปล่า แม้จะบอกว่าทำไปไม่ได้หวังอะไรก็ตาม สื่ออินเตอร์เน็ตเป็นช่องทางของการเรียนรู้และแบ่งปัน ที่ทุกคนสามารถเข้าถึงได้ ผู้ที่ เข้าถึงอินเตอร์เน็ต จะสามารถเข้าถึงแหล่งความรู้ต่างๆ ได้ง่าย ทันต่อเหตุการณ์ ในทางกลับกัน ผู้เข้าถึงอินเตอร์เน็ต สมควรเป็นผู้ให้ ที่สร้างประโยชน์ต่อสังคมด้วย การสร้างตัวตนบนอินเตอร์เน็ต ให้ประโยชน์อะไรต่อตัวเราและสังคม อย่างไรบ้าง
จะรู้ได้อย่างไร ว่าเรามีตัวตนบนอินเตอร์เน็ต ?
ตัวอย่าง การค้นหา สูงวัยใจอาสา
เครือข่ายสูงวัยใจอาสา อยากให้ผู้มีจิตอาสาทำงานเพื่อสังคม บุคคลต้นแบบ ภูมิปัญญาผู้สูงอายุ และชุมชนอื่นๆ ที่มีของดี ได้มีโอกาสประชาสัมพันธ์ตัวเอง ให้เป็นที่รู้จักในวงกว้าง เป็นที่ยอมรับในสังคม และประสบความสำเร็จ เช่นเดียวกับพวกเรา สนใจรายละเอียดการสร้างตัวตนบนอินเตอร์เน็ต เพื่อประชาสัมพันธ์กิจกรรมกลุ่ม และผลิตภัณฑ์ชุมชน ติดต่อ กลุ่มสูงวัยใจอาสา โทร. 089 4482 809 เยี่ยมชมกิจกรรม และการแสดงผลงานของสมาชิกในเครือข่าย 7 อำเภอ ของจังหวัดปทุมธานี ที่บ้านธรรมชาติบำบัด โทร. 087 4514 214 ได้ทุกวันครับ พิสุทธิ์ สมประสงค์ ประชาธิปไตยชุมชน
ณ. ศูนย์ประสานงานสภาพัฒนาการเมืองจังหวัดปทุมธานี เมื่อวันที่ 21 มกราคม 2559 หัวข้อหารประชุมประกอบด้วย
การจัดตั้งศูนย์ส่งเสริมพัฒนาประชาธิปไตยตำบล (ศส.ปชต.) จังหวัดปทุมธานี จัดตั้งแล้ว 7 แห่ง ประกอบด้วย
กำลังจะจัดตั้ง จำนวน 9 แห่ง ประกอบด้วย
ที่เหลือยังไม่ได้จัดตั้ง จำนวน 44 แห่ง จะตั้งให้ครบทั้งหมด ในปี 2559 นี้ คณะทำงานกลุ่มสูงวัยใจอาสา ยินดีต้อนรับผู้ใหญ่ พินิจ ผุดผ่อง เข้าร่วมเป็นเครือข่ายส่งเสริมและพัฒนาศักยภาพผู้สูงอายุ อำเภอสามโคก ซึ่งมี ครูบุญรุ้ง พันสาย ประธานศูนย์การเรียนรู้ธนาคารขยะชุมชน ตำบลบางโพธิ์เหนือ แกนนำกลุ่มสามโคก ให้การประสานงาน
แก่-จน-เป็นหนี้
. ลองมาดูเทรนด์คนไทยปี 2559 ที่ คนางค์ ดวงมณี Head Research ศูนย์วิจัยกสิกรไทย ให้คำจำกัดความสั้นๆ ว่า แก่-จน-เป็นหนี้ ความจริงที่หนีไม่พ้น คือการที่พลเมืองไทยเข้าสู่ภาวะที่ แก่ขึ้น จนลง และเป็นหนี้มากขึ้น ตอนนี้ประเทศไทยเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุไปเรียบร้อยแล้ว เมื่อ 10% ของประชากรไทย อายุเกิน 60 ปี และไทยจะเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุอย่างสมบูรณ์ (Aged Society) ภายใน 10 ปี ข้างหน้า สถานการณ์ที่เกิดขึ้น เป็นผลจากคนไทยนิยมมีลูกน้อยลง คนส่วนหนึ่งมีลูกยากขึ้น คนแต่งงานน้อยลง มีแนวโน้มอยู่คนเดียวและพึ่งตนเองมากขึ้น ขณะ 1 ใน 3 ของผู้สูงวัย อยู่ต่ำกว่าเส้นความยากจน และต้องได้รับความช่วยเหลือ ไม่เท่านั้นยังมีแนวโน้มที่คนแก่ต้องทำงานเลี้ยงตัวเองมากขึ้นด้วย เพราะไม่ได้เตรียมความพร้อม ไม่ได้มีการสำรองเงินไว้ใช้ชีวิตหลังเกษียณ ระหว่างทางของการที่ยังต้องทำงานเลี้ยงดูตัวเอง ซึ่งประสิทธิภาพการทำงานก็คงสู้วัยแรงงานที่ยังฟิตปั๋งไม่ได้ ทว่าผู้สูงวัยยังต้องเสี่ยงกับการเป็น โรคร้าย โดยพบว่า.. ผู้สูงวัย 53% เป็น 1 ใน 15 โรคฮิต อาทิ มะเร็ง ความดัน โรคหัวใจ ฯลฯ ฉะนั้นเราจะไม่ได้แค่แก่ แต่ยังมีโรคเป็นของตัวเองอีกด้วย (ที่มา : มูลนิธิสถาบันวิจัยและพัฒนาผู้สูงอายุไทยและสำนักงานสถิติแห่งชาติ)
สิ่งที่เราอยากเห็นคือ คนแก่ที่เตรียมตัว แม้หยุดทำงาน แต่ก็ยังมีรายได้เข้ามาอย่างต่อเนื่อง สามารถพึ่งพา Passive Income (เงินที่สร้างดอกผลให้เขาได้ใช้) ซึ่งคำว่า เตรียมตัวนี้ ไม่ใช่แค่ เก็บเงินไว้ใช้ แต่คือการเก็บเงินไว้ดูแลตัวเอง เพื่อให้เขายังมีคุณภาพชีวิตที่ดีเหมือนก่อนเกษียณ แล้วต้องมีเงินสักเท่าไร ถึงจะเพียงพอต่อชีวิตหลังเกษียณ พวกเขาบอกว่า ถ้าจะใช้ชีวิตไปจนอายุ 85 แบบแฮปปี้ ในวันที่อายุครบ 60 ปี เราต้องมีเงินอย่างน้อย 8 ล้านบาท บวกกับโรคร้าย อีกโรคละ 1 ล้าน ง่ายๆ 8 ล้านเอาไว้ใช้ ส่วนอีก 1 ล้าน เอาไว้รักษาตัว คนทั่วไปจะอยู่กินปกติได้ต้องใช้เงินประมาณ 1.5 หมื่นบาทต่อเดือน ถ้าคุณอายุ 60 ปี อยู่ต่อไปอีก 20 ปี เราคำนวณให้แล้วว่า ต้องมีอย่างน้อย 8 ล้านบาท แล้วโดยสถิติ ผู้สูงอายุ จะมีโรคร้ายแรงอย่างน้อย 1 โรค ก็ตีไปโรคละ 1 ล้านบาท ก็ 9 ล้าน แต่ 9 ล้าน ในวันนี้ อาจหมายถึง 12 ล้าน หรือ 15 ล้าน ในตอนที่ท่านเกษียณก็ได้ ฉะนั้นต้องรีบจัดการเรื่องนี้เสียแต่วันนี้ โดยต้องเร่งสะสมเงิน และออมทันที เจอเทรนด์ แก่ ว่าเจ็บแล้ว มาซ้ำเติมด้วยคำว่า จน ให้จุกอกหนักเข้าไปอีก คำว่า จนที่จะเกิดขึ้นในปีลิงวอก เป็นผลมาจากการวิจัยที่พบว่า เกือบ 80% ของผู้จบการศึกษาใหม่ในแต่ละปีอยู่ในสาขาที่ แรงงานล้นตลาด พอแรงงานไม่ตรงกับความต้องการของตลาดงาน เด็กจบใหม่เลย หางานยากขึ้น ทำงานไม่ตรงกับสายที่เรียน และอาจต้องยอมแลกกับเงินเดือนที่น้อยลงไปด้วย นี่คือที่มาของคำว่า จน ที่พวกเขาได้กล่าวไว้ พอเริ่มต้นที่เงินเดือนต่ำๆ มันก็เป็นที่มาของคำว่า จน เงินน้อย แล้วยังทำงานไม่ตรงสายอีก ทางแก้ที่ดีที่สุดคือต้องแนะนำให้ลูกหลานเรียนตรงสาขาที่ตลาดต้องการมากขึ้น อย่างพวก คอมพิวเตอร์ สถาปัตยกรรม วิศวกรรม ฯลฯ ที่ยังผลิตออกมาไม่เพียงพอ แต่บางสายอย่าง สังคมศาสตร์ บริหารธุรกิจ ฯลฯ พวกนี้ผลิตมาจนล้น แก่ จน ไม่พอ ต้อง เป็นหนี้ ด้วย ถึงจะครบสูตร เทรนด์คนไทยในปีวอก โดยศูนย์วิจัยกสิกรไทยบอกว่า ในปีหน้ามีแนวโน้มที่ หนี้ครัวเรือน จะปรับตัวสูงขึ้น ตัวเลขหนี้ครัวเรือนของไทยเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยอยู่ที่ประมาณ 80% ต้นๆ ของจีดีพี เรียกว่า อยู่ในระดับที่ค่อนข้างสูง ซึ่งหนี้เยอะหมายความว่า กำลังซื้อในอนาคตจะจำกัดลง เนื่องจากคนจะเหลือเงินใช้จ่ายน้อยลง เพราะต้องเอาไปใช้หนี้ ความทรงจำดีดี
ปฎิวัติความจำเสื่อม ในหนังสือ โอ-ลั่นลา ฉบับที่ ๓ มีคอลัมน์เล็กๆ ท้ายๆ เล่ม ได้พูดถึงการปฏิวัติความจำเสื่อม ด้วยการออกมาท่องเที่ยว โดยคุณหมอบอกว่า ธรรมชาติรอบตัวและกิจกรรมแสนสนุกคือยารักษาโรคความจำเสื่อมชั้นเลิศ แต่ใครมีพ่อแม่ป่วยเป็นโรคนี้คงตะขิดตะขวงใจ ไม่กล้าปล่อยพ่อแม่ไปไกลเกินกว่าประตูบ้าน หากตัดขาดจากโลกวันแล้ววันเล่า พอรู้ตัวอีกทีอาจไม่ใช่แค่ความจำ แต่ร่างกายและจิตใจจะค่อยๆ เสื่อมตาม เมื่อเด็กๆ มีแหล่งเที่ยวสวนสนุกมากมาย ทำไมผู้สูงอายุจะมีบ้างไม่ได้ เมือง Cornwell ทางตอนใต้ของอังกฤษได้ผุดโปรเจ็กต์ สร้าง Creative & Space สำหรับผู้ป่วยโรคความจำเสื่อมโดยเฉพาะ โดยชักชวนผู้ป่วยมาร่วมทริปสีเขียวเน้นตะลอนเที่ยวธรรมชาติ เช่น ไปเดินเล่นสวนสาธารณะ ร่วมก๊วนตกปลา จริงจังหน่อยก็แคมปิ้ง โดยคนเตรียมทริปก็คือเพื่อนในก๊วนนั่นแหละ ใครเก่งเรื่องไหน ชอบทำอะไรก็มาร่วมแชร์ แม่บ้านที่มีฝีมือทำอาหารก็คอยดูแลปากท้องเพื่อนร่วมทริป โดยกิจกรรมเหล่านี้มีอาสาสมัครคอยดูแลรับ-ส่งตลอดการเดินทาง การแฝงตัวอยู่กับธรรมชาติกระตุ้นให้สมองส่วนสร้างสรรค์ถูกทำงาน และเมื่อต้องคิดแก้ปัญหา รับผิดชอบหน้าที่ แบ่งปันทักษะความชำนาญกับคนอื่น ยิ่งทำให้ผู้สูงอายุรู้สึกมีคุณค่า มีชีวิตชีวาขึ้นมา และเรียกความมั่นใจให้กลับคืนมา
ในบ้านเรา มีกิจกรรมแบบไทยๆ สำหรับผู้สูงอายุที่ยังช่วยเหลือตัวเองได้ คือการได้ไปวัดทำบุญตักบาตร ฟังเทศน์ฟังธรรม แล้วล้อมวงกินข้าวร่วมกัน พูดคุย ถามไถ่ทุกข์สุข เล่าเรื่องราวแต่หนหลัง เป็นการกระตุ้นความทรงจำ ในสังคมเมืองที่ต่างคนต่างอยู่ กิจกรรมเหล่านี้มีน้อยลง จะมีก็แต่เทศกาลใหญ่ๆ นานๆ ครั้ง ที่สมาชิกในบ้านจะพร้อมหน้าพร้อมตาได้ทำกิจกรรมร่วมกัน กลุ่มสูงวัยใจอาสา ให้ความสำคัญผู้สูงอายุในการมีส่วนร่วมกับกิจกรรมของชุมชน เช่น การชวนผู้สูงอายุ ออกมาทำสวนครัวชุมชนร่วมกับลูกหลาน การสอนงานประดิษฐ์ให้กับเด็กๆ และผู้สนใจ การจัดวันเกิดสมาชิกที่สนามของชุมชน และการจัดทัวร์ย่อยในกลุ่มสมาชิก สำหรับทริปปฎิวัติความจำเสื่อม ยังคงอีกนาน แต่จะมีทริปสร้างประสบการณ์ และความทรงจำดีดี เป็นทัวร์หาความรู้เพื่อการใช้ชีวิตแบบพอเพียง กับการทำเกษตรครัวเรือน การถ่ายทอดอาชีพ เพื่อให้ทุกคนนำมาส่งเสริมเป็นกิจกรรมร่วมในชุมชน ออกมาสร้างความทรงจำดีดีร่วมกัน เพื่อป้องกันสมองเสื่อม กับพวกเรานะครับ ลุงแดง ใจอาสา |
idea4thai
Rss Feed Smember ผู้ติดตามบล็อก : 41 คน [?] ความคิดสร้างสรรค์ เพื่อเยาวชนและชุมชมไทย Group Blog All Blog Friends Blog
Link |
||
Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved. |