นาน นาน ที บล๊อก - ยินดีที่ผ่านมาพบนะ ปล.ช่วงนี้ หนี้เยอะ งดเที่ยว พักหนังสือ มารับจ้างทำงานก่อนนนนน
space
space
space
space

จิ๊บเผชิญโลก-3/8ชาติพันธุ์ที่แตกต่าง

เช้านี้อากาศเย็นสบาย ข้าพเจ้าตื่นเช้ากว่าปกติด้วยเสียง “จิ๊บๆ จิ๊บๆ” ของกระจอกกำพร้า หลังผ่านคืนแห้งแล้งยาวนาน เสียงร้องแหบแห้งลง คล้ายเสียงกระซิบแผ่วไกล โอกาสในโลกใบใหญ่ที่มันจะได้โผบิน...จะหยุดลงในวันนี้แล้วหรืออย่างไร ข้าวสวยจับตัวแข็งคมเกาะอยู่ก้นถ้วยตั้งแต่เมื่อคืน ข้าพเจ้ารีบส่งกล้วยน้ำว้าที่ได้มาจากคุณยายเข้าปากเล็กจ้อย มันคว้าไว้เร็วรี่ คำแล้วคำเล่า จนกว่าจะเป็นที่พอใจและเงียบเสียงลง นานๆ ครั้งเสียงเล็กจ้อยก็แผดมา เป็นระยะ แทรกตัวอยู่ในสายลมเย็นจากข้างหน้าต่าง

 

 

แดดส่องเข้ามาจากข้างบ้านมองเห็นลำแสงจางๆ ต้องใบเรียวของคาลีเบีย และปลายปีกละมุนของกระจิบน้อยตัวหนึ่ง ขาเล็กเกาะเกี่ยวก้าน เอียงคอไปมา เสาะหาและฉงน เสียงกระซิบแผ่วเบาของลูกนกน้อยถูกค้นพบแล้วอีกครา ข้าพเจ้าตัดสินใจในชั่วหลายพริบตา หวังความเมตตาปรานีจากขนปีก ปลายหาง และจะงอยปากของกระจิบน้อยตัวนี้ มันคงจะฟูมฟักนกกำพร้าได้ดีกว่าข้าพเจ้า ถึง แม้ว่าการยอมปล่อยถ้วยรางวัลในมือให้ กับผู้ครอบครองอื่นที่ถูกต้องกว่า(นิดหน่อย) หลังจากได้ลิ้มลองสิทธิ์แห่งการเป็นเจ้าของแม้เพียงชั่วยาม จะยังผลให้เกิดความหวงแหน อิจฉาริษยา อีกทั้งความกังขาในสัตว์ต่างภาษา เจ้านกกระจิบมันเฝ้าค้นหาเพื่อทำลาย หรือเพื่อเลี้ยงดูให้เติบใหญ่ มันจะจิกตีสายพันธุ์ที่แตกต่าง มันจะขับไล่หรือเข้าทำลายผู้ที่ยังอ่อนเยาว์ อย่างไรเสียก็คงต้องลองเสี่ยงดู เหมือนที่เคยได้ยินมา “ถ้าไม่ลอง แล้วจะรู้ได้ยังไง” ก็แน่ละสิ ลองด้วยชีวิตอื่นมันง่ายกว่าลองด้วยชีวิตตัวเองนี่

 

 

ข้าพเจ้าหิ้วกระเช้าเจ้านกน้อยออกจากบ้านไปหาที่แขวนบนลำต้นไม้เก่าผุผัง รายล้อมด้วยกิ่งก้านคาลีเบีย สถานที่ที่มันตกลงมา แอบดูมันจากมุ้งลวดข้างหน้าต่าง ด้วยหวังใจว่าธรรมชาติย่อมรักษาธรรมชาติไว้

 

 

ไม่นานนกกระจิบตัวหนึ่ง ซึ่งไม่รู้ว่าตัวไหนเป็นตัวไหน บินมาเกาะที่ขอบกระเช้า ส่งเสียงดังลั่นไปหมด“จิ๊บๆ จิ๊บๆ” ข้าพเจ้าใจเต้นระทึก เห็นกระจิบตัวเล็ก มากด้วยประสบการณ์โผบินด้วยขนปีกหนาทึบ ปากแข็งแรง ขนาดลำตัวเล็กพอกับเจ้ากระจอกแรกเกิดที่ตายังไม่เปิด ปีกยังไม่แข็ง เจ้าเปี๊ยกส่งเสียงแหบๆ ตอบไป “จิ๊บๆ จิ๊บๆ”

 

“แม่จ๋า พ่อจ๋า หนูหิวจังเลย หนูหิวอีกแล้ว หนูอยากกิน หนูอยากกิน พ่อจ๋าแม่จ๋าอยู่ที่นี้ใช่ไหมจ๊ะ”

 

กระจิบปริศนาก้มมองเจ้ากระจอกกำพร้าต่างสายพันธุ์ชั่วครู่ก่อนจะบินจากไป....

 

 

เวลาผ่านไป ข้าพเจ้าได้แต่นิ่งงัน มันอาจเป็นกระจิบวัยรุ่นที่ยังไม่พร้อมเลี้ยงเด็กแรกเกิด หรืออาจเป็นกระจิบฉกรรจ์คะนองบินกลับไปตามพรรคพวกมารุมยำเจ้ากระจอกขนหางยังไม่ทันคลุมตูด ขณะที่ข้าพเจ้ากำลังคิดหาเหตุผลและไม่อาจตัดสินใจทางใดทางหนึ่งได้ เสียง “จิ๊บๆ” ก็ดังแว่วมา พร้อมกับกระจิบตัวหนึ่งถลาลงพร้อมหนอนชะตาขาดในปากของมัน เสียง“จิ๊บๆ” ของเจ้ากระปุกถี่กระชั้น เหมือนจะได้กลิ่นอาหารถูกปาก หลังป้อนอาหารเสร็จเตรียมบินขึ้นอีกครั้งท่ามกลางเสียง “จิ๊บๆ” ไม่ขาดระยะ นกกระจิบอีกตัวก็ลงจอดพร้อมสัตว์ตัวเล็กๆ ที่ไม่ทราบที่มา แต่ทราบที่ไป คาปากมันอยู่ เจ้ากระจิบทั้งสองวนเวียนลงจอดและป้อนอาหารให้กับชีวิตน้อยๆ ต่างสายเลือด ต่างเผ่าพันธุ์ ซึ่งมันไม่เคยรู้จักมักจี่กันมาก่อน ข้าพเจ้าเฝ้ามองด้วยใจอัศจรรย์ยิ่ง สิ่งมีชีวิตต่างชาติกำเนิดเกื้อกูลกันยามฝ่ายหนึ่งทุกข์ยาก อีกฝ่ายหนึ่งก็ค้ำชู ข้าพเจ้าไม่รู้หรอกว่า เจ้ากระจิบเคยเป็นพ่อแม่นกมาก่อน หรือเป็นนกกระเทย หรือเป็นนกทอม เพราะนั่นไม่ใช่สิ่งสำคัญของการมีชีวิตรอด สิ่งซึ่งสนับสนุนการมีชีวิตรอดที่เห็นตรงหน้า ปากเล็กๆ ของสัตว์ไม่ประสา อ้าฉีกออกกว้างเท่าที่จะทำได้ รับอาหารจากตัวที่สูงวัยกว่า มากประสบการณ์และแข็งแรงกว่า เป็นความเอื้ออาทรที่บริสุทธิ์ และจริงแท้ ที่ข้าพเจ้าไม่อาจแทรกแซง

 

 

ไม่ว่าจะเป็นสัญชาตญาณ หรือชะตากรรม แต่เจ้านกกำพร้าผู้ตกจากก้อนเมฆก็ได้รับโอกาสที่จะอยู่รอด และโผบินในโลกใบใหญ่อีกครั้ง...จากคนโดดเดี่ยวและนกแปลกหน้า....

 

 

ความช่วยเหลือน้อยนิดในโลกกว้างใหญ่ของสัตว์ต่างสายพันธุ์ แม้เพียงเล็กน้อยก็อาจเป็นเล็กน้อยที่ใหญ่หลวงต่อชีวิตที่กำลังจะดับดิ้น อ้างว้าง เปลี่ยวเหงา จากกระจิบน้อยสู่กระจอกกำพร้า เป็นความช่วยเหลือใหญ่หลวงในโลกเล็กจิ๋วที่ยังมืดมิดของมัน ข้าพเจ้าซาบซึ้งในน้ำใจของเจ้านกกระจิบปริศนา และไม่ลืมน้ำเสียงแห่งความเอื้ออารีของคุณยายซึ่งข้าพเจ้าไม่ได้ยินได้ฟังมานานแล้วจากเพื่อนมนุษย์ผู้มีความเป็นปัจเจกชนเปี่ยมล้น

 

 

อิจฉากระจอกน้อย…ชั่วขณะหนึ่งที่เราโหยหา และไม่อาจพบเจอ

 

 

นานๆ ครั้งข้าพเจ้าก็จะออกไปเฝ้าดูมันใกล้ๆ ด้วยความโหยหาธรรมชาติและชีวิตวัยเยาว์ ในกระเช้าไม้เจ้านกน้อยยังอ้าปาก รออาหาร ส่วนเจ้ากระจิบผู้ดูแลส่งเสียงร้องขับไล่ข้าพเจ้าทุกครั้งไป...

 

 

“จิ๊บๆ จิ๊บๆ จิ๊บๆ” เสียงนกร้องเตือนเหมือนเกิดศึกสงคราม

 

“เจ้ากระจอกน้อย ระวังไว้มนุษย์กำลังมา ระวังไว้”

 

“มนุษย์เหรอจ๊ะ เขาเป็นมนุษย์เหรอจ๊ะ ทำไมต้องระวังด้วยก็เขาให้อาหารหนูกินเหมือนกันนะ เขาช่วยหนูขึ้นจากพื้นดินเย็นๆ ถึงแม้ปีกมนุษย์จะใหญ่ แล้วปากก็แข็งไปหน่อยก็เถอะจะ”

 

“มนุษย์นะเป็นพวกที่ทั้งดีและร้าย พวกเขายังเยาว์นัก และมืดบอดอยู่มาก เจ้ากระจอกตัวน้อยเจ้าต้องเรียนรู้โลกนี้อีกมาก”

 

“แต่...แต่...มนุษย์นี้เขาใจดีมากจริงๆนะ”

 

“ก็นี่แหละมนุษย์ ความรักกับความชังมากยั้งหยั่งถึง พวกเขามิอาจควบคุมจิตใจกับอารมณ์ได้ พวกเขาแปรเปลี่ยนเสมอ ไม่มีวันรู้หรอกว่ามนุษย์คนไหนจะดีหรือจะร้ายอย่างแท้จริงและตลอดไป พวกเขาเปลี่ยนง่าย พลิกพลิ้วไป ด้วยจิตใจที่เบาหวิว เบากว่า 1/256 เท่าของขนปีกอ่อนของเจ้าทีเดียว”

 

                “จริงเหรอจ๊ะ...”

 

“จิ๊บๆ จิ๊บๆ จิ๊บๆ” เสียงนกร้องเตือนมาอีกเป็นระยะ

 

“ถึงแม้เจ้าไม่เข้าใจในตอนนี้ แต่ขอให้จำไว้สำหรับชาติพันธุ์ของพวกเรา สัตว์มีปีกและไม่มีปีกทั้งหลาย เราสั่งสอนกันมายาวนาน ยาวนานกว่าปู่ของปู่ของปู่ของมนุษย์เสียอีก มนุษย์เป็นสัตว์ที่เอาแน่เอานอนอะไรไม่ได้ และอย่าไว้ใจพวกมนุษย์ จดจำคำสั่งสอนนี้ไว้ แล้วเจ้าจะรอด”

 

 

ข้าพเจ้านำมันเข้าบ้าน หลังกระจิบผู้ให้อาหารจากไปพร้อมดวงอาทิตย์ลับลา ยามไร้แสงสว่าง ไม่ว่าเราจะเปิดหรือปิดตา อันตรายที่มองไม่เห็นก็ใช่ว่าจะไม่มีอยู่

 

 

ในกระเช้ายามสลัวมัว เจ้าเปี๊ยกดูเงียบหงอย ไม่เร่งร้อนร้องหาเหมือนเมื่อวาน มันอาจจะมีพอจนไม่จำเป็นต้องร้องขอก็เป็นได้ หรืออาจเป็นเหตุผลอื่นก็สุดที่จะคาดเดา

 

“เป็นไงตัวเล็ก นอนในบ้านก่อนนะ พรุ่งนี้จะเอาไปไว้ที่เดิม ไม่ต้องกลัวนะ”

 

การปลอบโยนดูจะไร้ผล เสียงของข้าพเจ้าอาจฟังเป็นเสียงอสูรกายเลวร้ายในสมองของมัน ปลุกนกน้อยที่เริ่มมีขนขึ้นนิดหน่อย ผิวที่ท้องยังคงบางจนเห็นเส้นเลือดให้ตื่นจากภวังค์ มันขยับตัวหนีข้าพเจ้าไปที่มุมกระเช้า “หน่อยแหนะมีเพื่อนใหม่ลืมเพื่อนเก่า ได้หนอนสดกินลืมกล้วยเก่าเก็บ นี่แหละน้าที่เขาว่าปีกกล้าขาแข็งของจริงเลยฮึ! เจ้านี่” ข้าพเจ้าดีใจที่มันเริ่มกลัวและหลบหลีก ความกลัวเป็นสมบัติส่วนตัวที่ทำให้มีชีวิตรอด....อีกหน่อยเมื่อมันโตขึ้น มันจะได้เรียนรู้ความกลัวอีกหลายหลากและพร้อมกันนั้นมันจะได้ทดลองควบคุมความกลัวตามแบบของมัน

 

 

สำหรับข้าพเจ้าในเวลานี้ ความกลัวที่จะไม่มีงานทำ กลัวที่ออกมาบินเดี่ยวโดยไม่มีสังกัด และกลัวที่จะบินอยู่ในโลกที่หลากหลายแต่ความต่างอยู่รอดได้ยากยิ่ง โลกที่ความหลากหลายค่อยๆ ถูกลบเลือน บิดเบือน และสลายายไป

 

 

“เจ้ากลัวใช่ไหม เจ้าเปี๊ยก ข้าก็เหมือนกัน”

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 




Create Date : 28 ตุลาคม 2555
Last Update : 17 ธันวาคม 2555 14:12:31 น. 2 comments
Counter : 1214 Pageviews.

 
สวัสดี วันอาทิตย์ที่ 28 ตุลาคม พ.ศ. 2555 วันหยุด






โดย: ต้นกล้า อาราดิน วันที่: 28 ตุลาคม 2555 เวลา:10:57:25 น.  

 
แสงอาทิตย์กับดอกหญ้าสวยจังเลยคะ
ขอบคุณที่แวะมาเยี่ยมนะคะ


โดย: normalization วันที่: 28 ตุลาคม 2555 เวลา:19:23:18 น.  

ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
  *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 
space

normalization
Location :
นนทบุรี Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 3 คน [?]




"ขอทุกท่านจง ปกติสุข ในทุกวัน"
วันแรกสร้าง : 25 กุมภา.54

เป็นเพียงการบอกกล่าว เล่าเรื่อง ตามที่ข้าพเจ้าเข้าใจ
หากว่ามีประโยชน์บ้างแม้เพียงเล็กน้อย ข้าพเจ้าก็ยินดียิ่ง
หากว่าส่วนใดผิดพลาด ฝากข้อความไว้ได้เสมอ
@comeback 18/1/18

free counters สำหรับธงขอขอบคุณ blog paradijs
space
space
space
space
[Add normalization's blog to your web]
space
space
space
space
space