นาน นาน ที บล๊อก - ยินดีที่ผ่านมาพบนะ ปล.ช่วงนี้ หนี้เยอะ งดเที่ยว พักหนังสือ มารับจ้างทำงานก่อนนนนน
space
space
space
space

ฝูงบินแรกเชียงใหม่แม่ฮ่องสอน(สองสถาน): เส้นทางสู่แม่ฮ่องสอน-เมืองในหมอก-เปิดเผยตัวและเติบโต

ทางเข้าน้ำตกแม่สุรินทร์ยังเป็นถนนลูกรัง ทำให้รถสี่ล้อเล็กต้องใช้แรงขับเคลื่อนหนักหน่วง แต่ก็ไม่มีอะไรเกินความสามารถและความชำนาญของน้าวัติ แกขับอยู่คันเดียวบนถนนลูกรังกว้างสองเลนส์ วกไปมาบนถนน ขาไปนั้นไม่กระไร แต่ขากลับออกมาเจ้าหม้อต้มมาม่า (ของน้าวัติ) ก็มีอันกลิ้งลงจากรถด้วยความคดโค้งของถนน โชคดีที่ของที่หล่นไม่ใช่...คน...บนรถ และของที่ถือก็เป็นหม้อไม่ใช่อย่างอื่น แค่จะยืนตัวตรงยังทำไม่ได้บนถนนลูกรังที่เอียงกระเท่เร่



จนมาถึงปลายทาง มีพี่ทหารยืนยามราวหกโมงเย็น หลังจากผ่านทางเข้าไป โอ๊ะโย๋ ช่างเงียบเสียจริง ๆ จะคุยกันก็ต้องกระซิบแผ่ว ๆ เกรงว่าจะไปรบกวนนักท่องเที่ยวอื่น ๆ ที่จอดรถกางเต็นท์กันรายล้อมลานวงกลมแห่งหนึ่ง ตรงกลางปล่อยวางไว้ให้เป็นที่อิสระ ขนาดเท่าสนามตระกร้อวง ด้านข้างคือต้นสักหุ่นกลมเพรียวชะลูดสูงขึ้นไป เหมือนจะก้มลงมามองมนุษย์น้อยว่าใครหน้าไหนอย่าแหยมเข้าไปในพื้นที่วงกลมศักดิ์สิทธ์ ปล่อยให้ต้นหญ้าต่ำราคาปกคลุมและจับจอง ต่างเงยหน้าขึ้นไปมองที่ห่วงตระกร้อคือดวงจันทร์ที่เหมือนอยู่ใกล้ นักท่องเที่ยวที่อยู่ก่อนประกอบด้วยรถขับเคลื่อนสี่ล้อราคาแพงจากยุโรปเป็นส่วนใหญ่มีอยู่ราวสิบคัน มีรถแดงคันเล็กของกลุ่มเราเพียงคันเดียวที่จอดเทียบอย่างสง่าผ่าเผย หลังจากกางเต็นท์ ด้วยความช่วยเหลือเล็กน้อยของน้าวัติเพราะเพื่อนในกลุ่มเริ่มจะคุ้นเคยและเริ่มมีมือวางอันดับหนึ่งในการกางเต็นท์ และจุดเตาไฟ แน่นอนว่าเราก่อไฟไม่เป็น ก็ไม่พ้นน้าวัติมาช่วยสอน ต้องมีถ่าน (ซึ่งแกมีมาให้) ใช้เกี๊ยะ(ไม้ยาง)วางไปด้วยให้ติดไฟง่ายขึ้น สุดท้ายเราก็ได้กินมาม่าหอมกรุ่น กับมันอบในเตาฟืน เอาไปแลกกับหมูปิ้ง ผลไม้เมืองหนาวจากคาราวานรถหรูน้ำใจงาม ที่นี่ เป็นตัวแทนของสังคมนักท่องไพร (ดูจากอุปกรณ์ยังชีพ พวกเขาจะเดินเท้าเข้าไปน้ำตกแม่สุรินทร์ที่มันอยู่ไกลมาก...) ทักทายกันเล็กน้อย คุณปู่พาหลานชายเดินรอบ ๆ เสียงพูดคุยแผ่วๆ ดังไม่เท่าเสียงจิ้งหรีดที่ประกาศศักดาครองเวทีนี้ อย่างไรเสียด้วยวัยรุ่นอย่างเราดื่มด่ำกับแสงเดือนแสงดาวกระจ่างฟ้าได้ไม่นาน เราก็ตั้งวงเล่นไพ่กัน ความสนุกไม่ได้อยู่ที่การเล่นไพ่...ได้เสีย...แต่สนุกที่ได้สอนเพื่อนนักบัญชีจากธรรมศาสตร์ผู้รักดีและไม่เคยเล่นการพนัน ชื่อเกมส์ที่เล่นก็ไม่ได้เอาแพ้ชนะเหมือนในหนังจีนลบเหลี่ยมเฉือนคม แต่เป็นเกมส์ สล๊าฟ หาคนเป็นทาสนั่นเอง อีกเช่นกันว่าการเล่นสล๊าฟนั้นจะให้เงียบเสียงมันก็ยากเกินทน ขณะที่กำลังเก็งไพ่ของคนอื่นอยู่ก็ปรากฏขากางเกงมืด ๆ อยู่ข้าง ๆ วง พวกเราสี่คนเก็บการ์ดในมืออย่างรวดเร็ว มีแต่เพียงนักบัญชีสาวผู้ตกอยู่ในภวังค์การคำนวณต้นทุนกำไรตามอาชีพเดิม นายทหารท่านหนึ่งปรากฏกายข้างหลังนักบัญชี เสียงขรึม ๆ ดังขึ้นมาว่า “อย่าทิ้งตัวนั้น เก็บไว้ท้าย ๆ ก่อน” นักบัญชีเงยหน้าขาวหวานขึ้นไปมอง ทำตาปริบ ๆ “จริงเหรอพี่ ตัวนี้เก็บไว้ใช่ปะ” ซะอย่างงั้นเลย นายทหารยิ้มที่มุมปากแล้วมองมาในวง “กินส้มกันหมดแล้วก็รีบนอนนะ อย่าให้เกินสี่ทุ่ม สอนเพื่อนเบา ๆ หน่อยที่นี่มันเงียบ เสียงเคี้ยวส้มของเราจะดังไปไกลหลายกิโล” ว่าแล้วก็เดินจากไปพร้อมไหล่ที่สั่นขึ้นลง




หลังจากได้ไปถ่ายรูปกับป้ายน้ำตกแม่สุรินทร์ในตอนเช้าสุดจะตรู่ และยื่นเพ่งดูจากระยะไกล เห็นเป็นสายน้ำยาวสายเล็ก ๆ ที่ไหลลู่ลงสู่เบื้องล่างท่ามกลางสีเขียวขรึ้มของภูเขากว้างใหญ่ที่รายล้อม แต่สิ่งที่เห็นว่าเป็นของเล็กๆ ไม่ยิ่งใหญ่โต อาจไม่ได้มี ไม่ได้เป็นเท่าที่เราแลเห็น ถ้าเราอยู่...และมองจากที่ไกล...เกินไป



ออกจากน้ำตกแม่สุรินทร์ก่อนใคร น้าวัติแกว่ารถเราเปิดประทุนด้านข้างตลอดเวลา อยู่คันหลังจะกินฝุ่นรถยุโรปเสียเปล่ารถแดงวิ่งผ่านถนนลูกรังสีแดง แต่อากาศยามเช้า กับอายุยังน้อย ก็ไม่ได้ทำให้เป็นเรื่องยากลำบากอะไร ปีปัจจุบันนี้ถนนเส้นนี้ได้ลาดยางมะตอยเรียบร้อยแล้ว ลานตระกร้อวงหายไป กลับกลายเป็นลานขนาดสนามฟุตบอล ดอกบัวตองถูกจัดวางในอุทยานทั้งที่แต่ก่อนมันมีน้อยมาก นอกจากบนภูเขาไกล ๆ และข้างถนนที่เคยเห็นเลื้อยไปมา อยู่บนต้นไม้อื่นบ้าง บนบ้านชาวบ้านบ้าง บางครั้งก็มีชาวบ้านมาตัดกิ่งที่มันเริ่มจะเข้าไปในบ้านของเขา น้าวัติแกว่ามันเป็นวัชพืชที่ต้องตัดทิ้ง แต่ตอนนี้กลายเป็นหน้าตาของแม่ฮ่องสอน และมีการจัดทิวทัศน์ให้มีมากขึ้นก็สวยงามดี แต่ข้าพเจ้าไม่ได้ปลื้มมากนัก ในใจก็คิดว่า ป่ามันควรมีพืชพันธุ์หลายอย่างเพื่อความหลากหลายถ้ามีเพียงอย่างเดียวมันก็ดูดาษดื่น แต่ก็ไม่ได้ขัดขวางเทศกาลดูดอกบัวตองแต่อย่างใดไม่ แล้วแต่ใจใครใจมัน ชอบแบบนไหนก็ไปแบบนั้น เดิมนั้นถนนเส้นนี้จะมีดงดอกเสี้ยนที่มีเด็กชาวเขามาขายดอกไม้ ครั้งนั้นดงดอกเสี้ยนดูสวยงามและมีมากมาย ตอนนี้มันกลายเป็นดอกเสี้ยนที่ปลูกบนแปลงปลูก ข้างถนนก็มีร้านค้าเล็ก ๆ เกือบสามสิบร้านที่ดูเป็น “การตลาด” สุดโต่งและไร้ทิศทาง อันว่าอดีตไม่อาจหวนคืน บัดนี้นักบัญชีของเราได้แต่งงานมีเย้าเป็นที่เรียบร้อยแล้ว จะมาร้องหาดงดอกเสี้ยนขึ้นเองบนลาดเขาไปไยเล่า



ออกจากน้ำตกก็ไปไหว้พระธาตุอูคอ ท้องฟ้างามกระจ่างใจอีกแล้ว สายลมอ่อน ๆ ผู้คนประมาณหนึ่งเดินไม่เบียดเสียด อีกเช่นเดิม ปีล่าสุดที่ไปมา ผู้คนมากมาย เกิดการจราจรจลาจลติดขัดข้างวัดที่มีที่ดินเพียงหยิบมือในการจอดรถ และยังเสียพื้นที่ให้กับร้านค้าที่ตกแต่งพยามยามให้เป็นศิลปะ เหมือนในภาพยนตร์ประดับข้างฝาร้านกาแฟด้วยภาพวาดติสต์ๆที่นักท่องเที่ยวมาเข้าคิวถ่ายรูป อันเป็นที่เดียวกับที่กลับรถเพื่อเข้าจอด หลังจากเฝ้ารอจนได้ที่จอดรถ ก็ต่างเร่งรีบไปสักการะพระธาตุ ซึ่งเราไม่อาจดื่มด่ำ ใส่ใจ มีสมาธิกับการเดินวนรอบพระเจดีย์เช่นที่เคยทำมา


ระหว่างทางเราแวะไปดูโรงศพไม้กันที่ถ้ำน้ำลอด ด้วยวัยและจิตใจที่ยังไม่ฝักใฝ่ในเรื่องโบร่ำโบราณหรืออดีตกาลของมวลมนุษย์ชาติทำให้ข้าพเจ้าไม่อาจถ่ายทอดเรื่องราวที่พบเห็นในถ้ำ หรือที่ตั้งของโรงไม้ครั้นบรรพกาลได้ สิ่งที่ยังติดตรึงกลับกลายเป็นน่องสีเข้มที่มีหยดน้ำเกาะพราวเดินลุยไปในสายน้ำเย็น ระดับตื้นพอที่จะเดินเองได้ แต่เหตุไฉนเราจึงต้องนั่งแพ แม้มันเป็นการดีต่อการท่องเที่ยว ต่อชีวิตของผู้คนลากแพ หรือลูกหลานของเขา พวกเราก็คงจะต้องนั่งแพกันต่อไป ในครั้งหน้าถ้าได้มีโอกาสไปอีกข้าพเจ้าจะไม่มัวแต่นั่งซึมมองดูสายน้ำใส ที่ตื้นจนเห็นกรวดทราย เหม่อมองออกไปไม่เห็นแม้แต่ภูเขาเบื้องหน้าที่มีแสงอาทิตย์ทอดลงมา ข้าพเจ้าคงต้องลองเดินดูเองสักนิด (นิดนึงพอ) และพูดคุยทักทายกับคนลากแพให้มากกว่านี้ ไม่ใช่เอาแต่นั่งคิดและจมอยู่ในความเอื้ออาทรที่ถูกบิดเกลียวด้วยเศร้า


คืนสุดท้ายที่เราต้องไปให้ถึงก่อนค่ำมืด อุทยานแห่งชาติห้วยน้ำดัง เหลือระยะทางอีกหลายสิบกิโลเมตร น้าวัติบอกว่าขับอีกไกลต้องรีบขึ้นเขาก่อนมืด สุดท้ายเราก็มาถึงห้วยน้ำดังจนได้ตอนหกโมงครึ่งไม่สายและไม่เร็วเกินไปนักตราบเท่าที่ใจเรากำหนดไว้เช่นนั้น สถานที่ท่องเที่ยวที่ยังเงียบสงัด ผู้คนไม่น่าจะเกินสองร้อยคน มีลานกางเต็นท์เพียงสองลาน ซึ่งลานที่พวกเรานอนกันนั้น มาบัดนี้ได้มีหญ้าขึ้นรกและถูกปล่อยล้าง โดยข้าพเจ้ามิได้ต้องการจะสืบหาสาเหตุการทิ้งล้าง ลานกางเต็นท์ใหม่มีอยู่สามหรือสี่ลานเท่าที่เห็น (อาจมากกว่านั้น) ผู้คนในวันนี้น่าจะเกินหนึ่งพันคน คืนสุดท้ายของปี2001 คืนสุดท้ายบนห้วยน้ำดัง ลานกางเต็นท์ขนาดราวสนามฟุตซอส เป็นรูปครึ่งวงกลม ที่นี้เราได้นอนดูดาว บนลานสูงครึ่งวงกลมมีธงชาติไทยโบกสะบัด กินมันอบในเตาฝืน แลกส้มหวานฉ่ำกับบทเพลงเบา ๆ ของสองชายหนุ่ม ที่อยู่เต็นท์ข้าง ๆ เราไม่ได้เห็นรูปร่างหน้าตาของเขา หรือว่าจะเห็นแต่ไม่อยู่ในความทรงจำ ...ที่ผุดขึ้นมาคืออารมณ์เบาสบาย ใต้ฟ้ากว้าง เสียงดนตรีประสานกับเสียงพงไพร เต็นท์สองเต็นท์หันหน้าชนกันมีสมุดเพลงอยู่ตรงกลาง กีตาร์หนึ่งตัว เสียงเพลงเพื่อชีวิต เพลงจากภาษาเหนือเบาๆ ผู้คนบนลานแห่งนี้ ซึ่งหมายรวมถึงพวกเราลิงทโมนห้าตัว ต่างนิ่งฟังไป กินไป คละหมู่ดาวเดือน บรรยากาศแสนอัศจรรย์ใจ น่าเสียดาย...ที่อดีตไม่อาจหวนคืน



ราวเที่ยงคืนที่นี่ก็มีเสียงเฮ...รับปีใหม่ แต่ไม่มีเสียงพลุ..แล้วทุกคนก็เข้านอนหลังเที่ยงคืน ซึ่งโดยปกติจากที่รอนแรมมาตามอุทยานต้องเข้านอนกันตอนสี่ทุ่ม...ส่วนในกาลปัจจุบันนี้ เคาท์ดาวที่ห้วยน้ำดัง ผู้คนนับพัน ทั้งไทยและเทศน์ ลูกเด็กเล็กแดง วัยหนุ่มสาว แก่เฒ่าต่างมุ่งมั่นมาห้วยน้ำดังแห่งนี้ เสียงพลุ ประทัด เสียงเมาเหล้าเคล้านารี ที่นี่อีกเช่นกันที่ไม่อาจบรรยาย...ความเสื่อมทรามของสังคม...ที่อยู่ในเต็นท์ยักษ์ที่แออัดด้วยหนุ่มสาวเกือบสิบคน พวกเขาคงนั่งเล่นนับนิ้วโป้งกัน ใต้เต็นท์สูง ที่มีดวงไฟตรงกลางอยู่ภายในเอาไว้ให้เราดูผ่านผ้าเต็นท์ การเดินทางออกจากเชียงใหม่ปีนี้จึง เต็มไปด้วยความเหนื่อยล้า และโหยหา ด้วยสังขารรถรา และผู้คนที่มากมาย ต่างแนวทางและวิถีชีวิต ข้าพเจ้าคงผิดเองที่มาเชียงใหม่ ตอนปีใหม่ เพราะเชียงใหม่ ใหม่เสมอสำหรับผู้คน คนที่ชอบความเก่า หลงใหลธรรมชาติธรรมดา คนอื่นๆ ก็คงหลีกเลี่ยงช่วงหฤหรรษ์ของปัจจุบันนี้ อย่างไรเสีย เชียงใหม่ ก็ยังมีมนต์ด้วยตัวของมันเอง แต่อาจถูกแต่งเติมสีสันด้วยผู้คน และกราฟการการเจริญเติบโตด้านการท่องเที่ยวในบางช่วงเวลา หาใช่ผืนแผ่นดินและต้นไม้ที่โอบอุ้มจุนเจือ และอัตราการดำเนินชีวิตของผู้คนที่เรียบง่ายที่เป็นอยู่ตามปกตินั่นเอง


ส่วนเช้าวันใหม่ของปีใหม่ที่เชียงใหม่ปีโน้น....ตระการตาด้วยแสงสีฟ้าที่ขอบฟ้าไกล ผู้คนราวห้าสิบคนต่างยืนนิ่งพิงกันด้วยความหนาวรอดูพระอาทิตย์ที่กำลังผลัดผ้าเตรียมออกมาให้โลกได้ยล หลังจากสีฟ้า สีเหลืองระเรื่อก็ตามมา สีม่วงมีบ้างบ่างแห่ง แล้วสีส้มก็เริ่มมีมากขึ้น น้าวัติว่าโชคดีที่ฟ้าเปิด นั่นสินะ พวกเรามากับโชคที่ดีจริง ๆ การได้เห็นพระอาทิตย์ในวันที่ฟ้าเปิดมันไม่ได้มีทุกครั้งไป สุดท้ายการได้เห็นเม็ดกลมของดวงอาทิตย์โผล่พ้นเส้นทิวเขาออกมาไกล ๆ ในวันแรกของปี 2001 ส่วนในปี 2009 ฟ้าไม่เข้าข้างเราซะเลย...



การออกบินกับกองพลน้อยของข้าพเจ้าในครั้งนี้ ออกเดินทางจากโรงงานด้วยจิตใจที่ร้อนเร่า แต่เดินทางกลับจากเมืองเหนือด้วยหัวใจที่ฉ่ำเย็น...เต็มล้น...ด้วยแสงระยับระยับของหมู่ดาว น้ำค้างพราวพราวบนยอดหญ้า ไอหมอกหนา ๆ ที่ลอยผ่านตัวไป ผู้คนพื้นถิ่น รอยยิ้มและความงดงามของภาษา วัฒนธรรม กลิ่นหอมของมันอบ ความหวานของส้มในไร่สูง การทำงานในเมืองใต้ ดูเป็นสิ่งห่างไกลและไม่คุ้นเคย แม้ขึ้นนั่งบนรถทัวร์รอบดึก เมื่อเม็ดถั่วหล่นบนรถ เพื่อนคนหนึ่งยังเผลอเก็บขึ้นมากิน ด้วยคิดว่ายังอยู่บนแผ่นดินป่าเขาเมืองเชียงใหม่


ปล.ปีก่อนโน้น ข้าพเจ้าและเพื่อน ๆ ยังไม่ได้รับการแนะนำให้รู้จักกับปาย ซึ่งตอนนี้ใครๆ ก็ได้รู้จักมักจี่กันเป็นอย่างดีตามแบบของแต่ละคน


เวลาผ่าน ย่อมเปลี่ยนไป
อาจจะเล็กน้อยจนไม่ทันเห็นด้วยตา หรือ รวดเร็วจนไม่ทันตั้งตัว
แต่ทุกสิ่ง...มันก็เปลี่ยนไปเสมอ
ไม่มีสิ่งใดอยู่ “ชั่วนิรันดร์”


ที่เราทำได้เพียงจดจำสิ่งดีๆและปรับตัวให้พอดีกับสิ่งที่เป็น แต่อย่าให้มากเกินความจำเป็นจนกลายเป็นสิ่งไม่ธรรมดาในหมู่ธรรมชาติที่ยังธรรมดาอยู่ ซึ่งธรรมชาติอาจเหน็ดเหนื่อยเกินไปในการปรับตัวตามเรา


เรื่องก่อนหน้า : ฝูงบินแรกเชียงใหม่แม่ฮ่องสอน(สองสถาน): เชียงใหม่..ใครๆก็ไปกัน

เที่ยวปายในอีกมุมตามไปดูรูปสวยๆที่บล๊อกคุณนัทธ์






Free TextEditor

ด้วยขณะนี้คณะวงแหวนพันธมิตรแห่งเส้นทาง 108-1095 ก็มีต่างแยกย้ายกันไปทำภาระของตน ถึงแม้แหวนแห่งอำนาจได้ถูกทำลาย แต่สายสัมพันธ์ระหว่างกันไม่ได้ถูกตัดขาดหรือหลอมละลายไปกับลาวาร้อนใต้เทือกเขาแห่งมอร์ดอร์

Free TextEditor


Create Date : 21 ธันวาคม 2554
Last Update : 28 กุมภาพันธ์ 2559 16:22:44 น. 4 comments
Counter : 498 Pageviews.

 



โดย: Kavanich96 วันที่: 22 ธันวาคม 2554 เวลา:7:59:41 น.  

 
สวัสดีค่ะ
ชอบคำนี้จัง เทศกาลล้างบ้านบันลือโลก

สุขสันต์วันคริสต์มาสค่ะ

คลิกๆๆ รูปสวยๆน่ารักๆไว้ส่งต่อเพียบ...


โดย: pantawan วันที่: 24 ธันวาคม 2554 เวลา:14:33:51 น.  

 
ไม่รู้ว่าปัจจุบันฝูงบินนี้ยังอยู่ครบเซตเหมือนเดิมไหมเนาะ

สุขสันต์วันคริสต์มาสค่ะคุณเพลิน



Merry Christmas Ho ho ho!


โดย: PhueJa วันที่: 25 ธันวาคม 2554 เวลา:10:46:33 น.  

 
ขอบคุณคุณphue , pantawan คะสำหรับคำอวยพร ขอให้พรนั้นกลับคืนเป็นอนันต์เท่าคะ...., ขอบคุณคุณ kanvanich96 คะที่แวะมานะ


โดย: normalization วันที่: 26 ธันวาคม 2554 เวลา:9:33:03 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 
space

normalization
Location :
นนทบุรี Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 3 คน [?]




"ขอทุกท่านจง ปกติสุข ในทุกวัน"
วันแรกสร้าง : 25 กุมภา.54

เป็นเพียงการบอกกล่าว เล่าเรื่อง ตามที่ข้าพเจ้าเข้าใจ
หากว่ามีประโยชน์บ้างแม้เพียงเล็กน้อย ข้าพเจ้าก็ยินดียิ่ง
หากว่าส่วนใดผิดพลาด ฝากข้อความไว้ได้เสมอ
@comeback 18/1/18

free counters สำหรับธงขอขอบคุณ blog paradijs
space
space
space
space
[Add normalization's blog to your web]
space
space
space
space
space