Group Blog
 
All Blogs
 
วันสุดท้ายที่หนองคาย

ใครที่เปิดมาหน้านี้ ให้กลับไปอ่านของวันที่ 21-22 มกราคมก่อนนะคะ ข้างล่างเลยค่ะ







23 มกราคม 2548

ตามโปรแกรมทัวร์(ที่เราคิดเองเนี่ย) เราจะรับประทานอาหารเช้าเป็นไข่กระทะ ต่อด้วยเดินตลาดท่าเสด็จ รับประทานอาหารกลางวันที่แดงแหนมเนืองค่ะ แล้วไปนมัสการหลวงพ่อพระใส วัดโพธิ์ชัย







" อนุสาวรีย์ปราบฮ่อ หลวงพ่อพระใส สะพานไทย - ลาว " คือคำขวัญประจำจังหวัดหนองคาย


เนื่องจากวันนี้ตื่นผิดเวลาไปหน่อย โปรแกรมเลยคลาดเคลื่อนเล็กน้อย กว่าจะออกจากโรงแรมก็ประมาณ 10 โมงกว่าๆแล้ว ตอนแรกกะว่าจะไปรับประทานอาหารเช้าเป็น"ไข่กระทะ"ที่ร้าน"ทานตะวัน" ซึ่งเป้แนะนำมาค่ะ แต่เมื่อไปถึงแล้ว ปรากฎว่าร้านปิดค่ะ อดกินเลย ไม่เป็นไร ไปร้านอื่นก็ได้ค่ะ ชื่อร้าน"ดาริกา" อยู่ไม่ใกล้ไม่ไกล


"ไข่กระทะ" อาหารเช้าจานเด่นในแถบอีสาน เป็นอิทธิพลที่ได้รับมาจากเวียดนาม ซึ่งเคยเป็นเมืองขึ้นของฝรั่งเศสค่ะ วิธีทำ ดูในนี้เลยค่ะ //www.malila.com/onedish60.html มาดูหน้าตากันก่อน



ขนมปังฝรั่งเศสยัดไส้กุนเชียง + หมูยอ 



  หน้าตาไข่กระทะ


สำหรับรสชาติ ก็ใช้ได้เลยทีเดียวค่ะ อร่อยดี นอกจากนี้อย่างอื่นที่กินก็ยังมี สตูว์ไก่ ขนมจีบ ฯลฯ เสียดายเหมือนกันที่ไม่ได้ทานที่ร้านทานตะวัน เพราะเพิ่งเปิดเจอจากเวบไซต์ว่าเป็นร้านที่ดังมากๆ ไม่เป็นไร ไว้คราวหน้าไปกินใหม่ก็ได้ค่ะ







หลังจากอิ่มอร่อยกับอาหารเช้า(ตอนเกือบๆเที่ยงแล้ว) ก็เข้าสู่โปรแกรมต่อไป คือ เดินตลาด"ท่าเสด็จ" ค่ะ ซึ่งตั้งอยู่บริเวณถนนริมโขงกลางเมืองหนองคาย สามารถจอดรถได้ใน"วัดศรีษะเกศ"ซึ่งอยู่ใกล้ๆค่ะ (แปลกใจเหมือนกันมั้ยคะ ทำไมวัดศรีษะเกศ ถึงมาอยู่ที่หนองคายล่ะ ไม่อยู่ที่ศรีษะเกศ??) มาดูประวัติของท่าเสด็จก่อนดีกว่า


"ท่าเสด็จ"  ท่าเทียบเรือและด่านพรมแดน(เก่า)ของจังหวัดหนองคายค่ะ ซึ่งปัจจุบันนี้ย้ายออกไปทำการที่ "ด่านสะพานมิตรภาพ" แล้ว ชื่อท่าเสด็จนั้นได้มาจากในวันเปิดใช้ท่าเรือ "พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลปัจจุบัน" พร้อมด้วย "สมเด็จพระบรมราชินีนารถ" ได้พระราชดำเนินเสด็จมาเปิดด่านแห่งนี้ด้วยพระองค์เอง


ในปัจจุบันการเดินทางข้ามไปยังฝั่งประเทศลาว โดยการใช้เรือเป็นพาหนะอนุญาตให้เฉพาะกับพ่อค้าแม่ค้าท้องถิ่นเท่านั้น ส่วนนักท่องเที่ยวที่ต้องการเดินทางข้ามพรมแดนต้องใช้บริการรถเมล์และรถตู้ข้ามที่ด่านสะพานมิตรภาพไทย-ลาวเท่านั้นค่ะ

จากการที่ท่าเสด็จต้องลดระดับความสำคัญลงมาเป็นเพียงด่านท้องถิ่นนั้น ไม่ได้ทำให้ชื่อเสียงของที่นี่ต้องลดน้อยถอยลงประการใด อันที่จริงน่าจะเป็นการดีเสียอีกเพราะจะเป็นการลดความคับคั่งของการใช้งานของด่านนี้ อีกทั้งถนนหนทางที่ค่อนข้างแคบ ไม่สะดวกในการให้การบริการแก่นักท่องเที่ยวคราวละมากๆก็เป็นอีกปัจจัยหนึ่งที่ทางการมองเห็นถึงปัญหา


ทุกวันนี้นักท่องเที่ยวหรือผู้มาเยือนจังหวัดนี้ยังนิยมมาเยือนท่าเสด็จอยู่ก็คือ "ตลาดสินค้าข้ามแดน" เรียกให้โก้หรูอย่างนั้นแหละครับ ความจริงมันก็คือตลาดสินค้าหนีภาษีนั่นเองค่ะ เป็นสินค้าที่นำเข้ามาจาก "จีนแดง" และ "เวียดนาม" เสียเป็นส่วนมาก จำพวกเครื่องกระเบื้องหรือเซรามิค เครื่องใช้ไฟฟ้า ผ้าไหมผ้าฝ้ายเป็นต้น ราคาก็สมกับฝีมือละมั้งคะ และสินค้าจำพวกอาหารแห้ง อาหารกึ่งแปรรูปและของป่าจากฝั่งนู้นก็พอมีให้เห็นอยู่ประปราย บ้างก็เป็นสินค้าผ่านแดนที่มาจากประเทศมาเลย์เซีย สิงค์โปร์ จำพวกขนมขบเคี้ยว ขนมปังเป็นต้น ซึ่งสำหรับดิชั้น ได้พวกผลไม้อบแห้ง หมูยอค่ะ
          
ที่ท่าเสด็จแห่งนี้จะมีอีกอย่างที่คนทั่วไปค่อนข้างจะรู้จักดีเป็นพิเศษ เป็น"ร้านอาหารเวียดนาม"ค่ะ ที่ขึ้นชื่อติดอันดับใครผ่านไปผ่านมาก็ต้องแวะทาน "แหนมเนือง" ร้านอาหารแดงแหนมเนืองแห่งท่าเสด็จค่ะ เป็นหมูย่าง รับประทานกับเครื่องแนมต่างๆและผักสด ราดด้วยน้ำจิ้มสูตรเฉพาะตัว ซึ่งเดี๋ยวจะเล่าต่อไปค่ะ




จุดชมวิวที่ท่าเสด็จ มองเห็นฝั่งลาวค่ะ
จะเห็นว่าฝั่งไทยจะเป็นช่วงเว้าเข้า ส่วนฝั่งลาวจะเป็นสันดอนงอกขึ้นมา








ก่อนที่จะเข้าสู่โปรแกรมต่อไป เนื่องจากเรากินข้าวเช้ากันจนอิ่มแปร้ อาหารยังไม่ย่อยพอที่จะกินแหนมเนืองได้ จึงไปซื้อของเข้าบ้านฆ่าเวลาที่ห้าง " Lotus บิ๊กเจียง" ซึ่งถือเป็นห้างใหญ่ที่สุดในหนองคายเลยมั้ง


จากนั้น เราก็มุ่งหน้าไปนมัสการ"หลวงพ่อพระใส" ที่"วัดโพธิ์ชัย"ค่ะ ซึ่งเป็นพระพุทธรูปศักดิ์สิทธิ์คู่บ้านคู่เมือง ชาวเมืองหนองคายนับถือมาก


"หลวงพ่อพระใส" เป็นพระพุทธรูปขัดสมาธิราบ ปางมารวิชัย หล่อด้วยทองสีสุก มีพระรูปลักษณะงดงามมาก ขนาดหน้าตักกว้าง 2 คืบ 8 นิ้ว ส่วนสูงจากองค์พระเบื้องล่างถึงยอดพระเกศ 4 คืบ 1 นิ้ว ประดิษฐานอยู่ที่วัดโพธิ์ชัย ซึ่งเป็นพระอารามหลวง ตั้งอยู่ที่ถนนโพธิ์ชัย ในเขตเทศบาลเมือง มีประวัติความเป็นมาเกี่ยวกับประวัติศาสตร์ของชาติไทยหลายตอน


เสด็จในกรมพระยาดำรงราชานุภาพ ทรงสันนิษฐานไว้ในหนังสือประวัติพระพุทธรูปสำคัญซึ่งพิมพ์แจกในงานทอดกฐินพระราชทาน พ.ศ. 2468 ว่า หลวงพ่อพระใส เป็นพระพุทธรูปหล่อในประเทศล้านช้าง และตามตำนานที่เล่าสืบต่อกันมาว่า พระธิดา 3 องค์ แห่งกษัตริย์ล้านช้างเป็นผู้สร้าง บางท่านก็ว่าเป็นพระราชธิดาของพระไชยเชษฐาธิราช ได้หล่อพระพุทธรูปขึ้น 3 องค์ และขนานนามพระพุทธรูปตามนามของตนเองไว้ด้วยว่า พระเสริมประจำพี่ใหญ่ พระสุกประจำคนกลาง พระใสประจำน้องสุดท้อง มีขนาดลดหลั่นกันตามลำดับ


พ.ศ. 2321 พระเจ้าธรรมเทววงศ์ได้อัญเชิญไปไว้ ณ เวียงจันทน์ และในสมัยรัชกาลที่ 3 ได้อัญเชิญมาฝั่งไทย แต่เกิดพายุ พระสุกจมน้ำอยู่ที่ปากงึม (ณ ตรงเวินพระสุก) ส่วนพระเสริมและพระใส ประดิษฐานไว้ที่วัดโพธิ์ชัยและวัดหอก่อง


ต่อมาในรัชกาลที่ 4 ได้อัญเชิญพระเสริมลงมาประดิษฐานที่กรุงเทพฯ ที่วัดปทุมวนารามค่ะ ส่วนพระใสประดิษฐานอยู่ที่วัดโพธิ์ชัย จังหวัดหนองคาย ทุกปีในวันเพ็ญกลางเดือน 7 ชาวเมืองหนองคายจะมีงานประเพณีบุญบั้งไฟบูชาพระใสที่วัดโพธิ์ชัยเป็นประจำ



ภายในอุโบสถ  




                                                               ภายนอกค่ะ


ซึ่งวันนี้รู้สึกดีมากๆที่ได้มาไหว้พระ ทำบุญค่ะ โดยเฉพาะโอ๊ต ซึ่งไม่ค่อยได้มีโอกาสทำบุญเท่าไหร่ และช่วงนี้ก็ยังมีมารผจญอยู่บ่อยๆอีก ได้เสี่ยงเซียมซีด้วยล่ะ อืมม...ก็ดีนะ เก็บไว้ดีกว่า


ภายในอุโบสถ มีภาพเขียนจิตรกรรมฝาผนังเต็มไปหมด ซึ่งเป็นเรื่องราวของตำนานที่ได้กล่าวมาแล้วข้างต้นล่ะค่ะ สวยงามมาก เสียดายที่ไม่ได้รับสายสิญจน์ผูกข้อมือ


ขอบคุณ //www.geocities.com/nk_tour2000/nongkhai/interest1.html มากค่ะ ที่เอื้อเฟื้อข้อมูลให้ดิชั้นดูดมาเขียนไดอารี่







อิ่มบุญแล้วก็ถึงเวลาให้ท้องอิ่มบ้าง ได้เวลาของ"แดงแหนมเนือง"ซะที (ความจริงมาเที่ยว 3 วัน รอโปรแกรมนี้อย่างเดียวเลย) เมืองหนองคายนี่ ถ้าจะเรียกว่าเมืองแดงแหนมเนืองก็คงเรียกได้ละมั้งคะ เพราะ ทั้งเมืองมีแต่ป้ายชี้ทางไปร้านแดงแหนมเนือง ไม่ว่าคุณจะอยู่ตรงไหน หรือจะขับเลยมาแล้วก็ตาม ยังไงคุณก็จะไปร้านแดงแหนมเนืองได้ถูกต้องอย่างแน่นอน มีแผนที่ติดผนังตึกด้วยนะ เหมือนกับว่า ถ้ามาหนองคายแล้วไม่ได้กินแดงแหนมเนืองเนี่ย เหมือนยังมาไม่ถึงหนองคายอ่ะค่ะ


"แดงแหนมเนือง" เค้าการันตีเลย ว่าเป็นต้นตำรับอาหารเวียดนามแห่งแรกในประเทศไทย จากเดิมที่มี 2 ห้องแถว ปัจจุบันมี 5 ห้องแถว บวกกับฝั่งตรงข้ามที่ติดแอร์อีก คนเยอะมั่กมาก โอ๊ตเคยมากิน 2 ครั้ง บอกว่าเจอรัฐมนตรีทั้ง 2 ครั้ง วันนี้มากินก็เจอผู้ว่าฯอีกค่ะ เราสั่งชุดใหญ่มากิน โอววว...แซ่บหลาย รู้สึกอิชั้นจะกินเยอะกว่าเพื่อน เพราะกินแต่หมูกับกระเทียมและพริก ไม่ใส่ผักอ่ะค่ะ คนอื่นเค้าอิ่มผักกันหมด (คุ้มค่ะคุ้ม มาม๊าห้ามด่านะ) หมูยอก็อร่อยนะคะ ก็เลยซื้อแหนมเนืองชุดใหญ่มาฝากปาป๊ามาม๊าด้วยค่ะ รออีก 2 อาทิตย์จะเอากลับไปให้กินนะจ๊ะ ดูโลโก้ไปพลางๆก่อน



อันที่จริง ที่อุดร ก็มีร้านแหนมเนืองอร่อยอีกเจ้าค่ะ ชื่อ วีที เคยกินแล้วเหมือนกัน จำได้ว่าก็อร่อยนะ แต่กินนานแล้วค่ะ ยังไงถ้าไปอุดร ก็อย่าลืมกิน"แหนมเนืองวีที" ละกันค่ะ (ไม่รู้เจ้าของคือใคร วิทวัส สุนทรวิเนตร์รึป่าว)







กินเสร็จก็เดินทางกลับค่ะ ออกประมาณบ่าย 2 ครึ่ง แวะส่งต้นกะพรที่อุดรฯก่อน จากนั้นก็เดินทางต่อค่ะ ถึงขอนแก่นประมาณ 4 โมงครึ่ง เวลายังเหลืออีกมาก เลยแวะดูหนังซักเรื่องค่ะ (เนื่องจากดิชั้นหลังเขามาก เรื่องที่ดูล่าสุดในโรงหนังคือ The Shutter) ดูจากเวลาบวกกับความอยากแล้ว และยังมี soundtrack ด้วย เลยดู "Bridget Jones's diary 2 : The Edge of Reason" คนที่เคยดูมาบอกว่าภาคแรกสนุกกว่า สำหรับเราซึ่งเคยอ่านนิยายมาแล้ว เล่ม 2 จะเน่าๆกว่าเล่มแรกนะ แต่ในหนังทำสนุกกว่านิยายมาก สรุปคือ ชอบค่ะ ทั้งขำ ทั้งซึ้ง ออกมายังคิดว่าตัวเอง เป็น Bridget Jones อยู่เลย ประทับใจผู้ชายดีๆอย่าง Mark Darcy มากค่ะ เมื่อไหร่โอ๊ตจะเป็นได้อย่างงี้บ้างน้า.........








จบสิ้นการเดินทางค่ะ วันต่อๆไป ไดอารี่จะกลับสู่ภาคปกติค่ะ ไม่โหด ยาวเหยียด อย่างงี้แล้วค่ะ ขอบคุณค่ะที่อ่านจนจบนะคะ




Create Date : 26 มกราคม 2548
Last Update : 27 มกราคม 2548 1:07:33 น. 0 comments
Counter : 820 Pageviews.

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

คอนยัคกี้
Location :


[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed

ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




Friends' blogs
[Add คอนยัคกี้'s blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.