รีวิว ชมซากุระ ชิมขาหมู ดูดอกไม้ ไหว้พระ ที่เชียงราย
ทริปนี้ พวกเราสมาชิก ตั้งหน้าตั้งตารอกันเป็นปี หลังจากที่หา ข้อมูล จองที่พัก กันเรียบร้อยแล้วก็ถึงเวลา ออกเดินทาง เราเลือกวันที่ 10 มกรา - 14 มกรา 2557 เหมือนเดิม เส้นทางการท่องเที่ยวครั้ง ตามแผนเรา ไร่บุญรอด วัดร่องขุ่น รสาบูติค วัดถ้ำปลา แม่สาย ท่าขี้เหล็ก เจดีย์ชเวดากอง (องค์จำลองจากย่างกุ้ง) ดอยตุง สวนแม่ฟ้าหลวง แม่สลอง งานดอกไม้บานที่เชียงราย นั่งรถราง ไหว้พระ 9 วัด
ออกเดินทางกันเวลา 02.00 น. ของวันที่ 10 มกรา ด้วย SsangYong_Rodius_Stavic คู่ชีพ คันเดิม คันนี้
ที่แรกที่เราไปถึงคือ ไร่บุญรอด เราไปถึงประมาณ บ่ายสามกว่า ๆ แล้วทำให้นั่งรถชมสวนไม่ทันคิวเต็ม เราก็ได้แค่ขับรถกันเข้าไปเอง ที่พลาดไม่ได้คือ สิงห์ ตัวใหญ่ที่ตั้งเด่น อยู่ที่ทางเข้าใครไม่ได้ภาพนี้ดูเหมือนว่าจะมาไม่ถึง
และนี่รถรางที่ลูก ต้องเสียน้ำตา ด้วยความเสียใจที่ไม่ได้นั่ง แต่พ่อกะแม่ก็ยังอุตสาห์ ถ่ายรูปเก็บภาพไว้เป็นที่ระลึก
บรรยากาศของไร่บุญรอดที่เราได้สิทธิ์ไปแค่นี้
ต่อจากนี้เดินทางต่อสถานีต่อไป วัดร่องขุ่นซึ่งเราเพิ่งผ่านเมื่อก่อนเข้าไร่บุญรอด วัดร่องขุ่น เป็นวัดที่สร้างขึ้นจากแรงศรัทธาของ อ.เฉลิมชัย โฆษิตพิพัฒน์ ศิลปินของจังหวัดเชียงราย เพื่อมุ่งสร้างงานพุทธศิลป์ที่มีเอกลักษณ์ของตัวเอง
ความงดงามของที่นี่
สวยจนเกินบรรยาย
เก็บภาพจนพอใจ ก็เริ่มเหนื่อย อยากพัก ขอเข้าที่พัก ก่อน เผ้ารอมานาน จองครึ่งปี ลองดูว่าดีเหมือนที่ตั้งใจหรือเปล่า รสาบูติค รีสอร์ท
ฝีมือลูกชาย
เบื้องหลังของภาพสวย ๆ ฝีมือลูกชาย
บรรยากาศยามเช้าที่ รสา
หลังจากนั้นเราก็เดินทางกันต่อ เก็บของ Checkout แล้วไปแม่สาย เส้นทาง จากที่หาข้อมูลมาคิดว่า มีสถานที่ ที่น่าจะไปแวะ คือวัดถ้ำปลา วัดถ้ำปลา หรือ วัดพุทธสถานถ้ำปลา ตั้งอยู่ที่บ้านถ้ำปลา หมู่ที่ 14 ตำบลโป่งผา อำเภอแม่สาย จังหวัดเชียงราย โดย ถ้ำปลา มีลักษณะเป็นลำธารเล็ก ๆ ไหลออกจากใต้ภูเขาหินปูน ไหลทะลุผ่านภูเขาหลายเส้นทางโดยไหลออกทางหน้าปากถ้ำด้านทิศตะวันออกสายน้ำ เหล่านี้มีต้นกำเนิดมาจาก น้ำตกห้วยเนี้ย ถ้ำนี้วัดความกว้างได้ประมาณ 2.50 เมตร ความสูงวัดจากฝั่งน้ำขึ้นไป สูงประมาณ 1.50 เมตร น้ำลึกประมาณ 0.50 เมตร และภายในถ้ำยังมีพระพุทธรูปศิลปะพม่า สร้างขึ้นโดยพระภิกษุชาวพม่า ประชาชนทั่วไปเรียกว่า "พระทรงเครื่อง" เป็นที่เลื่อมใสของประชาชนในแถบนี้เป็นอย่างมาก
สมาชิกทุกคนลงจากรถเพื่อลงไป ดูสิ ! มันมีอะไรให้เราดูกันบ้าง พอเข้าไปในบริเวณวัด โอ้โห น่าจะเปลี่ยนชื่อนะเป็นวัดถ้ำลิง เพราะจากที่ดูแล้ว ลิง เยอะมาก ทุกตัวใช้ชีวิตแบบ one2call มาก บางก็หาของกิน เล่นกันเองบ้าง กระโดดน้ำเล่นบ้าง น่ารักดี
ลิงกระโดด น้ำ น่ารักดี
ที่จริงข้างบนมีทางให้ขึ้นเพื่อไปดูวิว เข้าถ้ำ แต่ไม่สังเกตดุว่า ไม่ค่อยเห็นมีใครเค้าขึ้นกันเลย เหตุเพราะ ระหว่างทางที่ต้องขึ้นนั้น จะต้องผ่าน ฝูงลิง ไปตลอดทาง เห็นแล้วท่าทางพวกเราจะสู้ไม่ไหว แต่ชาวบ้านบอกว่า ถ้าไปจะต้องเตรียมไม้ไปด้วย มองหน้ากันแล้วพูดว่า ไม่ดีกว่า แล้วก็เปลี่ยนเข้าไปไหว้พระดีกว่า หลังจากไหว้เสร็จออกจากศาลา มีเหตุการณ์ที่คิดว่า จำไปตลอดเลย ลูกชาย น้องอิง เดินตามรอยพ่อ แต่พ่อไม่รู้ว่า ลูก เหมือนว่าจะโดน พี่ลิง กระโดน(ถีบ) อย่างแรง ทำให้น้องอิง ถึงกับล้ม พอล้ม พิ่ลิง ประมาณ 4-5 ตัวเตรียมจะซ้ำ ดีที่แม่ เรียกพ่อ พ่อหันมาด้วยความตกใจ ตะโกนไล่พี่ลิงเสียงดังมาก จนพี่ลิงกระเจิง
ทุกคนไม่รู้ว่า น้องอิง เป็นไงบ้าง เพราะหลังจากนั้นเราก็ขึ้นรถกันปกติ เพื่อแม่จ้องจะไปร้าน จักกะผัก อย่างเดียว จนน้าคนสวย หนึ่งในสมาชิกเรา ถามว่าเจ็บตรงไหนป่าว เพราะเห็นว่า เงียบไป อิงบอกว่าเจ็บ ก็เลยบังคับให้เปิดกางเกงให้ดู โอ้ ทุกคนในรถร้อง ด้วยความตกใจ คิดว่าไม่เป็นไร เห็นแล้วสงสารเลย คงจะเป็นรอย เล็บของคุณพี่ลิง นั้นแหละ ลึกประมาณนึ่ง แล้วก็มีเลือดไหล ก็เลยจัดการหา ยาล้างแผลติดพลาสเตอร์ ไปก่อน แล้วค่อยหา โรงพยาบาลฉีดวัคซีน
หายตกใจแล้วก็ถึง ร้านจันกะผัก พอดี ขอแวะหาอะไรกินก่อนนะ ร้านจันกะผัก ณ ศูนย์จักรพันธ์ สุดแดนเหนือเมืองแม่สาย ถึงหน้าหนาวคราวใด ใครต่อใครต่างพากันขึ้นเหนือสัมผัสอากาศเย็นที่เชื่อกันว่ามีมาก กว่าภาคอื่นๆ ศูนย์พัฒนาพันธุ์พืชจักรพันธ์เพ็ญศิรินี้ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารีมีพระราชดำริให้จัดตั้งขึ้น เพื่อผลิตเมล็ดพันธุ์พืชอย่างมีคุณภาพให้เกษตรกรได้มีพันธุ์พืชที่ดีใช้ในการทำเกษตร ศูนย์นี้อยู่ก่อนถึงอำเภอแม่สายเพียง 4 กิโลเมตร สามารถแวะเข้าไปเยี่ยมชมโครงการ และถ่ายภาพเทือกเขานางนอน ซึ่งอยู่เบื้องหลังโครงการเป็นทิวทัศน์ที่สวยงาม โดยเฉพาะยามเย็นที่มีแสงอาทิตย์สะท้อนลงในแปลงพืชผักทอประกายระยิบระยับ เมื่อเหนื่อยและเริ่มหิวสามารถแวะพักผ่อนคลายร้อน บรรเทา
อิ่มแล้ว ก็ได้เวลาหา โรงพยาบาลก่อน เพื่อพาน้องอิง ไปฉีดวัคซีน ก่อน ก็เจอพอดี โรงพยาบาลแม่สาย เข้าคิวตามระเบียบแต่โดยรวมแล้วไม่นานเลย การบริการก็ใช้ได้ น้องอิงรับไป 6 เข็ม ค่ารักษา 2,550 บาท พอประมาณ เสียเวลาไปประมาณ 2 3 ชม.
เสร็จแล้วก็ไปต่อค่ะ พ่อจะพาน้องอิง ไปเรียนรู้วัฒนธรรมประเทศในกลุ่ม AEC กัน เราจะข้ามไปพม่า แต่ก่อนอื่น จะต้องไปทำใบข้ามแดนก่อนเสียค่าบริการคนละ 30 บาท หลังจากนั้นก็ไปเสียค่าข้ามพรมแดมอีก คนละ 10 บาท แต่ที่จอดรถหายากมาก เราไปแอบจอดในสถานีตำรวจ ซึ่งก็เยอะทั้งคนและรถ แล้วก็เดินข้ามประเทศกันเลย พอข้ามฝั่งได้แล้วก็ จะมีผู้ให้บริการ เดินเข้ามาหาเราเพียบ อย่ากลัวว่าจะไม่มีรถนำเที่ยว แต่ ก็ต่อราคากันให้ดี จนพอใจ คณะเราเหมา 1 คัน ราคา 400 บาท ผู้ใหญ่ 9 เด็ก 2 คน เค้าจะพาเราไป 4 ที่ รับทราบตามนั้นก็ขึ้นรถ เด็กตื่นเต้นค่ะ เพราะไม่เคยนั่งรถแบบ นี้ พ่อแม่ก็ตื่นเต้น เพราะ การจราจรของเค้า แย่มาก ไม่ค่อยเป็นระเบียบเอาเสียเลย ไม่เห็นจะมีไฟแดง วัดใจกันอย่างเดียว มองหน้ากันเล็งกันเอาว่า ใครจะออก ใครจะเข้า ที่แรกที่เค้าพาเราไปคือวัดอะไร ภาษาพม่า อ่านไม่ออก แล้วก็จำไม่ได้ มีเพียงภาพถ่ายให้ดูต่างหน้าเท่านั้น ความทรงจำอื่น ๆ ไม่มีเลย
นี่คือสภาพรถ ที่เรานั่งกัน
แล้วก็ไปต่อ สักพักเราก็เจอเหตุการณ์ที่คิดในใจไว้จนได้ จนใจคอห่อเหี่ยวไม่อยากจะลงไปเที่ยวต่ออีกเลย (รถชนกัน เห็นเลือดพม่า สด ๆ กะตา) หน้ากลัว จนบอกไม่ถูก เฮ้ย .. มันก็มาชนกันตรงที่เราจะลงเนี่ยนะ ถึงแล้ว เจดีย์ชเวดากอง (องค์จำลองจากย่างกุ้ง)
เจดีย์ชเวดากอง (องค์จำลองจากย่างกุ้ง) เป็นพระธาตุประจำปีมะเมีย (ม้า) ใครที่เกิดปีม้าควรไปกราบไหว้สักการะบูชาเป็นอย่าง รอบๆๆองค์พระธาตุเจดีมีองค์พระประจำวันเกิด ทั้ง 7 วันไว้สรงน้ำพระตามวันเกิด เพื่อความเป็นสิริมงคล ซึ่งชาวพม่าให้ความเคารพนับถือ ยิ่ง แต่เราจำได้ ว่า เราไม่ได้ไหว้ เหตุการณ์หลายอย่างมันพาไป หนึ่งร้อน สองอุ้มลูกที่ตัวร้อน สามเหตุการณ์สักครู่ทำให้จิตใจไม่ปกติ ก็ได้แต่เดินเท้าเปล่า วน 1 รอบ ถ่ายรูป 2-3 รูป แล้วก็รีบขึ้นรถดีกว่า อยากออกจากแถวนี้เร็ว ๆ จังเลย
ต่อไปพี่คนขับจะพาเราไป ชมหมู่บ้านกะเหรี่ยงคอยาว แต่ต้องเสียค่าเข้า คนละ 90 บาท เก้าสิบบาท เสียงสูงกันทุกคน คิดต่อ ไปทำไมฟร๊ะ เชียงใหม่ก็มี ปีที่แล้วไปมาแล้ว 10 บาท ไม่เอาดีกว่า กลับ กลับ ไม่ใช่ไม่อยากเสียเงิน แต่ จะเสียไปเพื่ออะไร จะดูอะไร๊ สรุปพี่คนขับก็พาเรากลับ แต่แถมวัดแห่งหนึ่งให้ สวยมาก ชื่อว่า วัดไทยใหญ่ ลองดูภาพ
เราต้องทำเวลากันหน่อย เพราะ จะต้องขึ้นไปนอนบนดอยตุงเลย ซึ่ง ไม่รุ้ว่าที่พักเรา อยู่ตรงไหน และเป็นอย่างไร ไม่มีรีวิว ไม่ภาพให้เราได้วาดผัน อะไรได้เลย มีแต่เสียงโทรศัพท์ และเบอร์โทรของพี่ทหาร มีทั้ง พันโท ไปจนถึงจ่า ที่คอยให้การบริการ เป็นอย่างดี ตั้งแต่วันที่เราโทรไปจอง โดยที่ไม่ต้องเสียเงินล่วงหน้าเลย ระหว่างทางที่ขึ้น ก็โทรถามพี่เค้าตลอดเพราะ เริ่มมืดเราจะ และจะหลงไม่ได้เพราะ เราอยู่บนเขาสูงแล้ว และแล้วเราก็มาถึงจนได้ มีพี่ทหารสองคนที่คอยตอนรับเราอยู่ หน้าตาใจดี แบบคนเหนือ ๆ พลทหารที่คอยบริการเปิดห้อง ยกของก็น่ารัก (หน้าตา) ขาว ดี แต่บรรยากาศเงียบสนิทเลย ได้อารมณ์มาก อยู่บนยอดเขาสูง มองเห็นวิว ไปจุดสุดลูกหูลูกตา ไกล แสนไกล หายใจได้สะดวก ที่นี่มีบ้านพักหลายหลัง ลดหลั่นไปตามชายเขา แต่ละหลังก็จะ สองห้องนอน 1 ห้องโถ่ง มีทีวี ตู้เย็น ห้องน้ำ 1 ห้อง สะดวกดีมาก ความสะอาดก็ใช้ได้ ทำไม่ถึงไม่มีใครรีวิวเลย พี่ ๆ เค้าบอกว่า ช่วงปีใหม่เต็มหมดทุกหลัง และวันนี้เราเห็นว่า น่าจะมีพัก แค่ 2 หลังนะ ที่สำคัญใกล้พระตำหนักดอยตุงนิดเดียวเอง บ้านพักจะเลยพระตำหนักมาหน่อยเดียว มาทางลานเฮลิคอปเตอร์
บ้านพักจังหวัดทหารบกเชียงราย
เช้าวันที่ 11 มกรา เราออกจากที่พัก กัน ตั้งแต่ 7 โมงเช้า เพื่อไปหาอะไรกินกัน ก่อนที่จะเดินทางต่อไป ใช้เวลาขับรถ ลงมาที่ดอยตุงนิดเดียวเองไม่ถึง 10 นาที ก็ถึงล่ะ ตอนนี้ยังเช้าอยู่ทำให้หา ที่จอดรถได้ง่าย คนยังไม่ค่อยมี เราก็ไปกินข้าวที่ข้างหน้าทางเข้าสวนแม่ฟ้าหลวง ที่จริงถ้ามาสาย ๆ เดินไปกินที่กาดดอยตุงก็ได้ จะมีอะไรให้เลือกเยอะมากกว่านี้ สำหรับค่าเข้าชม พระตำหนักดอยตุง สวนแม่ฟ้าหลวง หอพระราชประวัติ ที่ละ 90 บาทสำหรับผู้ใหญ่ แต่พวกเราไปแค่สองที่คือ พระตำหนัก กับ สวน
ก็ยังใช้เวลากับการถ่ายรูป ถ่ายรูป แล้วก็ถ่ายรูป กันเรื่อย ๆ เด็ก ๆ ก็ไม่ดื้อ อากาศก็เย็นสบาย คนก็ไม่เยอะ ไม่ต้องมาแย่งกันโพสต์
Create Date : 18 มกราคม 2557 |
| |
|
Last Update : 15 กุมภาพันธ์ 2557 17:09:56 น. |
| |
Counter : 2158 Pageviews. |
| |
|
|