|
แวะเวียน อมรินทร์ บุ๊ค แฟร์ 2009
ก่อนอื่นคงต้องขอขอบคุณทุกท่านที่เข้ามาอวยพรวันเกิดใน Entry ที่แล้ว อย่างอุ่นหนาฝาคั่ง(เหรอ !?) จนน่าตกใจ ถึงปกติเราจะไม่ค่อยได้ใส่ใจกับวันนั้นเท่าไรนักก็ตามที แต่ก็ขอบคุณหลายๆ ครับ
เราพึ่งจะว่าง(อีกแล้ว)จากทั้งงานราษฎร์และงานหลวงทั้งหลาย แล้วพอดีไปเห็นในบลอกพี่แป๊ด (Grappa) ว่าช่วงนี้มีงานอมรินทร์ บุ๊ค แฟร์ เมื่อวานเลยแวะไปดูซะเล็กน้อยก่อนไปเรียน
งานจัดที่ศูนย์สิริกิติ์บริเวณ Hall A เหมือนปีที่แล้ว สำนักพิมพ์พันธมิตรก็อุ่นหนาฝาคั่งเหมือนเดิม หนึ่งในนั้นมีบูท (หรือจะเรียกว่าชั้นวางดี) ระหว่างบรรทัด + a day ที่เราไปแวะเวียนอยู่นานสองนาน เพราะโดยปกติแล้ว ในงานสัปดาห์หนังสือฯ บูทระหว่างบรรทัดจะมีหนังสือต้องตาต้องใจเราอยู่เสมอๆ(เพราะบูทระหว่างบรรทัด แต่มีหนังสือของสนพ.เพื่อนพ้องมาร่วมวางด้วยเยอะมาก ทั้งไต้ฝุ่น กำมะหยี่ สนพ.หนึ่ง ฯลฯ ซึ่งรวมๆ กันแล้วจะมากกว่าหนังสือของระหว่างบรรทัดเองเสียอีก) ส่วน a day ช่วงหลังๆ ไม่ได้ติดตามอย่างใกล้ชิดเท่าไหร่ อาจเป็นเพราะส่วนใหญ่เราซื้อหนังสือจากงานหนังสือฯ เป็นหลัก แล้วบูท a day นับวันก็ยิ่งเป็นที่นิยมมากขึ้นๆ กลับกันกับความพยายามในการเบียดเสียดผู้คนเข้าไปแย่งชิงซื้อหนังสือของเรา ทำให้ช่วงหลังๆ ไม่ค่อยได้ซื้อหนังสือ a day จากในงานหนังสือฯ แต่ก็ยังแวะเวียนซื้อจากที่อื่นอยู่บ้างตามความโหย ส่วนบูทอื่นๆในงานที่เราแวะดูก็มีบูทเนชั่น แล้วก็บลิส (อันที่จริงก็แวะดูทุกบูทแหละ งานไม่ได้ใหญ่มาก เดินแปปๆ ก็ทั่วแล้ว) ส่วนหนังสือของอมรินทร์เจ้าของงาน ไม่ค่อยจะถูกใจเราเท่าไหร่ สงสัยจะคนละแนวกัน แต่สุดท้ายก็ได้หนังสืออมรินทร์มาเล่มนึง คือ
ลับแล, แก่งคอย ของคุณอุทิศ เหมะมูล หนังสือที่นำเสนอเรื่องราวแบบไทยๆ เล่าเรื่องราวชีวิตของคน 3 ชั่วอายุ ที่มีเรื่องน่าสนใจต่างๆ เกิดขึ้นมากมาย หนังสือเล่มนี้เข้าชิงซีไรท์ของปีนี้ด้วย โดยพี่แป๊ดรีวิวไว้ ที่นี่ ส่วนเล่มอื่นที่ได้มา มีอีก 3 เล่ม –
สมุดวาดเขียน ของคุณโต้ง ไตรรงค์ ประสิทธิผล หรือที่หลายคนรู้จักในนาม หัวแจกัน) ที่เคยมีหนังสือรวมเล่มมาแล้วเป็นการ์ตูนหลายช่องจบ แนวเสียดสีๆ สังคมนิดหน่อย (ซึ่งเรานิยมเป็นอย่างสูง) ส่วนเล่มนี้เป็นบทความผสมการ์ตูน เป็นอีกมุมที่เราไม่เคยคิดว่าคุณหัวแจกันจะเขียนหนังสือ แต่งานออกมาก็สนุกสนานดีไม่แพ้การ์ตูนเลยทีเดียว
เล่มต่อไป – เสียงเรื่องเล่าจากเครื่องฉาย เรื่องสั้นโดยนักเขียน 6 ท่าน : อนุสรณ์ ติปยานนท์ 10 เดซิเบล อุทิศ เหมะมูล กิตติพล สรัคคานนท์ ภาณุ ตรัยเวช และปราบดา หยุ่น ที่แค่เห็นชื่อนักเขียนเหล่านี้มารวมกันเขียนเรื่องสั้นให้หนังสือเล่มหนึ่ง ก็แทบไม่ต้องคิดอะไรมากแล้ว แถมเล่มนี้ยังเป็นหนังสือพิเศษอีกอย่างหนึ่งคือ เป็นเรื่องสั้นที่มีทั้ง 2 ภาษา ในเล่มเดียวกัน คือใน 6 เรื่องสั้นนั้น นักเขียนแต่ละคนก็จะเขียนและ/หรือแปลออกมาเป็นทั้งภาษาอังกฤษและภาษาไทย แล้วการจะได้เห็นสำนวนเขียนและ/หรือแปล ของนักเขียนที่เราชื่นชอบ ออกมาเป็นทั้งภาษาอังกฤษ และภาษาไทย มันเป็นเรื่องสุดยอดมากเลยมิใช่หรืออออ ???? (เราว่าเล่มนี้หาซื้อที่อื่นยากมาก เพราะจริงๆ เห็นตั้งแต่ที่พี่แป๊ดเขียนถึงไว้ตั้งแต่จบงานหนังสือช่วงเม.ย. ที่นี่ แต่ไม่ได้เห็นหนังสือวางขายที่ไหนเลย)
ส่วนเล่มสุดท้าย - คนวัดโลก ที่เราไปเห็นในบลอกของคุณ the grinning cheshire cat ที่นี่ เขียนไว้ว่า นิยายฮิปผสมฮา แปลจากภาษาเยอรมัน - คนที่อ่านแล้วเขาว่ามันเป็นเรื่องของ nerd สมัยโบราณ ขอสารภาพว่า แค่ 2 ประโยคนี้ก็ดึงดูดใจเรามากพอที่จะซื้อแล้วแฮะ ใจง่ายจริงๆ - -‘’
สรุปไปงานอมรินทร์ บุ๊ค แฟร์ ได้หนังสือกลับมา 4 เล่ม ถุงผ้าตุงกันไปเลยทีเดียว(และกลับกัน กระเป๋าตังค์แบนไปเลยทีเดียว) แถมก่อนเข้าเรียนไปได้ CD เพลงพี่เจี๊ยบ วรรธนา ชุดใหม่ Everything I~Sea มาอีกแผ่น(ดีใจสุดๆ) ไว้โอกาสหน้าว่างๆ (อาจ) จะมาเขียนถึง
ช่วงนี้เรียน มีวิชาหนึ่งคือภาษาไทย อาจารย์ให้เขียนงานส่ง แค่ย่อหน้าเดียว ที่ช่วยเน้นย้ำความจริงเรื่องปัญหาในการเขียนของเรา คือ “จบไม่ลง” ตอนเริ่มก็เริ่มมาดีๆ อยู่หรอก แต่พอกลางๆ เข้าสู่ปลายๆ เริ่มจะออกอาการตีบตัน และไม่รู้จะจบยังไง เป็นแบบนี้แทบทุกงาน (ที่ยกเรื่องนี้มาพูดเพราะจะบอกว่าตอนนี้ก็เริ่มจะตีบแล้วเช่นกัน 555)
ขอขอบคุณทุกท่านที่แวะเข้ามาอ่านนะครับ โอกาสหน้าพบกันครับ
ปล. พึ่งดูวันที่แล้วนึกได้ว่าห่างจาก Entry ที่แล้วเดือนนึงแน่ะ ว่าจะพยายามไม่ให้ห่างขนาดนี้แล้วเชียวนะเนี่ย ปล.2 เสียดายงานอมรินทร์ไม่มี open books ไปเปิดบูทด้วย แต่คิดในทางที่ดีก็ดีแล้วละมั้ง ไม่งั้นอาจจะมีแววเสียทรัพย์อีกหลาย แค่นี้ก็กรอบเต็มทีแล้ว ปล.3 ตอนเขียนเสร็จจะอัพขึ้นบลอก พึ่งเห็นว่าพี่แป๊ดมีมาทวงให้อัพบลอกด้วย ขอบคุณมากครับพี่ จะพยายามไม่ให้ห่างเกินเดือน และจะให้ถี่ขึ้นเท่าที่โอกาสจะอำนวย
Create Date : 31 กรกฎาคม 2552 | | |
Last Update : 31 กรกฎาคม 2552 17:30:23 น. |
Counter : 598 Pageviews. |
| |
|
|
|
|
โลกของเราขาวไม่เท่ากัน
เมื่อบ่ายแก่ๆ วันนี้ เราพึ่งอ่านหนังสือจบไปเล่มหนึ่ง เป็นหนังสือเล่มที่ใช้เวลาอ่านนานพอดูเลย ด้วยปัจจัยด้านเวลาที่ไม่ค่อยจะอำนวยเท่าไหร่นัก
โลกของเราขาวไม่เท่ากัน คือชื่อหนังสือเล่มนั้น เขียนโดย ม.ล.ปริญญากร วรวรรณ และคุณวรพจน์ พันธุ์พงศ์
คุณเชน หรือ ม.ล.ปริญญากร นั้น เราเคยได้ยินชื่อมาหลายรอบ จากหนังสือคุณวรพจน์เล่มก่อนๆ และพอจะทราบคร่าวๆ ว่าเขาเป็น “ช่างภาพสัตว์ป่า” มืออาชีพ คือประกอบอาชีพถ่ายรูปสัตว์ป่าอย่างจริงจัง และเป็นคนเดียวในโลกที่เราเคยได้ยินว่าประกอบอาชีพนี้ ส่วนคุณหนึ่ง วรพจน์ นักเขียนที่ได้รับการยกย่องว่าเป็นนักสัมภาษณ์มือหนึ่งของวงการนิตยสาร แต่กลับแปลกที่เราชื่นชอบงานเขียนของเค้ามากกว่างานสัมภาษณ์เสียอีก
หนังสือเล่มนี้ เป็นการเขียน ‘อะไรก็ได้’ โดยชายทั้งสองคนนั้น คุณเชนก็เขียนเรื่องป่าเขา สัตว์ป่า เรื่องคนอนุรักษ์ป่า เรื่องชาวเขา ชาวบ้านที่อาศัยบริเวณป่า ไปตามความถนัด
ส่วนคุณวรพจน์ก็ว่าด้วยเรื่องบทสัมภาษณ์บุคคลต่างๆ ที่น่าสนใจมากมาย (เราชอบบทที่สัมภาษณ์คุณปานชลี สถิรศาสตร์ ศิลปินนักปั้นเซรามิคมากๆ เป็นเรื่องเกี่ยวกับความเงียบ) นอกจากบทสัมภาษณ์ก็เป็นเรื่องทั่วไปที่คุณวรพจน์ชอบเขียน ทั้งเรื่องชีวิต สังคม ทั้งเรื่องม็อบ เรื่องความรักสวยรักงามของหญิงสาว เรื่องคลื่นวิทยุ The Radio เลยไปจนถึงเรื่องฟุตบอลโลก และอื่นๆ
ทั้งสองคนเขียนหนังสืออ่านง่าย อ่านเพลิน มากๆ ตอนแรกเราตั้งใจว่าจะอ่านรวดเดียวให้จบเลย แต่กลายเป็นว่าพอเริ่มอ่านแล้ว งานอื่นไหลมาเทมา จนไม่ได้มีเวลาอ่านให้จบซะที จนล่วงเลยมาถึงวันนี้ จนอ่านจบถึงเจอบทที่เอ่ยถึงชื่อเรื่อง ในบทนั้นมีข้อความดีๆ หลายประโยคเลย ขอยกมาให้อ่านกันดูซักเล็กน้อย พอเป็นพิธีแล้วกันนะ
- เด็กมีประสบการณ์น้อยกว่า วุฒิภาวะน้อยกว่า การศึกษาน้อยกว่า แต่เด็กหัวเราะง่ายกว่าผู้ใหญ่ - ไม่น่าจะเคยศึกษาคัมภีร์อัลกุรอ่าน ไบเบิล พระไตรปิฎก หรือผ่านการบำเพ็ญเพียรภาวนามาจากสำนักสงฆ์ใด แต่เด็กทั้งโลกมีคุณสมบัติคล้ายกันคือบรรลุแล้วในศาสตร์แห่งการให้อภัย - ขณะที่ผู้ใหญ่จำฝังใจในเรื่องเจ็บแค้น เด็กจำได้แต่เรื่องสนุก - เด็กไม่รู้จักยานอนหลับ และไม่เข้าใจความเครียด - แต่เด็กทุกคนอยากจะเป็นผู้ใหญ่
- ที่จริง เวลาคนถามก็สามารถตอบได้สนุกดี แต่อยากให้เขารู้เหลือเกินว่าการไม่มีโทรศัพท์มือถือนั้นดีจริงๆ มันทั้งไม่มีค่าใช้จ่ายงี่เง่าและเดินตัวเบาสบาย - พูดไปตอนนี้ใครเขาจะเชื่อ เพราะประเทศที่รักของเราเสียเอกราชให้โทรศัพท์มือถือตั้งนานแล้ว - เคยมีไหม วันไหนไม่ได้ยินเสียงโทรศัพท์มือถือ - ไม่มีหรอก (น่าแปลกใจไหมว่า 10 ปีก่อน เราอยู่กันมาได้อย่างไร)
- นอกจากจะเกิดมาแตกต่างกัน โลกของเราขาวไม่เท่ากัน - คล้ายทฤษฎีสี, ชีวิตสีขาวไม่จำเป็นต้องกักขังตัวเองอยู่ในโลกและสังคมสีขาว เพราะการโคจรไปเจอดวงดาวสีน้ำเงิน อาจทำให้เกิดการผสมกลมกลืนกันจนออกมาเป็นสีฟ้าสดใส – ก็ได้ การสุ่มเสี่ยงใช่ว่าจะน่าวิตกไปหมด - ความขาว ดำ เทา นี่เองที่ทำให้มนุษย์ขัดแย้งกัน แต่มันก็ทำให้โลกหมุน เกิดความเชื่อ เกิดวิถี และมีการคิดค้นสร้างสรรค์
ยกตัวอย่างให้อ่านพอเป็นน้ำจิ้มแค่นี้ก่อนแล้วกัน เริ่มเกรงใจคนเขียนและสำนักพิมพ์เค้า
ตอนเราสอบปริญญาโท มีส่วนหนึ่งเป็นการสอบเรียงความภาษาไทย ตอนเตรียมตัวสอบ เราไม่รู้จะเตรียมยังไง เราเลยเลือกที่จะอ่านหนังสือคุณวรพจน์เนี่ยแหละ ไปเป็นแนวในการเขียนเรียงความตอนสอบ เพราะเรารู้สึกว่าหนังสือหรือบทความที่คุณวรพจน์เขียนนั้นอ่านง่าย เข้าใจง่าย แต่อ่านแล้วติด วางไม่ค่อยจะลง เนื้อหาไม่รุงรัง ไม่เยิ่นเย้อ และทุกๆเรื่องล้วนแฝงไว้ด้วยสาระหรือข้อคิดอะไรบางอย่าง เราชอบงานแบบนี้ชะมัด เลยขอยืมมาเป็นข้อมูลในสมอง เผื่อว่าจะช่วยอะไรได้บ้างในห้องสอบ
แล้วก็ไม่รู้เหมือนกันว่าที่อ่านไปน่ะช่วยอะไรได้เยอะแค่ไหนตอนเอาไปเขียนคำตอบ รู้แค่ว่าสอบผ่านมาแล้ว ก็ดีใจเหลือหลาย ต้องขอขอบคุณคุณวรพจน์ไว้ด้วยนะครับนี่
หนังสือ โลกของเราขาวไม่เท่ากัน โดยสำนักพิมพ์ openbooks เขียนโดย ม.ล.ปริญญากร วรวรรณ และ วรพจน์ พันธุ์พงศ์ ราคา 200 บาท หาซื้อได้ตามร้านหนังสือทั่วประเทศ ขอเชียร์หนังสือเล่มนี้ โดยไม่มีส่วนได้ส่วนเสียใดๆ
Create Date : 23 พฤษภาคม 2552 | | |
Last Update : 25 พฤษภาคม 2552 7:53:14 น. |
Counter : 778 Pageviews. |
| |
|
|
|
|
| |
|
|