|
เรื่องสีที่ตกเวลาซักผ้าครับ
เวลาเราซักผ้าสีบางชิ้นร่วมกับผ้าชิ้นอื่น จะมีบางชิ้นที่สีตก ไปติดกับผ้าชิ้นอื่น อยากรู้ว่า สีที่มันตกไปติดกับผ้าชิ้นอื่นได้ง่ายๆขนาดนั้น เวลาไปติดผ้าชิ้นอื่นแล้ว มันไม่ตกต่อไปอีก หรือซักแล้วหลุดได้ง่ายๆ เหมือนตอนที่มันออกจากผ้าชิ้นแรกครับ
หรือกลับกัน เวลาสีมันตกใส่ผ้าเรา เราซักออกได้ยากมาก หรือไม่ได้เลยด้วยซ้ำ ก้อในเมื่อมันหลุดยากขนาดนี้ แล้วมันหลุดออกจากผ้าต้นฉบับได้ไงครับ
จากคุณ : ARMS STRONG
+ มันเป็นสมดุลการย้อมสีครับ เพราะปกติ สีย้อม 1 ตัวจะมีค่า K หรือค่าคงที่สมดุล ซึ่ง เท่ากับ ความเข้มข้นของสีบนผ้า / ความเข้มข้นของสีที่เหลือในน้ำ
ในกรณีผ้าขาว นั้นความเข้มข้นเริ่มต้นของสีเท่ากับ 0 ดังนั้น การที่สีจะติดผ้าจึงไม่ใช่เรื่องยาก เนื่องจากค่าความสามารถในการเกาะติดของสีนั้นเ็ป็นค่าที่สัมพันธ์กับค่า K ครับ โดยที่
ค่าความสามารถในการเกาะติด (จูล/โมล) = R (ค่าคงที่ของแก๊ส) * T (อุณหภูมิสัมบูรณ์) * ln K
Note : K = ความเข้มข้นของสีที่อยู่บนผ้า / ความเข้มข้นของสีที่อยู่ในน้ำย้อม
ใน ขณะที่ผ้าต้นฉบับที่ทำสีตกออกมานั้นมีค่าความเข้มข้น X บนผ้า สีก็จะพยายามหลุดออกมาสู่น้ำให้ได้ความเข้มข้นของสีที่อยู่ในน้ำ เพื่อให้ได้อัตราส่วน K ของความเข้มข้นของสีที่อยู่บนผ้า / ความเข้มข้นของสีที่อยู่ในน้ำย้อม ดังนั้นจึงเป็นการง่ายที่สีจะหลุดออกมาครับ
: ในแง่ของฟิสิกส์การย้อมครับ
+ โดยมากการตกแล้วติดนี่มักจะเกิดขึ้นจากสีประจุลบบนเส้นใยฝ้าย เนื่องจากสีที่หลุดออกมาสามารถที่จะติดบนเส้นใยที่อุณหภูมิห้องได้ดี
+ ซึ่งสีในกลุ่มนี้อาจจะได้ทำปฏิกิริยากับเส้นใยซึ่งอาจจะสมบูรณ์แต่กำจัดสี ส่วนเกินออกได้ไม่หมด หรือ ไม่สมบูรณ์ทำให้ปริมาณสีที่ไม่ได้ทำปฏิกิริยามีปริมาณสูงครับ ในกรณีนี้สีที่เป็นประจุลบนั้นมักจะเกาะอยู่บนเส้นใยเป็นแบบหลายชั้น (Multilayer) ซึ่งแน่นอน สียิ่มเข้มเท่าไรนั้นก็หมายถึงว่ามีจำนงนชั้นโมเลกุลของสีเยอะขึ้น ระยะห่างของโมเลกุลสีกับเส้นใยก็ห่างกันมากขึ้น รวมไปถึงการผลักกันเองของประจุลบอันเนื่องมาจากโมเลกุลสีย้อมเอง ก็จะทำให้สีหลุดง่ายขึ้น
+ ในทำนองเดียวกันผ้าขาวหรือสีอ่อนเองก็มีความเข้มข้นของสีย้อมเข้าใกล้ 0 ทำให้ความสามารถในการดูดติดสียังคงดีอยู่ไม่มีอุปสรรคของประจุลบของโมเลกุล สีเองที่จะผลักมันออกมา ดังนั้นสีที่ติดเข้าไปจึงดูเหมือนว่าจะเอาออกยาก
+ ดังนั้น หนามยอกต้องเอาหนามบ่งครับ ต้องหาวัสดุที่สามารถดูดติดสีได้แรง แต่ละลายน้ำได้ง่าย ที่แนะนำเลย คือ เจลแต่งผม เนื่องจากมีส่วนผสมของ PVP (polyvinylpyrollidone) ซึ่งมีประจุบวกแรง มันก็สามารถที่จะดึงสีที่ตกออกมาได้ดี โดยการเอาเจลแต่งผม (ที่ไม่มีสีด้วยนะ ไม่งั้นจะซ้ำร้ายขึ้น) ป้ายตรงสีตก แล้วขยี้ ซึ่งวิธีนี้จะไม่กัดสีพื้นเดิมออกด้วย แต่ถ้าเป็นผ้าขาวก็ใช้ไฮเตอร์เลยก็ได้
: ในแง่ของเคมีการย้อม และเคล็ดแม่บ้าน ฮี่ ฮี่
Create Date : 21 กรกฎาคม 2552 |
| |
|
Last Update : 21 กรกฎาคม 2552 11:14:21 น. |
| |
Counter : 1307 Pageviews. |
| |
|
|
|
ทำอย่างไรให้กางเกงยีนส์ซีดเก่าเร็วๆ ได้บ้าง
ด่างทับทิมครับ เร็วที่สุด ง่ายที่สุด...
เนื่อง จาก Manganate ion เป็น oxidising species ที่แรงกว่า Hypochlorite ion (หรือ ไฮเตอร์น่ะแหละ) และนอกจากนั้้นพอมัน oxidise โครงสร้างของ indigo ใน denim แล้วเนีั่่ย มันจะให้ตะกอนเหลืองอมน้ำตาลของ manganese dioxide ทำให้ดูเป็นสีสนิมที่สวยไปอีกแบบ....แต่ถ้าตะกอนเหลืองของคุณเยอะเกินไป (คือ บางคนทำแล้วแช่นานไปนิด หรือ ใส่ด่างทับทิมไปเยอะเกิน) ก็ให้ล้างในสารละลาย hydrogen peroxide ในกรดได้ เพื่อปรับสีสนิมให้อ่อนลงตามความต้องการ
How to?.... ละลายด่างทับทิมประมาณ 1 ช้อนกาแฟในน้ำ 1 กาละมัง ต่อกางเกงยีนส์ 1 ตัว จนได้สารละลายสีบานเย็นเข้ม..... แช่กางเกงยีนส์ในกาละมังตั้งแต่ 10 - 60 นาที ดูว่าซีดรึยัง....(ขั้นตอนนี้กางเกงจะดูดำๆเหลืองๆอ่ะแหละ) ถ้าชอบก็ยกขึ้นซักออกด้วยน้ำเปล่า....ซักจนได้ความเหลืองที่ต้องการ... ถ้าเหลืองเกินไป ใช้ไฮโดรเจนทาแผล 1 ขวดเล็ก น้ำส้มสายชู 1/2 ถ้วย ล้างตะกอนเหลืองออกตามความชอบ...
Create Date : 21 กรกฎาคม 2552 |
| |
|
Last Update : 21 กรกฎาคม 2552 11:12:03 น. |
| |
Counter : 6453 Pageviews. |
| |
|
|
|
*** ปัจจัยใดบ้างที่ทำให้ผ้าเรียบ ***
คือผมอยากรู้ว่า ผ้าจะเรียบได้นั้น มีสาเหตุหรือปัจจัยใดบ้าง ความร้อนหรือไอน้ำนั้น ไปส่งผลทางวิทยาศาสตร์ใดกับเนื้อผ้า และเป็นไปได้มั้ยว่า การที่จะทำให้ผ้าเรียบ ไม่จำเป็นต้องใช้วิธีการเดิมๆ เสมอไป เพื่อนๆ คิดว่ามีวิธีการอื่นใดอีกบ้างที่จะทำให้ผ้าเรียบครับ
+++ ที่ต้องการจะรู้เพราะ จะนำไปศึกษาและทำวิจัยต่อไป จึงอยากได้ความเห็นของเพื่อนๆ ขอบคุณทุกๆความเห็นมากๆครับ
จากคุณ : NP-PINK
ถ้าอยากจะรู้ว่าปัจจัยใดที่ทำให้ผ้าเรียบ เราต้องรู้ก่อนว่าปัจจัยใดทำให้ผ้ายับครับ + ปกติเส้นใยที่ยับง่ายนั้นมักจะมีแรงหรือพันธะที่เชื่อมโยงระหว่างสายโซ่ โมเลกุลที่แข็งแรงไม่มาก และมักจะเกิดการเปลี่ยนตำแหน่งเชื่อมขวางแบบผันกลับได้ (reversible mobility crosslink) เช่น พันธะไฮโดรเจน หรือ ไม่ก็มีอุณหภูมิ Tg (Glass transition temperature) ที่ไม่สูงไปกว่าอุณหภูมิห้องสักเท่าไรครับ
+ เส้นใยที่เข้าเกณฑ์ยับง่าย และรอยยับมักจะถาวรจึงมักจะเป็นเส้นใยธรรมชาติ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเส้นใยที่ได้จากพืช เนื่องจากองค์ประกอบหลัก คือ เซลลูโลส ที่สามารถสร้างพันธะไฮโดรเจนกับโซ่โมเลกุลข้างๆ เช่น ฝ้าย และถ้ามีลิกนินเป็นองค์ประกอบก็ยิ่งยับง่ายเข้าไปใหญ่ เช่น ป่าน ปอ ลินิน เป็นต้น ส่วนขนสัตว์และไหมก็มีโอกาสยับที่ไม่แพ้กัน
+ เส้นใยสังเคราะห์ที่ยับง่ายก็มักจะเป็นเส้นใยที่มีค่า Tg ไม่สูงมากนัก เช่น Cellulose diacetate เป็นต้น
+ นอกจากนั้นโครงสร้างของผ้าก็สามารถทำให้เกิดการยับได้มาก-น้อยต่างกันด้วย ปกติโครงสร้างผ้าที่มีการขวางกันของเส้นด้ายมาก (เช่น ช่วงเส้นด้ายขัดกันในผ้าทอ หรือ ช่วงคล้องกันของผ้าถัก) ก็จะทำให้เกิดการทนยับได้มากขึ้น เช่น ผ้าทอลายขัด หรือผ้าถักซิงเกิลเจอรซี (Single jersey) ในขณะที่ถ้าผ้ามีโครงสร้างการข้ามของเส้นด้ายเยอะ เช่น ผ้าลายสอง หรือ ผ้าถักแบบตราจระเข้หรือผ้าลายตริโก (Tricot) ก็จะยับได้ง่ายและถาวรมากขึ้น
+ ดังนั้นการทำให้ผ้าเรียบจึงต้องกำจัดสิ่งที่เป็นต้นเหตุของการยับให้ได้
+ ปัจจัยแรก ถ้าขึ้นอยู่กับโครงสร้างเส้นใยที่เกิดจากการที่พันธะืัที่เชื่อมขวางเส้นใย นั้นอ่อนแอเกินไป และพร้อมที่จะเกิดขึ้นใหม่เสมอนั้น เราก็ใช้วิธีการทำให้พันธะเชื่อมขวางที่ถาวรลงไปแทน เช่น การใช้ Thermosetting plastic เช่น melamine formaldehyde, glyoxal resin ลงไป เพื่อที่จะทำปฏิกิริยากับหมู่ที่เป็น neucleophile เช่น หมู่ -OH หรือ -NH2 ในเส้นใย เพื่อที่จะมีพันธะืั้ที่เชื่อมแข็งแรงขึ้น
+ ปัจจัยที่ 2 ถ้าเส้นใยสังเคราะห์ที่ใช้มี Tg ไม่สูง อันนี้แก้ไม่ได้แฮะ แต่ก็ไม่ค่อยมีการใช้งานกันเท่าไร อย่างมากก็ทำการอบโดยใช้ความร้อน (annealing) เพื่อเลี้ยงให้เกิดผลึกเส้นใยใหญ่ๆ ก็จะทำให้ส่วน amorphous นั้นน้อยลง โอกาสจะยับก็ยากขึ้น
+ ปัจจัย 3 ถ้าจะไม่แก้ที่ต้นเหตุ ก็ต้องแก้ที่ปลายเหตุครับ
- แล้วแก้ปลายเหตุจะทำอย่างไรดี
+ ความร้อนที่ใช้รีดควรจะสูงกว่าค่า Tg ของเส้นใย (แต่ก็ไม่ควรเกิน 10 องศาเซลเซียสนะครับ เพราะทำให้ให้เกิดการเคลื่อนตัวด้วยความร้อน [Thermomigration] ของสีย้อมส่งผลทำให้สีย้อมซีดจางลงได้) ในกรณีที่เป็นเส้นใยสังเคราะห์
+ ถ้าเป็นกรณีที่เป็นเส้นใยธรรมชาติก็ควรจะมีน้ำทำหน้าที่เป็น plasticizer หรือทำลายพันธะไฮโดรเจนระหว่างสายโซ่ชั่วคราว แล้วจัดการรีดด้วยเตารีด ซึ่งมีหน้าที่กดทับ เพื่อให้เกิดพันธะไฮโดรเจนใหม่ (ในลักษณะตำแหน่งที่ทำให้ผ้าเรียบ) โดยที่ควรจะมี external lubricant แช่น parafin wax หรือ polyethylene wax เป็นตัวช่วยในการทำให้การรีดนั้นเีรียบลื่น และควรจะมีสารที่เพิ่มความคงรูป เช่น แป้ง หรือ PVA ที่ช่วยก่อฟิล์มบนผ้า ทำให้ความคงรูปของการรีดเพิ่มขึ้น เป็นต้น
Create Date : 17 มิถุนายน 2552 |
| |
|
Last Update : 17 มิถุนายน 2552 9:19:34 น. |
| |
Counter : 3045 Pageviews. |
| |
|
|
|
พลาสติกเหลือง
อะไรทำให้พลาสติก พวกภาชนะพลาสติก, โครงเครื่องใช้ไฟฟ้า, หน้ากากสวิทช์ไฟ เปลี่ยนจากสีขาวเป็นสีเหลืองครับ ทำไมเปลี่ยนสีเฉพาะด้านนอก ด้านในยังขาวอยู่ ถ้าคำตอบคืออากาศ อะไรในอากาศ ที่ทำให้เปลี่ยนครับ
จากคุณ : PV - [ 6 พ.ค. 52 08:56:00 A:124.120.9.166 X: TicketID:102349 ]
+ บางทีการเหลืองส่วนใหญ่ก็มักจะเกิดจากการเติมสาร phenolic anti-oxidant ครับ เช่นพวก BHT หรืออนุพันธ์ของมัน ซึ่งเป็นสารป้องกันการเสื่อมสภาพของพลาสติกเกือบทุกตัว ดังนั้นความเหลืองที่เกิดขึ้นจากปรากฏการณ์นี้จึงถูกเรียกว่า "Phenolic yellowing" ซึ่งมักจะเกิดขึ้นในขั้นตอนการเก็บรักษาหรือการใช้งาน (โดยเฉพาะอย่างยิ่งบรรยากาศที่มีออกไซด์ของไนโตรเจนค่อนข้างสูง เช่น ในบรรยากาศที่มีความร้อนสูง หรือ มีการเผาใหม้ของเครื่องยนต์สูง) ทำให้บางครั้งเรียกว่า "Storage yellowing" ก็ได้ ซึ่งกลไกก็เป็นไปตามรูป
+ ซึ่งการเหลืองที่ชัดเจนที่สุด และ เกิดได้ง่ายที่สุด ก็ึคือ การเหลืองที่เกิดจาก Phenolate anion (จากเส้นกราฟการดูดกลืนแสงของสารแต่ละสปีชีส์) ซึ่งมักจะเกิดในสภาวะที่เป็นเบส ดังนั้นการควบคุมสภาวะของวัสดุให้อยู่ในสภาวะที่เป็นกรดก็จะเป็นสิ่งที่ ป้องกันที่ปลายเหตุได้ง่ายที่สุด (ในทางทฤษฏี) แต่ในทางปฏิบัติ แม้ในสภาวะที่เป็นกรด แต่มีสารที่เหนี่ยวนำทำให้เกิด phenolate anion เช่น สารที่มีประจุบวกแรงๆ เช่น สารตกแต่งกันไฟฟ้าสถิตย์ที่เป็นประจุบวกแรงๆ ก็ทำให้เกิดความเหลืองได้อยู่ดี ส่วนความเหลืองที่เกิดจากอนุพันธ์ตัวอื่นนั้นเกิดขึ้นได้ยากกว่ามาก (เกิดขึ้นเฉพาะที่ความเข้มข้นของ BHT สูงๆเท่านั้น)
Create Date : 04 มิถุนายน 2552 |
| |
|
Last Update : 4 มิถุนายน 2552 15:31:54 น. |
| |
Counter : 4331 Pageviews. |
| |
|
|
|
| |
|
|
in-situ |
|
|
|
|