โลกนี้มีมาก่อนผู้คน แต่โลกจะทนอยู่ได้นานสักเท่าใด

ถ้าเงินหมื่นแสนล้านถูกผลาญไป ใช้สร้างอาวุธมายัดใส่มือคน
 
 

....ขนมเบื้องโบราณ ที่ร้าน"ละเมียด"

ละเลียดขนมเบื้องโบราณ ที่ร้าน"ละเมียด"





ASTV ผู้จัดการออนไลน์ - ปีนี้เป็นปีวัวถ้าให้ "ผ่านมาแวะกิน" นึกถึงอะไรดีๆ ที่เกี่ยวกับวัว เราปิ๊งนึกถึงสี่แยกคอกวัวขึ้นมาทันที เพราะตรงสี่แยกคอกวัวนี้ มีถนนสายเก่าแก่ที่ชื่อว่า ถ. ตะนาวที่ตั้งอยู่ไม่ไกลจากสี่แยก ซึ่งถนนสายนี้คราคร่ำไปด้วยสารพัดของกินอร่อยๆ มากมาย เป็นอะไรที่ถูกใจคนชอบกินอย่างเรานักเชียว



และในมื้อนี้เมื่อผ่านมาที่นี่ เราก็ขอพาทุกคนมากินขนมเบื้องไทยโบราณเจ้าเก่าแก่ของร้าน "ละเมียด" ที่ขายอยู่ยั่งยืนยง คู่กับถ.ตะนาวมานมนาน ซึ่งเมื่อมาถึงร้านก็จะได้เห็น ลุงพิมาย พุฒประเสริฐ เจ้าของร้านนั่งละเลงขนมเบื้องอยู่บนเตาร้อนๆ โชว์อยู่หน้าร้าน


เรามีโอกาสได้คุยกับลุงพิมาย ท่านบอกว่าขนมเบื้องแบบนี้ เป็นขนมเบื้องสูตรแบบไทยโบราณจริงๆ ที่ได้รับการสืบทอดมาจากรุ่นยายสู่รุ่นแม่ และมาสู่รุ่นคุณลุง ซึ่งหน้าตาขนมเบื้องของที่ร้านนี้ต้องบอกว่าเป็นขนมเบื้องไทยสูตรโบราณจริงๆ ที่หากินได้ยากแล้วในปัจจุบันนี้
       
สำหรับเอกลักษณ์ของของขนมเบื้องไทยของที่นี่ มีความพิเศษตั้งแต่ตัวแป้งขนมเบื้องที่จะต้องใช้ถั่วทองคั่วมาผสมกับข้าวเจ้าเก่า ใส่ปูนแดง น้ำปูนใส แล้วนำไปโม่ในเครื่องโม่ เมื่อออกมาเป็นตัวแป้งแล้วก็นำไปผสมกับไข่แดงล้วนๆและน้ำตาลทราย เป็นอันเสร็จสิ้นขบวนการตัวแป้งที่นำมาละเลงได้



ส่วนหน้าของขนมเบื้อง หรือที่เรียกว่า สังขยาขนมเบื้อง นั้นทำจากน้ำตาลปี๊บ ผสมกับไข่ทั้งไข่แดงและไข่ขาว นำมาขยำรวมกัน เวลาลงมือทำขนมเบื้องก็จะใช้กระจ่าละเลงแป้งลงไปก่อน แล้วจึงตามด้วยสังขยาขนมเบื้อง และใส่ไส้ต่างๆ ลงไป


สำหรับไส้ขนมเบื้องของที่นี่มีให้เลือกกินทั้ง ไส้หวาน และ ไส้คาว (หรือไส้เค็ม) ซึ่งไส้หวานมีส่วนประกอบคือ มะพร้าวขูด ชิ้นฟักเชื่อม ลูกพลับแห้ง และฝอยทองที่ทางร้านทำเอง รสชาติไม่หวานจนเกินไป พอนำมาใส่รวมกับเครื่องอื่นๆ ทำให้ขนมเบื้องชิ้นนี้มีทั้งความหวานจากฝอยทอง ความหอมมันจากมะพร้าวขูด แถมยังได้เคี้ยวชิ้นฟักและลูกพลับมันปาก
       
อีกไส้คือไส้เค็ม หรือไส้กุ้ง ซึ่งนำกุ้งนำมาสับละเอียด ผัดกับมะพร้าวขูดด้วยกระต่าย และผัดผสมกับมันกุ้ง ปรุงรสด้วยรากผักชี พริกไทย ออกมาเป็นตัวไส้กุ้ง นำมาใส่ลงบนแผ่นขนมเบื้อง แล้วก็ใส่พริกไทย ใส่มะพร้าวและและ โรยหน้าด้วยผักชีอีกที ทำให้เวลากินเข้าไปแล้วได้รสเค็มๆ มันๆ หอมกลิ่นพริกไทยอ่อนๆ



ราคาขนมเบื้องของที่นี่แบบธรรมดาชิ้นเล็ก 10 บาท กลาง 20 บาท หรือถ้าใครอยากจะกินลิ้มรสทั้งไส้หวานและเค็มในชิ้นเดียวกัน ที่นี่ก็จัดให้ได้เป็นขนมเบื้องแบบทูอินวัน (ธรรมดา 30 บาท พิเศษ 50 บาท) และยังมีขนมขนมเบื้องใส่ไข่ (ธรรมดา 30 บาท พิเศษ 50 บาท) โดยจะใส่เฉพาะไข่แดง เกลี่ยรวมไปกับหน้าสังขยา แล้วจึงเลือกใส่ไส้เค็ม ไส้หวาน หรือไส้ทูอินวันก็ได้ตามชอบ
       
และนอกจากขนมเบื้องไทยโบราณแล้ว ก็ยังมีขนมเบื้องญวนรสดี (ธรรมดา 30 บาท ใส่ไข่ 35 บาท) ที่ชวนกินไม่แพ้กัน เรียกว่าหากใครอยากจะลองลิ้มขนมเบื้อไทยโบราณอร่อยๆ ที่หากินได้ยาก หากตรงมาที่ร้าน "ละเมียด" ขอบอกว่าสมใจปากอย่างแน่นอน


---------------------------------------------------------------------


ร้าน "ละเมียด" ตั้งอยู่ที่ 286 ถ.ตะนาว หน้าวัดมหรรณพาราม กทม. การเดินทางจากสี่แยกคอกวัว ตรงมาที่ถ.ตะนาว ตรงเข้ามาเรื่อยๆ จนถึงวัดมหรรณฯ ก็จะเห็นร้านละเมียดอยู่ฝั่งตรงข้ามกับวัด มีป้ายร้านให้เห็นชัดเจน เปิดอังคาร-อาทิตย์ (หยุดวันจันทร์) เวลา 09.00-17.00 น. ทางร้านรับออกงานนอกสถานที่ด้วย (เฉพาะขนมเบื้องไทย) โทร. 0-2224-2117










โดย : TTTonline Team





 

Create Date : 03 กุมภาพันธ์ 2552   
Last Update : 3 กุมภาพันธ์ 2552 19:02:40 น.   
Counter : 815 Pageviews.  


"ก๋วยเตี๋ยวหมูมะนาวเจ๊แอ๊ด" รสจัดจ้าน..จี๊ดจ๊าด

"ก๋วยเตี๋ยวหมูมะนาวเจ๊แอ๊ด" รสจัดจ้าน..จี๊ดจ๊าด






บรรยากาศโต๊ะนั่งภายในร้าน "ก๋วยเตี๋ยวหมูมะนาวเจ๊แอ๊ด"


      ความนิยมในการกินอาหารรสจัดจ้าน จี๊ดจ๊าด เปรี้ยว เผ็ดร้อนของพี่ไทยนั้นมีมาช้านานแล้ว ขนาดก๋วยเตี๋ยวซึ่งเป็นอาหารมาจากจีน ส่วนใหญ่เมื่อมาอยู่ในเมืองไทยยังต้องมีการปรุงรสชาติให้แซบเผ็ดถูกปากตามสไตล์พี่ไทย ด้วยเหตุนี้จึงทำให้ในบ้านเรามีก๋วยเตี๋ยวประเภทต้มยำมาสนองความต้องการของนักกินที่ชอบกินอาหารรสจัดกัน
      
       และในมื้อนี้ "ผ่านมาแวะกิน" ก็มีร้านก๋วยเตี๋ยวต้มยำรสเด็ดอีกหนึ่งร้านมาแนะนำ ร้านที่ว่านี้คือ "ก๋วยเตี๋ยวหมูมะนาวเจ๊แอ๊ด" เป็นร้านก๋วยเตี๋ยวเล็กๆ อันร่มรื่นที่ซ่อนตัวลึก แต่ไม่ลับอยู่ภายในซอยจรัญสนิทวงศ์ 13 ซึ่งที่นี่มีก๋วยเตี๋ยวต้มยำสูตรมะนาวรสเด็ด เป็นเมนูของดีอันชวนให้มาลิ้มลองรสชาติกัน



ก๋วยเตี๋ยวต้มยำสูตรมะนาว (บน) ซี่โครงหมูตุ๋นราดข้าว (ล่าง)


 


 


        หรือจะเป็นเมนูจานเด่นประเภทยำ อย่างยำหนังปลาแซลมอน (45 บาท) ทางร้านนำหนังปลาแซลมอนทอดกรอบมายำใส่หอมใหญ่ มะเขือเทศ ผักขึ้นฉ่าย ปรุงรสชาติยำแบบไทยๆ ลิ้มรสเคี้ยวหนังปลาแซลมอนหอมๆ กรุบกรอบปากซึมรสชาติน้ำยำเปรี้ยว หวาน เค็มเจือเผ็ดนิดหน่อย
      
       นอกจากนี้ก็ยังมีอาหารจานเด็ดอื่นๆ ที่ชวนกินอีก อาทิ ยำหมูมะนาว (45 บาท) ก๋วยเตี๋ยวซี่โครงหมูตุ๋น (40-45 บาท) สลัดผัก (30 บาท) ของหวานก็มี วุ้นมะพร้าวอ่อน (30 บาท) พุดดิ้งนมสด (20 บาท) และเมนูอื่นๆ อีกสารพัดที่ทางร้าน "ก๋วยเตี๋ยวหมูมะนาวเจ๊แอ๊ด" มีให้ลองแวะมาฝากท้องอิ่มกันแบบเต็มที่
      
       * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * *
      
       "ก๋วยเตี๋ยวหมูมะนาวเจ๊แอ๊ด" ตั้งอยู่ภายในซอยวัดมะพร้าวเตี้ย บนถ.จรัญสนิทวงศ์ ซ. 13 การเดินทางให้เข้ามาในซอยจรัญฯ 13 (ซ.พาณิชย์ธนฯ) แล้ววิ่งตรงเข้ามาประมาณ 6-7 ก.ม. จะเห็นซ.วัดมะพร้าวเตี้ยทางขวามือ หน้าปากซอยมีเซเว่นอีเลฟเว่นเป็นจุดสังเกต ให้เลี้ยวเข้าซอยมาแล้วตรงมาเรื่อยๆ จนมาเจอสะพานข้ามคลองบางเชือกหนังลงมา ก็จะเห็นร้านก๋วยเตี๋ยวหมูมะนาวเจ๊แอ๊ด ตั้งอยู่ขวามือ หรือถ้ามาทางเส้นถ.วงแหวนกาญจนาภิเษก ก็วิ่งตรงมาเรื่อยๆ เลยเนติบัณฑิตยสภามา ก็จะเห็นป้ายที่เขียนว่าซอยลัดไปจรัญฯ 13 ให้เลี้ยวเข้าซอยนั้นตรงเข้ามาประมาณ 2 ก.ม. ก็จะเห็นซ.วัดมะพร้าวเตี้ยอยู่ซ้ายมือ มีที่จอดรถในร้าน เปิดทุกวัน เวลา 10.00-16.00 น. (หยุดทุกศุกร์สุดท้ายของสิ้นเดือน) โทร. 08-6786-4071



  
       ก๋วยเตี๋ยวต้มยำสูตรมะนาว (25-40 บาท) ของที่นี่นั้นเป็นก๋วยเตี๋ยวต้มยำน้ำใส ที่มีความโดดเด่นตรงที่ทางร้านจะปรุงรสชาติต้มยำแบบจัดจ้าน โดยใช้มะนาวคั้นสดๆ ทุกวัน พริกขี้หนูป่นทำเอง และใส่ถั่วลิสงที่คั่วเองใหม่ๆ ปรุงรสชาติกับน้ำตาล น้ำปลาแบบชามต่อชาม และใส่มาในน้ำซุปกระดูกหมูที่เคี่ยวปรุงอยู่นาน ส่วนเครื่องปรุงอื่นๆก็ใส่มาหลากหลาย มีทั้งหมูสับ หมูหมักลวกสุก และลูกชิ้นหมู ชิมก๋วยเตี๋ยวแล้วต้องบอกว่าทางร้านปรุงรสชาติมาได้แบบเผ็ดจัดจ้าน เปรี้ยว หอมมะนาวถูกใจ เรียกว่ากินโดยไม่ต้องปรุงรสอะไรเพิ่มอีก กลมกล่อมถูกปากเข้ากับเครื่องที่ใส่มาไม่ว่าจะเป็นหมูสับเนื้อนุ่ม หมูหมักเคี้ยวนิ่ม ลูกชิ้นหมูเคี้ยวเด้ง
      
       และใช่ว่าที่ร้านนี้จะมีแต่เมนูก๋วยเตี๋ยวต้มยำรสเด็ดเป็นเมนูชูโรงเท่านั้น ที่นี่ยังมีเมนูอาหารจานเด็ดอื่นๆ ที่ชวนสั่งมากิน ไม่ว่าจะเป็น ซี่โครงหมูตุ๋นราดข้าว (40 บาท) เป็นซี่โครงหมูอ่อนตุ๋นกับเครื่องเทศยาจีนจนเปื่อยนุ่ม พร้อมกับปรุงรสด้วยเครื่องเทศไทย จนได้ซี่โครงหมูอ่อนรสชาติดีที่เนื้อนุ่มออกรสเครื่องเทศที่ซึมถึงเนื้อใน กระดูกซี่โครงอ่อนเคี้ยวกรุบกรับ กินคู่กับข้าวสวยอิ่มท้องกันไป



ยำหนังปลาแซลมอน (บน) ยำหมูมะนาว (ล่าง)


ขอขอบคุณ tttonline.net







 

Create Date : 25 สิงหาคม 2551   
Last Update : 25 สิงหาคม 2551 20:05:42 น.   
Counter : 385 Pageviews.  


"บ๊วยเกี้ยสูตรไหหลำ เจ๊น้อย" อร่อย หวาน เย็น






 



ผู้จัดการออนไลน์ - เอ่ยชื่อ "โบ๊กเกี้ย" "โบ๊ะเกี๊ย" หรือ "บ๊วยเกี้ย" ขึ้นมา หลายคนอาจจะกำลังงงว่านี่มันคือชื่อของอะไร "ผ่านมาแวะกิน" จะขอเฉลยให้รู้กันว่าชื่อเหล่านี้ก็คือ ชื่อเรียกของขนมหวานชนิดหนึ่งของคนจีนไหหลำ ที่นับวันขนมหวานชนิดนี้ค่อนข้างจะหากินได้ยากแล้วในบ้านเรา
       
แต่ในมื้อนี้เหมือนเป็นความโชคดีของคนชอบกินอย่างเรา เมื่อมีคนรู้จัก(พันธมิตรฯ)แนะนำมาว่าถ้าหากอยากกินบ๊วยเกี้ยแบบสูตรคนจีนไหหลำแท้ๆ ที่หากินได้ยากแล้ว ก็ต้องมาที่ร้านนี้ "บ๊วยเกี้ยสูตรไหหลำ เจ๊น้อย" เป็นร้านขายบ๊วยเกี้ยอย่างเดียว ร้านเล็กๆ ตั้งอยู่ใน ซ.เจริญกรุง 67 มี เจ๊น้อย หรือ คุณคำปัง ประชุมเหล็ก เป็นเจ้าของร้าน


จากการได้คุยกับเจ๊น้อย เธอบอกกับเราว่าบ๊วยเกี้ยที่ขายอยู่ที่ร้านเป็นสูตรแบบคนจีนไหหลำแท้ๆ ซึ่งที่เรียกว่าบ๊วยเกี้ย ก็เพราะว่ามีเครื่องที่เป็นส่วนประกอบสำคัญที่เรียกว่าเป็นพระเอกของขนมชนิดนี้นั่นคือ ตัวบ๊วยเกี้ย ที่มีลักษณะคล้ายกับลอดช่องแต่ว่ามีสีขาว




       
ที่สำคัญก็คือบ๊วยเกี้ยร้านเจ๊น้อยจะลงมือทำด้วยตัวเองแบบสดๆ ใหม่ๆ ทุกวัน โดยการนำเอาแป้งข้าวเหนียวและแป้งข้าวเจ้ามาผสมกวนให้เข้ากัน แล้วก็ผสมกับแป้งมันอีกที นวดจนให้แป้งเข้าเป็นเนื้อเดียวกัน แล้วนำมาปั้นด้วยมือทุกตัว ปั้นให้มีลักษณะเป็นตัวยาวๆ ปลายแหลมทั้ง 2 ข้าง แล้วนำไปต้มในน้ำเดือดให้ตัวบ๊วยเกี้ยสุกเป็นสีขาวใส
       
สำหรับขนมหวานบ๊วยเกี้ยของที่ร้านเจ๊น้อยนี้จะใส่เครื่องหลายอย่าง แน่นอนว่าต้องมีพระเอกอย่างบ๊วยเกี้ยใส่มา แล้วก็มีเครื่องอีกหลายอย่างที่ทางร้านก็ทำเอง ไม่ว่าจะเป็นมันเชื่อมหั่นมาเป็นชิ้นเล็กๆ ถั่วแดงต้มซึ่งตามสูตรไหหลำแท้ๆ ต้องเป็นถั่วแดงเม็ดเล็กๆ แปะก๊วยเม็ดนุ่มสีเหลือง และถั่วลิสงที่คั่วเองแบบสดใหม่ ซึ่งขาดไม่ได้เลยถ้ากินบ๊วยเกี้ยแบบสูตรไหหลำแท้ๆ จะต้องโรยถั่วลิสงมาด้วยเพื่อความหอมเคี้ยวมันปาก



นอกจากนี้ยังมีเฉาก๊วยและลูกชิดใส่มาด้วย (ลูกค้าสามารถเลือกสั่งเฉพาะเครื่องที่ชอบได้) แล้วก็จะราดด้วยน้ำเชื่อม ที่มีให้เลือกอยู่ 2 แบบคือ น้ำเชื่อมที่ทำมาจากน้ำตาลทรายแดง หรือที่เรียกว่าโอทึ้งเคี่ยวใส่ใบเตยหอมหวาน หรือจะเลือกน้ำเชื่อมน้ำตาลทรายขาวธรรมดาๆ และก็ใส่น้ำแข็งป่นมาด้วย ลิ้มรสชาติบ๊วยเกี้ยเย็นๆ ตัวบ๊วยเกี้ยเคี้ยวเหนียวนุ่มปาก และเคี้ยวมันเพลินปากกับเครื่องสารพัดที่ใส่มา กินแล้วหอมหวานเย็น สดชื่นฉ่ำใจจริงๆ
       
สนนราคา บ๊วยเกี้ยขายถ้วยละ 15-20 บาท ซื้อใส่ถุงกลับไปกินบ้านก็ราคาเดียวกัน แถมยังมีน้ำแข็งป่นห่อใส่กระดาษเก็บความเย็นไว้ให้เรียบร้อย ถ้าหากใครอยากจะลองลิ้มรสชาติบ๊วยเกี้ย ซึ่งเป็นขนมหวานเย็นที่ค่อนข้างหากินได้ยาก ก็เชิญแวะเวียนมาลิ้มรสกันได้ที่ร้าน "บ๊วยเกี้ยสูตรไหหลำ เจ๊น้อย"


"บ๊วยเกี้ยสูตรไหหลำ เจ๊น้อย" ตั้งอยู่ที่ 267/3 ถ.เจริญกรุง 67 แขวงยานนาวา เขตสาทร กทม. การเดินทางมาตามถ.เจริญกรุง มาจนถึงซ.เจริญกรุง 67 (หรือตลาดแสงจันทร์) ให้เลี้ยวเข้าซอยแล้วตรงมาจากปากซอยมาประมาณ 300 ม. จะเห็นป้ายร้านบ๊วยเกี้ยสูตรไหหลำ เจ๊น้อย สีเหลืองติดอยู่ตรงหน้าปากตรอกเล็กๆ เดินเข้ามาก็จะเห็นร้านตั้งอยู่ด้านใน เปิดทุกวัน เวลา 12.00-22.00 น. โทร.0-2211-4812, 08-7823-1884       











โดย : TTTonline Team
ดูทั้งหมด 902 ครั้ง







 

Create Date : 20 สิงหาคม 2551   
Last Update : 20 สิงหาคม 2551 12:58:35 น.   
Counter : 621 Pageviews.  


....พากิน ข้าวต้มปลาราชวงศ์ กันแน่ะ


















































บรรยากาศร้านโต๊ะนั่งของร้าน "ข้าวต้มปลาราชวงศ์"







 


 

หน้าฝนอย่างนี้ ทำเอา "ผ่านมาแวะกิน" ที่ว่าดูแลสุขภาพอย่างดีแล้ว ก็ไม่แคล้วโดนพิษฝนเล่นงานจนเจ็บไข้ได้ป่วย เป็นหวัด ปวดหัว ตัวร้อน เจ็บคอกับเขาเหมือนกัน เวลาที่เราเกิดป่วยขึ้นมาอย่างนี้ทีไร ไม่รู้เป็นอะไรมักนึกถึงอยากจะกินแต่ของกินร้อนๆ ที่ช่วยให้อิ่มสบายท้องอย่างพวกข้าวต้มปลาที่ข้าวสวยเม็ดนุ่ม เนื้อปลานิ่มๆ และมีน้ำซุปให้ซดร้อนๆ ชุ่มชื่นโล่งคอ





















ข้าวต้มปลา+บะเต็ง



แล้วในมื้อนี้ "ผ่านมาแวะกิน" ก็พาตัวและกระเพาะมากินข้าวต้มปลาร้อนๆ ให้สมใจอยากกันที่ร้าน "ข้าวต้มปลาราชวงศ์" ย่านเยาวราช ซึ่งเราได้รับคำบอกกล่าวมาจากเหล่าเพื่อนฝูงนักกิน ว่าเป็นร้านข้าวต้มปลาเจ้าดัง และเก่าแก่แห่งย่านเยาวราช ที่เปิดขายมานานตั้งแต่รุ่นก๋ง รุ่นพ่อ จนตอนนี้มาถึงรุ่นหลานอย่างคุณสมบูรณ์ มโนวงศ์กุล นับอายุอานามก็กว่า 70 ปี ที่ร้านนี้ขายข้าวต้มปลารสดี และอีกสารพัดข้าวต้มรสเด็ดที่ชวนลิ้มรส

สำหรับข้าวต้มชามแรกที่เราเลือกสั่งมาประเดิมมื้อนั้นคือ ข้าวต้มปลา+บะเต็ง เหตุที่เราเลือกสั่งมาทั้ง 2 อย่างในชามเดียวกัน ก็เพราะว่าที่นี่ขึ้นชื่อในเรื่องของเนื้อปลารสดี แล้วก็ยังมีบะเต็งที่มีรสลือชาไม่แพ้กัน เราจึงขอสั่งมาชิมในชามเดียวกันเลย เพื่อไม่ให้เสียเวลาเนื้อปลาของที่นี่ไม่เหมือนร้านไหน ทางร้านนั้นเลือกใช้เป็นเนื้อปลาน้ำดอกไม้ ซึ่งเป็นปลาทะเลที่จะสั่งมาสดๆ ทุกวัน แล้วนำเนื้อมาหั่นเป็นชิ้นลูกเต๋าพอดีคำ พอว่าลูกค้าสั่งก็จะนำมาลวกจนเนื้อปลาสุก กินแล้วต้องบอกว่าเนื้อปลานั้นไม่คาว เนื้อนุ่มหวาน เคี้ยวแน่นหนึบปาก























ข้าวต้มรวมมิตร



ส่วน บะเต็ง ที่ว่าคือหมู 3 ชั้น ที่นำมาผัดกับซีอิ้วดำหั่นเป็นชิ้นลูกเต๋า ชิมแล้วเนื้อหมูเคี้ยวนุ่มปนมัน ออกเค็มๆ หวานๆ ทั้งเนื้อปลาและบะเต็งนั้นกินเข้ากันดีกับข้าวต้มที่หุงได้ไม่แฉะ ข้าวเป็นเม็ดเคี้ยวนุ่มปาก ส่วนน้ำซุปหอมหวานกลมกล่อม ซดแล้วชุ่มชื่นโล่งคอจริงๆ เป็นน้ำซุปกระดูกหมูที่ต้มรวมกับโครงปลาน้ำดอกไม้ ซึ่งต้มและเคี่ยวนานกว่า 6 ชั่วโมง โดยไม่ได้ปรุงรสชาติอะไรเพิ่มเลย
























สมบูรณ์ มโนวงศ์กุล กับข้าวต้มปลาร้อนๆ



นอกจากข้าวต้มปลาและบะเต็งแล้ว ที่นี่ก็ยังมีเครื่องอย่างอื่นให้ใส่กับข้าวต้มอีก ไม่ว่าจะเป็น กุ้งขาว ตัวโตที่มีความสดไม่แพ้เนื้อปลา หรือจะเป็นเครื่องในอย่าง กระเพาะหมู ที่ทางร้านจะนำกระเพาะหมูมาตุ๋นนานกว่า 6 ชม. จนได้กระเพาะหมูที่เปื่อยนุ่มลิ้น และยังมี เซี้ยงจี๊ สดๆ ที่นำมาลวกสุก เคี้ยวหนึบหนับ สำหรับราคาข้าวต้มของที่นี่ไม่ว่าจะเลือกเครื่องเป็นอะไร ถ้าสั่งอย่างเดียวคิดราคา 30 บาท แต่ถ้าสั่งหลายๆ อย่างรวมกันแบบรวมมิตรก็คิดราคา 40 บาท ต้องบอกว่าร้านข้าวต้มปลาราชวงศ์ เป็นอีกหนึ่งร้านข้าวต้มปลารสดีที่ผู้พิสมัยข้าวต้มอร่อยไม่น่าพลาดด้วยประการทั้งปวง


การเดินทางมาที่ร้าน "ข้าวต้มปลาราชวงศ์" ถ้ามาจากรร.แกรนด์ ไชน่าปริ๊นเซส ให้วิ่งมาทางถ.ราชวงศ์ ที่จะมุ่งหน้ามาท่าน้ำราชวงศ์ วิ่งตรงมาจากสี่แยกประมาณ 50 เมตร จะเห็นซอยผลิตผลทางซ้ายมือ ให้เลี้ยวเข้าซอยไปนิดเดียวจะเห็นร้านข้าวต้มปลาราชวงศ์ ตั้งอยู่ทางซ้ายมือ จุดสังเกตอยู่เยื้องๆ กับวัดโลกานุเคราะห์ มีป้ายร้านให้เห็นชัดเจน เปิดจันทร์-เสาร์ เวลา 17.00-21.00 น. ทางร้านรับออกงานนอกสถานที่ด้วย โทร. 08-1838-2614, 08-9785-9117




ขอขอบคุณเนื้อหาและภาพประกอบ จาก ผู้จัดการออนไลน์





 

Create Date : 23 กรกฎาคม 2551   
Last Update : 23 กรกฎาคม 2551 17:33:23 น.   
Counter : 410 Pageviews.  


"อาม้า เบเกอรี่" ขนมปังหอมนุ่ม สดจากเตา


หลายคนคงจะรู้จักกับ "ถนนสีลม" กันดีว่าถนนสายนี้เป็นถนนสายธุรกิจที่สำคัญของกรุงเทพฯ สายหนึ่ง แต่ในความรู้สึก "ผ่านมาแวะกิน" ถนนสีลมสายนี้ยังจัดว่าเป็นอีกหนึ่งถนนสายกิน ที่ถูกอกถูกใจคนชอบกินอย่างเราด้วยเหมือนกัน เพราะตลอดทั้งถนนสีลม รวมไปถึงตามตรอกซอกซอยต่างๆ นั้นมีร้านอาหารทั้งร้านเล็ก ร้านใหญ่ขายของกินอร่อยๆ ให้เลือกกินอย่างมากมาย



อย่างถ้าหากใครนึกอยากกินขนมปังหรือเบเกอรี่อร่อยๆ ขึ้นมา "ผ่านมาแวะกิน" ก็ขอแนะนำว่าที่ถนนสีลม ตรงใกล้ๆ กับ "วัดพระศรีมหาอุมาเทวี" หรือ "วัดแขก" มีร้านขายขนมปังรสดีชื่อดังอยู่หนึ่งร้านที่มีชื่อว่า "อาม้า เบเกอรี่" เป็นร้านเบเกอรี่เจ้าเก่าแก่ที่เปิดขายมานานกว่า 50 ปีแล้ว จากการได้พูดคุยกับเจ้าของร้านคือ คุณโอภาส เมฆคุ้มครอง เขาบอกว่า ขายกันมาตั้งแต่รุ่นแม่ จนตอนนี้ตกมาถึงรุ่นลูกอย่างเขา ก็ยังคงสืบทอดสูตรการทำขนมปังจากบรรพบุรุษมาเป็นอย่างดี ทำให้ขนมปังของที่นี่มีรสชาติถูกปากถูกใจลูกค้ามาตลอด

ขนมปังของที่ร้านนี้มีจุดเด่นอยู่ตรงที่ ทางร้านจะทำขนมปังไส้ต่างๆ ออกมาวางขายมากมาย โดยจะทำแบบสดๆ ใหม่ๆ ทุกวัน ขนมปังแต่ละอย่างจะอบออกมาขายแบบร้อนๆ หอมกรุ่นจากเตา และที่สำคัญขนมปังของที่นี่ไม่มีการใส่สารกันบูดแต่อย่างใด ผู้บริโภคกินเข้าไปแล้วปลอดภัยต่อร่างกาย



สำหรับขนมปังที่ชวนกินของที่นี่ ที่ขายดิบขายดีชนิดที่เรียกว่าเป็นไส้ยอดฮิตที่ลูกค้าส่วนใหญ่ชอบซื้อเพราะติดใจในรสชาติก็เห็นจะเป็น ขนมปังไส้สังขยา (ชิ้นละ 8-10 บาท) ที่ชิ้นไม่เล็กไม่ใหญ่ ข้างในอัดแน่นไปด้วยสังขยาใบเตยสีเขียวที่ทางร้านทำเอง ทำมาจากน้ำใบเตยที่คั้นจากใบเตยสดๆ และนำมาปรุงรสชาติใส่กะทิสด นมสด แป้งข้าวโพด และเคี่ยวตีให้ส่วนผสมทั้งหมดเข้ากัน จนได้เป็นสังขยาใบเตยสีเขียวๆ แล้วนำมายัดใส่ในตัวขนมปังและอบจนสุก ออกมาเป็นขนมปังไส้สังขยาที่กินแล้วโดนใจปากมากๆ ตรงที่ไส้สังขยาหอมๆ รสดีไม่หวานมาก กลมกลึงรสชาติเข้ากับขนมปังเนื้อนุ่มนิ่มปาก



และนอกจากขนมปังไส้สังขยาที่ขายดีตัวนี้แล้ว ก็ยังมีขนมปังไส้อื่นที่ชวนกินอีกมาก ไม่ว่าจะเป็น ขนมปังแซนวิช (14 บาท) นุ่มๆ ที่กินคู่กับสังขยารสดีที่มีให้เลือกถึง 2 อย่าง คือสังขยาไข่และสังขยาใบเตย (กระปุกละ 20 บาท) หรือจะเป็นขนมปังไส้ต่างๆ (ทุกอย่างชิ้นละ 10 บาท) อีกมากมายที่ทางร้านทำอออกมาขายแบบสดใหม่ในแต่ละวัน อาทิ ขนมปังไส้แฮมชีส ขนมปังไส้กุ้งหมูสับไข่เค็ม ขนมปังไส้กรอกชีส ขนมปังไส้ทูน่า ขนมปังไส้ไก่ ขนมปังไส้หมูแดง ฯลฯ รวมถึงยังมีเค้กและคุกกี้อีกหลายอย่าง ที่ทางร้าน "อาม้า เบเกอรี่" ทำออกมาขายให้แก่ลูกค้าได้เลือกซื้อไปกินกันได้ตามใจชอบ

* * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * *

"อาม้า เบเกอรี่" ตั้งอยู่ที่ 745 ถ.สีลม (ใกล้วัดแขก) กทม. การเดินทางถ้ามาจากรพ.จุฬา ให้วิ่งตรงมาที่ ถ. สีลม และวิ่งตรงมาเรื่อยๆ จนใกล้จะมาถึงวัดแขก ก็จะร้านอาม้า เบเกอรี่เป็นตึกแถวห้องเดียวอยู่ทางซ้ายมือ อยู่ริมถนนก่อนถึงวัดแขก เปิดจันทร์-ศุกร์ เวลา 08.00-15.00 น. วันเสาร์เปิดครึ่งวัน หยุดวันอาทิตย์ ทางร้านรับสั่งทำขนมด้วย ติดต่อได้ที่ โทร. 0-2635-2278





 

Create Date : 17 มิถุนายน 2551   
Last Update : 17 มิถุนายน 2551 19:22:10 น.   
Counter : 1167 Pageviews.  


1  2  

ลิงน้อยเอ็นจอยเขียน
 
Location :
กรุงเทพ Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 10 คน [?]






" ผมไม่ได้บ้าฝรั่ง แต่ผมชอบในความมีอารยะของเขา แต่ฝรั่งเลวๆผมก็เกลียดเป็นเท่าตัวเหมือนกัน "



New Comments
[Add ลิงน้อยเอ็นจอยเขียน's blog to your web]

 
pantip.com pantipmarket.com pantown.com