K’s House Tokyo ที่พักสบายๆ กลางใจโตเกียว

ไม่ได้มีส่วนได้ส่วนเสียอะไรกับที่นี่ แค่ไปพักมาแล้วถูกจริต จึงขอบอกต่อ

ไม่ได้มีอะไรแอบแฝงกับที่นี่ แค่สต๊าฟน่ารักถูกใจ อิอิ

กับที่พักราคาไม่ทรมานกระเป๋าเหมาะแก่นักเดินทางไปหลงไปแบบเรา 

K’s House Tokyo 

จะบอกว่า จริงๆ ตั้งใจไปพักในเครือสารพัดสาขาของ Khaosan ยอดฮิตอ่ะนะ 

แต่ส่งเมล์ไปถามล่วงหน้า 8 เดือนได้ เขาตอบมาว่า “ไม่ว่าง” ฮู้ยยยย อะไรจะฮิตขนาดนั้น

ก็เลยเสิร์ชๆ หาเอาในเน็ตมีอะไรน่าสนใจ จนมาเจอที่นี่เข้า รีวิวน้อย แต่น่าสนใจ 

ทุกอย่างดีครบสมประสงค์เรา ก็เลยจอง

แต่ที่นี่ก็ให้จองล่วงหน้าได้ 6 เดือนเช่นกัน ก็เลยพอระบุว่าจะไปวันไหนได้ ก็นั่งจดๆ จ้องๆ 

จนได้เวลา ก็เข้าไปจองทันใด 

เข้าไปจองที่นี่นะจ๊ะ


ทำการจองแล้วจะมีมัดจำ 10% ด้วยนะจ๊ะ ตัดบัตรเครดิต



เครือ K’House นี่ก็มีหลายสาขา หลายเมืองอยู่ น่าสนใจไปทุกเมืองเลย (ไว้จิตามไปพัก อิอิ)





 สำหรับสาขาที่โตเกียวมีสองที่ คือ โตเกียวเฉยๆ กับ โตเกียว โอเอซิส

ที่ๆ เราไปพักมาคือโตเกียวเฉยๆ มีทั้งห้องเดี่ยว ห้องคู่ ห้องสามคน ห้องสี่คน หรือห้องดอร์ม 

เลือกเอาเลยตามต้องการ สำหรับราคา หาอ่านในเว็บเขาเอาเนอะ

ห้องที่เราไปพักมาคือห้อง Triple ราคาคนละ 3,300 เยน / คืน แต่คืนศุกร์และเสาร์คิดคืนละ 3,600 เยนจ๊ะ

วิธีเดินทางไปที่นี่ อย่าเชื่อเว็บ จงไซต์เชื่อเราเหอะ ฮ่าๆๆๆๆๆ

เราผู้ซึ่งเดินเป็น 4 เหลี่ยมมาแล้วแทบทุกวัน (คือหลงไม่เป็นวงกลม หลงเป็นสี่เหลี่ยม ไกลเข้าไปอีก) 

คุ้นเคยกับทางเข้าออกที่นี่อย่างดี นับเป็นผู้รู้จริงคนหนึ่ง หลงจนวินาทีสุดท้าย เรียกว่าโง่กันทุกวัน มาฉลาดเอาตอนกลับ 

จากสนามบินนาริตะ ลงมาชั้น A2 เลยจ๊ะ ไปนั่ง Keisei Limited Express ราคา 1,100 เยน 

ใช้เวลาเดินทางประมาณชั่วโมงครึ่ง 

(เราไม่รีบ รีบไปก็เช็คอินยังไม่ได้อ่ะนะ และเราจำกัดวงเงินด้วย เราเน้นประหยัด หรา...) 

นั่นแหละ คือหลับไปตื่นนึงได้เลย แล้วลงที่สถานี Aoto 

ใครจะเดินทางวิธีอื่น อ่านได้จากเว็บเขานะจ๊ะ

ลงในที่นี้คือแค่ออกจากขบวนมา แล้วเปลี่ยนฝั่ง (คล้ายๆ สถานีสยามบ้านเรา) มาฝั่งตรงข้าม 

มองป้ายบนหัว หาสาย Asakusa Line เลือกขบวนที่เขียนว่า ไป Nishimagome, Haneda 

ประมาณนี้นะ แล้วขึ้นไปเลย นั่งไปจนถึงสถานี Kuramae แล้วลง ลงของแท้แน่นอน

ที่นี่ล่ะ ตามเว็บไซต์ใครว่าไงไม่รู้ แต่จงเชื่อเรา 

ในเว็บเดิมว่าให้ลง A2 เราทำตาม.....ขาขึ้นพร้อมกระเป๋าหนักๆ นี่พอทำใจ เพราะยังมีบันไดเลื่อน 

แต่ขากลับถ้าต้องมาทางนี้ และขาลงมีแค่ขั้นบันไดสามัญแห่งนครโตเกียว....สาบานได้ว่า ตายแน่ๆ

 อ่ะ มาเดินต่อก่อน

ออก A2 มาเนี่ยนะ ให้เลี้ยวขวา ข้ามถนนแล้วเลี้ยวขวาอีก พอเจอธนาคาร Mizuho ก็เลี้ยวซ้าย 
ลากกระเป๋าครืดๆ อะไรก็ไม่รู้ เหนื่อย ไกล หลง กว่าจะเจอที่พัก / ทางนี้ ไม่ผ่าน เลิก!

ส่วนเว็บใหม่ว่าให้ออกทางออก A6 หลังจากไปเดินมาแล้วพบว่า ออกสถานีมาแล้วเลี้ยวซ้ายแล้วเข้าซอยซ้ายมือแรก 
เดินตรงไป 1 นาที ถึง!! / ทางนี้เกือบผ่าน ติดแค่ว่า ขากลับเจอขั้นบันไดอีก ตายเหมือนเดิม

ทำไงดี?

ถ้าออก A5 จะไปโผล่ที่ฝั่งตรงข้าม ทางลงลิฟท์จะอยู่ข้างๆ Lawson เดินลากกระเป๋าข้ามถนนมา
ก็โอเคอยู่ ติดแค่อันนี้มัน Oedo Line ไม่สามารถไปกลับสนามบินได้จ๊ะ

แต่ทางที่เราขอแนะนำทุกท่านแบบสุดใจขาดดิ้นคือ A0 ค่ะ 

ไม่ว่าคุณจะมาถึงหรือกำลังจะกลับ ออกทางนี้เลย เชื่อเรา มันมีลิฟท์เหมาะแก่กระเป๋าเดินทางมากๆ

เดินเข้าสุด A0 นี่ จะเจอลิฟท์ออกจากลิฟท์มา เดินเบี่ยงซ้ายไปตามทางข้างหน้านี่ 
เลยศาลเจ้าไปนิดเดียว เดินแค่ 2-3 นาทีก็เจอที่พักแล้ว บันไซ ไชโย!!!

ทางนี้ดีสุด เชื่อเราเหอะ สถานี Kuramae ทางออก A0 นะ 
ไม่ว่าจะมาถึงวันแรก มาอยู่หลายวัน ไปเที่ยวมาจนเหนื่อย หรือวันจะกลับ ขอแนะนำ A0 จ้า

ทางนี้มารู้เอาวินาทีจะกลับ หลังลากกระเป๋าครืดๆ มาเป็นที่อนาถาต่อสายตาประชากรญี่ปุ่น 

ลุงร้านหนังสือคนนึงก็เดินมาบอกว่า “อิหนู เอ็งเดินตรงไปแล้วเลี้ยวขวานะ มันจะมีทางลงสถานีอยู่ มีลิฟท์ด้วย” 

เอ๊ะ ... คือนี่ตั้งใจจะไปอนาถาที่ A2 เช่นขามาอ่ะค่ะ พอลุงบอกเราก็เลยเลี้ยว อ้าว ไม่มี 

(จริงๆ ก่อนเลี้ยวขวา มันจะมีป้ายบอกนะว่าเลี้ยวไปแล้วเจอทางลงสถานี แต่ไม่มองกันไง) 

ลุงก็วิ่งตามมาบอกอีก ไม่ใช่เลี้ยวนี้ ไปอีกๆ จนเราเลี้ยวถูกขวา 

หันกลับไป ลุงยังยืนไกลๆ คอยมองส่งว่าเรามาถูกทางหรือยัง ..... ลุง หนูรักลุง ขอบคุณมากค่ะ!!

 โค้ง 90 องศา ขอบคุณลุงเลยทีเดียว

เดินไปถึงหน้าลิฟท์กะว่ารอดตายแล้ว ทันใดนั้น สายตาก็มองไปเห็นว่า เฮ้ยยยยย 

ถ้าออกทางนี้ เดินไปนิดเดียวก็ถึงที่พักนี่หว่า แล้วที่ผ่านมา ฉันโง่อะไรยู้ววววววววว ... 

แล้วเว็บไซต์ที่นี่ ทำไมไม่บอกว่ามาทางนี้สะดวกกว่ามากเหอะ บอกทำไม A2, A6 นั่น มันลำบากนะ

 ฉันโกรธ แหง่มๆ จำไว้เลย

อ่ะ พล่ามมามาก ย้ำอีกที 

K’House Tokyo สถานี Kuramae ของ Asakusa Line ทางออก A0 นะ
ออกลิฟท์มา เดินเบี่ยงซ้ายนิดนึง เดินตรงไปตามทางแค่ 3 นาทีก็ถึงที่พักจ๊ะ 




ที่พักของเราเป็นตึกเหลืองๆ ตามนี้ อันนี้มองจากถ้าเดินมาทาง A2, A5, A6, A7 นะ 




มาได้หลายทางออก ขึ้นอยู่กับว่าอ้อมมาก อ้อมน้อย

แต่ถ้าออก A0 มาก็เดินเลยเซเว่น และศาลเจ้าไปนิดนึง ก็ถึงแล้ว 

ทางออก A0 อยู่สุดซอยนี้นั่นแหละ ตรงๆไป เดินเลยตึกเหลืองไปก็เห็น ไม่ไกลๆ 

มาถึงหน้าบ้าน จะเจอป้ายต้อนรับอยู่ มีชื่อเขียนไว้ จะได้รู้ตัวกันว่ามาถูกที่แล้วจ้า เข้ามาได้เลยยยยย




ถอดรองเท้า เปลี่ยนเป็นสลิปเปอร์ที่เขาเตรียมไว้ให้ แล้วเช็คอินตรงนี้เลยจ๊ะ 




สต๊าฟที่ดูแลการมาถึงของเราซื่อ คาซึ เป็นหนุ่มน้อย (เอาง่ายๆ คือเด็กกว่าตรูชัวร์) 

ที่พูดภาษาอังกฤษได้ดี อธิบายทุกอย่างเรียบร้อย และสุภาพ

คาซึบอกว่าห้องว่างพอดี เข้าพักเลยก็ได้นะ พร้อมมองหน้า .... 

คือเดินมาไกล ลมตีหัวกระจุย สภาพคงอุบาทว์มาก ได้แต่เอามือลูบผมเบาๆ 

คาซึลุกออกจากเคาท์เตอร์แล้วออกมายืนแนะนำที่พัก

อุ๊ แม่เจ้า .... นางเป็นชายญี่ปุ่นที่สูงผิดมาตรฐาน น่าจะ 180 อัพล่ะมั้งเนี่ย


อันนี้เป็นที่นั่งเล่น 







อันนี้โซนเสื่อตาตามิ มีทีวีจอเบิ้มให้ดู




บรรดาสต๊าฟที่นี่ 




อีกคนโยชิ ก็น่ารัก อารมณ์ดี ช่างคุย และแนะนำดีมาก “เย็นนี้ฝนจะตก 60% นะ เอาร่มไปซิ” 
เราไม่เชื่อ (อีกนัยคือขี้เกียจ) ตกตอนเย็นก็เดินตากฝนท้าทายอำนาจโยชิกันไปนะจ๊ะ

ตู้เย็น อยากแช่อะไรก็แช่ แต่ให้แปะชื่อและวันเช็คเอ้าท์ไว้ด้วย มีสองตู้ แต่เราไม่เคยใช้ วะฮ่าฮ่า







ขนมปัง ชา กาแฟ บริการฟรี 




ทีนี้ไปห้องพักกันบ้าง  ที่นี่มีห้องพัก 4 ชั้น และดาดฟ้า 




มีลิฟท์ด้วยจ้า ไม่ต้องกลัวขนของหนัก แต่ยัดเข้าไป 2-3 ใบกับหนึ่งคนก็เต็มแล้ว 




ดังนั้น เราเดินขึ้นบันไดก็ได้จ๊ะ




โถงทางเดิน




ล็อกเกอร์เก็บของมีค่าสำหรับคนที่พักห้องดอร์ม




ห้องแบบสามคน เปิดประตูเข้าไป




มีหนึ่งเตียงเดี่ยว และ หนึ่งเตียงสองชั้น 






มีแอร์ ฮีทเตอร์ ทีวี กระจกบานน้อย ไฟฉาย ไม้แขวนเสื้อคนละอัน และถังขยะ

พื้นที่.....จำกัด 5555555555 ตามประสาที่พักแนวประหยัดของญี่ปุ่น พื้นที่จำกัด 

เปิดกระเป๋าได้ทีละคน และไม่ค่อยมีที่วางของ ดังนั้นจะใช้อะไรก็หอบขึ้นเตียงใครเตียงมันไปล่ะกัน


ห้องน้ำของที่นี่ ไม่ใช่ห้องน้ำในตัว เป็นห้องน้ำรวม มีทุกชั้น แต่สะอาดมากๆ 

เป็นห้องใหญ่ๆ ที่เปิดเข้าไปจะเจอสองห้องน้ำ และอีกสองห้องอาบน้ำอยู่ในนั้นด้วยกัน

ตอนแรกคิดว่าจะแย่งกันใช้ ไม่พอ แต่เอาจริงไม่เลย 

อาจเพราะวิธีเดินทาง แพลนต่างกัน เวลาใช้ห้องน้ำเลยไม่ชนกัน

เช่น เรา และเชื่อว่าคนเอเชียส่วนใหญ่มักจะตื่นเช้า ออกไปโน่นนนนนน กลับมาก็ค่ำ อะไรงี้เนอะ

แต่พวกฝรั่งโดยมากจะตื่นสาย ออกสาย และกลับดึกงี้

เวลาใช้ห้องน้ำเลยไม่ค่อยชนกันเท่าไร

ห้องน้ำที่ชั้นเรานั้น เปิดเข้าไปขวามือจะเจอมุมล้างหน้า มีไดร์เป่าผมไว้บริการ




ฝั่งซ้ายมือเป็นห้องน้ำชาย-หญิง แยกกัน




นี่ห้องผู้ชาย




และห้องน้ำหญิงแบบบิแด 




กดน้ำทีน้ำไหลลงเครื่องหอมตรงด้านหลังด้วย ห้องน้ำเลยหอมตลอดๆ




ส่วนห้องอาบน้ำมีสองห้อง แบบฝักบัวห้องนึง




และแบบอ่างโอฟุโระอีกห้องนึง 




มีแชมพู ครีมนวดผม (ใช้ดีมากๆ) และสบู่ไว้บริการ







เวลาอาบก็เอาเสื้อผ้าไว้ในตะกร้าตรงส่วนแห้งนะ เข้าไปอาบส่วนเปียกเสร็จก็มายืนแต่งตัวต่อได้

การอาบแบบแช่อ่าง สบายมากกกกกก 

ในวันที่คุณเผชิญอากาศเย็นมาและเมื่อยล้าจากการท่องเที่ยวมาทั้งวัน แนะนำให้ลอง


และเนื่องจากเป็นห้องน้ำรวม อาการตระหนกจึงบังเกิดเป็นระยะ 

เช่น ยืนแปรงฟันอยู่ มีผู้ชายเปิดผัวะเข้ามา ต่างคนต่างสตั๊นท์ไปชั่วอึดใจ 

ก่อนฝั่งนั้นจะพูดว่า “ซอรี่” แล้วก้าวงุดๆ เข้าห้องน้ำชายไป ส่วนเรายืนปรับใจ แปรงฟันต่อ 5555555 



ที่นี่มีสี่ชั้น ถ้าขึ้นไปชั้น 4 จะเจอดาดฟ้าด้วยนะ ไว้ตากผ้าได้ 





ถ้าได้อยู่ชั้นนี้ คงยึดอ่ะ ฮ่าๆๆๆๆ พอดีไม่ได้อยู่เลยไม่อยากขึ้นมาตาก 

ปีนบันไดไปดาดฟ้ากัน




บนนี้บางทีก็มีไว้สังสรรค์ ว่ากันไป









มีเครื่องซักผ้าไว้บริการ สอบถามพนักงานได้

มีผ้าเช็ดตัวให้เช่าด้วย ผืนละ 100 เยนตลอดอายุการใช้งานของคุณที่นี่ 


นอกจากสต๊าฟน่ารัก.....คาซึของเจ้......

อีกอย่างที่ขาดไม่ได้คือความปลอดภัย ที่ “ไม่มีเลย” #หัวเราะน้ำตาเล็ด

คาซึบอกว่า “นี่คือกุญแจไขห้องนะ และประตูบ้านเราปิดสี่ทุ่ม 
ถ้ากลับมาหลังสี่ทุ่มก็เอากุญแจห้อง ไขเข้าบ้านได้นะ” จ๊ะ ที่รัก ว่าไงว่าตามกัน แต่เอ๊ะ....

กุญแจห้องเราไขบ้านเราได้ > กุญแจห้องอื่นก็ต้องไขเข้าบ้านเราได้เช่นกัน = กุญแจห้องเราคือกุญแจห้องคนอื่น

สรุปว่าทุกห้องที่นี่ใช้กุญแจดอกเดียวกันเรอะ!!!


คืออารายยยยยยยย คือสรุปออกไปเที่ยวทุกวัน ล็อกห้องไปก็ไม่มีประโยชน์ใช่ป่ะเนี่ย 

แต่ถึงกระนั้นก็ไม่มีอะไรสูญหายจ๊ะ นอกจากขยะในถังที่โดนเก็บไปทุกวัน

แบบแม่บ้านไม่มั่นใจว่าทุกอย่างในห้องควรทิ้งหมดเลยไหม เพราะในห้องอลังมาก ดูเป็นขยะไปซะหมด 555+

อีกอย่างคือใกล้ๆ นี่มี 7-eleven จ๊ะ ออกจากบ้านไปทางขวา เดินไม่ถึง 20 ก้าวก็ถึงเซเว่นแล้ว 

หิวเมื่อไรก็แวะไป ของกินเยอะแยะไปหมดน่าสนุก


หันหลังกลับมา ตรงข้ามเซเว่นก็มีศาลเจ้า ชื่อว่า Kotenrakugo Yukari no Jinja ด้วยนะ 













และจากนี้เดินไปไม่ไกลก็ถึงวัดเซนโซจิด้วย (ถ้าไม่หลงแบบเราซะก่อน)

 คาซึอธิบายมาดีมาก และเราก็หลงมากเช่นกัน 

เดินเข้าไปเถอะ เป็น 4 เหลี่ยมผืนผ้า จนกลับมาหน้าบ้าน ถึงได้เจอลุงใจดีบอกทางให้ 

ผู้สูงอายุที่นี่ใจดี เห็นเราทำท่าเงอะงะเมื่อไร มาถามทุกทีไปว่าจะไปไหนกันจ๊ะ


สรุปทางง่ายๆ นะ จากที่พักใครอยากไปวัดเซนโซจิ หรือวัดอาซะคุสะ โคมแดง ก็


1. ออกบ้านมาเลี้ยวซ้าย แล้วเลี้ยวขวาไปทางถนนใหญ่จนเจอธนาคาร Mizuho





2. แล้วเลี้ยวซ้ายอีกทีตรงแยกใหญ่ เดินตรงไปเรื่อยๆ 10 นาที ถึง ง่ายเนอะ




อย่าถามว่าเราไปหลงไหนมา ตอบไม่ถูก 5555555 

เดินไปตามเส้นส้มนะ ถึงชัวร์

แผนที่ได้มาจากที่พัก ละเอียดดีมาก บอกแหล่งช้อป บอกร้านอาหารไว้อย่างดีด้วย 

แต่อ่านวันแรก หลงแหลก.....มาอ่านวันนี้ เข้าใจทุกเส้นถนนอ่ะ #หัวเราะหนักมาก

สรุป เราชอบที่นี่ ไปมาสะดวก ใกล้รถไฟ มีมินิมาร์ทใกล้ตัว 

สะอาด สต๊าฟดี ราคาโอเค ไว้จะกลับไปอีกแน่นอนนะคาซึ 555+

ถ้าใครจะไปพักที่นี่ก็ขอให้เดินทางสะดวก อย่าหลงเยอะแบบเรานะ 

แม้การหลงทางจะทำให้รู้จักทางดีขึ้นก็เถอะ ^^


ปล. K’s House ย่อมาจาก Kazu's House หรือป่าว เอาจริงๆ แอ๊กกกกก





Create Date : 28 ธันวาคม 2558
Last Update : 29 ธันวาคม 2558 10:17:22 น.
Counter : 2833 Pageviews.

0 comments
ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
 *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 

ณ เงา
Location :
  

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 10 คน [?]



New Comments