Group Blog
 
All blogs
 

9 m* แฟลชบัตรคำกันมั๊ย

เคยให้บันลองเรื่อง Flash card แล้วดูเหมือนไม่เวิร์ค ดูเค้าไม่สนใจ ทั้งๆที่ก็พยายามทำตามเทคนิคของหนังสือ บอกว่าให้หันหน้าหาลูกแล้วแฟลชบัตรคำให้ดูแบบแค่วินาทีเดียวแล้วเปลี่ยนคำ ก็ลองทำแต่ไม่ถึงไหน เลยพับโครงการเก็บไว้พักใหญ่ วันนี้มาลองใหม่เปลี่ยนมาใช้วิธีเอาบันนั่งตักแล้วแฟลชบัตรคำ เวิร์คกว่ากันเยอะเลย เลยคิดที่จะรื้อฟื้นโครงการบัตรคำมาให้บันบันอีกทีหละค่ะ ใครสนใจอ่านต่อได้เลย

เริ่มจากคิดคำศัพท์ที่จะเอามาทำบัตรคำก่อนเลยนะคะ แบ่งเป็นหมวดหมู่ตามสะดวก ดัดแปลงจากหนังสือมาก็ประมาณนี้

หมวดครอบครัว คุณพ่อ คุณแม่ (ชื่อลูก) คุณย่า คุณปู่ ...
หมวดของชอบ ตุ๊กตา ลูกบอล ของเล่น
หมวดร่างกาย ตา หู ปาก จมูก มือ ...
หมวดสัตว์ หมา แมว นก ไก่ .....
หมวดสิ่งของ กุญแจ ลูกบอล หนังสือ ...

เมื่อได้คำศัพท์แล้วก็จัดแจงเขียนหรือปริ๊นท์ลงกระดาษ ถ้าตามตำราฝรั่งก็บอกให้ใช้กระดาษยาวและใหญ่ซึ่งหาซื้อยากมาก เราก็มาประยุกต์ใช้กระดาษ A4 ก็พอได้ แต่ขอแบบหนาหน่อยซัก 130 แกรมก็โอเค หนึ่งหน้ากระดาษต่อคำศัพท์หนึ่งคำ บางคนประยุกต์ใช้แค่ครึ่ง A4 ก็ใช้ได้เหมือนกัน อย่าซีเรียสกับอุปกรณ์ เราจะเน้นกันที่วิธีการนะคะ ถ้าจะทำภาษาเดียวก็ใช้สีแดงไปเลย เด็กจะเห็นสีแดงได้ชัด ตัวอักษรยิ่งใหญ่ยิ่งดี ถ้าจะทำสองภาษาแนะนำให้ทำคนละสี เช่น สีน้ำเงินใช้กับภาษาไทย สีแดงใช้กับภาษาอังกฤษ

เมื่อได้อุปกรณ์แล้ว การแฟลชบัตรคำให้ลูกดูตามตำราบอกให้แฟลชแบบเร็วๆ คือแผ่นนึงแค่เสี้ยววินาที เด็กเค้าจำเป็นภาพค่ะ เริ่มจากวันละ 5 คำ วันละ 3 ครั้ง แต่ละครั้งที่แฟลชห่างกันเกินครึ่งชั่วโมง คำศัพท์ 1 คำทำ 5 วัน โดยเลือกเวลาที่ลูกอารมณ์ดีพร้อมเรียนรู้ ก็ให้นั่งหันหน้าเข้าหากันแล้วแฟลชทีละคำ อันนี้ตามตำราเด๊ะ แต่ถ้าความสะดวกแต่ละบ้านไม่เหมือนกันเราก็ประยุกต์เอา แฟลชได้วันละรอบก็ยังดีกว่าไม่ได้ทำจริงมั๊ยคะ ส่วนวิธีการก็ประยุกต์ตามความเหมาะสม สำหรับเก่งและบันบันใช้วิธีนั่งตักเวริ์คกว่าการนั่งประจันหน้า ส่วนการแฟลชภาษาเดียวก็ไม่น่ามีปัญหาอะไร ถ้าใครทำสองภาษามีเพื่อนแนะนำว่าให้แยกเวลา เช่นเช้าแฟลชภาษาอังกฤษ เย็นแฟลชภาษาไทย เพื่อเด็กจะได้แยกแยะภาษาเลยไม่ต้องมีการแปล ส่วนอีกวิธีนึงที่เก่งเคยอ่านมาจากแม่ที่สอน spanish และอังกฤษ เค้าแฟลชทีเดียวเลย คือในบัตร 1 ใบทำภาษาอังกฤษด้านนึง อีกด้านเป็น spanish เวลาแฟลชก็อ่านภาษาอังกฤษแล้วก็พลิกอีกด้านอ่าน spanish วิธีนี้แม่คนนี้ใช้ได้ผล ลูกเค้าพูด 4 ภาษาค่ะ แต่เก่งก็ยังไม่รู้วิธีไหนดีกว่า ลองไปเรื่อยๆก่อนเหมือนกัน ได้ผลยังไงจะมาแจ้งกันอีกที

เด็กไม่ชอบการทดสอบ(ผุ้ใหญ่ก็ไม่ชอบจริงมั๊ยคะ)ดังนั้นอย่าทดสอบลูก ทำไปซักพักลูกจะแสดงออกให้เรารู้เองว่าเค้าเรียนรู้ในสิ่งที่เราสอน หรือถ้าอยากรู้จริงๆว่าได้ผลหรือไม่ หลังจากทำไปซักระยะ(ประมาณ 1 สัปดาห์ถ้าทำตามตำราเด๊ะ)ลองเอาคำศัพท์ที่สอนไปแค่ 2 คำ ชูขึ้นแล้วถามลูกว่าคำไหนอ่านว่า "คุณพ่อ" ถ้าลูกชี้หรือตอบได้อย่าลืมชม ถ้าลูกไม่แสดงออกเลยอย่ารอคำตอบนาน ให้บอกคำตอบลูก ลูกอาจจะรู้แต่ไม่อยากบอก บางครั้งเค้าอาจตอบด้วยสายตา คือเค้ามองที่แผ่นบัตรคำนั้น เราก็ต้องให้กำลังใจต่อ เช่น หนูรู้ว่าคำนี้อ่านว่า"คุณพ่อ"ใช่มั๊ยล่ะ เก่งมากค่ะ อย่า อย่า อย่า ถามซ้ำๆหลายๆครั้ง อย่าทำให้ลูกรู้สึกว่าเค้าตอบคำถามไม่ได้ ถ้าลูกไม่รู้ให้รีบบอกคำตอบ ห้ามแสดงสีหน้าผิดหวังให้ลูกเห็น

เช่นเดิมย้ำและเน้นว่าไม่มีการกดดันลูก เป้าหมายของการทำคือให้ลูกคุ้นเคยกับตัวอักษรและคำ อาจเริ่มจากคำรอบตัว ต่อไปก็เอาคำจากหนังสือนิทานที่ลูกชอบมาทำบัตรคำ ใครจะรู้อีกหน่อยลูกอาจจะอ่านนิทานเล่มโปรดของเค้าให้คุณฟังก็ได้






 

Create Date : 25 ตุลาคม 2551    
Last Update : 26 ตุลาคม 2551 0:22:23 น.
Counter : 2781 Pageviews.  

0 m* วันนี้คุณทำเพื่อลูกแค่ไหน

"วันนี้คุณทำเพื่่อลูกแค่ไหน?" ดูคลิบวีดีโอนี้จบแล้วลองตอบคำถามนี้กับตัวเองนะคะ



ขอบคุณพ่อธีร์ที่นำเรื่องราวดีๆมาบอกกันเสมออย่างต่อเนื่อง อย่างพ่อธีร์บอกว่าสิ่งที่เรากำลังทำอยู่ต้องอาศัยกำลังใจ ต้องให้กำลังใจกันและกันไป เพราะสิ่งที่เรากำลังทำกันอยู่มันไม่เห็นผลในเดือนสองเดือน อย่างเร็วก็ 1 ปี และยังต้องทำต่อไปเพื่อเก็บ 3,000 ชั่วโมง 5,000 ชั่วโมง เป้าหมายเราคือ 10,000 ชั่วโมง ไม่ง่าย แต่เมื่อเทียบกับคลิบวีดีโอที่เราจะเห็นต่อไปนี้เก่งว่าเรื่องที่เรากำลังทำให้ลูกวันละ 15 นาทีนี่เราจะทำให้ไม่ได้เชียวเหรอคะ




A son says to his father: 'Dad, would you be willingly to run a marathon with me?' The father, despite his age and a heart disease, says 'YES'.  And they run that marathon, together.



The son asks: 'Dad, can you run another marathon with me?' Again father says 'YES'. They run another marathon, together.


One day the son asks his father: 'Dad, would please do the Iron Man with me?'

(Now just in case you wouldn't know, 'The Iron Man' is the toughest triatlon in existance; 4km swimming, then 180 km by bike, and finaly another 42 km running, in one stroke. )


Again father says 'YES'  Maybe this doesn't 'touch' you yet by heart ... until you see this movie (put on sound!):




เรื่องจริง ...

วันนึงลูกชายได้พูดกับพ่อของเขาว่า "พ่อครับ พ่อจะไปวิ่งมาราธอนกับผมได้ไหม" ถึงแม้ว่าตัวคุณพ่อเองจะอายุมากแล้ว แถมยังเป็นโรคหัวใจ เขาเลือกที่จะตอบลูกของเขากลับไปว่า "ได้ซิลูก" หลังจากนั้นทั้งสองก็วิ่งมาราธอนด้วยกัน



อีกวันนึง ลูกชายได้ถามพ่อของเขาอีกครั้งว่า "พ่อครับ พ่อจะวิ่งมาราธอนกับผมอีกครั้งได้ไหม" แน่นอนว่า พ่อตอบกลับไปว่า "ได้ซิลูก" เขาทั้งสองก็ได้วิ่งมาราธอนรายการอื่นอีกครั้งด้วยกัน


และอีกวันนึง ลูกชายก็ถามพ่อของเขาอีกครั้งว่า "พ่อครับพ่อจะลงแข่ง Iron Man กับผมได้ไหม"


(สำหรับคนที่ไม่รู้ว่า Iron Man คืออะไร มันก็คือไตรกีฬานั่นเองในภาษาไทย รายการนี้จะรวมมนุษย์เหล็กจากทั่วโลก มาแข่งขันกันโดยแบ่งออกเป็น ว่ายน้ำ 4 กิโล ปั่นจักรยาน 180 กิโล และ วิ่ง 42 กิโล โดยไม่มีการหยุดพัก ใครเข้าเส้นชัยก่อนเป็นผู้ชนะ) และก็อีกครั้งหนึ่งที่ผู้เป็นพ่อไม่ได้ตอบปฏิเสธ "ได้ซิลูก"


บางทีบทสนทนานี้คุณอาจจะยังไม่เข้าใจ และยังไม่เกิดความประทับใจกับมัน...จนกระทั่งคุณได้ดูคลิปต่อไปนี้


 


 





เก่งตามไปหาข้อมูลต่อเรื่องพ่อลูกคู่นี้้ เจอคำพูดที่ถูกใจมากเลยนำเอามาฝากกัน พ่อ Rick บอกว่า "You can do anythings you want, as long as you make up your mind" "คุณสามารถทำทุกอย่างที่คุณหวังได้ เพียงแต่คุณต้องตัดสินใจที่จะทำ" เอาหละค่ะทีนี้ตอบคำถามกับตัวเองได้ว่า "วันนี้คุณทำเพื่อลูกแค่ไหน"



ฝากเพลงประกอบคลิบไว้ด้วยค่ะ เนื้อเพลงสุดยอดเลย

Who taught the sun where to stand in the morning
Who told the ocean you an only come this far?
Who showed the moon where to hide 'til evening
Whose words alone can catch a falling star?
Well I know my Redeemer lives
I know my Redeemer lives
All of creation testify
This life within me cries
I know my Redeemer lives
The very same God that spins things in orbit
He runs to the weary, the worn and the weak
And the same gentle hands that hold me when I'm broken
They conquered death to bring me victory
Now I know my Redeemer lives
I know my Redeemer lives
Let all creation testify
Let this life wihtin me cry
I know my Redeemer, He lives
To take away my shame And He lives forever I'll proclaim
That the payment for my sin
Was the precious life He gave
But now He's alive And there's an empty grave.
And I know my Redeemer,
He lives I know my Redeemer lives
Let all creation testify
This life within me cries
I know my Redeemer lives




 

Create Date : 15 ตุลาคม 2551    
Last Update : 15 ตุลาคม 2551 23:02:14 น.
Counter : 862 Pageviews.  

1 ปี* อบรม Montesseri ภาค 2

Montessori ภาค 2

วันนี้เป็นครั้งที่ 2 ที่ได้ไปอบรมเพิ่มเติมความรู้เกี่ยวกับมอนเตสเซอรี่ (Montessori) หลังจากครั้งแรกที่อบรมเรื่องเนื้อหาโดยรวมของมอนเตสเซอรี่ คราวนี้เราก็ได้หยิบจับอุปกรณ์สื่อการสอนของจริง ได้เรียนรู้การใช้สื่อต่างๆ ที่สำคัญคือได้เห็นเทคนิคที่ครูบัวใช้ในการสอน(หลอกล่อ)เพื่อให้เด็กทำตามเป้าหมายของงานแต่ละชิ้น

สื่อการสอนของมอนเตสเซอรี่มักทำจากวัสดุธรรมชาติ เช่น ไม้ ผ้า กระดาษ และเลี่ยงการใช้พลาสติก ทั้งนี้เพื่อเด็กจะได้สัมผัสพื้นผิวธรรมชาติ อันนี้เรียบ อันนี้ขรุขระ จับแล้วเย็นหรืออุ่น ทั้งนี้ทั้งนั้นเชื่อว่าทำให้เด็กมีสมาธิจรดจ่ออยู่ที่ชิ้นงานก่อนจะเริ่มทำงานแต่ละชิ้น ให้ประสาทสัมผัสตื่นตัวพร้อมจะเรียนรู้ เช่นเดิมค่ะก่อนทำงานแต่ละชิ้น เราจะปูผ้า ใช้มือรีดผ้าให้เรียบ (ฝึกสัมผัสครั้งที่ 1) จากนั้นก็นำอุปกรณ์วางข้างผืนผ้า เริ่มจากเราก็จะสาธิตวิธีการใช้สื่อการสอนให้เด็กดูอย่างเป็นขั้นตอน อย่าลืมเรื่องโทนเสียงว่าจะต้องราบเรียบสงบ

ตามหลักของมอนเตสเซอรี่เราจะสอนเด็กเรื่องประสาทสัมผัสก่อน แล้วจึงมาถึงเรื่องของคณิตศาสตร์นะคะ ทีนี้ก็มาถึงไฮไลท์ของวันนี้คือ การสาธิตการใช้สื่อมอนเตสเซอรี่ เพื่อให้เราได้สัมผัสและเข้าใจคอนเส็บของมอนเตสเซอรี่มากขึ้นค่ะ

หอคอยสีชมพู
เป็นบล็อกไม้ตันไล่ขนาดตั้งแต่ใหญ่ไปเล็ก ก่อนทำงานอย่าลืมเอามือสัมผัสบล็อกไม้รอบด้านด้วยการลูบด้านข้างซ้ายไปด้านบนและลงด้านข้างขวาก่อนวางบล็อกไม้ทุกชิ้น เราจะซ้อนจากใหญ่ไปเล็ก ถ้าเด็กเล็กเริ่มหัดใช้อุปกรณ์นี้ให้เลือกขนาดที่แตกต่างกัน 3 ชิ้น เมื่อทำคล่องในครั้งต่อๆไปจึงเพิ่มเป็น 4-5-จนครบทุกชิ้น การทำงานทุกชิ้นต้องให้เด็กเห็นว่างานไม่ใช่เรื่องยาก ถ้าเค้ามีสมาธิตั้งใจทำเค้าจะทำงานได้สำเร็จ อย่าให้เด็กเริ่มทำงานยากๆเพราะจะทำให้ท้อต่องานนั้นๆได้ค่ะ

กล่อง Binomial
ไม่แน่ใจว่าเรียกชื่อถูกหรือเปล่า ได้ยินแม่ๆแถวนั้นเรียก ลักษณะจะเป็นกล่องไม้เปิดด้านข้างได้ 2 ด้าน บรรจุบล็อกทั้งหมด 8 อัน แบ่งเป็น 2 ชุด ชุดสูง 4 อัน และชุดเตี้ย 4 อัน แต่ละด้านของลูกบาศก์จะระบายสีแตกต่างกันไป ถ้าเด็กไม่มีสมาธิจะงงกับสีและขนาด แล้วจัดเรียงกลับเข้าแบบเดิมไม่ถูก วิธีการสาธิตก็ต้องทำให้ลูกดูเรื่อยๆ เดี๋ยวเค้าก็จะทำได้ อุปกรณ์ชุดนี้เป็นชุดนึงที่เก่งชอบมาก เพราะรู้สึกได้ฝึกหลายอย่าง ทั้งนี้ทั้งนั้นต้องแบบค่อยเป็นค่อยไปนะคะ เด็กจะได้ฝึกเรื่องเซ็ทจากการแยกขนาดบล็อกสูงและเตี้ย แล้วก็มีเรื่องสีที่เด็กต้องระวังไม่ให้เกิดความสับสน ชิ้นนี้ต้องเด็กโตหน่อยนะคะ ยากขึ้นไปจะมีอีกก่องคู่กันคือกล่อง Trinomial คือจะเป็น 3 ชั้น ยากขึ้นไปอีกหน่อยค่ะ จะเป็นงานที่ท้าทายขึึ้นไปอีกระดับสำหรับเด็ก

แท่งไม้จำนวน
เป็นแท่งไม้ทาสีต่างขนาด จะใช้แค่ 2 สีคือสีแดงและสีน้ำเงิน เริ่มจาก 1 เป็นแท่งไม้สีแดงขนาดประมาณ 1 คืบ แท่งไม้ 2 ก็จะเป็นแท่งไม้ขนาด 2 คืบ ทาสีแดง 1 คืบและสีน้ำเงิน 1 คืบ แท่งไม้ 3 ก็จะเป็นแท่งไม้ขนาด 3 คืบทาสีแดงและน้ำเงินสลับอย่างละคืบ ไล่ไปจนถึง 10 คืบจะเป็นแท่งไม้ยาว 10 คืบ สังเกตว่าทุกแท่งจะเริ่มจากสีแดงเราจะยึดเป็นด้านหลัก เราก็จะนำแท่งไม้มาไล่จาก 1 การจับแท่งไม้เราจะกำเต็มมือเพื่อให้เด็กรู้ว่าแท่งไม้ขนาด 1 มือกำได้อันนี้คือ 1 นะ ขณะกำแท่งไม้นับ"หนึ่ง" แล้วจึงวางแท่งไม้ 1 ลงพื้นผ้าที่ปูไว้ ถ้าเป็นแท่งไม้ 2 ก็จะกำสีแดงก่อนแล้วออกเสียงนับ​"หนึ่ง"เอามืออีกข้างกำส่วนสีน้ำเงิน ออกเสียงนับ"สอง" แล้ววางแท่งไม้ต่อจากด้านบนของแท่งไม้1 โดยให้สีแดงตรงกัน เมื่อถึงแท่งไม้3ก็ทำเช่นเดียวกันคือเริ่มกำจากส่วนสีแดงนับ"หนึ่ง" มืออีกข้างกำส่วนสีน้ำเงินนับ"สอง" จากนั้นจึงปล่อยมือจากส่วนสีแดงแรกมาจับส่วนสีแดงที่ต่อจากสีน้ำเงินนับ"สาม" แล้วจึงเรียงแท่งไม้ต่อจากแท่ง 2ขึ้นไปข้างบน อย่าลืมว่าสีแดงแรกต้องตรงกันเป็นแนว ไล่ไปจนถึงแท่งไม้ที่ 10 เราก็จะได้ไม้ 10 แท่งเรียงกัน โดยยึดด้านซ้ายเป็นหลักจะเห็นเป็นแนวยาวของแท่งสีแดงของไม้จำนวน 10 แท่งจากนั้นจึงเอาบัตรตัวเลข 1-10 วางกำกับที่แท่งไม้ เริ่มจากแท่งไม้ที่ 1 ก็คือวางบัตรเลข 1 ตรงแท่งสีแดง จากนั้นวางเลข 2 ลงแท่งไม้ที่ 2 ตรงแท่งสีน้ำเงิน วางไล่ไปทางขวาจนครบ 10 เด็กจะได้เรียนรู้ว่าสีแดงคือเลขค่ สีน้ำเงินคือเลขคู่ เป็นการเรียนรู้เรื่องจำนวน ได้เรื่อง sense of number นำมาประยุกต์ต่อได้เช่นถ้าเรานำแท่งไม้1 ไปวางต่อจากแท่งไม้ 2 ก็จะเป็น 2+1 ซืึ่่งเด็กก็จะเห็นเองว่าความยาวมันเท่ากับแท่งไม้ 3

ลูกปัด 100
เป็นลูกปัดเล็กๆ 10 เม็ดเรียงเป็นแถวติดกันเป็นแท่ง เพราะฉะนั้น 1 แท่งลูกปัดแทนจำนวนเท่ากับ 10 ทั้งหมดจะมี 10 แท่งโดยมีข้อต่อติดแต่ละท่อน ลักษณะออกมาเหมือนเป็นสร้อยยาวร้อยเป็นวง แล้วก็จะมีป้ายลูกศรจำนวนเขียนว่า 10, 20, 30 ไปจนถึง 100 ให้เด็กวางตามข้อต่อ ข้อต่อแรกก็วางป้ายลูกศรว่า 10 ไล่ไปจนครบ 100 ก็คือการฝึกให้เด็กรู้ว่าจะนวนทีละ 10 รวมกัน 10 ครั้งเท่ากับ 100

กระดุม 1-10
อันนี้เพื่อความปลอดภัยงานนี้เฉพาะเด็กโตหน่อย เพราะกลัวหยิบกระดุมเข้าปากนะคะ จะมีกระดุมจำนวน เม็ดอยู่ในกระป๋อง แผ่นตัวเลข 1-10 และผ้าเย็บเป็นช่องยาว 10 ช่อง แต่ละช่องเราก็จะวางเลขกำกับที่ด้านบนของผ้า แล้วจึงเริ่มวางกระดุมให้ตรงกับจำนวนเลขในแต่ละช่องเริ่มจากเลข 1 หยิบกระดุมออกมา 1 เม็ดจากกระป๋องนับ"หนึ่ง" แล้วจึงวางลงช่องที่ 1 ของผ้า จากนั้นขยับเป็นช่องที่ 2 โดยหยิบลูกปัดเน้นว่าหยิบทีละเม็ดนะคะนับ"หนึ่ง" "สอง"เมื่อในมือมีลูกปัดตามจำนวนจึงวางลงในช่อง 2 โดยวางให้คู่กันซ้ายขวา ไล่ไปจนถึงช่องที่ 10 การวางกระดุมเราจะวางเป็นทีละ 2 เม็ดเรียงลงด้านล่าง ทั้งนี้เพื่อเด็กจะได้เห็นถึงความแตกต่างของเลขคู่และคี่ไปในตัว

สอน ก ข ค
การสอนตัวอักษรในระบบมอนเตสเซอรี่ก็จะเน้นให้เด็กได้หยิบได้สัมผัสเช่นเดิม สอนภาษาไทยเราจะเริ่มจาก ก จ ด เพราะอะไรถึงไม่เป็น ก ข ค ใช่มั๊ยคะ เพราะเราจะสอนตามเสียงอักษร เริ่มจากอักษรกลางก่อน จำได้มั๊ยคะสมัยเด็กที่ท่อง ไก่ จิก เด็ก ตาย บน ปาก โอ่ง นั่นหละค่ะ เพราะอักษรกลางเด็กจะออกเสียงได้ง่ายที่สุด ก็จะมีแผ่นอักษร ก ซึ่งตัวอักษรจะตัดจากกระดาษทรายเบอร์ละเอียด เพื่อให้เด็กฝึกสัมผัสเป็นการกระตุ้นประสาทสัมผัสเช่นเดิม ในตระกร้า ก ก็จะมีสิ่งของแทนอักษร ก ซึ่งอาจจะเป็น ตุ๊กตาไก่ กระดุม กางเกง(จำลองไม่ต้องใช้ของจริง) กล้วย(ปลอม) เริ่มจากลากนิ้วตามอักษรก่อน จากนั้นจึงออกเสียงอ่านแต่ละสิ่งของ ก ไก่, ก กระดุม, ก กางเกง, ก กล้วยหอม เป็นต้น สำหรับเด็กเล็กใช้สิ่งของประมาณ 5 อย่างก็พอค่ะ ทำทีละตัวอักษร เมื่อเด็กคล่องจะมีการประยุกต์เอา 2-3 ตะกร้าอักษรรวมกัน แล้วให้เด็กได้แยกสิ่งของตามหมวดอักษรค่ะ

A B C
ถ้าเป็นภาษาอังกฤษก็จะเริ่มจาก M P T ตามตำราของอเมริกันว่าเสียงออกง่าย เช่นเดิมค่ะ หาสิ่งของมาเติมตะกร้า เวลาอ่านออกเสียงจะอ่านตามเสียง Phonetic เช่น ตะกร้า M เวลาเราหยิบพรมจำลองผืนเล็กๆออกมา คำศัพท์ว่า MAT เราจะออกเสียงว่า เมอะ แม็ท

วันนี้เห็นพ่อๆแม่ๆหลายคนเอากล้องวีดีโอ กล้องถ่ายรูปไปถ่ายภาพอุปกรณ์กันใหญ่ เลยอยากจะบอกว่าไม่อยากให้ยึดติดกับอุปกรณ์มากเกินไป หลายสิ่งหลายอย่างเราสามารถประยุกต์ใช้ได้ตามความเหมาะสม เพราะเราสอนลูกของเราซึ่งเขาเป็นหนึ่งเดียวในโลกไม่มีความเหมือนกับเด็กคนไหน อยากให้มองที่จุดประสงค์ของแต่ละอุปกรณ์ สอนลูกให้บรรลุถึงเป้าหมายได้เป็นโอเค สำคัญคือวิธีการกระตุ้นให้ลูกอยากรู้ อยากทำตาม ให้ลูกมีกำลังใจในการเรียนรู้ ถึงจะไปตามซื้ออุปกรณ์ราคาชุดละเป็นพันแต่ถ้าพ่อแม่ไม่ใส่ใจในวิธีการสอน และติดตามผลก็ไม่เกิดผลดีกับลูกเต็มที่ เห็นแม่บางคนให้ลูกลองทำงาน ลองหยิบจับอุปกรณ์แต่วิธีการพูดการให้กำลังใจยังขาดหาย หลายครั้งได้ยินคำว่า "อันนี้ไม่ถูก อันนี้ผิด" ซึ่งเป็นคำพูดที่ทำให้ลูกชะงัก และหยุดที่จะทำต่อ พ่อแม่ควรหาวิธีการพูดและมีจิตวิทยาในการชี้นำลูก ถ้าลูกใส่ไม้ผิดช่องก็บอกว่า ไม้กลับบ้านถูกหรือยังคะ แล้วไม้อันนี้(หยิบอันที่ควรจะต้องลงช่องนั้น)จะอยู่บ้านไหนหนอ กระตุ้นให้เด็กได้ลองถูกลองผิด ให้ลูกเป็นผู้ค้นพบ เราเป็นเพียงคนชี้นำและให้กำลังใจ ให้เวลากับลูกในแต่ละกิจกรรม เค้าทำไม่ได้ในครัั้งแรกแต่มั่นใจเถอะค่ะว่าเค้าจะเรียนรู้จากความผิดพลาด แล้วเค้าจะพยายามหาวิธีทำให้ได้มาซึ่งเป้าประสงค์ของงานแต่ละชิ้น

ฝากลิ้งค์เกี่ยวกับ Montessori เอาไว้ มีอุปกรณ์ให้โหลดและปริ๊นท์ได้ ขอบคุณข้อมูลจากแม่ๆชานเรือนนะคะ
//www.jmjpublishing.com/montessoriEducation.htm

ใครสนใจปรึกษาครูบัวเรื่องมอนเตสซอรี่ ติดต่อได้ที่ "สถานปฐมวัยชายด์มอนเตสซอรี่โฮม" 282 เย็นอากาศ ซ.2 แขวงช่องนนทรี เขตยานนาวา กรุงเทพฯ 10120 โทร. 02-2492408




 

Create Date : 04 ตุลาคม 2551    
Last Update : 3 มีนาคม 2552 13:20:44 น.
Counter : 915 Pageviews.  

1.6 ปี* กระดานวิเศษ กระดาน 100 ช่อง

กระดานวิเศษ กระดาน 100 ช่อง


ต่อเนื่องจากหัวข้อก่อนเรื่องการเตรียมความพร้อมให้ลูก พูดถึงเรื่องกระดาน 100 ช่องเอาไว้เลยมาเล่าต่อ
นะคะ เก่งเรียกกระดาน 100 ช่องนี้ว่า"กระดานวิเศษ"เพราะสรรพคุณของกระดานมันวิเศษจริงๆ อ่านจบ
แล้วใครเห็นเป็นอื่นก็ไม่ว่ากันค่ะ อิ อิ


เรื่องกระดาน100ช่อง หน้าตาจะเป็นตารางแถวละ 10 ใส่เลข 1-10 แถวสองใส่เลข 1-20 ทำจนครบ
10 แถวก็มีเลข 1-100 จะใช้กระดาษตีช่องแล้วแปะปนกระดาษแข็งหรือบอร์ดแข็งๆก็ใช้ได้แล้ว ส่วน
ตัวเบี้ยที่จะมาวางบนกระดานก็จะมี 100 อันเขียนเลข 1-100 ให้ชัดๆ จะใช้ฝาเบียร์หรือกระดาษแข็ง
ตัดก็โอเค แต่กระดานวิเศษของบันบันเก่งสั่งทำที่ร้านปากซอยบ้านเป็นกระดานโลหะแบบเบา ทำพับ
ครึ่งพกพาได้ ตัวเบี้ยเป็นกระดาษอัดแข็งติดแผ่นแม่เหล็กข้างหลังจะสะดวกสำหรับเด็กเล็กเพราะ
เด็กเล็กเค้ามือเปะปะ ตอนสอนวางเลขถ้ามือปัดโดนก็ไปหมด เลยลงทุนทำทีเดียว สรรหา
วิธีการกว่าจะลงตัวใช้เวลาไปหลายเดือน เดี๋ยวถ่ายรูปแล้วจะเอามาให้ดูหน้าตา เอาไปจัดทำตามแบบ
กันได้เลรูปแบบกระดานเก่งจะเป็นแบบที่รวบรวมข้อมูลมาแล้วว่าแบบนี้เวิร์ค ฉะนั้นไม่ต้องสรรหารูป
แบบอื่น ทำตามแบบเก่งเลยสบายโลด


ประโยชน์แรกของกระดานวิเศษ ตอนนี้บันบันยังเล็กเกินวางเบี้ยเอง ฉะนั้นประโยชน์หลักของกระดาน
วิเศษสำหรับบันบันตอนนี้คือเอาไว้ติดปลาแม่เหล็กเล่านิทานกันค่ะ ฮ่า ฮ่า ล้อเล่นค่ะนอกเรื่องไปหน่อย
อิ อิ สำหรับเด็กเล็กที่ยังวางเบี้ยไม่เป็นก็จะมีคุณพ่อหรือคุณแม่ทำหน้าที่แทน โดยวิธีเอาลูกนั่งตักแล้ว
พ่อแม่เป็นคนวางเบี้ยให้ลูกดูวางแค่ 1-5 แล้วก็กอด หอมแก้ม ชม ทำทุกวิธีให้ลูกรุ้สึกดีกับกระดาน
วิเศษอันนี้ ไม่ยากใช่มั๊ยคะ สำหรับเด็กโตขึ้นมาก็ต้องตะล่อมให้พยายามวางเอง


กระดานแบบพื้นฐานคือมีตัวเลข 1-100 ก็โอเคแล้ว แต่ถ้าเอาแบบครบหลักสูตรเราจะแบ่งเป็น quarter
ด้วย แบ่งซ้าย-ขวา บน-ล่าง ก็จะได้เป็น 4 quarter ถ้าคิดตามก็จะเห็นว่าเลข 1-5 เป็นสีนึง(ฟ้า) พอ
เลข 6-10 เป็นอีกสีนึง(เหลือง) ประโยชน์ของตาราง quarter คือแบบนี้ค่ะ ตอนลูกเล็กเราสอนวางแค่
1-5 ลูกก็จะเห็นว่าเบี้ยอยู่ในช่องสีฟ้าตลอด พอเราเริ่มสอนเลข 6 เมื่อไหร่ เขาจะเห็นได้เลยว่ามันคือ
5+1 ถ้าเลข 9 ก็คือ 5+4 เก็ทมั๊ยคะ เจ๋งเนอะตารางร้อยช่อง เก่งนี่ทึ่งสุดๆกับประโยชน์ของตารางวิเศษนี้


เด็กจะเรียนรู้การวางเบี้ย 1-100 เราจะจับเวลาทุกครั้งที่ทำแบบฝึกหัด ทุกอย่างที่ทำมีความคิดอยู่เบื้อง
หลัง การจับเวลาทำให้สมองซีกขวาทำงานค่ะ จำไว้เสมอว่าเราต้องทำให้เด็กคิดว่า"โอ้โห มันง่ายจัง หนู
ทำได้ในเวลาอีกแล้ว" สมมติว่าเวลาของการทำแบบฝึกหัดนั้นๆคือ 5 นาที ถ้าลูกทำไม่ได้ใน 5 นาที อีก
วันเราจะลดจำนวนเลขลง เป้าหมายคือให้เค้าทำได้ในเวลาจนคล่องแล้วจึงค่อยๆเพิ่มเสต็ปความยาก พูด
ถึงเรื่องจับเวลานึกถึงคุมอง คุมองก็จะให้เด็กที่เริ่มเรียนตอนแรกๆนั่งเขียนเลขในตารางช่องๆโดยมีการจับ
เวลา หลักการเดียวกันกับกระดานร้อยช่องของเรานี่หละค่ะ แต่ข้อดีของกระดานร้อยช่องอีกอย่างคือ เด็ก
เมื่อเล็กกล้ามเนื้อยังไม่แข็งแรงเค้าจะเขียนเลขได้ไม่เร็ว การที่เราให้เค้าวางเบี้ยด้วยจะทำให้รู้ว่าจริงๆลูก
มีความสามารถในการนับมากน้อยแค่ไหนด้วย (แต่เรื่องเขียนเราก็ต้องฝึก เด็กโตจะมีเรื่องเขียนเลขใน
กระดาษร้อยช่องเพิ่มเติม)


แค่เรื่องวางเบี้ย 1-100 ในกระดานวิเศษเด็กก็ได้ฝึกอะไรเยอะแยะแล้ว พอเค้าวางไปซักพักตัวเลขเริ่ม
เยอะนึกภาพออกมั๊ยคะเบี้ย 100 จะวางระเกะระกะไปหมด เค้าจะเริ่มหาวิธีว่าทำยังไงให้เร็วขึ้นให้เวลาดี
ขึ้น เค้าก็จะค้นพบการจัดเซ็ทค่ะ แยกเบี้ยเป็นพวกก่อนแล้วค่อยติดลงกระดานอะไร ทั้งนี้ทั้งนั้นพ่อแม่ไม่มี
การบอกวิธีนะคะ พ่อแม่ทำได้คือชี้แนะแต่ไม่บอก จุดประสงค์ของการทำแบบนี้คือเรากำลังฝึกลูกให้เป็น
self learner เราเป็นผู้สอนวิธีการแต่ลูกเป็นผู้ค้นพบ


เมื่อเด็กวาง 1-100 คล่อง เราก็จะเริ่มประยุกต์การใช้ตารางเช่น วางแต่เลขคู่ วางแต่เลขคี่ หรือไปจนถึง
สูตรคูณ ซึ่งเด็กไม่รู้หรอกค่ะว่าวิธีแบบนี้เรียกสูตรคูณ แต่ถ้าให้เค้าวางโดยนับไปทีละ 3 ก็คือสูตรคูณแม่
3 นั่นเอง เราก็จะบอกลูกว่า​ "วันนี้คุณแม่ใจดีให้หนูวางเว้นช่องเพิ่ม เว้น 2 ช่องเลยค่ะ เลข 1 กับ 2
ไม่ต้องวาง วางเลข 3 แล้ว 4 กับ 5 ก็ไม่ต้องวาง วางเลข 6" นึกภาพตามนะคะ เลขที่ได้ออกมาคือ 3 6 9 12
15 18 21...99 สิ่งที่ลูกจะเห็น(ในวันหนึ่งซึ่งไม่ใช่วันแรกที่ทำแน่ๆ)คือ เลขมันเรียงเป็นแนวทแยง อันนี้
คือลูกได้ pattern sense แล้วค่ะ ทำต่อเนื่องลูกจะรู้ทันทีว่าจะวางแม่ 4 รูปแบบตารางจะออกมาเป็น
อย่างไร เค้าจะไวมาก จะสูตรคูณแม่อะไรเราก็เลือกเลยค่ะให้ทำทุกวัน ลูกจะยิ่งชอบเลขสูงๆด้วยซ้ำเพราะ
วางเบี้ยน้อยตัว ฮิ ฮิ


ประโยชน์ใหญ่ๆอีกเรื่องของกระดานวิเศษนี้คือ เด็กที่ทำตารางร้อยช่องจะไม่เป็นเด็กนับนิ้ว อย่างที่พ่อธีร์
เล่าให้ฟังว่าลูกสาวพ่อธีร์ตอนขึ้น ป. 1 กลับบ้านมาบอกพ่อว่า"หนูทำเลขไม่ได้" พ่อธีร์ก็งงว่าลูกสาวบวก
เลข 2 หลักคล่องตั้งแต่อยู่อนุบาลไม่น่าจะเจอเลขที่ทำไม่ได้ในโรงเรียน พอมาฟังลูกเล่าถึงบางอ้อ ลูกพ่อธีร์
บอกว่าคุณครูสอนบวกเลขแบบ "เอา 2 ไว้ในใจชูนิ้วขึ้นมา 3 นับต่อจาก 2 เป็น 3 4 5" แล้วเขียนคำตอบ
แต่ลูกพ่อธีร์ทำไม่เป็น คือเค้าผ่านขั้นนั้นมาแล้ว เห็นโจทย์ปั๊บเค้าเขียนคำตอบเลย แต่เพื่อนๆท่องแบบนี้
เค้าทำไม่เป็น กลับมาให้พ่อธีร์สอน พ่อธีร์ก็สอนค่ะ แต่สาวน้อยทำๆไปได้ซักพักบอกว่าไม่เอาแล้วหนูทำ
แบบเดิมของหนูดีกว่าไม่รู้จะเอาไว้ในใจทำไม พ่อธีร์บอกว่า"เราเป็นพ่อเป็นแม่มีหน้าที่สอน เค้าอยากรู้
อะไรเราก็สอน แต่สุดท้ายให้เค้าได้เลือกหนทางของเค้าเอง เค้าจะเรียนรู้เองว่าหนทางที่จะทำให้ได้มาซึ่ง
คำตอบมันมีสารพัดวิธี และเขาสามารถเลือกได้"


เด็กที่ได้ฝึกกับกระดานร้อยช่องจะเหมือนมีเครื่องคิดเลขติดตัวเข้าห้องสอบเลย มีปัญหาอะไรนึกไม่ออก
เอาเหรียญออกมาวางแทนเบี้ย เพราะภาพกระดานอยู่ในหัวเค้าหมดแล้ว เด็กจะได้เรียนรู้การแก้ปัญหา
สารพัดโจทย์ด้วยการใช้กระดาน ไม่ว่าจะเป็นโจย์บวกหรือลบ ไปจนถึงหาครน หรม เชื่อมั๊ยคะว่ากระดาน
100 ช่องทำได้ เมื่อเราฝึกลูกแต่เล็กเรื่องกระดาน 100 ช่อง ลูกได้เห็นกระดานช่องๆอย่างนี้ทุกวันเป็น
ปีๆ(ถึงแม้หน้าตาจะเปลี่ยนไปบ้าง เดี๋ยวเลขโน้นหาย เดี๋ยวเลขนี้โผล่)ก็จะเกิดความเคยชินกับกระดาน ไม่
กลัวของเล่นพวกนี้ พอโตขึ้นเราจะสนับสนุนให้ลูกเล่นหมากกระดาน เลือกได้เลยค่ะว่าจะให้เล่นอะไร
หมากฮอส หมากรุก โซโดกุ โกะ(หมากล้อม) อะไรก็ได้ดีหมด เด็กที่ได้เล่นหมากกระดานซึ่งถือเป็นกีฬา
ชนิดหนึ่งจะมีผลพลอยได้คือรู้จักแพ้ชนะ เรามั่นใจได้ว่าโตขึ้นลูกจะไม่เป็นเด็กเก่งแต่วิชา แต่ลูกจะเป็นเด็ก
ที่รู้ทักษะการอยู่ในสังคม รู้จักแพ้ชนะ ซึ่งส่งผลต่อไปในอนาคตของเค้า ว่าแล้วก็ติดค้างเรื่องของซูซาน
แชมป์โลกหมากรุกจะเห็นได้จากชีวิตของซูซานว่าทำไมอัจฉริยะที่รู้แต่วิชาการถึงล้มเหลว แล้วทำไมซู
ซานถึงประสบความสำเร็จในชีวิต


ประโยชน์ของกระดาน 100 ช่องวิเศษขนาดนี้แล้วจะไม่ให้เรียกว่ากระดานวิเศษได้อย่างไรจริงมั๊ยคะ




 

Create Date : 04 ตุลาคม 2551    
Last Update : 4 ตุลาคม 2551 23:45:15 น.
Counter : 3341 Pageviews.  

1.6 ปี* การสอนเด็กเล็กทำอะไรบ้าง

สอนเด็กเล็ก



หลังจากเจอพ่อธีร์ที่สวนลุมก็ได้รวบรวมข้อมูลมาเยอะแยะ เราก็ได้บทสรุปคร่าวๆออกมาว่าเด็กเล็กควรเริ่มฝึกอะไรบ้าง พ่อๆแม่ๆอย่าลืมนะคะ "ห้ามคาดหวัง" เรากำลังทำสิ่งดีๆให้ลูกของเรา ไม่ว่าลูกจะได้มากหรือน้อยก็ดีกว่าเราไม่ได้ทำ เราจะไม่เปรียบเทียบลูกเรากับเด็กคนอื่น เพราะเด็กแต่ละคนมีความแตกต่าง เราไม่ได้ฝึกลูกอย่างเดียวแต่ฝึกตัวเราเองด้วย ช่วงเวลาแห่งการเริ่มต้นกว่าจะผ่านช่วงแรกก็ประมาณ 4-5 เดือน ตามที่พ่อแม่ที่มีประสบการณ์บอกมาว่าช่วงนี้จะทรมานสุดๆ เพราะลูกก็ไม่รู้ว่าพ่อแม่ทำอะไร วินัยยังไม่มา ถ้าเราผ่านช่วงนี้ไปได้อะไรๆก็จะง่ายขึ้นเยอะ ช่วงแรกนี่แหละเป็นช่วงแห่งความสับสนเราต้องให้กำลังใจกันไปเรื่อยๆหละนะคะ 



เราจะใช้เวลาคุณภาพในการสอนต่อวันประมาณ 15 นาที การสอนลูก"ห้าม"นั่งเผชิญหน้ากับลูก ให้อุ้มลูกนั่งตัก หลังจากเสร็จแต่ละกิจกรรมอย่าลืมให้รางวัลลูกน้อยด้วยการกอด หอม และคำชม หลายคนถามว่าจะต้องทำบ่อยแค่ไหนเรื่องการสอน เราทำบ่อยแค่ไหนเราก็ได้กอดลูกมากเท่านั้นหละค่ะ อิ อิ แต่อย่าลืมว่าเราจะไม่กดดันลูก อย่าลืมเปิดเพลงบรรเลงในขณะสอน 



1. นับเลขปากเปล่า โดยใช้ลูกปัด

2. วางเบี้ยบนกระดาน (แม่วางลูกดู)

3. ลากนิ้วตามตัวเลขโตๆ

4. บัตรคำ

5. สมาธิ



นับเลขปากเปล่า 

เพื่อความปลอดภัยเราจะใช้ลูกปัดลูกโตๆนะคะ ถ้าไม่มีก็เป็นบล็อกไม้หรืออะไรก็ได้ที่เหมือนกัน 5 อัน วาง 1ลูกนับ "หนึ่ง" วางเพิ่มอีกหนึ่งลูกนับ"สอง" ไปจนถึง"ห้า" ถือว่าจบบทเรียน กอด หอม ชมลูก(ห้ามลืม) อันนี้สำหรับเริ่มต้น เป้าหมายของเราคือเมื่อเราวางลูกปัด 5 ลูกแล้วลูกตอบ "ห้า"ทันที โดยไม่ต้องนับ "หนึ่ง สอง สาม สี่ ห้า" อันนี้เป็นการฝึกให้ลูกมองเห็นภาพ แบบเดียวกับที่คุมองให้การ์ดจุดๆให้เด็กดู และแบบเดียวกับวิธีสอนเลขของ Glenn Doman จุดประสงค์เดียวกันคือ Number Sense ลูกปัดแนะนำของศึกษาภัณฑ์ เป็นแบบมีรู เดี๋ยวเราเก็บไว้ใช้ยาวจนลูกโต



วางเบี้ยบนกระดาน

แม่วางเบี้ยเลข 1 บนกระดาน นับ "หนึ่ง" แม่วางเบี้ยเลข 2 นับ "สอง" ไล่ไปจนถึง "20" ถือว่าจบบทเรียน ทำไงต่อคะ?? ถูกต้องค่ะ กอด หอม ชมลูก ภาคบังคับห้ามลืม วางเบี้ยเราฝึกเรื่อง Pattern Sense เมื่อลูกโตจะให้ลูกวางเอง พอวางได้ 1-100 ก็จะมีการประยุกต์การใช้กระดาน เช่นวางแต่เลขคู่ วางแต่เลขคี่ วางตามสูตรคูณ(ลูกไม่รู้หรอกค่ะว่าสูตรคูณ) เค้าจะทำได้ของเค้าเองว่าถ้าแม่ให้นับทีละ 3 เบี้ยมันจะไปอยู่ในช่อง 3 6 9 12 กระดานเบี้ยสารพัดประโยชน์ จากที่เราเห็นพ่อธีร์ใช้กระดานแก้โจทย์เลขให้เราดูว่าเด็กตัวเล็กๆเค้าคิดยังไง ฝากโจทย์ไว้อีกทีเผื่อใครสนใจ อันนี้เป็นโจทย์คลาสสิกมากๆ "มีนกกับเต่ารวมกัน 7 หัว มีขารวมกัน 20 ขา ถามว่ามีนกกี่ตัว มีเต่ากี่ตัว" ถ้าเราสอนลูกเราใช้กระดานเบี้ยไปเรื่อยๆตามขั้นตอน ลูกเราน่าจะแก้โจทย์นี้ได้ตอนอนุบาล 3 ค่ะ ว้าวววววใช่มั๊ยล่ะคะ อีกหนึ่งข้อดีของกระดานเบี้ยคือสร้างความเคยชินให้ลูกไม่กลัวกระดาน เดี๋ยวลูกโตหน่อยเราจะส่งเสริมให้เค้าเล่นหมากกระดานค่ะ จะหมากรุก หมากฮอส โกะ ซูโดกุ อะไรก็ได้ดีทั้งนั้นสำหรับเด็ก (ว่าแล้วก็นึกถึง Susan แชมป์หมากรุกโลก เดี๋ยวไปเขียนเล่าต่อภาคต่อไป)



ลากนิ้วตามตัวเลข

อุปกรณ์ของเราเป็นกระดาษ A4 พิมพ์ตัวเลข 1-0 กระดาษ 1 แผ่นพิมพ์หนึ่งตัวเลขนะคะจะได้เลขโตๆเหมาะกับวัยคุณลูกของพวกเรา ถ้าจะเอาแบบพัฒนาขึ้นอีกหนึ่งขั้นก็ใช้กระดาษทราบเบอร์ละเอียด หรือกำมะหยี่ ตัดเป็นตัวเลขแปะ กระดาษ A4เราต้องแปะบนแผ่นแข็งๆด้วยนะคะ ลูกจะได้ลากนิ้วตามได้ง่าย อันนี้แบบเดียวกับแนวทางของมอนเตสซอรี่ Montessori เลย เดี๋ยวหาทางเริ่มพัฒนาแล้วใครจะเอาก็บอกมานะคะ ยังไม่ได้ทำ



บัตรคำ

เริ่มทำบัตรคำจากหนังสือนิทานที่คุณชอบเล่าให้ลูกฟังแล้วลูกก็ชอบ หนังสือสำหรับเด็กหนึ่งเล่มคำศัพท์ไม่ควรเกิน 40 คำ หนังสือสำหรับเด็กเล็กต้องมีตัวหนังสือน้อย อักษรโตๆ ภาพสวยๆ บัตรคำใช้อักษรใหญ่หน่อยลูกจะได้อ่านง่าย เขียนเอาง่ายสุด หรือจะปริ๊นท์จากคอมก็ดูเรียบร้อย เลือกฟ้อนต์หนาๆหน่อยนะคะ ใครยังหานิทานถูกใจไม่ได้ลองเรื่อง "ขอหนูหลับหน่อย" ภาพสวยมากๆ อักษรโต เนื้อเรื่องน่ารัก เป็นเรื่องราวเกี่ยวกับการนอนของสัตว์ต่างๆ สุดท้ายถามว่าแล้วเด็กๆนอนแบบไหน น่ารักดีค่ะ



สมาธิ

มีการวิจัยออกมาว่าการจับเด็กเล็กนั่งสมาธิมีผลเสียมากกว่าผลดี เพราะวัยของเด็กควรเป็นวัยวิ่งเล่นจับนั่งเฉยๆให้หลับตาเค้าจะเครียดได้ การฝึกสมาธิจึงควรฝึกผ่านกิจกรรมหรือการเล่นต่างๆ ก่อนหน้านี้เก่งจะสอนบันร้อยลูกปัด ลูกปัดลูกโตๆมีตัวนำเป็นไม้จะง่ายสำหรับเด็กเล็ก แรกๆบันก็จะทำไม่ได้ก็คอยช่วย ตอนขวบสองเดือนร้อยเองได้ 9 ชิ้นแล้วค่ะ พ่อธีร์เพิ่มเติมวิธีฝึกสมาธิให้บันด้วยการใช้ภาพพ่อและแม่ อันนี้เด็กจะได้จินตนาการด้วย เลือกภาพพ่อหนึ่งใบที่ยิ้มแย้ม ภาพแม่อีกหนึ่งใบยิ้มแย้มเหมือนกัน โชว์รูปพ่อให้ลูกดูบอกลูกด้วยน้ำเสียงโทนเรียบ นุ่มนวลว่า "รูปป่าป๊า อยู่ในใจหนู" จากนั้นเปลี่ยนเป็นรูปแม่พูดว่า "รูปหม่ามี๊ อยู่ในใจหนู" ฝึกแค่นี้แหละค่ะทุกวัน ลูกจะจินตนาการภาพพ่อและแม่ว่าอยู่ในใจเค้าได้ ภาพพ่อแม่ในใจเค้าจะเป็นภาพพ่อแม่ยิ้มแย้มใจดีอ่อนหวาน

เรื่องอุปกรณ์หลายคนอาจสงสัย ไว้จะเอารูปมาให้ดูกัน อย่างกระดานเบี้ยเก่งสั่งทำกระดานแม่เหล็กที่ร้านปากซอยบ้านเป็นกระดานแม่เหล็ก เพราะจากประสบการ์แม่ๆกลุ่มก่อนบอกว่ากระดานธรรมดาแล้วลูกปัดเบี้ยกระจาย เก่งเลยคิดทำกระดานเป็นแม่เหล็กซะเลย จะได้ใช้ได้ยาว ตอนนี้ก็เอากระดานมาให้บันเล่นแม้จะยังไม่รู้ตัวเลข ก็เอากระดานมาให้แปะโน่นนี่บนกระดาน เริ่มสร้างความเคยชินน่ะค่ะ 



การสอนไม่มีใครรู้จักลูกดีเท่าตัวคุณ ฉะนั้นจะทำเวลาเช้า สาย บ่าย เย็น แต่ละครอบครัวไม่เหมือนกัน หรือจะทำแล้วหยุดพักเดี๋ยวทำต่อก็ไม่ว่ากัน เพราะแรกๆเค้าคงไม่นั่งอยู่บนตักเรานานหรอกค่ะ ฮ่า ฮ่า อันนี้ต้องประยุกต์กันไปตามวาระ ว่าแล้วก็เริ่มทำกันตั้งแต่วันนี้เลยนะคะ








 

Create Date : 01 ตุลาคม 2551    
Last Update : 1 ตุลาคม 2551 23:23:10 น.
Counter : 8333 Pageviews.  

1  2  3  4  5  6  7  8  

MamyKeng
Location :
กรุงเทพ Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed

ผู้ติดตามบล็อก : 20 คน [?]




Friends' blogs
[Add MamyKeng's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.