Group Blog
 
All blogs
 

0 m* การเลือกนิทานให้ลูก

 


นิทาน เรื่องที่แม่ๆไม่ควรมองข้าม บางเรื่องแม้จะเป็นนิทานที่เราคิดว่าคนแต่งเค้าคัดเลือกมาแล้ว แต่ก็มีหลายเรื่องที่เก่งเห็นว่าไม่ควรที่จะเอามาสอนลูก ถึงจะเป็นนิทานแม่ๆก็ควรเลือกสรรเนื้อเรื่องให้เหมาะ ถ้าแม่ๆฉลาดเลือกหละก็นิทานเป็นตัวช่วยที่ดีเลยเหมือนกัน เช่น แม่ๆสามารถสอดแทรกสิ่งที่อยากสอนลงไปได้ หรือเลือกนิทานให้สอดคล้องกับชีวิตประจำวันลูก 


อย่างเช่นตอนนี้ลูกชอบสัตว์ คุณแม่ก็อาจหานิทานเกี่ยวกับชีวิตสัตว์มาเล่า อาจจะเป็นเรื่องการนอนของสัตว์แนะนำเรื่อง"ขอหนูหลับหน่อย" ภาพสวย เนื้อหาดี ตัวหนังสือใหญ่ ดีไปหมดหาข้อติไม่ได้ เล่มนี้ของสำนักพิมพ์แพรวราคาเล่มละ 180 บาท เนื้อหาเป็นการหลับนอนของสัตว์ชนิดต่างๆสุดท้ายถามว่าแล้วเด็กๆนอนแบบไหน หรือจะเป็นเรื่องเรื่องการขับถ่ายของสัตว์ก็จะมีเรื่อง "อึ" หรือ "ฉี่" เป็นการขับถ่ายของสัตว์ต่างๆ จบด้วยสอนเด็กๆว่าจะต้องขับถ่ายอย่างไร สองเล่มนี้ก็น่ารักแปลจากของญี่ปุ่น เนื้อหาเรียบง่าย เรียกเสียงฮาได้เหมือนกัน 


หรืออย่างพ่อแม่ที่กำลังสอนเรื่องนั่งกระโถน ไม่ควรพลาด Once Upon a Potty เล่มนี้เก่งโชคดีได้มาราคา 30 บาทตอน B2S โละสต๊อก สภาพโทรมแต่ด้วยความที่แม่ชอบเนื้อหาก็เอามาเพราะหาจากที่อื่นก็ไม่มี เนื้อหาเป็นการเล่าเรื่องถึงเด็กชายคนนึงชื่อ โจชัว ว่ามีอวัยวะอะไรบ้าง แล้วก็มีรูก้นเอาไว้อึอึ๊ แต่เล็กโจชัวก็อึอึ๊ในผ้าอ้อมจนวันนึงโจชัวได้กระโถนมาเป็นของขวัญ แต่ก็ยังอึอึ๊ในกระโถนไม่สำเร็จ พอวันนึงเค้ามีอึอึ๊ในกระโถนครั้งแรกก็เก็บไปให้แม่ดู เชื่อมั๊ยคะว่าวันที่บันมีอึอึ๊ในกระโถนครั้งแรกเค้าบอกจะเอาให้ป่าป๊าดู เพราะอิทธิพลของโจชัวรึเปล่าคะท่าน?? ถ้าเอาฉบับไทยก็จะมีเรื่อง "ขอไปด้วยคน" อันนี้ก็น่ารักเป็นสัตว์เล่นกันอยู่ที่ชายหาดแล้วจู่ๆก็วิ่งหายกันไปทีละตัว สุดท้ายไปนั่งกระโถนเรียงกัน 


แม่ๆพยายามเลือกหนังสือให้เชื่อมโยงกับสิ่งที่ลูกรู้อยู่แล้ว แล้วลูกจะได้เรียนรู้ว่าทุกสิ่งในชีวิตเค้าเชื่อมโยงกับสิ่งอื่นๆ เช่น ถ้าจะพาลูกไปสวนสัตว์ก็เอาหนังสือภาพสัตว์มาเปิดดูกัน พอกลับมาจากสวนสัตว์ก็มาเปิดภาพดูว่าเราเห็นตัวอะไรมาบ้าง  สัตว์บางชนิดหนังสือแต่ละเล่มก็หน้าตาไม่เหมือนกัน เช่น วัวจากหนังสือเล่มนี้สีดำ-ขาว แต่อีกเล่มนึงมีวัวสีน้ำตาล ถ้าเก่งอ่านนิทานแล้วนึกออกว่าเราเคยมีหนังสือที่วัวอีกสีนึงอยู่อีกเล่มนึงเก่งจะไปหยิบมาเปิดให้บันดูทันที เค้าก็จะได้เรียนรู้ว่าวัวมันมีหลายสีนะ แล้วเค้าก็จะได้เชื่อมโยงหนังสือ 2 เล่มเข้าด้วยกันโดยมีวัวเป็นตัวเชื่อม 


 


เรื่องนิทานจริงๆมีให้เล่าอีกยาวเดี๋ยวทยอยมาเล่า สุดท้ายฝากบทความที่อ่านเจอจากมูลนิธิหนังสือเพื่อเด็กไว้หน่อยละกันนะคะ ใครสนใจเชิญที่ลิ้งค์ของ มูลนิธิหนังสือเพื่อเด็ก นะคะ


 


กระบวนการใช้หนังสือสำหรับเด็ก 



ต้อง11 (MUST)

1. ต้องชักชวนลูกให้อ่านหนังสือ
การชักชวนที่ดีที่สุด และง่ายที่สุดคือ การที่พ่อแม่อ่านออกเสียงดัง ๆ เพื่อเรียกร้องความสนใจของลูก

2. ต้องแสดงท่าทางที่เป็นสุข
เพื่อทำให้ช่วงเวลาของการอ่านหนังสือร่วมกันประสาพ่อแม่ลูกให้เป็นช่วงเวลาหรรษาของ ครอบครัว

3. ต้องใช้เวลาที่เหมาะสม
การอ่านหนังสือให้ลูกฟังต้องเป็นระยะเวลาที่ไม่นานเกินไปจนลูกเบื่อ หรือสั้นเกินไปจนลูกหงุดหงิด

4. ต้องเลือกหนังสือที่เหมาะสมกับวัยของลูก
เนื้อเรื่องต้องสนุกสนาน รูปภาพประกอบสวยงาม รูปเล่มแข็งแรงแต่ไม่เป็นอันตรายต่อลูก

5. ต้องลดวัย
ให้สอดคล้องกับวัยที่จะเป็นเพื่อนเล่นที่ดีของลูกได้

6. ต้องหากิจกรรมมาประกอบ
ต้องหากิจกรรมอื่น ๆ มาประกอบ อ่านไปร้องเพลงไป หรืออ่านไปเต้นไป ลูกจะได้ไม่เบื่อ

7. ต้องต่อยอดความคิด
พ่อแม่ต้องเรียนรู้ที่จะตอบคำถามของลูก ไม่ปล่อยให้ลูกเคว้งคว้างทางความรู้สึก

8. ต้องจัดมุมหนังสือไว้ในบ้าน
จัดมุมหนังสือไว้ในบ้าน ลูกจะได้เรียนรู้ว่าถ้าต้องการหนังสือเมื่อไรจะมาที่มุมนี้

9. ต้องชื่นชมและชมเชยลูก
พ่อแม่ต้องชื่นชม และชมเชยทุกครั้งเมื่อลูกหยิบหรือจับหนังสือขึ้นมาอ่านหรือทำอะไรดี ๆ

10. ต้องจัดระเบียบชีวิต
การจัดระเบียบชีวิตให้เอื้อต่อการอ่านเช่น ปิดโทรทัศน์ตอน 1 ทุ่ม แล้วอ่านหนังสือร่วมกัน

11. ต้องเป็นแบบอย่างที่ดี
ถ้าต้องการให้ลูกรักการอ่าน พ่อแม่ต้องเป็นแบบอย่างของนักอ่านที่ดี


7 อย่า (DON'T)

1. อย่ายัดเยียดหนังสือให้ลูก
การที่พ่อแม่เห็น ว่าการปลูกฝังให้ลูกรักการอ่านเป็นสิ่งที่ดี จึงบังคับ ยัดยู้ และยัดเยียด หนังสือให้ลูก จะทำให้ลูกกดดัน เครียดและเกิดความรู้สึกเกลียดหนังสือได้

2. อย่าคาดหวังสูง
เมื่อลูกไม่สามารถเป็นได้ดังหวัง พ่อแม่ไม่ควรตีตราลูกว่า “โง่... สู้ลูกคนอื่นเขาไม่ได้” จะทำให้ลูกจะซึมซับรับความผิดหวังกระทั่งโตมา “โง่” สมหวังดั่งที่พ่อแม่หมั่นบอก

3. อย่าจ้องแต่จะสอน
พ่อแม่ไม่ควรใช้ เนื้อเรื่องและตัวละครในหนังสือที่สนุก ๆ มาเป็นช่องทางในการอบรมบ่มสอนลูกในทุกเรื่อง เพราะจะทำให้ลูกเบื่อการอ่านหนังสือ

4. อย่าตั้งคำถามมากเกินไป
การตั้งคำถามจาก หนังสือมากเกินไปจะทำให้ลูกเบื่อ และเกลียดหนังสือ เพราะลูกจะคิดว่าเมื่อแม่จับหนังสือ พ่อถือนิทานเมื่อไรเป็นต้องได้มานั่งคอยตอบคำถามมากมาย จนไม่ได้ฟังเรื่องสนุกสนาน

5. อย่าขัดคอหรือตำหนิ
พ่อแม่ไม่ควรตำหนิ ขัดคอ หรือแสดงความเอ็นดู ด้วยการหัวเราะขบขัน เมื่อลูกพยายามพูดเลียบแบบแต่ไม่ชัดหรือแสดงเป็นตัวละครในหนังสือแต่ไม่ เหมือน เพราะจะทำให้ลูกเกิดความไม่มั่นใจในการใช้ชีวิตกับพ่อแม่

6. อย่าแสดงความเบื่อหน่าย
พ่อแม่พึงระวังท่า ที ไม่ให้แสดงความเบื่อหน่ายในขณะที่ลูกยื่นหนังสือให้อ่าน เพราะพฤติกรรมนี้จะทำให้ลูกผิดหวัง ถ้าเกิดขึ้นซ้ำแล้วซ้ำอีก ลูกจะปฏิเสธหนังสือ

7. อย่ากังวลใจ
อย่ากังวลใจถ้าลูก จะหยิบ จับ ตี ดึง ทุบ ทิ้ง แทะ หรือฉีกหนังสือ ปล่อยให้ลูกได้ขีดเขียนตามความต้องการของลูกบ้าง เรื่องการบ่มสอนควรเก็บไว้ภายหลัง ไม่ควรใช้เวลาที่ลูกมีความสนใจ และใจจดจ่ออยู่กับหนังสือเป็นช่วงเวลาในการสอนถึงพฤติกรรมที่เหมาะ ไม่เหมาะ ควร ไม่ควร






 

Create Date : 24 มกราคม 2552    
Last Update : 24 มกราคม 2552 0:14:42 น.
Counter : 1150 Pageviews.  

การเลือกของเล่นให้ลูก

เป็นที่รู้กันว่าของเล่นที่ดีที่สุดของลูกคือ "พ่อและแม่" ลูกจะมีความสุขที่สุด พ่อแม่ควรเล่นกับลูกให้มากตั้งแต่แบเบาะด้วยการทำสีหน้าต่างๆ เสียงแปลกๆ ลูกจะเรียนรู้ทุกสิ่งทุกอย่างผ่านพ่อแม่ พอลูกโตขึ้นพ่อแม่ก็ควรหาของเล่นเพื่อเป็นสื่อกลางในการสอนสิ่งต่างๆให้ลูก

การเลือกของเล่นควรเลือกของเล่นเพื่อเสริมสร้างพัฒนาการของลูก ของเล่นที่เลือกให้ลูกควรเป็นของเล่นที่สมวัย อย่าเลือกของเล่นที่ยากเกินจนลูกเล่นไม่เป็น ทำยังไงก็เล่นไม่ได้ เพราะจะทำให้ลูกเบื่อหมดกำลังใจและไม่อยากเล่นของเล่นนั้นๆ แต่ก็ต้องให้มีความท้าทาย คือถ้าลูกทำได้เค้าจะมีความรู้สึกภูมิใจ เก่งเคยอ่านเจอสัมภาษณ์คุณพ่อคนนึงในเรื่องการเลือกของเล่นให้ลูกจากหนังสือเล่มไหนจำไม่ได้แต่เป็นหลักที่เก่งใช้กับบันจนถึงทุกวันนี้ คุณพ่อท่านนั้นบอกว่าของเล่นของลูกจะต้องเป็นของเล่นที่ลูกได้ลงแรงเพื่อความสนุก ประกอบกับคำแนะนำของคุณหมอที่เก่งเคยอ่านและฟังมาว่า เด็กไม่ควรให้เจอของเล่นเยอะๆเพราะจะเสี่ยงกับอาการสมาธิสั้น ของเล่นที่ดีคือของเล่นที่เรียบง่าย เด็กจะรู้จักเอาของเล่นไปพลิกแพลงเล่นเอง ไม่ว่าจะเอาถ้วย ช้อน กระป๋อง หรืออะไรก็แล้วแต่มาให้ลูกเล่น ลูกก็จะสนุกได้ ดังนั้นของเล่นของบันจึงเป็นของเล่นเรียบง่ายซะเยอะ บันจะมีของเล่นที่ประเภทกดแล้วมีเสียงมีไฟปุ๊บปิ๊บๆน้อยมาก คือคนอื่นซื้อให้ทั้งนั้น ของเล่นมีเสียงที่เก่งซื้อให้บันจะเป็นเรื่องเดียวคือเรื่องภาษา ประเภทกดแล้วมีเพลงภาษาอังกฤษอะไรประมาณนี้

ความพร้อมในการเล่นของเล่นเก่งจะให้ความสำคัญไม่แพ้การเลือกของเล่น ถ้าเราไม่แน่ใจว่าลูกจะชอบของเล่นแบบนี้หรือเปล่าเก่งจะไม่ลงทุนซื้อของเล่นแพงๆ เดี๋ยวนี้ของเล่นหลายอย่างมีทำเลียนแบบกันแต่ทำด้วยวัสดุที่ถูกกว่า เช่น การเล่นหั่นๆตัดๆ ตอนแรกเก่งไม่แน่ใจว่าบันจะเล่นหรือเปล่า เก่งก็จะไปซื้อแบบที่ทำจากพลาสติกไม่แพงจากโลตัสมาลองให้บันเล่น ปรากฎว่าชอบมาก แม่ก็เลยลงทุนไปซื้อตัดๆหั่นๆแบบที่ทำจากไม้อย่างดีสีปลอดภัยมาให้เล่น วิธีนี้ช่วยให้ประหยัดค่าของเล่นไปเยอะ แต่สำคัญคุณแม่ต้องดูแลใกล้ชิดเพราะของเล่นต้นทุนถูก"ส่วนใหญ่"ผลิตโดยกระบวนการประหยัดต้นทุน ฉะนั้นทั้งวัสดุและสีอาจจะไม่ปลอดภัยจึงต้องดูแลกันอย่างใกล้ชิด เมื่อไหร่ที่รู้ว่าลูกชอบของเล่นนั้นๆก็จัดหาแบบดีกว่ามาแทน และกำจัดของเล่นอันตรายออกไป หรืออย่างแป้งโดว์ปั้นครั้งแรกเก่งจะใช้แป้งเบเกอรี่ทำเองเพราะจะปลอดภัยถ้าลูกเผลอกิน ต้องทดสอบรู้ให้แน่นอนว่าลูกไม่เอาเข้าปาก จากนั้นเก่งจึงเปลี่ยนเป็นแป้งโดว์ทั่วไปที่มีขาย

การเริ่มเล่นของเล่นครั้งแรกสำคัญมาก เพราะลูกจะจำวิธีการเล่นนั้นไปตลอด เก่งจะให้ความสำคัญมากกับการเล่นของเล่นครั้งแรก เก่งจะต้องเล่นเองกับบันทุกชิ้น สอนพี่เลี้ยงว่าทำแบบนั้นแบบนี้ การเล่นเก่งจะเริ่มจากง่าย ของเล่นที่ซับซ้อนเราจะต้องทำให้ง่ายก่อนถึงมือลูก อย่างเช่น บล็อกหยอดมีหลายรูปทรง จะเริ่มยังไงให้ลูกเห็นว่าง่าย ก็เริ่มจากรูปทรงกลมอย่างเดียวก่อน แล้วค่อยเพิ่มความยากเข้าไป หรืออย่างแป้งโดว์เก่งก็จะเริ่มจากเล่นแค่ 1 สี ครั้งแรกที่เล่นของเล่นชิ้นนั้นๆแนะนำลูกให้ชัดเจน อะไรไม่อันตรายก็ปล่อยให้ลูกค้นพบด้วยตัวเอง แต่อะไรที่อันตรายต้องห้ามต้องเน้นให้ชัด เช่นแป้งโดว์ห้ามกิน เลโก้ห้ามปา ปากกาห้ามถือเดิน เริ่มเล่นของเล่นให้ดีแม่ต้องทำทีท่าว่าสนุก อย่าบังคับลูก หลายครั้งเก่งเริ่มเล่นของเล่นคนเดียวพอบันเห็นว่าท่าทางแม่สนุกก็ถึงมาด้อมๆมองๆและมาแจมเล่นด้วย แต่เมื่อไหร่ที่เริ่มแล้วเห็นว่าของเล่นชิ้นนี้ยังเร็วไปสำหรับลูก เก่งจะหาทางเบี่ยงเบนความสนใจบันไปเรื่องอื่นแล้วเก็บของเล่นนั้นขึ้น

ไม่ว่าจะของเล่นอะไร ราคาถูกหรือแพง สำคัญที่สุดต้องปลอดภัย ที่สำคัญกว่านั้นคือวิธีการเล่นที่ถูกต้องควรมาจากพ่อแม่ที่อยู่เล่นกับลูก ลูกจะมีความสุขและได้เรียนรู้ได้ประสบการณ์ต่างๆผ่านการเล่น การเลือกของเล่นส่งผลให้ลูกอย่างมาก ลูกจะเป็นยังไงอยู่ที่พ่อแม่ ดังนั้นไหนๆจะจ่ายเงินทั้งทีเลือกให้ฉลาดๆนะคะ




 

Create Date : 17 ธันวาคม 2551    
Last Update : 17 ธันวาคม 2551 0:57:50 น.
Counter : 1161 Pageviews.  

การส่งเสริมให้ลูกแสดงออก

ไปเจอคลิบนี้บน Youtube เมื่อนานมาแล้ว แต่ไม่ได้มีโอกาสเอามาเขียนซักที คลิบนี้ทำให้นึกถึงการแสดงของเด็กๆ เดี๋ยวนี้ไปดูการแสดงของเด็กเล็กๆก็จะเห็นผู้ใหญ่จับเด็กแต่งหน้าทาปาก เคยได้ยินหลายคนพูดเหมือนกันถึงเรื่องนี้จึงได้รู้ว่าไม่ได้มีแต่เก่งที่นึกอยู่ในใจว่า"ทำไมต้องเอาเด็กตัวเล็กๆไปแต่งหน้าทาปาก เด็กๆน่ารักในแบบที่เค้าเป็น" พอได้มาเห็นคลิบนี้เลยอยากเอามาให้ดูกันว่าความใสความน่ารักของเด็กมีอยู่ในตัวเด็กทุกคน โดยที่ผู้ใหญ่ไม่ต้องไปพยายามเสกสรรปั้นแต่ง

Connie Talbot เป็นหนึ่งในผู้เข้าแข่งขัน Britain's got talent ปีที่แล้ว เป็นหนึ่งในผู้เข้าแข่งขันที่คนเชียร์เยอะมากๆด้วยความน่ารัก ความใส และที่สำคัญความสามารถในการร้องเพลงที่บอกได้เลยว่าไม่น่าเชื่อว่าเด็ก 6 ขวบจะทำได้ขนาดนี้ เสียงใสๆของเธอสะกดผู้ฟังนิ่งชงัด มีเสน่ห์มากๆ

Somewhere Over the Rainbow รอบคัดเลือก




ในรอบ semi-final ยังคงความใส น่ารักและโชว์พลังเสียงของหนูน้อยได้ครบถ้วน




แม้หนูน้อยจะไม่ได้ชนะเลิศแต่เธอก็ชนะใจคนดูและเป็นขวัญใจผู้ชมจนเธอได้ออกอัลบั้ม เก่งได้ติดตามคลิบของ Connie จนดึกจนดื่น ติดตามไปถึง MV น่ารักๆใสๆ ดีใจที่ผู้ใหญ่ที่สนับสนุนเธอส่งเสริมให้เธอไปในภาพลักษณ์ใสๆและเป็นตัวของตัวเอง ใครสนใจไปเสริชหาใน Youtube นะคะ ใส่คำว่า Connie Talbot ได้เลยค่ะ


ฝากเนื้อเพลง Somewhere Over the Rainbow ไว้หน่อยละกันนะคะ ตอนนี้เอามาเป็นเพลงร้องกล่อมบันด้วย

When all the clouds darken up the sky way
There's a rainbow highway to be found
Leading from your window pane
Just a step beyond the rain

Somewhere over the rainbow way up high
There's a land that I heard of once in a lullaby
Somewhere over the rainbow skies are blue
And the dreams that you dare to dream really do come true

Someday I'll wish upon a star
And wake up where the clouds are far behind me
Where troubles melt like lemon drops
Away, above the chimney tops that's where you'll find me

Somewhere over the rainbow blue birds fly
Birds fly over the rainbow
Then why, then oh why can't I?

If happy little blue birds fly beyond the rainbow
Why oh why can't I?




 

Create Date : 11 ธันวาคม 2551    
Last Update : 28 มกราคม 2552 1:34:11 น.
Counter : 766 Pageviews.  

9 m* Baby sign with songs

 


ปรกติเวลาร้องรำทำเพลงกับลูกเราก็ใส่ท่าทางลงไปอยู่แล้วใช่มั๊ยคะ ทีนี้ไหนๆเราก็เรียนเรื่อง Baby sign กันแล้ว ทำไมไม่ลองเอาท่าที่เป็น sign ใส่ลงในบทเพลง เด็กๆจะจำท่าได้ไวขึ้นแน่นอน 


คลิบสำหรับสอน Baby sign ผ่านบทเพลง คลิบแรกเกี่ยวกับอาหาร เนื้อเพลงง่ายๆและสั้นตามนี้เลยนะคะ


I like to eat and eat .........


............ is a good treat.


Sign ที่จะได้เรียนก็มีตั้งแต่คำว่า I, like, eat, Apple, orange, carrot, cookies, cracker, icecream, good


 





เพลงนี้คุ้นหูและสอนเกี่ยวกับสัตว์ได้ดี Old Mac Donald นั่นเองค่ะ ศัพท์ที่จะได้เรียนคือ old, farm, E, I, E, I, O, here, there, และสัตว์ต่างๆก็เอามาใส่เลยค่ะ 




คลิบเกี่ยวกับสีที่ง่ายและทำตามได้ไม่ยาก เป็นการเริ่มสอนลูกส่ง sign สะกดอักษร


R...E...D spells  red.  R...E...D spells red. Apple and tomato are those two spell red. 




อีกเพลงสอนเกี่ยวกับสี เพลงจะยาวหน่อยก็เลยมีคำศัพท์เยอะ จังหวะเพลงก็ค่อนข้างเร็วทำให้เพลงนี้มีความยาก แต่ก็จับเอาศัพท์สำคัญไปสอนลูกๆได้หลายคำหละ ก็ต้องค่อยๆสอนกันไปนะคะ 


Sign ที่จะได้เรียนก็มีตั้งแต่คำว่า red, yellow, blue, green, purple, black, white, grey, darker, primary, color, mix, paint, orange, sky, sun, swirl, rainbow, world, make, between, fun, easy, do, away, ศัพท์เยอะเลย แต่เราเริ่มเรียนจากท่อนสร้อยกันก่อนก็ได้ค่ะ  


Mixxing all my colors is gonna have some fun. Paint an orange sky and the big blue sun. Mixxing all my colors gonna watch them swirl and paint me the rainbow world.










 

Create Date : 01 พฤศจิกายน 2551    
Last Update : 3 พฤศจิกายน 2551 0:53:44 น.
Counter : 1201 Pageviews.  

1.6 ปี* กระดาน 100 ช่อง DIY


ชุด DIY กระดาน 100 ช่อง


กระดาน 100 ช่องชุด DIY (Do it yourself) ในเซ็ทประกอบด้วย

1. แผ่นสังกะสี 2 แผ่น

2. เบี้ยกลม 300 อัน

3. แผ่นแม่เหล็ก 55 อัน

4. แผ่นตัวเลขกระดาษ 2 แผ่น (1-50 และ 51-100)

5. แผ่นสติ๊กเกอร์ 1 แผ่น



วิธีการเตรียมกระดาน

1. เบี้ยกลมแผ่นจะบางไปสำหรับเด็ก ให้หยอดกาวช้างแล้วแปะ 3 ชั้น เบี้ยจะได้มีความหนามากขึ้น เด็กจะจับได้สะดวกมากขึ้น ทำเสร็จจะได้เบี้ย 100 อัน เขียนเลข 1-100 ด้วยตัวเลขใหญ่ๆ

2. แผ่นแม่เหล็ก 1 แผ่นจิ๋วให้ตัดครึ่งจะได้ขนาดพอดีกับตัวเบี้ยกลม เราจะใช้แปะด้านหลังเบี้ยทั้ง 100 ตัว


3. แผ่นตัวเลขกระดาษใช้กระดาษกาว 2 หน้าติดมุม จากนั้นจึงติดเข้ากับแผ่นสังกะสี ก่อนจะนำไปปิดด้านหน้าด้วยสติ๊กเกอร์ใส (การติดสติ๊กเกอร์ใสให้เรียบ ให้แกะสติ๊กเกอร์ใสปูลงพื้นเรียบก่อน จากนั้นวางกระดานที่ติดกระดาษตัวเลขเรียบร้อยแล้ววางตั้งฉากให้ถูกตำแหน่งก่อน เมื่อได้ตำแหน่งเหมาะก็วางคว่ำแผ่นสังกะสีทั้งแผ่นลงพื้น แล้วจึงพับมุมสติ๊กเกอร์ที่เกินนะคะ)


ภาพประกอบดูได้จากบล็อกของเกดนะคะ รูปถ่ายพร้อมรายละเอียด รีวิวไว้ครบถ้วนค่ะ คลิกไปบล็อกเกด กุ๊ดจังแม่มิวมิว





แค่นี้เราก็ได้กระดานร้อยช่องไว้เล่นกับลูกแล้วค่ะ


 






 

Create Date : 27 ตุลาคม 2551    
Last Update : 27 ตุลาคม 2551 22:31:56 น.
Counter : 1996 Pageviews.  

1  2  3  4  5  6  7  8  

MamyKeng
Location :
กรุงเทพ Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed

ผู้ติดตามบล็อก : 20 คน [?]




Friends' blogs
[Add MamyKeng's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.