สุขของคุณ ทุกข์ของใคร
สุขของคุณ ทุกข์ของใคร
“กริ๊งๆๆๆๆ” เสียงโทรศัพท์ที่หัวเตียงดังขึ้นเป็นจังหวะ ขณะนี้เวลา 02.00 น. ของวันที่ 1 มกราคม

“สวัสดีปีใหม่ครับ ไม่ทราบต้องการเรียนสายใครครับ”
ผมงัวเงียกรอกเสียงทักทายผ่านโทรศัพท์ตามเทศกาลอันควร

“อืม ลูก นี่แม่ของต้องนะ คือว่าตอนนี้ต้องเค้าอยู่กับลูกมั้ย”
แม่ของเพื่อนผมโทรมาตามลูกชายที่ออกไปเที่ยวในเทศกาลปีใหม่
หรือที่วัยรุ่นเรียกสั้นๆว่า “Count Down”

“ป่าวนี่ครับ ผมอยู่ที่บ้าน เค้าออกไปนานหรือยังครับ” ผมเริ่มแปลกใจ
หายจากอาการงัวเงียทันที

“นานแล้ว ตั้งแต่สามทุ่ม เค้าบอกว่าเค้าจะไปเที่ยวกับลูก
แม่ก็ติดต่อเค้าไม่ได้ นี่ลูกไม่เจอเค้าจริงๆเหรอ??”

“ฉิบหาย” ผมคิดในใจ....ทำไมเอาชื่อเราไปอ้างด้วย

“ป่าวนะครับ ผมยืนยัน เอาเป็นว่าเดี๋ยวผมจะตามให้นะครับ
คุณแม่ใจเย็นๆนะครับ แล้วถ้าได้เรื่องยังไงผมจะติดต่อกลับนะครับ”
ทันทีที่พูดจบผมวางสายทันที
รีบกดโทรศัพท์โทรหาเพื่อนต้นเหตุเรื่องทั้งหมด มันคง drink
อยู่ที่ไหนสักแห่งในกรุงเทพฯแน่

“ไม่มีสัญญาณตอบรับจากหมายเลขที่ท่านเรียก”
เสียงโอเปอร์เรเตอร์ดังซ้ำแล้วซ้ำเล่า

ค่ำคืนหนาวเหน็บที่มืดสนิทของวันปีใหม่....เพื่อนคนนี้คงยังไม่รู้ว่ามีใครบางคนรอเขาอยู่อย่างใจจดใจจ่อ.....พลันให้ผมนึกถึงเหตุการณ์ตอนเย็น

“อ๋อ...มิน่าล่ะ” ผมนึกในใจกับตัวเองเบาๆ
มันคือเหตุการณ์ที่ผมไปซื้อเค้กปีใหม่ในห้างสรรพสินค้าแห่งหนึ่ง

“เขียนหน้าเค้กว่า “Happy New Year แด่ป๊าและม๊า” นะครับ”
ทันทีที่ผมพูดจบ พนักงานเขียนหน้าเค้กเงยหน้าขึ้นมามองผมทันที
เธอยิ้มครับ แต่ดูเธอจะไม่เชื่อในคำพูดผมสักเท่าใดนัก

“Happy New Year แด่ป๊าและม๊า”
ผมย้ำคำเดิมแต่เพิ่มความหนักแน่น....ทำไมครับ
ผมผิดไหมถ้าผมจะฉลองปีใหม่กับพ่อแม่ผม...ไม่เที่ยวเตร่เหมือนเพื่อนผมบางคน

ผมรีบเปิดไฟแต่งตัวทันที ตอนนี้ไม่รู้เพื่อนคนนี้จะเป็นไงบ้าง

“ป๊า เดี๋ยวมา เพื่อนหาย” ผมตะโกนเข้าไปยังห้องนอนของพ่อและแม่ผม
ผมรู้ว่าท่านยังไม่นอนเพราะไฟในห้องยังสว่างอยู่

“เดี๋ยว ไปไหน ป๊าม๊าไปด้วย” พ่อผมตะโกนกลับออกมาเกือบจะทันที
ทั้งๆที่ผมวิ่งลงมาเกือบถึงชั้นล่างแล้ว

ผมค่อยๆถอยรถออกจากโรงรถช้าๆ
อากาศในตอนนั้นหนาวมากพอจะทำให้กระจกรถทุกข้างมีไอน้ำบางๆเกาะ
แต่ก็ยังน้อยกว่าความหนาวเหน็บในใจของผม....ขนาดผมเป็นแค่เพื่อน
ผมยังรู้สึกใจหายเลย แล้วแม่เขาเองล่ะ??? จะรู้สึกอย่างไร

“ป๊า เราจะไปตามที่ไหนดี” ผมถามทันทีที่พ่อแม่เปิดประตูขึ้นมานั่ง

“แล้วใครหาย ป๊ายังไม่รู้เลย” พ่อผมถามกลับจากที่นั่งด้านหลัง
พ่อแม่มักจะนั่งด้านหลังคู่กันเสมอหากมาด้วยกัน

“ไอ้ต้อง ม๊าของต้องโทรมาเมื่อกี้เอง”
ผมตอบกลับด้วยน้ำเสียงกระวนกระวายใจ

“เดี๋ยวเอางี้นะ ให้ม๊าเราไปนั่งเป็นเพื่อนม๊าของต้องก่อน
แล้วเราค่อยไปด้วยกัน โอเคมั้ย ไอ้ลูกรัก”
พ่อผมออกความเห็นด้วยน้ำเสียงทีเล่นทีจริง
คงอยากทำให้ผมผ่อนคลายเพราะเห็นสีหน้าผมจริงจังกับเรื่องนี้มาก

“ตกลง ป๊า” ผมตอบสั้นๆ
ผมเหยียบคันเร่งลงอย่างรวดเร็วแต่ผมกลับรู้สึกว่ามันเร็วไม่พอความต้องการผม
อารมณ์ผมในขณะนั้นไม่ค่อยปกตินัก....ในเมื่อเพื่อนอ้างชื่อผม
ผมก็คงต้องมีส่วนรับผิดชอบอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้

“คุณแม่ สวัสดีครับ”
ผมยกมือไหว้แม่ของต้องทันทีที่เห็นท่านเดินออกมาเปิดประตู
สีหน้าท่านซีดเผือก เปลือกตาปรือๆจนแทบปิด

“สวัสดีลูก เจอต้องยัง” แม่ของต้องถามด้วยน้ำเสียงกระวนกระวาย
สีหน้าเป็นห่วงลูกชายมาก

“ยังครับ แต่คุณแม่ไม่ต้องห่วงนะครับ
เดี๋ยวแม่ผมจะอยู่เป็นเพื่อนคุณแม่
เดี๋ยวผมกับคุณพ่อจะออกตามหาต้องเองครับ รับรองว่าคืนนี้ได้ตัวแน่”
ผมยืนยันกับคุณแม่ต้องทั้งๆที่ในใจยอมรับว่าไม่แน่ใจนักว่าจะเจอตัว
....แล้วแนะนำแม่และพ่อของผมให้แม่ของต้องรู้จัก
พวกท่านทำความรู้จักกันครู่หนึ่งแล้วผมและพ่อจึงขอตัวออกไปตามหาต้อง
ส่วนแม่ของผมก็นั่งคุยเป็นเพื่อนแม่ของต้องที่หน้าบ้านของต้องเอง

ผมโทรหาเพื่อนทุกคนที่ผมพอจะนึกออก ไปในทุกๆที่คิดว่ามีการฉลองปีใหม่
แต่กลับไม่มีวี่แววของเพื่อนผมคนนี้เลย

“มันหายไปไหนกันแน่” ผมคิดในใจ ขับรถวนเกือบทั่วกรุงเทพฯ....
หากเป็นแท็กซี่ มิเตอร์คงขึ้นหลักพันแล้ว....

สักพักโทรศัพท์ผมดังขึ้น แฟนของต้องโทรมาหาผม

“พี่ๆ หนูรู้แล้ว ตอนนี้พี่ต้องรอแท็กซี่อยู่ RCA ค่ะ” ขอบคุณพระเจ้า
เรื่องจะได้จบๆสักที

ผมรีบกดโทรศัพท์โทรหาต้องทันที

“เฮ้ย มึงอยู่ไหนว่ะ” ผมทักทายด้วยภาษากันเองกับเพื่อน

“กูอยู่ RCA รอแท็กซี่อยู่ มึงมีอะไร”

“ป่าว ไม่มีไร รออยู่นั่น ไม่ต้องขึ้นแท็กซี่ กูจะไปรับ”
ผมพูดจบวางสายก่อนที่อีกฝ่ายจะทันพูดต่อ
พลันเลี้ยวรถกลับจากสะพานพระรามแปดมุ่งสู่ถนนพระรามเก้า
สถานที่ท่องเที่ยววัยรุ่นยามค่ำคืนที่โด่งดังของกรุงเทพฯ “RCA”
แหล่งรวมความบันเทิงยามค่ำคืนที่ผมไม่เคยแม้แต่จะคิดว่าจะมาสัมผัส


“คุณพ่อ สวัสดีครับ” ต้องยกมือไหว้พ่อผมก่อนจะเดินขึ้นรถ
พ่อผมนั่งเงียบรับไหว้เป็นพิธี

“มันส์มั้ยมึง”
ผมทักทายคำแรกทันทีที่ได้กลิ่นเหล้าจากตัวเพื่อนผมจากเบาะที่นั่งตอนหลัง

“โหย สุดๆหว่ะ หญิงโคตรน่ารักเลย ใครจะน่ารักขนาดนี้ว่ะ กะขอเบอร์แล้ว”
เพื่อนผมโอ้อวดผลของการเที่ยวยามราตรีของมัน

“อืม....” ผมตอบสั้นๆ คิดแต่ว่า
หากแม่แกรู้ตั้งแต่เกิดว่าแกจะทำตัวได้เหลวไหลขนาดนี้
แม่แกคงเอาเชือกรัดคอแกตายตอนคลอดแน่

“แล้วบอกแม่ว่าจะกลับกี่โมง” ผมถามต่อ

“เที่ยงคืน”

“แล้วนี่กี่โมง”

“ตีสามเอง” ......อืม ตีสามเอง พูดออกมาได้
การไม่รักษาคำพูดของมันเป็นผลทำให้คนหลายๆคนต้องเดือดร้อน
แล้วยังพูดมาได้ว่า ตีสามเอง


ทันทีที่ผมขับรถถึงบ้านของต้อง
คุณแม่ของต้องที่นั่งคอยอยู่หน้าบ้านวิ่งออกมาเปิดประตู
ผมเห็นสีหน้าของคุณแม่ของต้องทันทีที่เห็นลูกชายลงจากรถ
โผเข้ากอดลูกชายทั้งๆที่กลิ่นเหล้าฟุ้งตัว
น้ำตารินอาบแก้มทั้งสองข้างด้วยความดีใจคล้ายหาของที่มีค่าที่สุดเจอ
ความหนาวเหน็บของอากาศรอบข้างเปลี่ยนเป็นความอบอุ่นของแม่ที่มีต่อลูก.....ผมยังนึกไม่ออกเลยว่า
หากผมหาต้องตัวเป็นๆมาให้คุณแม่ของต้องไม่ได้
คุณแม่ของต้องจะรู้สึกอย่างไร?

“ป๊าภูมิใจที่มีลูกอย่างเอ็ง” พ่อผมตบบ่าผมเบาๆ
ขณะที่ผมยังนั่งอยู่หลังพวงมาลัย

“อย่างน้อย เอ็งก็ไม่เคยให้ป๊ากับม๊าต้องเป็นแบบนี้”
พ่อผมหันมามองผมด้วยรอยยิ้ม...ทำให้ผมยิ้มออกเหมือนกัน

แล้วคุณล่ะ ทำอะไรให้พ่อแม่คุณภูมิใจบ้าง??


“อย่าทำให้ท่านรอ ในเมื่อท่านทั้งคู่ต่างก็รอคุณมาถึง 9 เดือน”

“อย่าพยายามทำให้ท่านผิดหวัง
ในเมื่อคุณคือที่หนึ่งของความหวังนับล้านๆที่เคยแหวกว่ายในร่างกายแม่คุณ”

“อย่าพยายามทำให้ท่านห่วงคุณ เพราะแค่เรื่องงานท่านก็หนักหนาพอแล้ว”

“อย่าแอบอ้างชื่อเพื่อนที่ไม่ได้ไปกับคุณ
เพราะนั่นจะทำให้เขาเดือดร้อนยิ่งกว่าคุณ”

“ใช้เวลาทุกวินาทีกับท่านให้คุ้มค่าและน่าประทับใจ
เพราะท่านไม่อาจอยู่กับคุณได้ตลอดไป”

“อย่ามีความสุข.....บนความทุกข์ของบุพการีตัวเอง
เพราะนั่นคือที่สุดของที่สุดของความเลว”


clientuser@yahoo.com – แต่งและเรียบเรียง



Create Date : 02 พฤศจิกายน 2550
Last Update : 2 พฤศจิกายน 2550 23:03:49 น.
Counter : 630 Pageviews.

0 comment
ลักษณะเพื่อนแท้ 4 แบบ ที่พระพุทธเจ้าสอน
ลักษณะเพื่อนแท้ 4 แบบ ที่พระพุทธเจ้าสอน
คนเราส่วนมากก็ต้องมีเพื่อนกันทั้งนั้นใช่ไหมคับ ในบรรดาเพื่อนทั้งหมด ก็มีไม่กี่คนที่เป็นเพื่อนแท้ ก็พอดีวันนี้อ่านเจอในหนังสือ พระพุทธเจ้าท่านสอนว่าเพื่อนแท้มี 4 แบบ ดังนี้คับ


1. มิตรมีอุปการะมาก
(มีลักษณะคือ คอยคุ้มครองป้องกันเพื่อนไม่ให้เกิดอันตราย, คอยป้องกันรักษาทรัพย์สินให้เพื่อน, เมื่อมีภัย ก็เป็นที่พึ่งได้, เมื่อเพื่อนมีธุระจำเป็นขอความช่วยเหลือ ก็ช่วยเกินกว่าที่ออกปากขอด้วยความยินดี)


2. มิตรร่วมสุขร่วมทุกข์
(มีลักษณะคือ ไม่ปิดบังความลับของตนต่อเพื่อน, เก็บเรื่องของเพื่อนไว้เป็นความลับ, ในยามมีปัญหาไม่ละทิ้งเพื่อน, แม้ชีวิตก็อาจสละแทนได้ฯ)


3. มิตรแนะประโยชน์
(มีลักษณะคือ ห้ามไม่ให้เพื่อนทำความชั่ว, แนะนำเพื่อนให้ทำดี, ให้ฟังสิ่งที่ยังไม่เคยฟัง, แนะนำทางทำดีให้ได้ไปสวรรค์)


4. มิตรมีความรักใคร่
(มีลักษณะคือ ทุกข์ก็ทุกข์ด้วย, สุขก็สุขด้วย, โต้เถียงคนที่พูดว่าเพื่อน, สนับสนุนคนที่ยกย่องเพื่อน)


ที่มา: หนังสือนวโกวาท



Create Date : 02 พฤศจิกายน 2550
Last Update : 2 พฤศจิกายน 2550 23:02:15 น.
Counter : 1986 Pageviews.

0 comment
โต๊ะกับเก้าอี้

โต๊ะกับเก้าอี้นั้นเป็นของคู่กันที่ไม่จำเป็นต้องใช้คู่กันในทุกครั้ง
บางทีเราอาจแค่ต้องการนั่งบนเก้าอี้
และบางทีเราก็อาจแค่ต้องการโต๊ะไว้วางของเพียงอย่างเดียว
แต่...ถ้ามันอยู่ด้วยกันก็จะดูสมบูรณ์แบบได้มากกว่า
และประโยชน์ใช้สอยมันก็จะมากกว่าด้วย
เหมือนกับผู้หญิงกับผู้ชายที่เป็นของคู่กัน
..อย่างไรอย่างนั้น

มีเพื่อนคนหนึ่งถามฉันต่อว่า
แล้วตกลงผู้หญิงหรือผู้ชาย
ใครกันที่เป็นโต๊ะ ใครกันที่เป็นเก้าอี้”
ฉันตอบไปว่า
“โต๊ะน่าจะเป็นผู้ชาย
และเก้าอี้น่าจะเป็นผู้หญิง
เพราะโต๊ะสามารถมีเก้าอี้
ได้มากกว่าหนึ่ง แต่ถ้า
เมื่อไรก็ตามที่เก้าอี้ริจะมีโต๊ะมากกว่าหนึ่งจะดูไม่งาม
และสังคมจะรุมประนามทันที” (ฮา)
แล้วเพื่อนคนเดิมมันก็ถามต่ออีกว่า
“ก็แล้วจะมีโต๊ะสักกี่ตัวในโลกนี้
ที่มันอยากจะมีเก้าอี้แค่เพียงตัวเดียว”
ฉันก็เลยตอบมันไปว่า
“ก็โต๊ะเขียนหนังสือไงแก..
แกเคยเห็นใครวางเก้าอี้ไว้ที่โต๊ะเขียนหนังสือมากก
ว่าหนึ่งตัวกันบ้าง
ไม่เหมือนโต๊ะกินข้าวกับโต๊ะรับแขก
พวกนี้เจ้าชู้
มีเก้าอี้ตั้งเยอะ บางบ้านก็ 4 ตัว
บางบ้านก็ 6 ตัวหรืออาจมากกว่า”
“อ๊ะ ..แต่โต๊ะเครื่องแป้งเค้าก็รักเดียวใจเดียวเหมือนกันนะ
.มีเก้าอี้ตัวเดียวเหมือนกัน”
มันเสริมให้
“เออ..จริงว่ะ”
“อาจเป็นเรื่องของขนาดก็ได้มั้งแก.
ก็โต๊ะกินข้าวน่ะมันมีขนาดใหญ่
มันก็เลยต้องการเก้าอี้มากๆ
เพื่อมาเสริมบารมี
เหมือนคนรวยๆชอบมีอีหนูเยอะๆไว้ประดับบารมี
ส่วนโต๊ะเขียนหนังสือ
โต๊ะเครื่องแป้งน่ะ ขนาดมันไม่ใหญ่
เหมือนคนฐานะปานกลางไปจนถึงยากจน
จะมีเมียมากกว่าหนึ่งก็เลี้ยงไม่ไหว”
มันอธิบายเสียยืดยาว แล้วฉันก็ฮาอีก
ในความช่างคิดของ
ทั้งมันและฉัน มานั่งนึกแล้วก็อดขำไม่ได้


ในความเหมือนโดยบังเอิญระหว่างโต๊ะกับเก้าอี้
และความสัมพันธ์ระหว่างหญิงกับชาย
มาพูดถึงเก้าอี้กันบ้าง
เพื่อนมันถามฉันต่อว่า
“แล้วแกว่าเก้าอี้แบบไหนในโลกวะ
ที่มันจะชอบมีโต๊ะมากกว่าหนึ่ง”
มันเล่นเอาฉันคิดนานอยู่เหมือนกัน
“ก็เก้าอี้ล้อเลื่อนไงวะ
พวกนี้ชอบเลื่อนไปโต๊ะโน้น
ย้ายมาโต๊ะนี้
เปลี่ยนโต๊ะอยู่เรื่อย”
คราวนี้เปลี่ยนมาเป็นมันบ้างที่ขำ
“เค้าเรียกมีรักสำรองเผื่อเลือกใช่ไหมแบบนี้” มันว่า
คงยุ่งน่าดูถ้าเก้าอี้ล้อเลื่อนมาเจอกับโต๊ะกินข้าว
เราก็เลยไม่เคยเห็นใครเอา
เก้าอี้ล้อเลื่อนมาตั้งกับโต๊ะกินข้าวเลยสักที
มันก็คงเหมือนการที่แม่เหล็กขั้วเดียวกันมันจะผลักกันนั่นแหละ
เราเลยไม่ค่อยเห็นเท่าไหร่นัก
ที่ผู้หญิงไวไฟจะมาจับคู่กับผู้ชายเจ้าชู้
โดยมากถ้าอีกฝ่ายเจ้าชู้
อีกฝ่ายจะสงบสยบอยู่เสียมากกว่า
มันถึงจะอยู่ด้วยกันได้ ไปด้วยกันรอด
ในความสัมพันธ์ระหว่างคนสองคน
ฉันว่าเราไม่จำเป็นต้องเป็นโต๊ะกับเก้าอี้ที่สวยหรูงดงามมากมายอะไรนัก
แค่พอดูได้ ใช้งานได้
มันก็ไม่น่าเกลียดอะไรแล้วล่ะ
เอาแค่แบบโต๊ะเขียนหนังสือ
มีโต๊ะหนึ่งเก้าอี้หนึ่ง
นั่งแล้วรู้สึกสบาย
ถ้าเหนื่อยนักก็ฟุบหน้าหลับตาพักได้
หรือถ้าจะสวยงามก็ขอให้มันดูสวยงามแค่อย่างโต๊ะเครื่องแป้ง
ที่ดูดีสวยงาม เพราะหมั่นดูแลกันและกัน
เป็นกระจกคอยสะท้อนซึ่งกันและกัน
อยู่ร่วมกันโต๊ะหนึ่งเก้าอี้หนึ่งอย่างเข้าใจ
อย่าให้ต้องเป็นเหมือนโต๊ะกินข้าว
ที่ยิ่งใหญ่ร่ำรวย
แต่ก็ไม่สามารถดูแลเก้าอี้ที่มีได้อย่างทั่วถึง
กว่าจะแบ่งความห่วงใยมาใส่ใจแต่ละที
ก็คงต้องรอจนเหงาเฉาตายกันไปเสียก่อน
หรือไม่จำเป็นต้องสวยงามหรือหรูหรา
ถึงขนาดโต๊ะรับแขก
ที่มีเอาไว้แค่เพียงอวดชาวบ้านที่ผ่านไปผ่านมา
ใครเห็นใครพบก็สบายใจ
แต่เก้าอี้(โชฟา)นี่สิช้ำ
ต้องโดนโถมโดนทับไม่รู้จักเท่าไหร่
เพราะใครๆก็พากันแวะ
ถ้าจะมีความรักฉันอยากรักแบบโต๊ะเขียนหนังสือ
หรือโต๊ะเครื่องแป้งก็พอ ไม่ยิ่งใหญ่
ไม่หรูหรา
แต่อบอุ่นพอให้บ้านน่าอยู่อาศัย
ฉันว่าถ้าแท้จริงแล้วคนเราวัดคุณค่ากันจากภายในจิตใจ
โต๊ะกับเก้าอี้ก็คงไม่ต่าง
ตรงที่เราวัดคุณค่ามันจากประโยชน์ใช้สอยมากกว่ารูปลักษณ์ภายนอก
บางทีเก้าอี้อาจขาหักขาโยกไปบ้างนะ
ถ้าตั้งเองไม่ได้ก็ไม่เป็นไร
อาศัยพิงเก้าอี้เอาก็ได้
ก็ไหนๆเราก็คู่กันอยู่แล้วไม่ใช่เหรอ
หรือบางที
โต๊ะอาจสึกมีรอยบิ่นรอยขีดข่วนไปบ้างก็ไม่เป็นไรหรอกนะ
เพราะเก้าอี้เค้าจะคอยบดบังให้เอง
ความจริงแล้ว คนเรารักกันมันไม่ต้องการองค์ประกอบอะไรที่มากมายเลย
แค่หมั่นเติมเต็มซึ่งกันและกันก็พอแล้ว
เพราะโต๊ะกับเก้าอี้ที่ไม่เข้าชุดกัน เมื่อจับมาวางคู่กัน
ประโยชน์ใช้สอยมันก็ไม่ได้ลดน้อยลงไป
แค่ความสวยงามมัน(อาจจะ)ลดน้อยลงไปเท่านั้นเอง
แล้วบ้านของคุณเองล่ะอยากให้มีโต๊ะกับเก้าอี้แบบไหนเคยคิดเอาไว้บ้างหรือเปล่า.........

อับราฮัม ลินคอร์น เคยกล่าวไว้ว่า
“คนเราจะมีความสุขได้เสมอทุกเมื่อถ้าตั้งใจจะให้ตนเองมีความสุข”
ในความเป็นจริงเราไม่สามารถเลือกได้ดังใจเราทุกอย่าง
ถ้าคุณเป็นเก้าอี้ คุณไม่มีทางรู้ได้ในทั้งหมดทุกส่วนว่าโต๊ะของคุณเขาจะเป็นอย่างไร
คุณอาจไม่จำเป็นที่จะต้องชอบในทั้งหมดของโต๊ะของคุณ
และถ้าคุณเองเป็นโต๊ะ คุณก็คงไม่มีทางที่จะพอใจในทุกส่วนที่เก้าอี้ของคุณมีเพราะความสมบูรณ์แบบที่แท้จริง
ไม่มีอยู่บนโลกใบนี้....
ฉันเชื่ออย่างนั้น หากแต่
ศิลปะสุดยอดของการอยู่ร่วมกันคือ การให้อภัย
อะไรที่เค้าขาดไปบ้างเราก็หมั่นเติม
อะไรที่เค้าเกินไปบ้างเราก็เอามาเติมให้เราเอง
ถ้าเป็นแบบนี้เราจะสามารถอยู่ร่วมกันได้อย่างงดงามมากกว่าไหม

fw mail



Create Date : 02 พฤศจิกายน 2550
Last Update : 2 พฤศจิกายน 2550 23:01:09 น.
Counter : 613 Pageviews.

0 comment
เงินไม่สำคัญเสมอไป
เงินไม่สำคัญเสมอไป

เงิน ซื้อเตียงนอนได้ แต่ซื้อการหลับเป็นสุขไม่ได้

เงิน ซื้อกระดาษปากกาได้ แต่ซื้อความเป็นกวีไม่ได้

เงิน ซื้ออาหารดีๆได้ แต่ซื้อความอยากรับทานไม่ได้

เงิน ซื้อความประจบสอพลอได้ แต่ซื้อความจริงใจไม่ได้

เงินซื้อการตามใจได้ แต่ซื้อความจงรักภักดีไม่ได้

เงิน ซื้อเพชรนิลจินดาได้ แต่ซื้อความงามไม่ได้

เงิน ซื้อความสุขชั่วครู่ได้ แต่ซื้อความสุขไม่ได้

เงิน ซื้อเพื่อนร่วมเดินทางได้ แต่ซื้อเพื่อนแท้ไม่ได้

เงิน ซื้ออำนาจราชศักดิ์ได้ แต่ซื้อปัญญาไม่ได้

เงิน ซื้ออาวุธยุทธภัณฑ์ได้ แต่ซื้อสันติไม่ได้

เงิน ซื้อเมียที่สวยได้ แต่ซื้อแม่ที่ดีให้ลูกไม่ได้

เงินจะสำคัญเมื่อจำเป็นต้องใช้เท่านั้น
*************************************************
พระราชสุทธิญาณมงคล (หลวงพ่อจรัญวัดอัมพวัน)



Create Date : 02 พฤศจิกายน 2550
Last Update : 2 พฤศจิกายน 2550 22:59:41 น.
Counter : 760 Pageviews.

0 comment
สัจจธรรม....พระพยอม
สัจจธรรม....พระพยอม
ปรึกษากับเพื่อนว่า จะนิมนต์พระพยอมมาเทศน์งานศพพ่อ เพื่อนๆบอกว่า ถ้าmungนิมนต์พระพยอมมาเทศน์ รับรองข้าวต้มmungไม่มีใครกินหรอก เขาลือกันว่า..

ถ้าพระพยอมเทศน์งานศพ ข้าวต้มเหลือทุกงาน
แกก็สงสัยว่าทำไมถึงจะไม่มีคนกินข้าวต้ม
แต่ในที่สุดก็นิมนต์อาตมาไป อาตมาไม่ทราบเรื่องก็เทศน์ตามปกติว่า... คนบ้านนี้ตาย... ญาติพี่น้องทุกคนทุกข์ยากลำบากอยู่แล้ว พวกเรายังมารุมกินกันในบ้านคนตายอีก มันเอาเปรียบกันเกินไป ใจดำ ไร้ความเมตตาสงสาร

การมางานศพควรมาแสดงความเสียใจ มาให้กำลังใจ
มาช่วยเหลือไม่ใช่มารุมกินคนตาย
ปรากฎว่า ข้าวต้มเหลือ ไม่มีคนกิน

วัดประหลาด

คนจำนวนมากที่มาวัดสวนแก้วแล้วต้องแปลกใจ
กุฏิเจ้าอาวาสหลังเล็กนิดเดียว แต่ที่เห็นเด่นเป็นสง่าคือ "ส้วม"

จึงมีคนมาถามว่า... หลวงพี่ ทำไมสร้างส้วมเสียมากมายใหญ่โต แต่กุฎิเจ้าอาวาสหลังเล็กนิดเดียว ส้วมมันสำคัญกว่าเจ้าอาวาสนะโยม..... วันนั้นมีคนมาวัด 300 กว่าคน
ไม่เห็นมีใครถามว่า ... กุฎิอาจารย์พยอมอยู่ตรงไหน
คนเกือบจะทั้ง 300 คน มันถามว่า... ส้วมไปทางไหน

ขืนสร้างส้วมเล็กกว่ากุฎิ เละแน่...คน 300 คนมันถล่มแหลกเลยมีหวังเหม็นคลุ้งไปทั้งกุฎิแน่โยม

ไม่เหมาะสม

คุณดำรง พุฒตาล มาสัมภาษณ์ เอาประวัติอาตมาไปลงในหนังสือ คู่สร้างคู่สม โอย...........คนมันโจมตีกันใหญ่ บอกว่าพระพยอมทำไม่เหมาะสม ไปลงในหนังสือผัวๆ เมียๆ ไปยุ่งเกี่ยวกับทางโลกมากเกินไป......

อาตมาบอกว่า... คงคนละหน้ากับเรื่องผัวเมีย
นั่นแหล่ะยังไงก็ไม่เหมาะสม มันเป็นรื่องของทางโลก
พระไม่ควรยุ่งเกี่ยว....... อาตมาชักรำคาญ เลยถามว่า... อ้าว.....แล้วเวลาที่ญาติโยมแต่งงานกันน่ะ เป็นเรื่องของทางโลกไหม? ใช่.... แล้วเสือกมานิมนต์พระไปทำไม..?


คิดผิด

ไปถ่ายรูปวันแต่งงานมันก็สวยน่ะซิ .... พออยู่กันไปนานๆ สามีดูรูปแล้วหันมาดูตัวจริง มันเริ่มสงสัยว่า
ไอ้ตัวที่เดินอยู่ในครัวเนี่ย.. มันใช่คนที่kuแต่งงานด้วยหรือเปล่า ว้าาาาาา แล้วมันก็จะนั่งดูรูปด้วยตาละห้อยทั้งวัน...... คิดในใจว่า

ตอนแต่งงานคิดว่าจะได้เทพธิดามาเคียงคู่......
ที่ไหนได้ ... พอถึงวันนี้มันกลายเป็นสัตว์ประหลาด นอกจากหน้าตาน่าเกลียดแล้วยังพูดมาก ขี้บ่นอีก
พอทะเลาะกันหน้าดำหน้าแดง หันไปดูรูป

แหมmungน่ะสวยแต่เฉพาะวันแต่งงานเท่านั้นแหล่ะ ถ้ารู้ว่าแต่งงานนานๆ แล้วหน้าจะเป็นอย่างนี้ kuไม่แต่งหรอก เก็บความโสดไว้ให้เช่าดีกว่า สาธุ.....

fw mail



Create Date : 02 พฤศจิกายน 2550
Last Update : 2 พฤศจิกายน 2550 22:58:01 น.
Counter : 786 Pageviews.

0 comment
1  2  3  4  5  6  7  8  9  10  11  12  13  14  15  16  17  18  19  20  21  22  23  24  25  26  27  28  29  30  31  32  33  34  35  36  37  38  39  40  41  42  43  44  45  46  47  48  49  50  51  52  53  54  55  56  57  58  59  60  61  62  63  64  65  66  67  68  69  70  71  72  73  74  75  76  77  78  79  80  81  82  83  84  85  86  87  88  89  90  91  92  93  94  95  

iamZEON
Location :
  

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 111 คน [?]



ยินดีต้อนรับทุกท่านนะครับ ^^/

ข่าวสารการ์ตูนญี่ปุ่น
กับเกี่ยวข้องอย่างภาพยนตร์-เพลง
รายชื่อการ์ตูนออกใหม่-งานหนังสือ
เรื่องทั่วๆไปทั้งในและนอกประเทศก็มีบ้าง
New Comments
Group Blog
All Blog
MY VIP Friend