สัตว์ประหลาดในโลกที่แสนสวยงาม
สัตว์ประหลาดในโลกที่แสนสวยงาม
-1-

วันหนึ่งในปี 1862 ทารกน้อย โจเซฟ เมอร์ริค ลืมตาดูโลก ค่ำคืนนั้นเขานอนหลับในอ้อมแขนแม่ รู้สึกอบอุ่นและปลอดภัย เป็นโลกที่แสนสวยงาม จนกระทั่งผู้คนเริ่มเรียกเขาว่า สัตว์ประหลาด

เมอร์ริคเป็นโรคร้ายชนิดหนึ่ง (Proteus Syndrome) เมื่ออายุสองขวบ ใบหน้าของเขาเปลี่ยนโฉมบิดเบี้ยวพิกลพิการ เขาเชื่อว่าเขาเป็นเช่นนี้เพราะตอนที่ตั้งครรภ์เขา แม่ตกใจกลัวช้าง ตั้งแต่นั้นไม่มีใครเรียกชื่อจริงของเขาอีกเลย นามใหม่ที่คนเรียกเขาคือ มนุษย์ช้าง - The Elephant Man

แม่ตายเมื่อเขาอายุสิบขวบ แม่เลี้ยงทนดูเขาไม่ได้ บีบให้พ่อของเขากำจัด 'สัตว์ประหลาด' ไปจากบ้าน ไม่นานต่อมาเด็กน้อยก็พบตัวเองร่อนเร่ตามถนน ทำงานหนักเพื่อความอยู่รอด ในวัยสิบสองขวบเขาขัดรองเท้าตามมุมถนนทั่วไปในลอนดอน ถูกล้อเลียนและรังแกสารพัด ชีวิตของเด็กน้อยน่าเศร้ากว่านิยาย ดาวพระศุกร์ ห้าร้อยเท่า

ที่เศร้าที่สุดก็คือมันเป็นเรื่องจริง

ใบหน้ากับร่างกายของเขาห่มคลุมด้วยเนื้องอกน่าเกลียดน่ากลัว กลืนกินเกือบทั่วร่างของเขา บางส่วนแข็ง บางส่วนนุ่ม ผิวหยาบกร้าน ร่างกายบิดเบี้ยวขึ้นเรื่อยๆ จนแขนข้างหนึ่งพิการ ไม่ว่าไปที่ไหน ฝูงชนมุงดูสัตว์ประหลาดตัวนี้ บ้างโยนเศษเงินให้ เมอร์ริคไม่มีทางเลือกนอกจากเข้าสู่วงการแสดงสยองขวัญ

ความพิกลพิการทำให้ตลอดชีวิตเขาต้องนอนท่านั่ง เนื้องอกในร่างทำให้เขาเหยียดร่างเช่นคนปกติไม่ได้ เขาพูดด้วยความยากลำบากเพราะเนื้อร้ายที่กัดกินกราม แต่สามารถเขียนได้ดี เขายังชอบแต่งบทกวีและสร้างโมเดลอาคารจากกระดาษ

สัตว์ประหลาดเก็บสะสมเงินจากการแสดงสยองขวัญ แต่เงินที่เก็บสะสมมาก็ถูกขโมยเมื่อไปแสดงในเบลเยียม ไร้เงิน ร่างกายทรุดโทรม เขากลับคืนรังอีกครั้งอย่างคนเปราะบาง ถูกกัดกินจากเนื้องอกทั้งกายกายและจิตใจ

สัตว์ประหลาดเขียนในประวัติชีวิตสั้นๆ ของเขาว่า ชีวิตการแสดงนั้นดีกว่าชีวิตจริงของเขา เพราะในการแสดงเขายังได้รับความเมตตาสงสารจากคน แต่ในชีวิตจริง ใครๆ ก็รังแกเขา

เขาเป็นสัตว์ประหลาดเพียงกายภาพ แต่จิตใจของเขายังมองโลกอย่างกวี เขาชอบบทกวีนี้...

'Tis true my form is something odd,
but blaming me is blaming God,
Could I create myself anew,
I would not fail in pleasing you.

Was I so tall, could reach the pole,
or grasp the ocean with a span;
I would be measured by the soul.
The mind's the standard of the man.

-2-

มนุษย์มิใช่เป็นสัตว์โลกชนิดเดียวที่รักสวยรักงาม แต่น่าจะเป็นสัตว์ชนิดเดียวที่ชอบหลอกตัวเองด้วยเปลือกนอก นิยมบูชาสิ่งที่ไร้แก่นสาร ความเข้าใจแบบผิวเผิน ไม่ใช่ที่จิตวิญญาณ และความคิดที่สร้างสรรค์โลกให้สวยงามขึ้น

โลกที่สวยงามในความหมายของหลายคนคือโลกที่งดงามทางกายภาพ ด้วยเหตุนี้เราจึงเห็นผู้คนรักษาบ้านเรือนของพวกเขาสะอาดสะอ้าน แต่ปล่อยให้ถนนหนทางสกปรก รังแกคนที่อ่อนแอกว่าเพียงเพราะเขาอ่อนแอกว่า เห็นการเข่นฆ่ากันเพียงเพราะไม่ชอบ 'เปลือก' ของผู้อื่น การบูชาเงิน ตำแหน่ง หน้าตา กลายเป็นศาสนาใหม่ จึงไม่แปลกที่การตลาดซึ่งเน้นความสวยงามหน้าตา ผิวพรรณ เติบโตถึงขีดสุด

ความสวยงามของใจเป็นเรื่องล้าสมัย

-3-

ในคืนวันที่ 11 เมษายน 1890 โจเซฟ เมอร์ริค นอนหลับเหมือนคนทั่วไปเป็นครั้งแรกในชีวิต วิญญาณไม่อยู่ติดร่าง

สัตว์ประหลาดตายในวัยยี่สิบเจ็ด ลาจากโลกแสนสวยที่ผู้คนแต่งตัวสวยงามสามารถรังแกคนที่อ่อนแอกว่าได้โดยไม่มีเหตุผล

I would be measured by the soul.
The mind's the standard of the man.


วินทร์ เลียววาริณ
//www.winbookclub.com
29 ตุลาคม 2548
//www.winbookclub.com/frontpage.php



Create Date : 24 พฤศจิกายน 2550
Last Update : 24 พฤศจิกายน 2550 23:06:43 น.
Counter : 823 Pageviews.

0 comment
ดารา AV ญี่ปุ่น & จิตใจของพวกเธอ
ดารา AV ญี่ปุ่น & จิตใจของพวกเธอ
ดารา AV ญี่ปุ่นเมื่อคุณสนุกบนแผ่น CD บนความชอกช้ำภายในจิตใจของพวกเธอ
Special Interview of Maiko Yuki

แปลโดย Rider V3
(คุณรู้สึกเหมือนผมไหม เมื่อผมแปลชีวิตของเธอ ผมรู้สึกอึ้งในชีวิตที่เธอต้องประสบ ผมอยากรู้จังว่าคุณรู้สึกอย่างไรบ้าง ช่วยเขียนไว้ในเกสบุคหน่อยครับ)

ทุกปี มีดาราหน้าใหม่เข้ามาในธุรกิจนี้มากมาย บางคนต้องการเงิน บางคนต้องการชื่อเสียง อย่างไรก็ตามส่วนใหญ่ อยู่ในแวดวงนี้สั้นมาก บางคนมาเพียงแค่เดือนเดียว มีเพียงไม่กี่คนที่ได้รับขนานนามว่าเป็น AV queen จากคืนวันเก่าๆ ก่อนจะมาเป็นดารา AV จนกระทั่งอำลาวงการ และกลับมาอีกครั้งอย่างยื่งใหญ่ และนี่คือการสัมภาษณ์พิเศษของดาราผู้โด่งดัง Maiko Yuki

ขอบคุณ Maiko Yuki คุณได้พบประสบการณ์มากมายที่ได้นำคุณมาอยู่ตรงนี้ ซึ่งไม่สามารถทำได้ในชีวิตคนทั่วไป
ฉันถูกข่มขืน ย้อนกลับไปช่วงหน้าร้อนตอนฉันอายุ 17 โดยพี่ของแฟนฉัน เขาเป็นหัวหน้าแก็งส์ ฉํนรู้ว่าเขาต้องการฉันมานาน และมันก็เกิดขึ้น ฉันพยายามปกป้อง แต่มันก็เกิดขึ้น วันนั้นฉันต้องดื่มเหล้าทั้งวัน

ฉันแกล้งทำตัวปกติ เมื่อแฟนฉันกลับมา แต่จริงๆแล้ว ฉันทำไม่ได้แม้กระทั่งให้เขากุมมือฉันไว้ ฉันไม่รู้ว่าพูดไปแล้วคุณจะเชื่อหรือไม่ แต่ฉันตั้งใจจะรักษาความบริสุทธิ์ไว้จะถึงวันแต่งงาน แต่ฉันก็สูญเสียทุกอย่างในวันเดียว ฉันช็อกกับคำพูด สิ่งที่เจ็บปวดที่สุด คือความจริงที่ว่า ฉันทนไม่ได้กับคนที่พูดว่าเกิดอะไรขึ้น เพราะความฝันที่ฉันหวังไว้ มันพังทลายแล้ว ฉันไม่รู้ว่าควรทำอะไรกับตัวเอง มองไม่เห็นอนาคต
เมื่อฉันเริ่มทำใจได้ ฉันกลายเป็นคนเกลียดกลัวผู้ชาย ฉันเคยคิดว่าจะไม่ยอมมีเซ็กส์อีก จนกระทั่งวันตาย ฉันเคยตั้งใจแน่วแน่ว่าจะมอบความบริสุทธิ์ให้กับคนที่ฉันรัก ในวันแต่งงาน ตอนนี้ฉันไม่มีความหมายอะไรเลย แม้กระทั่งไม่ใช่เซ็กส์ ฉันไม่อยากจะจับมือกับใคร หรือนั่งติดกับผู้ชายในรถไฟ คืนวันเหล่านั้น หลอกหลอนฉันมาเนิ่นนาน ฉันไม่อยากจะกลับไปพูดถึงมันอีก แม้กระทั่งเมื่อมีคนถามว่าจะออกไปกับเขาได้ไหม แม้ฉันจะรู้สึกร่าเริง และรู้สึกดีกับเขา

แต่ก็แค่นั้น ฉันคิดเสมอว่าฉันไม่ควรมีเซ็กส์แม้กระทั่งออกไปข้างนอกด้วยกัน ฉันถามตัวเองเสมอ "มันถึงเวลาแล้วหรือ" และเราก็เลิกกันโดยไม่มีเซ็กส์

ฉํนเคยคิด ทำไมพระเจ้าถึงทำให้ฉันเป็นแบบนี้ ฉํนเกลียดโชคชะตาตัวเอง
ในที่สุดวันนั้นก็มาถึงฉัน ไม่มีอะไรจะแก้ปัญหาได้ถ้ามัวแต่กังวล ฉันจึงตัดสินใจก้าวสู่วงการ AV เพื่อให้เลิกกลัวผู้ชาย

ดังนั้น หลังจากถูกข่มขืน และไม่มีเซ็กส์อีกเลยหลังจากนั้น ฉันก้าวสู่วงการ AV ด้วยหนังเปิดตัวเรื่อง "Shojo Ya"(แปลเป็นไทย ประมาณว่า รักนวลสงวนตัว)

ฉันต้องเตรียมตัวสำหรับสิ่งที่จะเกิดขึ้น เมื่อเราเริ่มถ่าย ฉันเกิดกลัวขึ้นมากระทันหัน ภาพเก่าๆมันกลับมาหา และฉันก็เริ่มร้องไห้ เราเริ่มถ่ายอีกครั้งหลังจากล่าช้าไปห้าชั่วโมง

เมื่อเราทำ AV สต้าฟทุกคนดีกับฉันมาก และทำให้แน่ใจว่าฉันรู้สึกสบายใจแล้ว เช่น ไมโกะจัง แค่บอกเราว่าเธอไม่อยากทำอะไร แต่นั่นก็ไม่ทุกครั้ง เช่นเมื่อไปถ่ายแมกกาซีน หรือรายการทีวี เมื่อมันเกิดขึ้น ฉํนรู้สึกเหมือน ทำไม ทำไมเขาไม่แคร์ฉันเลย

คนปกติพยายามเงียบและเก็บความรู้สึก แต่เมื่อฉันเชื่อมั่นในสิ่งใด ฉันจะพูดออกมาตรงๆ ไม่มีใครบอกฉันว่าควรทำตัวอย่างไรในธุรกิจนี้ ถึงแม้ว่าเอเย่นซี่จะดูแลฉันย่างดี

แต่จริงๆแล้วเขาไม่เคยบอกว่าอะไรเป็นสิ่งสำคัญที่จะทำให้อยู่ในธุระกิจนี้ ข่าวไม่ดีเกี่ยวกับฉันก็เริ่มแพร่สะพัดออกไป

ข่าวลือมีผลต่อคุณเมื่อคุณทำผิดจริง จริงๆเป็นเช่นนั้นหรือ เมื่อคุณไม่รู้เลยว่าใครเป็นคนปล่อยข่าว และคุณก็เริ่มเสียสมาธิในการทำงาน เพื่อนของฉันก็เริ่มตีจาก และฉันก็พบว่าใครเป็นคนปล่อยข่าว คนที่ทำเป็นทีมงานคนที่ฉันไว้ใจที่สุด

ฉันตอบกลับด้วยการไม่เชื่อใครอีก ฉันเก็บความรู้สึกไว้กับตัวเองเหมือนคืนวันเก่าๆ ฉันครุ่นคิดว่าฉันจะเลิกจากวงการนี้ได้อย่างไร หรือฉันอยากจะเลิกและกลับไปเป็นคนปกติ หรือบางทีฉันก็คิดว่า ฉันทำมันมาได้อย่างไร หรือ ฉันมันแค่ผู้หญิงน่ารังเกียจ ฉํนถามและตอบตัวเอง

ฉันโทรไปหาเพือนเก่าเพื่อระบาย แต่พวกเขาบอกเพียงว่ามันน่ารังเกียจเพียงใดที่ฉันทำ AV ฉันเป็นโสเภณี
ฉันเริ่มไม่มั่นใจในสิ่งที่ทำอยู่ และฉันตัดสินใจจะกลับมาเป็นผู้หญิงปกติตั้งแต่วันนั้น


ฉันกลับมาเป็นผู้หญิงที่มีมารยาทดี หลังจากฉันลืมความรู้สึกไม่ดีไปได้


เหตุผลหลักที่ฉันกลับมา เพราะฉันได้รับการร้องขอให่ไปถ่ายหนังสือและหนังที่ฮ่องกง เรามีการพบผู้สื่อข่าว ที่จริงๆแล้วเหมือนการแจกลายเซ็นบนรูปถ่ายมากกว่า และเมื่อเราไปถึง มีคนประมาณ 8000 คนรอฉันอยู่

ฉันประหลาดใจจริงๆ ฉํนไม่มีเวลาแม้กระทั่งพักกินกาแฟสักห้านาที ผู้สื่อข่าวหนังสือพิมพ์ นิตยสารเข้ามาหาฉันคนแล้วคนเล่า และยังกับแฟนๆที่กระตือรือร้นอีก


ฉันยังคงไม่เชื่อจนกระทั่งเดี๋ยวนี้ ฉันมีบอดี้การ์ดหกคนเมื่อฉันอยู่ในฮ่องกง ฉันคิดว่าโอ้นี่ ฉันเป็นตัวอะไรนี่ เมื่อฉันเห็นพวกเขา
เมื่อฉันกลับมาญี่ปุ่น ทุกคนจากรายการทีวีก็เป็นอย่างนั้นเหมือนกัน มันไม่น่าแปลกหรือ ฉันตระหนักแล้วว่าฉันเป็นคนพิเศษจริงๆ แม้ว่าฉันจะอยู่ในวงการ adult videos


แต่ก็ยังมีตัวฉันคนเดิมข้างใน ฉันตัดสินใจจากตอนนั้นแล้วว่า ฉันต้องเปลี่ยน ฉันไม่สามารถทำตัวโง่ๆ และเห็นแก่ตัวเป็นมือสมัครเล่นได้อีกต่อไป ฉันจึงตัดสินใจมาโตเกียวเมื่ออายุ 21 เพื่อทำงานเต็มเวลา

ในเมื่อฉันทิ้งทุกสิ่งทุกอย่างครึ่งๆกลางๆ ฉันตั้งใจจะทำ AV ให้ดีที่สุด

ครอบครับฉันก็พลอยมีชื่อเสียงในหมู่เพื่อนบ้าน ส่วนใหญ่เราทำงานก่อสร้าง พ่อแม่ของฉันเคยเป็นสมาชิกแก็งส์ เมื่อมีเด็กๆมาแกล้งฉันตอนอยู่เกรดสอง พวกเขาบอกว่า ไอ้งั่ง แกจะแพ้ไม่ได้ ออกไปแล้วไปสู้ใหม่ อย่ากลับมาจนกว่าแกจะชนะ ฉันจำได้ว่าฉันร้องไห้เหมือนหัวใจจะแตกสลายก่อนกลับบ้าน แต่ความสัมภันธ์ของครอบครัวฉันก็แย่ลงเรื่อยๆ พวกเขาไม่ทำอะไรนอกจากทะเลาะกัน เมื่อฉันอยู่เกรดสิบห้า ฉํนทนพ่อไม่ได้อีกต่อไป ฉันหนีออกจากบ้านสอง สามครั้ง ฉันไปนอนบ้านเพื่อนคนแล้วคนเล่า

ฉันโชคร้ายครั้งแล้วครั้งเล่า ฉันจำได้ถึงการเข้ามาถ่าย 'Teens Road' และแมกกาซีน และ manga ที่นำมาสู่การเป็นสมาชิคแก็งส์
คนที่โรงเรียนหลายคนกลัวฉัน ฉันตีกับผู้หญิงหลายครั้ง แม้กระทั่งผู้ชาย

นั่นเพราะฉันรู้ว่าฉันจะเป็นคนถูกล้อเลียนถ้าฉันแพ้ อย่างคนอเมริกันพูด ชีวิตจะดีเมื่อคุณอยู่บน แต่ลำบากถ้าคุณอยู่ล่าง ฉันคิดแม้กระทั่งหนีออกจากเมืองถ้าฉันแพ้

เมื่อฉันจบม.ต้น ฉันไปเรียน ม.ปลาย แต่ฉันถูกไล่ตั้งแต่วันแรกเมื่อไปมีเรื่องกับอาจารย์
ฉันจึงกลับบ้านและทำงานในกอฟล์คลับ บางครั้งก็ไปเรียนโรงเรียนการแสดง ที่ฉันพบกับ ประธานออฟฟิตที่ฉันทำงานด้วย

และนั่นทำไมฉันถึงมาทำ AV แน่นอนครอบครัวฉันต่อต้านมัน แต่เพราะ ม.ปลาย และทุกอย่างในชีวิตสูญเสียไปหมด ฉันบอกกับเขา ฉันจะต้องโด่งดังให้ได้ และฉันจะให้สิ่งที่ดีที่สุด ดีกว่าที่คุณมองฉันไว้

ฉันคิดว่าพวกเขาเข้าใจว่าฉันจริงจังกับมันเพียงใด และเมื่อฉันขึ้นร้องเพลงในงานเปิดตัววีดีโออันแรก "Shojo Ya" พ่อ แม่ และน้องชายฉันมาเชียร์ฉันด้วย เมื่อฉันเห็น น้ำตามันก็เริ่มออกมา และฉันก็หยุดร้องไห้ไม่ได้

ฉันคิดว่ามีสิ่งต่างๆที่เกิดขึ้นมากมายจนฉันมาเป็น "Maiko Yuki แต่ฉันก็ไม่เสียใจกับสิ่งที่เกิดขึ้น ฉันคิดว่านั่นเป็นสิ่งที่ดีที่สุด ไม่อย่างนั้นฉันยังคงเป็น "Maki Wakai", คนที่ไม่สามารถทำอะไรได้ด้วยตัวเอง แต่ขอบคุณที่ฉันเป็น "Maiko Yuki" ที่ฉันได้ประสบการณ์มากมาย ที่ไม่มีในชีวิตปกติ ฉันเรียนรู้มากมาย เมือฉันกลับมาเป็น "Maki Wakai" หลังเลิกงาน ฉันคิดเสมอว่า "Maiko Yuki ดีที่สุด

คัดลอกมาเวป V3



Create Date : 24 พฤศจิกายน 2550
Last Update : 24 พฤศจิกายน 2550 23:06:05 น.
Counter : 6753 Pageviews.

2 comment
พุทธศาสนาบนทางแพร่ง
พุทธศาสนาบนทางแพร่ง

คอลัมน์ มองอย่างพุทธ

โดย พระไพศาล วิสาโล เครือข่ายพุทธิกา //budnet.info/

ศาสนาที่แท้ย่อมเปี่ยมไปด้วยพลังในการบันดาลใจให้ผู้คนทำความดี เพราะไม่เพียงเข้าถึงธรรมชาติด้านดีของมนุษย์ได้เท่านั้น แต่ยังหล่อเลี้ยงและดึงเอาคุณงามความดีออกมา ก่อให้เกิดประโยชน์ทั้งแก่ตนเองและผู้อื่น ขณะเดียวกันก็ทำให้ธรรมชาติด้านร้ายของมนุษย์อ่อนแรงลง หรือยากที่จะทำร้ายใครได้

ความดีที่ศาสนาบันดาลให้เกิดขึ้นได้นั้น มิได้หมายถึงการไม่เบียดเบียนผู้อื่นเท่านั้น แต่ยังรวมไปถึงการเกื้อกูลผู้อื่นหรือช่วยเหลือส่วนรวมด้วย ในอดีตพุทธศาสนาเป็นพลังสำคัญที่สุดในการบันดาลใจให้คนไทยทำความดี เช่น มีน้ำใจต่อเพื่อนบ้าน อ่อนโยนต่อธรรมชาติ และเสียสละเพื่อส่วนรวม ทั้งนี้โดยมีแนวคิดเรื่องบุญกุศลเป็นตัวนำคนภาคใต้เมื่อทำนาก็พร้อมแบ่งปันให้ผู้อื่น ไม่หวงข้าวในนา ดังมีคติว่า "นกกินเป็นบุญ คนกินเป็นทาน" คนภาคเหนือ เมื่อเห็นเพื่อนบ้านคนใดยากจน ก็พากันนำข้าวของที่จำเป็นไปวางไว้ใกล้บ้าน แล้วจุดประทัดให้สัญญาณ ถือว่าเป็นการทอดทำบุญอย่างหนึ่งที่เรียกว่า "ทานทอด"

การร่วมแรงร่วมใจอย่างยิ่งใหญ่ของชาวบ้านและพระภิกษุสงฆ์ภาคเหนือในการสร้างทางขึ้นดอยสุเทพ ภายใต้การนำของครูบาศรีวิชัย โดยไม่พึ่งรัฐเลยนั้น เป็นตัวอย่างที่ชี้ชัดถึงพลังของพุทธศาสนาในการบันดาลใจให้ผู้คนทำความดีเพื่อส่วนรวม แต่น่าคิดว่าทุกวันนี้พุทธศาสนาที่นับถือในเมืองไทยยังมีพลังบันดาลใจดังกล่าวมากน้อยเพียงใด

มีใครสังเกตหรือไม่ว่า ในปัจจุบันเวลามีการรณรงค์เรียกร้องให้คนไทยทำความดีเพื่อสังคมหรือส่วนรวม เราจะนึกถึงใครเป็นอันดับแรก ถ้าไม่ใช่ในหลวง เช่น ถ้าจะเชิญชวนคนมาปลูกป่าก็ต้องประกาศว่าเป็นการปลูกป่าเฉลิมพระเกียรติ เวลารณรงค์แก้ปัญหายาเสพติด ก็ต้องชูคำขวัญว่า "รักในหลวง ห่วงลูกหลาน ร่วมกันต้านยาเสพติด" จะรณรงค์ต่อต้านคอร์รัปชั่น ก็ต้องอ้างพระบรมราโชวาทของในหลวง วันเฉลิมพระชนมพรรษา มักเป็นโอกาสสำคัญที่จะเชิญชวนให้คนไทยทำความดีในลักษณะต่างๆ โดยที่บ่อยครั้งการทำความดีนั้นก็ถูกกระตุ้นโดยพระองค์เอง ดังจะเห็นได้ว่าหลังจากทรงมีกระแสพระราชดำรัสในวันที่ 4 ธันวาคม รุ่งขึ้นก็จะมีการขานรับและเรียกร้องให้คนไทยทั้งประเทศเคลื่อนไหวในเรื่องต่างๆ เช่น ลดการสูบบุหรี่ในเยาวชน ลดการใช้เสียงที่อึกทึก สร้างสันติภาพในภาคใต้ ฯลฯ

ข้อที่น่าคิดก็คือทุกวันนี้มักไม่ค่อยมีการอ้างพระสงฆ์หรือนึกถึงพุทธศาสนาเวลาจะเชิญชวนให้ผู้คนทำความดีเพื่อส่วนรวม จริงอยู่คนไทยไม่ได้นับถือศาสนาพุทธอย่างเดียว ที่นับถือศาสนาอื่นก็มีไม่น้อย แต่นั่นคงไม่ใช่สาเหตุสำคัญ เพราะแม้ในหมู่ชาวพุทธด้วยกัน เวลาจะเชิญชวนกันทำความดีเพื่อผู้อื่น ก็หาได้ปรารภพุทธศาสนาหรืออ้างบุญกุศลเหมือนเมื่อก่อนไม่

กล่าวได้ว่าพุทธศาสนาที่นับถือกันอยู่ในเวลานี้อ่อนพลังลงมากในการบันดาลใจให้ผู้คนทำความดีเพื่อผู้อื่นหรือส่วนรวม พลังดังกล่าวกลับอยู่ที่ตัวบุคคล เช่น ในหลวงและในบางกรณีก็อยู่ที่คนเล็กๆ ในสังคม ตัวอย่างที่เด่นชัดที่สุดก็คือ ไม่กี่วันหลังเกิดเหตุสึนามิ ผู้คนจำนวนนับร้อยนับพันพากันเดินทางไปยังวัดย่านยาว ส่วนใหญ่เป็นคนหนุ่มสาวที่ไม่เคยนึกฝันว่าจะต้องมาใกล้ชิดศพ แต่แล้วก็กลับมากินนอนและทำงานท่ามกลางศพขึ้นอืดและเน่าเหม็นนับพันๆ ศพนานเป็นอาทิตย์ บางคนก็นานเป็นเดือนอะไรเป็นเหตุผลให้คนเหล่านั้นเสียสละถึงปานนั้น ส่วนใหญ่ตอบว่าลงไปวัดย่านยาวเพราะหมอพรทิพย์ โรจนสุนันท์ หมอพรทิพย์เป็นแรงบันดาลใจให้คนเหล่านั้นซึ่งอาจมีถึงร้อยละ 80 ทีเดียว

คำถามก็คือหากคณะสงฆ์หรือมหาเถรสมาคมรณรงค์เชิญชวนให้ผู้คนลงไปช่วยผู้ประสบภัยสึนามิ หรือช่วยพาศพกลับบ้าน จะได้รับการตอบสนองจากคนไทยหรือชาวพุทธมากน้อยเพียงใด

พูดเช่นนี้มิได้หมายความว่าพุทธศาสนาไร้พลังอย่างสิ้นเชิงในการบันดาลใจให้ผู้คนทำความดี พุทธศาสนายังเป็นแรงบันดาลใจให้ทำความดีได้ไม่น้อย แต่ส่วนใหญ่แล้วเป็นความดีที่เกี่ยวกับพุทธศาสนาโดยตรง เช่น บริจาคเงินสร้างโบสถ์วิหาร หาไม่ก็เป็นความดีเพื่อชีวิตที่เป็นสุข เช่น ลดละอบายมุข หรือเพื่อปลดเปลื้องทุกข์ให้แก่ตนเอง เช่น ทำสมาธิ ปฏิบัติธรรม เป็นต้น แต่ความดีที่เป็นการก้าวออกไปเอื้อเฟื้อเจือจานผู้อื่นนั้น เป็นอีกเรื่องหนึ่ง

จะว่าไปนี้ไม่ใช่เป็นปัญหาของพุทธศาสนาอย่างเดียว หากยังเกิดกับศาสนาอื่นๆ ด้วย

ที่น่าเป็นห่วงยิ่งกว่านั้นก็คือ ศาสนาเกือบทุกศาสนาที่นับถือในโลกทุกวันนี้กำลังถูกใช้เป็นแรงบันดาลใจให้ทำร้ายผู้อื่นในนามของความดีและสิ่งสูงสุด ดังเห็นได้จากสงครามระหว่างศาสนิกต่างศาสนา ในอินเดีย ปากีสถาน ศรีลังกา อินโดนีเซีย ตะวันออกกลาง ไปจนถึงไอร์แลนด์เหนือ ที่น่าสนใจก็คือศาสนิกที่จับอาวุธทำร้ายกันนั้น ถือว่าตนปฏิบัติตามหลักศาสนาอย่างเคร่งครัด จำนวนไม่น้อยปฏิบัติศาสนกิจเช่นคารวะพระเจ้าเป็นประจำ อีกทั้งยังใช้ชีวิตอย่างเรียบง่าย นิตยสารไทม์ เคยสัมภาษณ์อาสาสมัครชาวอิรักคนหนึ่งที่รอถูกเรียกตัวให้ไปเป็นมือระเบิดพลีชีพ ชีวิตประจำวันและวัตรปฏิบัติของเขาที่เล่าให้ฟังไม่ต่างจากศาสนิกอื่นๆ ที่เคร่งครัด แต่สิ่งหนึ่งที่โดดเด่นคือความพร้อมที่จะตายเพื่อจุดระเบิดทำลายชีวิตผู้อื่นให้ได้มากที่สุด

คนที่กล้าสละชีวิตตนเองด้วยความเต็มใจนั้น ย่อมต้องมีแรงบันดาลใจที่ทรงพลังอย่างยิ่ง สำหรับคนจำนวนไม่น้อยทั่วโลก แรงบันดาลใจของเขาได้มาจากศาสนา สิ่งที่น่าวิตกก็คือทุกวันนี้ศาสนาสามารถบันดาลใจให้ผู้คนยอมตายเพื่อปลิดชีวิตผู้อื่นได้ แต่ดูเหมือนจะไร้พลังในการบันดาลใจให้ผู้คนยอมสละชีพเพื่อรักษาชีวิตผู้อื่น

ศาสนานั้นควรเป็นพลังในทางสันติภาพ แต่พลังดังกล่าวกำลังอ่อนแรง เมื่อทั่วโลกลุกขึ้นมาประท้วงคัดค้านสหรัฐมิให้ส่งกำลังทหารไปทำสงครามในอิรักเมื่อปี 2546 ปรากฏว่าองค์กรที่เป็นกำลังสำคัญในการเคลื่อนไหวนั้นส่วนใหญ่เป็นองค์กรที่มิใช่ศาสนา

เมื่ออิสราเอลส่งทหารปิดล้อมเมืองรามุลเลาะในปาเลสไตน์เมื่อปี 2545 ผู้บริสุทธิ์ถูกฆ่าตายเป็นจำนวนมาก ปรากฏว่ามีผู้คนจากหลายประเทศเล็ดลอดเข้าไปเมืองเพื่อเอาตัวเข้าไปขวางกั้นทหารและรถถังของอิสราเอล โดยเอาชีวิตเป็นเดิมพัน แต่คนเหล่านั้นส่วนใหญ่หาได้ประกาศตนเป็นศาสนิกในศาสนาใดไม่

ศาสนิกที่ทำงานเพื่อสันติภาพนั้นมีอยู่ แต่กิจกรรมส่วนใหญ่ที่นิยมกระทำกันคือการประชุมเพื่อสันติภาพ ตรงข้ามกับศาสนิกที่ใช้ความรุนแรง ฝ่ายหลังนั้นพร้อมที่จะตาย แต่เป็นการตายเพื่อฆ่าผู้อื่น

อันที่จริงศาสนาสามารถเรียกร้องความเสียสละของผู้คนจนพร้อมตายเพื่อรักษาชีวิตผู้อื่นได้ เมื่อชาวอินเดียต่อสู้เพื่อเอกราชจากอังกฤษนั้น ศาสนิกทั้งฮินดูและมุสลิมภายใต้การนำของคานธียอมถูกทุบตีและยอมตายโดยไม่คิดตอบโต้ด้วยความรุนแรง เมื่อสงครามเวียดนามขยายตัว ชาวพุทธจำนวนมากถึงกับเผาตัวเองเพื่อเรียกร้องให้โลกช่วยยุติสงคราม ในทำนองเดียวกันเมื่อคนดำเรียกร้องสิทธิจากคนผิวขาวเมื่อ 40 ปีก่อน พวกเขาได้อาศัยแรงบันดาลใจจากคริสต์ศาสนาในการต่อสู้อย่างสันติแม้จะถูกทำร้ายจนบาดเจ็บและถึงตาย

แม้ปัจจุบันอาจเป็นการเรียกร้องมากเกินไปที่จะให้พุทธศาสนาเป็นพลังบันดาลใจให้คนไทยยอมตายเพื่อรักษาชีวิตของผู้อื่น แต่อย่างน้อยก็ขอให้พวกเราช่วยกันป้องกันและทัดทานไม่ให้พุทธศาสนาถูกใช้เพื่อสนับสนุนความรุนแรง หรือเป็นแรงบันดาลใจให้ผู้คนยอมตาย (หรือกระตุ้นให้ผู้อื่นไปตาย) เพื่อทำลายชีวิตของผู้อื่น

ที่แล้วมามีความรุนแรงเกิดขึ้นมากมายในสังคมไทย แต่มิได้กระทบกับพุทธศาสนาโดยตรง ตรงกันข้ามกับความรุนแรงในสามจังหวัดชายแดนภาคใต้ พระหลายรูปถูกฆ่า ส่วนวัดก็ถูกเผา จนยากที่พุทธศาสนาหรือชาวพุทธจะอยู่นิ่งเฉยได้ วันนี้พุทธศาสนากำลังมาถึงทางแพร่งว่าจะก้าวไปทางใด จะเป็นพลังบันดาลใจเพื่อสันติภาพและสันติวิธี หรือถูกใช้เป็นแรงกระตุ้นให้ผู้คนใช้ความรุนแรงมากขึ้น คำตอบนั้นอยู่ที่ชาวพุทธเองว่าจะยึดมั่นในหลักธรรมเพียงใด หรือยอมปล่อยให้ความโกรธเกลียดครอบงำจิตจนเห็นความรุนแรงเป็นสรณะ

//www.matichon.co.th/matichon/matichon_detail.php?s_tag=01bud02201148&show=1§ionid=0121&day=2005/11/20



Create Date : 24 พฤศจิกายน 2550
Last Update : 24 พฤศจิกายน 2550 23:03:06 น.
Counter : 721 Pageviews.

0 comment
วิ่งตามอะไรกันในชีวิต
วิ่งตามอะไรกันในชีวิต
มีเรื่องเล่าว่า... มีพระองค์หนึ่ง...ชอบทำอะไรแปลกๆ...
วันหนึ่ง...พวกกรุงเทพฯ...เอากฐินไปทอดที่วัด...

จัดงานกันใหญ่โต...มีหนัง...มีลิเก...มีดนตรี...ผู้คนแห่กันมามืดฟ้ามัวดิน...
ก่อนทอดกฐิน..ผู้คนมารวมกันเต็มศาลา...
หลวงพ่อเรียกเด็กวัดมา...
บอกให้ไปเอาเนื้อจากโรงครัวมาก้อนหนึ่ง...แล้วเอาเชือกมาด้วย...
หลวงพ่อจัดการ...เอาเนื้อ...ผูกติดกับหลังหมา...

ผูกเสร็จ...ก็ปล่อยหมา ...
หมาเห็นเนื้ออยู่บนหลัง...ก็ไล่งับ...
พอหัวโดดงับ...ตัวก็ขยับหนี...
เพราะหมามันกัดหลังตัวเองไม่ถึง...
ยิ่งโดดงับเร็ว...ก้อนเนื้อก็หนีเร็ว...
โดดไม่หยุด...เนื้อก็หนีไม่หยุด...น่าสงสารหมามาก...

หมาโดดอยู่นาน...งับเท่าไหร่...เนื้อก็ไม่เข้าปากสักที...
ผู้คนบนศาลา...พากันหัวเราะชอบใจ...
หัวเราะเยาะหมา...ว่าทำไมมันถึงโง่ยังงี้...
ไล่งับ...จะกินเนื้อ...ที่ตัวเองไม่มีทางไล่ตามทัน ตลอดชีวิต...

หลวงพ่อ...มองดูด้วยความสนุกสนานจนหนำใจแล้ว...
ก็แก้เชือกออกมากหลังหมา...
แล้วหันมาพูดกับญาติโยมว่า...

มนุษย์เรา...มีความรู้สึกว่า...ตัวเองพร่อง...ตัวเองยังไม่เต็ม...
ต้องเติมตลอดเวลา...เติมไม่หยุด...เพื่อให้ตัวเองเต็ม...

เราอยากสวย...อยากทันสมัย...
ไปหาซื้อเสื้อผ้าที่สวยที่สุด...ทันสมัยที่สุดใส่...
ดีใจได้เดือนเดียว...มีรุ่นใหม่ออกมาอีกแล้ว...สวยกว่า...ทันสมัยกว่า...
อยากได้โทรศัพท์มือถือรุ่นใหม่...
ซื้อเสร็จ ๓ เดือน...รุ่นใหม่ก็โผล่มาอีกแล้ว...

ซื้อคอมพิวเตอร์ทันสมัยที่สุด...
๒ เดือนต่อมา...มีรุ่นใหม่กว่าออกมา...ของเราตกรุ่น...

ซื้อรถเบนซ์...ทันสมัยที่สุด...แพงมาก...
ขับได้ ๖ เดือน...มีรุ่นใหม่ออกมาอีกแล้ว...
ทันสมัยกว่า...แพงกว่า...ของเรากลายเป็นเชย...

เราต้องก้มหน้าก้มตา...ทำงานทั้งวัน ทั้งคืน...หาเงินมา...
เพื่อมาทำให้ตัวเองทันสมัย...
ซื้อเสื้อผ้าใหม่...มือถือใหม่...คอมพิวเตอร์ใหม่...รถยนต์คันใหม่...
เหน็ดเหนื่อยแสนสาหัส...
เพื่อไม่ให้ตัวเองตกรุ่น...

ปัจจุบัน...
เรากำลังไล่งับความทันสมัย...เหมือนหมาที่ไล่งับเนื้อบนหลังของมัน...
ทั้งที่รู้ว่า...ต่อให้ไล่งับทั้งชีวิต...ก็ไม่มีทางตามทัน...
น่าสงสารไหมโยม...

คนเต็มศาลา...เมื่อกี้หัวเราะครึกครื้น...
ด่าว่า...หมามันโง่...
ตอนนี้เงียบสนิท...เหมือนไม่มีคนอยู่...

ไม่รู้ว่า...กำลังสงสารหมา...
หรือ...กำลังทบทวนความโง่...ตัวเอง

//www.dotsis.net/index.php?showtopic=13702



Create Date : 24 พฤศจิกายน 2550
Last Update : 24 พฤศจิกายน 2550 23:02:04 น.
Counter : 665 Pageviews.

0 comment
แมวผอมขี้โรค
แมวผอมขี้โรค
ครั้งหนึ่งฉันนั่งอยู่ในรถยนต์ ซึ่งอยูข้างร้านอาหารใหญ่แห่งหนึ่ง ขณะกินขนมปังใส้กรอก ฉันก็เหลือบมองไปที่กระจกมองหลัง
เห็นลูกแมวตัวเล็กขนรุงรัง ดูท่าทางขี้โรค กำลังนั่งอยู่บนของกำแพงด้านหลัง ฉันอดสงสารเจ้าแมวหิวโหยตัวนั้นไม่ได้
จึงโยนขนมปังให้มันชิ้นหนึ่ง ก่อนที่แมวผอมขี้โรคจะได้ลิ้มรส แมวอ้วนตัวมหึมาก็กระโจนมาจากพุ่มไม้ แสยะเขี้ยวกางเล็บ คว้าขนมปังชิ้นนั้นไปกิน
ฉันได้แต่สงสารและมองตามหลังแมวขี้โรคที่หิวโหยและหวาดกลัวหลบหน้าหายไปในเงามืด
ภาพนั้นเตือนให้ฉันย้อนกลับไปในตอนที่ฉันยังสอนหนังสืออยู่ในโรงเรียนมัธยม ฉันได้เห็นเด็กวัยรุ่นอยู่ทุกเมื่อเชื่อวัน
เด็กที่ผอมขี้โรค หิวโหยขาดไร้ และหวาดหวั่นพรั่นกลัวเหมือนลูกแมวตัวเล็ก ๆ เด็กผอมขี้โรคเหล่านั้นมิได้ขาดอาหาร หากขาดไร้ความรัก ความใส่ใจ และการยอมรับนับถือ ซึ่งล้วนแต่เป็นสิ่งที่พวกเขาต้องการ
เมื่อใดก็ตามที่เจ้าตัวได้เผยให้เห็นความเจ็บปวดบาดลึกที่ซ่อนอยู่ในจิตใจ เด็กคนอื่นก็จะหน้าระรื่นเข้ามาเยาะเย้ยถากถาง และส่งเด็กผอมขี้โรคผู้ซึ่งหวาดหวั่นพรั่นกลัวและเปล่าเปลี่ยวเดียวดายให้หลบหน้าหนีหายไปในเงามืด.....ดังเช่นลูกแมว
เรา.....ในฐานะผู้ใหญ่ จึงไม่สมควรที่จะลืมความเจ็บปวดของการพยายามเติบโตเป็นผู้ใหญ่เต็มตัว ในโลกแห่งการแข่งขันรุนแรงอย่างที่เป็นอยู่ในขณะนี้
ขอให้สละเวลาสักนิด สละเวลารับฟัง ใช้เวลาใส่ใจ
การชี้แนะเด็กผอมขี้โรค อาจจะเป็นการลงทุนที่เลอค่าที่สุดในชีวิตที่เราได้เกิดมาครั้งหนึ่ง........


จาก ความรักและความอบอุ่น........



Create Date : 24 พฤศจิกายน 2550
Last Update : 24 พฤศจิกายน 2550 22:58:17 น.
Counter : 838 Pageviews.

1 comment
1  2  3  4  5  6  7  8  9  10  11  12  13  14  15  16  17  18  19  20  21  22  23  24  25  26  27  28  29  30  31  32  33  34  35  36  37  38  39  40  41  42  43  44  45  46  47  48  49  50  51  52  53  54  55  56  57  58  59  60  61  62  63  64  65  66  67  68  69  70  71  72  73  74  75  76  77  78  79  80  81  82  83  84  85  86  87  88  89  90  91  92  93  94  95  

iamZEON
Location :
  

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 111 คน [?]



ยินดีต้อนรับทุกท่านนะครับ ^^/

ข่าวสารการ์ตูนญี่ปุ่น
กับเกี่ยวข้องอย่างภาพยนตร์-เพลง
รายชื่อการ์ตูนออกใหม่-งานหนังสือ
เรื่องทั่วๆไปทั้งในและนอกประเทศก็มีบ้าง
New Comments
Group Blog
All Blog
MY VIP Friend