ไม่หลงกล
ไม่หลงกล

รินใจ
Kids & Family ธันวาคม ๒๕๔๗


ปรีชาเจอสมชายในงานเลี้ยงรุ่น เลยทักเพื่อนเก่าว่ายังทำโดนัทขายอยู่หรือเปล่า
"ยังทำอยู่ แต่เห็นจะต้องเลิกเร็ว ๆ นี้" สมชายพูดเนือย ๆ
ปรีชาถามเหตุผล สมชายจึงตอบว่า "ทำยังไงก็ไม่มีกำไรน่ะซี ถ้าหากฉันทำให้รูมันโต ลองคิดดูสิว่าฉันจะต้องใช้แป้งมากแค่ไหน ถึงจะล้อมไอ้รูนั้นให้รอบ"
"ไม่เห็นยากเลย แกก็ทำให้รูมันเล็กลงสิ" ปรีชาแนะ

"ทีแรกฉันก็คิดอย่างนั้น แต่พอฉันทำให้รูมันเล็กลง ก็ต้องเพิ่มแป้งให้มากขึ้นเพื่อไปแทนส่วนที่เป็นรู แล้วฉันจะมีกำไรได้อย่างไร " สมชายตอบ
สมชายพูดมีเหตุผล แต่เป็นเหตุผลที่ชวนให้งงงวย เพราะในความเป็นจริงถ้ารูโตใช้แป้งเยอะ รูเล็กก็ต้องใช้แป้งน้อยลงเนื่องจากมีขนาดเล็กลง ปัญหาของสมชายก็คือเขาไม่ได้นึกถึงการทำให้โดนัทมีขนาดเล็กลง เมื่อในใจของเขายังติดยึดอยู่กับขนาดเดิมของโดนัท จึงคิดว่าถ้ารูเล็กลงก็ต้องใช้แป้งมากขึ้น
เหตุผลนั้นมีประโยชน์ แต่ถ้าใช้ไม่เป็นก็อาจทำให้เจ้าตัวคิดผิดพลาดหรือมองคลาดเคลื่อนจากความเป็นจริง ความเป็นจริงนั้นมีเพียงหนึ่ง แต่เหตุผลนั้นมีหลากหลาย บางเหตุผลก็มีข้อจำกัดที่ทำให้มองไม่เห็นความจริง
ขณะที่ศาสตราจารย์กับนักศึกษาเดินคุยกันอยู่ที่สวนสาธารณะ นักศึกษาก็ชี้ให้ศาสตราจารย์ดูธนบัตร๑,๐๐๐ บาทที่ตกอยู่บนพื้นหญ้า แต่ศาสตราจารย์ไม่เชื่อว่าเป็นธนบัตร ๑,๐๐๐ บาท เหตุผลก็คือ "ถ้าเป็นแบ๊งค์พันก็ต้องมีคนเก็บไปแล้ว ที่มันยังอยู่ตรงนั้นก็เพราะว่ามันเป็นแบ๊งค์ปลอม"
เหตุผลของศาสตราจารย์ดูน่าฟัง แต่คุณคิดว่า ใครน่าเชื่อมากกว่ากัน ศาสตราจารย์หรือนักศึกษา ?
บางครั้งเพียงแค่สามัญสำนึกก็ทำให้เราเห็นความจริงได้ ขณะที่เหตุผลอาจทำให้เราห่างไกลจากความเป็นจริง ดังกรณีข้างต้น ใครที่เห็นธนบัตร ๑,๐๐๐ บาทตกอยู่บนพื้นก็ต้องเก็บทั้งนั้น แต่ที่มันยังอยู่ตรงนั้นเพราะไม่มีคนเห็นต่างหาก เรื่องแบบนี้เด็ก ๆ ก็รู้ได้จากประสบการณ์และสามัญสำนึก
เนื่องจากเหตุผลและการคิดของเรามีข้อจำกัด เราจึงไม่ควรติดยึดกับเหตุผลหรือข้อสรุปของเรามากเกินไป มิเช่นนั้นเหตุผลจะกลายมาเป็นนายเรา มันไม่เพียงครอบเราไม่ให้เห็นความจริงซึ่งปรากฏอยู่ซึ่ง ๆ หน้าเท่านั้น หากยังสามารถทำให้เรากลายเป็นคนเห็นแก่ตัว ดังที่คนจำนวนไม่น้อยมีเหตุผลสารพัดในการคอร์รัปชั่นหรือทุจริต เช่น "ถึงฉันไม่ทำคนอื่นก็ทำ" หาไม่ก็อ้างความยากจน ที่อ้างว่าตัวเองเสียสละมามากแล้ว เพราะฉะนั้นขอเม้มเข้าตัวบ้าง ก็มีอยู่บ่อย ๆ
กิเลสนั้นก็รู้จักหาเหตุผลเพื่อประโยชน์ของมันเอง เหตุผลที่ใช้ก็ดูดีทั้งนั้น บางทีก็เถียงยาก
ชายผู้หนึ่งชอบโหนตัวอยู่บนบันไดรถเมล์ ไม่ยอมเข้าไปข้างในรถ ทั้ง ๆ ที่มีที่ว่างมากมาย กระเป๋ารถเมล์จึงขอร้องว่า "พี่ ๆ ช่วยเข้ามาข้างในหน่อย อย่าโหนอย่างนั้น เดี๋ยวจะตกลงไป"
"เรื่องของกู"
"ไม่ใช่อะไร ถ้าพี่เกิดพลัดตกลงไป ตำรวจจะเล่นงานผม"
"เรื่องของมึง"
ยิ่งเรียนสูงหรือคิดเก่ง กิเลสก็ยิ่งเก่งในการหาเหตุผลมาสนับสนุนการกระทำของมัน มันมีเหตุผลร้อยแปดที่จะโมโหเคียดแค้นเวลาไม่ได้ดังใจ หรือเศร้าโศกเสียใจเมื่อประสบกับความพลัดพรากสูญเสีย ซึ่งก็เท่ากับซ้ำเติมให้เราเป็นทุกข์มากขึ้น ดังนั้นถ้าไม่อยากให้กิเลสมาเป็นนายเรา จนพาเราจมปลักแห่งความทุกข์ ก็ต้องรู้เท่าทันเหตุผลที่มันเอามาใช้ ไม่เชื่อเหตุผลหรือหลงกลมันง่าย ๆ
ขณะเดียวกันถ้าอยากให้ชีวิตมีความสุข ก็ต้องรู้จักใช้เหตุผลมาส่งเสริมคุณภาพจิตที่ดีงาม เช่น นึกถึงผลดีของการให้อภัยและการมีเมตตาจิต เวลาประสบกับความล้มเหลวก็มองหาสาเหตุแห่งความผิดพลาดมากกว่าที่จะหาเรื่องแก้ตัวหรือโทษคนอื่น
เหตุผลถ้ารู้จักใช้ ก็สามารถช่วยให้เราปล่อยวางหรือยอมรับความจริงได้มากขึ้น
เด็กน้อยเห็นแม่ป่วย จึงช่วยแม่หุงข้าว แต่ข้าวกลับแฉะ รู้สึกเสียใจ แม่จึงบอกว่า
"อย่าเสียใจเลยลูก หุงข้าวด้วยน้ำ มันก็ต้องมีแฉะบ้างเป็นธรรมดา"
วันต่อมาเด็กน้อยหุงข้าวให้แม่อีก แต่คราวนี้ข้าวไหม้ จึงโมโหตัวเอง แม่ก็บอกว่า
"อย่าโมโหเลยลูก หุงข้าวด้วยไฟ มันก็ต้องมีไหม้บ้างเป็นธรรมดา"
ข้าวจะแฉะหรือไหม้ ก็เป็นเรื่องธรรมดา เช่นเดียวกับได้หรือเสีย แพ้หรือชนะ สรรเสริญหรือนินทา สำเร็จหรือล้มเหลว ถ้ามองเห็นเช่นนี้ได้ ชีวิตจะปล่อยวางได้มากขึ้น และเป็นทุกข์น้อยลง


ที่มา //www.budpage.com



Create Date : 18 ธันวาคม 2550
Last Update : 18 ธันวาคม 2550 22:53:03 น.
Counter : 705 Pageviews.

0 comment
วิธีคิด วิธีทำงาน ในวันนี้
วิธีคิด วิธีทำงาน ในวันนี้
ในวันนี้
ฉันจะเป็นมิตรกับทุกคนที่ทำงานด้วยให้มากที่สุด
จะปฏิบัติเสมือนหนึ่งว่าคนเหล่านั้นมีส่วนให้ฉันได้ทำงานที่นี่ต่อไป
และขอขอบคุณที่มีพวกเขาเป็นเพื่อนร่วมงาน

ในวันนี้
ฉันจะไม่ทำตัวเป็นคนช่างตำหนิติเตียน
จะพยายามมองเห็นข้อดีในทุกสถานการณ์
และหาข้อดีมาชมเชยทุกคนในที่ทำงานด้วย

ในวันนี้
ฉันจะไม่ยืนกรานว่าทุกสิ่งฉันทำ จะต้องสมบูรณ์เพียบพร้อม
จะไม่พยายามทำลายสถิติความเร็วใดๆ
จะทำงานทุกอย่างตรงหน้าเต็มกำลังความสามารถ
แต่ไม่ใช่ด้วยความรู้สึกบีบคั้นจนทุกข์ทรมาน

ในวันนี้
ฉันคิดว่าตนเองมีความสามารถพอที่จะทำงานในความรับผิดชอบ
จะไม่มัวมาตั้งคำถามอย่างไม่จบสิ้นว่า มีตำแหน่งที่เหมาะสม
และได้รับคุ้มค่าเหนื่อยแล้วหรือ

ในวันนี้
ฉันจะรู้สึกปลาบปลื้มที่ได้อยู่ในสังคมและยุคสมัย
ที่ไม่ต้องทำงานอาบเหงื่อต่างน้ำ ในสภาพอันโหดร้ายทารุณะ
และขอบคุณที่ได้อยู่ในประเทศเสรี ที่ไม่มีใครมากะเกณฑ์ใช้งานได้

ในวันนี้
ฉันจะรู้สึกมีความสุขที่ได้ทำงาน
และสุขกายสบายใจที่ไม่ต้องออกไปต่อสู้ในสนามรบ
หรือเจ็บป่วยจนต้องรอเข้าห้องผ่าตัด

ในวันนี้
ฉันจะไม่คาดหวังให้ใครมาทำดีกับฉัน
จะไม่เปรียบเทียบรายได้หรือสถานภาพ
ของตนเองกับผู้อื่น จะพอใจอย่างที่ฉันเป็นอยู่

ในวันนี้
ฉันจะไม่คอยเป็นห่วงว่า “แล้วฉันจะได้อะไรจากงานนี้”
จะคิดเพียงว่า วันนี้ฉันจะเข้าไปมีส่วนช่วยในเรื่องต่างๆได้อย่างไรบ้าง

ในวันนี้
เมื่อฉันออกจากที่ทำงานฉันจะไม่มัวครุ่นคิดว่าได้ทำงานไปมากแค่ไหนหรือยัง
ทำอะไรไม่เสร็จ แต่จะนึกถึงเวลาค่ำที่รออยู่
และรู้สึกขอบคุณสำหรับงานที่ทำสำเร็จลุล่วงไปด้วยดี


หมายเหตุ : เป็นบทแปลและเรียบเรียงจากข้อเขียนของ นอร์แมน วินเซนต์ พีลัง
จากหนังสือเรื่อง “ความคิดเชิงบวก”



Create Date : 05 ธันวาคม 2550
Last Update : 5 ธันวาคม 2550 22:38:16 น.
Counter : 642 Pageviews.

0 comment
โลกนี้มีแต่คนน่ารัก
โลกนี้มีแต่คนน่ารัก
มีคนเคยตั้งกระทู้ถามในเว็บบอร์ดแห่งหนึ่งว่า คนไทยมีนิสัยไม่ดีอะไรบ้าง ปรากฏว่ามีคนเข้ามาร่วมแสดงความคิดเห็นกันอย่างอุ่นหนาฝาคั่ง ต่างช่วยกันระดมความคิดเห็นเกี่ยวกับนิสัยที่ไม่ดี ๆ ของคนไทยไว้มากมาย เรียกได้ว่าเยอะแยะเต็มไปหมด เครือข่ายฯอ่านแล้วก็ต้องยอมรับว่าเห็นด้วยทุกข้อ
ครับ ..ไม่น่าเชื่อว่าจิตใจของคนไทยเราจะเป็นแหล่งรวบรวมของความไม่ดีไม่งามทั้งหลายไว้ได้มากมายถึงเพียงนี้ !
แต่อันที่จริงแล้วคนไทยมีนิสัยที่ดี ๆ น่ารัก ๆ มากยิ่งกว่านิสัยไม่ดีอีกนะครับ ทีนี้เราไม่รู้จักมองกันเอง มัวแต่ไปมองส่วนที่ไม่ดีของเพื่อนคนไทยด้วยกัน จิตใจก็เลยพลอยเกิดความเศร้าหม่นหมองไปด้วย โลกรอบ ๆ ตัวเลยกลายเป็นโลกที่ไม่น่าอยู่ เพราะมองไปทางไหนก็มีแต่คนไม่ดีเต็มไปหมด ( บางคนถึงกับหมดหวังเมืองไทย คิดจะย้ายหนีไปอยู่เมืองนอกกันก็มี )

อย่ากระนั้นเลยวันนี้เครือข่ายชาวพุทธฯ ขอเสนอวิธีมองคนรอบ ๆ ตัวแบบสร้างสรรค์ ด้วยวิธีมองแบบพุทธ ทำให้คนรอบ ๆ ตัวของท่านกลายเป็นคนน่ารักทุก ๆ คน เป็นวิธีมองที่ทำให้เรามีความเป็นมิตรกับทุก ๆ คน คิดให้อภัย และ คิดปรารถนาดีต้องการช่วยเหลือให้เพื่อนมนุษย์พ้นจากปัญหาทั้งปวง
มาช่วยกันคิดให้เกิดกุศลนะครับ เพื่อสังคมไทยของเราจะได้เป็นสังคมแห่งมิตรภาพ มีชีวิตอยู่ร่วมกันอย่างมีความสุขตลอดไป
วิธีที่ ๑ มองเพื่อนมนุษย์แต่ในส่วนที่ดี ไม่ว่าพบปะกับใครให้ มองในส่วนที่ดีๆของเขาไว้ก่อน ส่วนที่ไม่ดีเอาไว้ค่อยพิจารณากันที่หลัง (เพื่อช่วยแก้ไข)


ตัวอย่างที่ ๑ คุณแจ๋วชอบนินทาเพื่อนร่วมออฟฟิสเป็นประจำ โดยเฉพาะชอบนินทาคุณปุ๊กเลขาหน้าห้อง แต่แทนที่คุณปุ๊กจะโกรธ เธอกลับนิยมยกย่องคุณแจ๋วกับเพื่อนร่วมงานเสมอว่า คุณแจ๋วร้องเพลงเสียงเหมือนมาช่ามาก แหม..ประทับใจมากเลย ดู ๆ แล้วคุณปุ๊กเธอไม่ได้ถือสานิสัยช่างนินทาของคุณแจ๋วเลยแม้แต่น้อย มองคุณแจ๋วแต่ในแง่ดีอยู่เสมอ


ตัวอย่างที่ ๒ คุณกระดี่มีนิสัยชอบขโมยเล็กขโมยน้อย เพื่อน ๆคนไหนเผลอไม่ได้เป็นโดนคุณกระดี่จิ๊กสมุด ปากกา เป็นประจำ ใคร ๆ ต่างรังเกียจคุณกระดี่กันทั้งมหา'ลัย ยกเว้นคุณเต๋าที่กลับบอกว่าแกกลับชอบคุณกระดี่ เพราะคุณกระดี่แกมีมีสัยอ่อนน้อมถ่อมตน พูดจาอ่อนหวาน คุณเต๋าบอกว่านี่ถ้าแก้ไขนิสัยขโมยได้เมื่อไหร่ รับรองว่าคุณกระดี่จะต้องเป็นที่รักของทุก ๆ คนได้อย่างแน่นอน


ตัวอย่างที่ ๓ คุณปิ๋วขี้เกียจเหลือกำลัง วัน ๆ เอาแต่นอน บ้านช่องไม่ดูแล สามีของเธอกลับมาจากทำงาน เห็นบ้านรก ๆ ก็รู้สึกไม่ดีเหมือนกัน แต่สามีของเธอกลับมักจะยกย่องคุณปิ๋วให้เพื่อนบ้านฟังอยู่เป็นเสมอว่า เธอทำกับข้าวอร่อยมากเลยทีเดียว อีกทั้งเอาใจก็เก่ง เป็นต้น


วิธีที่ ๒ มองเพื่อนมนุษย์ทุกคนว่าล้วนมีคุณความดีอยู่ในตัว คือ คนบางคนถึงจะเลวร้ายอย่างไร เขาก็ยังมีความดีคอยยับยั้งใจอยู่บ้าง คือ มีน้อยคนที่จะสามารถเลวได้ถึงที่สุดจริง ๆ

ตัวอย่างที่ ๑ นายเอ๋ง ขี้เมาประจำซอย วันไหนเมา ชอบทำปากคอระรานตะโกนด่าชาวบ้านเป็นประจำ แต่ชาวบ้านที่นี่ก็ใจดีเหลือหลาย บอกว่ายังดีที่มันไม่ไปทะเลาะวิวาทกับใคร คือเมาแล้วแค่ปากเสียเท่านั้นเอง นับว่านายเอ๋งยังมีนิสัยที่ไม่แย่เกินไปนัก


ตัวอย่างที่ ๒ หนังสือพิมพ์ฉบับนี้แย่มาก ลงแต่รูปโป๊ ๆ รายงานแต่ข่าวรุนแรง และ ข่าวงมงาย แต่เครือข่ายฯ ว่าก็ยังดีนะที่หนังสือพิมพ์ฉบับนี้บางหน้ายังมีบทความสร้างสรรค์ คือ ยังไม่เลวไปเสียหมด


ตัวอย่างที่ ๓ โจรเข้าปล้นบ้านนายดุ่ยจนหมดเนื้อหมดตัว แต่แทนที่นายดุ่ยจะโกรธแค้นกลับเห็นความดีของโจรว่ายังดีที่มันไม่ฆ่าเราตาย นับว่าโจรคนนี้ยังมีจิตใจ เมตตากรุณาหลงเหลืออยู่ นายดุ่ยรู้สึกซาบซึ้งน้ำใจของโจรคนนี้มากที่ไว้ชีวิต (แต่ขอไปแจ้งความตามหน้าที่ก่อนนะ)


วิธีที่ ๓ มองเพื่อนมนุษย์ด้วยความศรัทธา คือ ให้มีความศรัทธาในตัวมนุษย์ มองมนุษย์ด้วยความเชื่อมั่นว่า สักวันหนึ่งเขาจะต้องดีกว่านี้แน่

ตัวอย่างที่ ๑ นายเกมีนิสัยเลวมาก มองอย่างไร ๆ ก็ไม่เจอส่วนที่ดีสักนิดเดียว ชาวบ้านต่างเอือมระอาเหลือทน แต่ผู้ใหญ่บ้านกลับเชื่อมั่นว่าสักวันหนึ่งเจ้าเกมันจะต้องกลับเนื้อกลับตัวเป็นคนดีได้อย่างแน่นอน แกจึงรับปากกับชาวบ้านว่า จะเรียกเจ้าเกมาอบรมและให้กำลังใจมันเป็นประจำ เพื่อทำให้มันเป็นคนดีของสังคมสักวันหนึ่ง


ตัวอย่างที่ ๒ คุณโด่งเกียรติ มีลูกชายอยู่คนหนึ่ง เป็นปัญญาอ่อน แต่แทนที่คุณโด่งเกียรติจะรู้สึกเสียใจ กลับมองลูกชายด้วยความเชื่อมั่นว่า แม้ลูกจะ ปัญญาอ่อน แต่คุณโด่งเกียรติมั่นใจว่าเขาสามารถที่จะให้การศึกษาลูกให้เป็นคนดีของสังคมได้อย่างแน่นอน


ตัวอย่างที่ ๓ เขาว่าคนไทยทำงานร่วมกันเป็นทีมไม่ได้ ชอบทะเลาะกันเอง ชอบกิน-เที่ยว-เล่น เป็นทาสวัตถุนิยม ฯลฯ แต่เครือข่ายฯ กลับมีความเชื่อมั่นว่าสักวันหนึ่งคนไทยจะรักใคร่สามัคคีกัน คนไทยจะมีความใฝ่รู้ใฝ่สร้างสรรค์ มีความเป็นเลิศทางวิชาการ โดยเฉพาะอย่างยิ่งความรู้ทางพุทธธรรม คนไทยจะมีชีวิตอยู่ด้วยปัญญา ใช้วัตถุเทคโนโลยี่ด้วยความรู้เท่าทันกว่าชาติอื่นใด เป็นต้น


วิธีที่ ๔ มองเพื่อนมนุษย์ด้วยความเข้าใจและเห็นใจ คือ พิจารณาว่าถ้าเราเป็นเขา เราก็ต้องทำตัวอย่างนั้นเหมือนกัน เพราะมีเหตุปัจจัยมากมายมาปรุงแต่งให้ชีวิตของเขาเป็นอย่างนั้น คิดแล้วก็เกิดความเห็นอกเห็นใจ และให้อภัย

ตัวอย่างที่ ๑ นางสาวแจ๋วชอบทำตัวน่าเบื่อหน่ายในหมู่เพื่อน ๆ เป็นประจำ คุณสมคิดไม่ค่อยจะชอบนิสัยเท่าใดนัก แต่คุณสมคิดมานึกอีกที หากเขาเป็นนางสาวแจ๋วที่จะต้องเติบโตในครอบครัวที่ไม่ดี มีชีวิตอยู่ในสภาพสังคมที่แย่ๆ เขาก็อาจจะต้องทำตัวอย่างนางสาวแจ๋วนี้เหมือนกัน คุณสมคิดนึกดูแล้วก็รู้สึกเห็นใจนางสาวแจ๋วขึ้นมาทันที


ตัวอย่างที่ ๒ คุณสมบูรณ์ถูกตำรวจทุจริตรีดไถกลางวันแสก ๆ คุณสมบูรณ์รู้สึกแค้นมาก แต่มาคิดอีกทีว่าถ้าหากแกเป็นจ่าคนนั้น จ่าแกอาจจะได้รับความกดดันจากเจ้านาย ครอบครัว สังคมที่ฟุ้งเฟ้อ ฯลฯ ทำให้แกต้องทำทุจริตอย่างนั้น คิดแล้วก็รู้สึกเข้าใจ และเห็นใจขึ้นมาบ้าง


ตัวอย่างที่ ๓ นายมั่วเมายาบ้าจับเด็กเป็นตัวประกัน เชือดคอเด็กจนตาย คุณจรูญได้ทราบข่าวทางโทรทัศน์ตอนแรกก็รู้สึกแค้นใจมาก แต่มาคิดอีกทีว่าหากเขาเป็นนายมั่ว เขาก็อาจจะเจอกับสภาพสังคมที่กดดันจนต้องไปติดยาบ้าและในที่สุดก็ต้องเกิดความคลุ้มคลั่งเหมือนๆ กัน คิดแล้วก็รู้สึกเห็นใจเพื่อนร่วมเกิดแก่เจ็บตายที่ต้องประสบความทุกข์ด้วยกันเช่นนี้


วิธีที่ ๕ มองเพื่อนมนุษย์ด้วยความเมตตา พระพุทธเจ้าสอนให้ชาวพุทธมองเพื่อนมนุษย์ด้วยความรู้สึกเช่นเดียวกับมารดามองเห็นบุตรของคนเอง วิธีการมองเช่นนี้ ทำให้จิตใจของชาวพุทธเกิดความเมตตาต่อเพื่อนมนุษย์นั่นเอง

ตัวอย่างที่ ๑ นายเหิ่มนักเลงอันธพาลคุมซอย ชอบวางโตเที่ยวท้าคนชกต่อยเป็นประจำ ใคร ๆ ก็เกลียดนายเหิ่มกันทั้งซอย ยกเว้นคุณป๋องคนเดียวที่ไม่รู้สึกเกลียดนายเหิ่มแม้แต่น้อย เพราะทุกครั้งที่คุณป๋องเห็นนายเหิ่ม คุณป๋องจะนึกภาพในใจเห็นนายเหิ่มเป็นเด็กเล็ก ๆ น่ารัก น่าเอ็นดู คนหนึ่ง การนึกเช่นนี้ทำให้คุณป๋องเกิดความเมตตา และให้อภัยในความเป็นอันธพาลของนายเหิ่ม


ตัวอย่างที่ ๒ ท่านผ.อ. ดุมาก ใคร ๆ ก็กลัวกันทั้งออฟฟิส ยกเว้นคุณวรรณาเลขาประจำตัวที่ไม่กลัวท่าน ผ.อ. เลยแม้แต่น้อย เพราะทุกครั้งที่คุณวรรณาเห็นท่าน ผ.อ. คุณวรรณาจะนึกเห็นท่านเป็นเด็กเล็ก ๆ น่ารักคนหนึ่ง ทำให้คุณวรรณามีความรู้สึกรักเหมือนมารดาเอ็นดูบุตร ความน่ากลัวของท่าน ผ.อ. เลยค่อย ๆหมดไป กลายเป็นความน่ารักมาแทนที่


วิธีที่ ๖ มองเห็นความดีที่เขาเคยทำไว้แก่เรา ตามหลักพุทธศาสนาท่านบอกว่า คนเราทุกๆคนล้วนแต่เคยสร้างบุญคุณต่อกันไว้ทั้งนั้น ไม่มากก็น้อย ดังนั้นจึงควรระลึกถึงความดีที่เคยทำต่อกันไว้ จะได้ไม่โกรธเกลียดชังกัน

ตัวอย่างที่ ๑ คุณชาติชายโกรธคุณปื๊ดมาก เพราะคุณปื๊ดยืมเงินไป ๕๐๐ แล้วไม่ยอมใช้คืน แต่พอคุณชาติชายนึกถึงตอนที่คุณปื๊ดเคยมาช่วยขนของตอนย้ายบ้านมาใหม่ๆ แล้วก็รู้สึกประทับใจในน้ำใจของคุณปื้ดครั้งนั้น เลยโกรธไม่ลง ให้อภัย ไม่ถือโทษอีกต่อไป


ตัวอย่างที่ ๒ คุณอิ๋วทักทายคุณอ้วน แต่คุณอ้วนไม่ยอมทักตอบ ทำหน้าบึ้งเดินเฉย คุณอิ๋วโกรธมาก แต่เมื่อคุณอิ๋วนึกถึงตอนคุณอ้วนเคยเลี้ยงก๋วยเตี๋ยวผัดไทยตนเองเมื่อปีที่แล้วหนึ่งจาน เลยทำให้คุณอิ๋วนึกเห็นบุญคุณ จึงเตือนตัวเองว่าเขาเคยเลี้ยงดูเรามาก่อน (แม้จะเพียงอาหารเพียงหนึ่งจานก็สุดแสนจะประทับใจแล้ว ) ดังนั้นเราไม่ควรโกรธคนที่เคยมีบุญคุณต่อเรา



ตัวอย่างที่ ๓ คุณเฉี่ยวไม่พอใจมากที่ผู้จัดการอารมณ์เสียโวยวายเรื่องทำงานไม่เสร็จเมื่อเช้านี้ ทั้งๆที่แกทำงานเต็มที่แล้ว แต่มานึกอีกที ผู้จัดการก็มีบุญคุณกับคุณเฉี่ยว เพราะถ้าผู้จัดการไม่จ้างคุณเฉี่ยวทำงาน เห็นทีคุณเฉี่ยวและครอบครัวจะต้องลำบากแน่ๆ นึกถึงความดีตรงนี้แล้ว คุณเฉี่ยวก็ไม่กล้าโกรธอีกต่อไป

ที่มา //www.budpage.com/narak.shtml



Create Date : 05 ธันวาคม 2550
Last Update : 5 ธันวาคม 2550 22:37:27 น.
Counter : 734 Pageviews.

0 comment
นิ สั ย ค น ไ ท ย !
















ที่มา //www.iannnnn.com



Create Date : 05 ธันวาคม 2550
Last Update : 5 ธันวาคม 2550 22:36:49 น.
Counter : 900 Pageviews.

0 comment
โคลัมบัสไม่ใช่คนแรกที่พบอเมริกา
โคลัมบัสไม่ใช่คนแรกที่พบอเมริกา
วันที่ 01 กรกฎาคม พ.ศ. 2548 ปีที่ 25 ฉบับที่ 1298

อาหารสมอง

วีรกร ตรีเศศ Varakorn@dpu.ac.th

โคลัมบัสไม่ใช่คนแรกที่พบอเมริกา

ประวัติศาสตร์ระบุว่าโคลัมบัส (Columbus) เป็นผู้ค้นพบทวีปอเมริกาในปี ค.ศ.1491 แต่ขณะนี้มีหลักฐานมากขึ้นทุกทีว่ามีคนที่พบทวีปอเมริกาก่อนหน้าเขาหลายปี ยิ่งไปกว่านั้นชาติพันธุ์ที่คนนี้เป็นสมาชิกก็เดินทางไปตั้งรกรากในหลายส่วนของโลกอีกด้วยเมื่อหลายร้อยหลายพันปีก่อน ชาติพันธุ์นี้ก็คือคนจีน

ในกลางปี 2548 สิงคโปร์ได้แสดงนิทรรศการโชว์ข้อมูลสำคัญที่สนับสนุนสิ่งที่พบในหนังสือชื่อ "1421 : The Year China Discovered America" โดย Gavin Menzies หนังสือเล่มนี้แสดงชีวประวัติของนักเดินเรือคนสำคัญของโลกคือนายพลเรือ Zheng He

Zheng เป็นผู้นำของการเดินทางด้วยเรือใหญ่เป็นขบวนอย่างประสบผลสำเร็จถึง 7 ครั้ง ระหว่าง ค.ศ.1405 ถึง 1423 รวมเรือ 317 ลำ มีลูกเรือรวม 28,000 คน ไปร้อยเอ็ดเจ็ดย่านน้ำ

และประสบผลสำเร็จจนเรียกได้ว่าเป็นหนึ่งในผู้เดินเรือบุกเบิกที่ยิ่งใหญ่ที่สุดคนหนึ่งของโลก


เรื่องราวของเขาเริ่มต้นในปี 1382 ใน Hunnan ในจีน Zheng เป็นคนจีนมุสลิม (ปัจจุบันมีอยู่เป็นร้อยๆ ล้านคนในจีน) เขาถูกจับในช่วงสงครามตั้งแต่ยังเป็นเด็กโดยกองทัพของราชวงศ์หมิง และ ถูกตัดอวัยวะเพศเพื่อให้เป็นขันทีและรับใช้ในวัง แต่ด้วยความเฉลียวฉลาด เขาเล่าเรียนหนังสือจนเป็นคนที่จักรพรรดิองค์ที่สามของราชวงศ์หมิงคือ Zhu Di โปรดปราน รับสั่งให้เป็นผู้นำเรือไปบุกเบิกดินแดน โพ้นทะเลสุดหล้าเพื่อเอาสมบัติมาจากพวก "คนป่า"

แต่เมื่อขบวนเรือของ Zheng กลับมาจากการเดินทางในปี 1423 จักรพรรดิ Zhu Di ก็สิ้นไปแล้ว และยุคแห่งการตัดขาดจากโลกภายนอกของจีนอีกหลายร้อยปีก็เกิดขึ้น หลักฐานระบุว่าแม้แต่เรือก็ถูกทิ้งให้ผุอยู่ที่ท่าเรือ และหลักฐานการเดินเรือจำนวนมากก็สูญหายไป

นิทรรศการได้แสดงให้เห็นว่าจีนมีประสบการณ์เดินเรือกว่า 600 ปี พัฒนาอุปกรณ์เดินเรือไม่ว่าจะเป็นเข็มทิศ แปลงเพาะผัก ปลูกถั่วเหลืองบนเรือตลอดปีเพื่อใช้เป็นอาหารและผักเขียวเป็นแหล่งวิตามินซีเพื่อป้องกันโรคเลือดออกตามไรฟัน (scurvy) ซึ่งเป็นภัยร้ายแรงของผู้เดินทางในเรือยาวนาน

หนังสือเล่มนี้ตีพิมพ์ในปี 2002 พยายามหักล้างสิ่งที่เคยเชื่อกันมายาวนาน โดยระบุว่า Zheng ค้นพบทวีปอเมริกาก่อนโคลัมบัสถึง 70 ปี ข้ออ้างนี้ก่อให้เกิดแรงสั่นสะเทือนในวงวิชาการของโลก ผู้เขียนยืนยันว่าโคลัมบัสมีแผนที่ของอเมริกาก่อนที่จะออกเดินทาง นอกจากนี้ Vasco de Gama (1462-1524) ที่บุกเบิกเส้นทางไปอินเดียใน ค.ศ.1479 ก็มีแผนที่แสดงที่ตั้งของอินเดีย หรือแม้แต่กัปตัน Cook ที่ค้นพบทวีปออสเตรเลียก็มีแผนที่ของทวีปออสเตรเลียที่มาจากนักบุกเบิกก่อนหน้าแล้ว

Menzies ผู้เคยเป็นกัปตันเรือดำน้ำของกองทัพเรืออังกฤษบอกว่านักบุกเบิกทางเรือที่ ยิ่งใหญ่ของชาวยุโรปทั้งหลายในประวัติศาสตร์นั้น โดยแท้จริงแล้วไม่ได้พบอะไรใหม่เป็นรายแรก แท้จริงแล้วแผนที่ทางเรือของโลกได้มีคนวาดไว้เสร็จแล้วก่อนหน้าที่พวกเขาจะออกเดินทาง

คนที่เขาคาดเดาว่าเป็นคนที่ทำแผนที่โลกส่วนใหญ่เสร็จก่อนหน้าก็คือ Kublai Khan ที่มีกองเรือใหญ่ออกไปสำรวจโลก และหลักฐานสำคัญก็คือแผนที่ของ Kublai Khan ซึ่งพบเมื่อไม่นานมานี้ที่ U.S.Library of Congress โดยนักวิชาการคนหนึ่ง การพิสูจน์อายุของคาร์บอนที่อยู่ในกระดาษพบว่าแผนที่นี้มีอายุไล่ไปถึงปลายทศวรรษที่ 13 หรือเมื่อประมาณ 800 ปีก่อนหรือ 300 ปี ก่อนที่โคลัมบัสพบทวีปอเมริกา และแผนที่นี้แสดงทวีปอเมริกาเหนือไว้ชัดเจน

Kublai Khan นั้นเป็นผู้ก่อตั้งราชวงศ์ Mongol Yuan ของจีนซึ่งมีช่วงอายุระหว่าง ค.ศ.1279-1368 ในช่วงเวลานี้มีคนยุโรปหลายคนได้เดินทางไปเมืองจีน (Marco Polo ก็เป็นหนึ่งในจำนวนนั้น) Kublai Khan เป็นนักรบที่น่ากลัวมาก รบมาไกลถึงแถบบ้านเรา โดยบุกตีอาณาจักรพม่าใน ค.ศ.1287

การค้นพบแผนที่เช่นนี้สั่นคลอนความเชื่อของฝรั่งที่ว่าโคลัมบัสเป็นสุดยอดคนหนึ่งของ นักค้นพบทวีปสำคัญของโลก มีข้อสงสัยมานานแล้วว่านักเดินเรือยุโรปรู้และปิดเป็นความลับว่ามีแผ่นดินคั่นอยู่ระหว่างยุโรปและเอเชีย โคลัมบัสก็เป็นผู้หนึ่งที่รู้ความลับนี้ จนกล้าอาสาอย่างบ้าบิ่นกับกษัตริย์สเปนที่จะเดินทางไปค้นพบดินแดนใหม่เพื่อหาความมั่งคั่งมาให้

มีหลักฐานประวัติศาสตร์ระบุว่าโคลัมบัสมีความเชื่อว่า "India" (ไม่ใช่ Cathay ซึ่ง หมายถึงจีน) อยู่ไปทางตะวันตกของหมู่เกาะ Canaries (อยู่นอกฝั่งสเปน) 3,900 ไมล์ แต่ระยะทางนี้ ตรงกับจุดที่ตั้งของทวีปอเมริกาพอดี ในอดีตเชื่อกันว่าเป็นความโชคดีของโคลัมบัสที่พบทวีปอเมริกาตรงจุดนั้น โดยคิดว่าเป็นอินเดีย (จึงเรียกคนพื้นเมืองว่า Indians ซึ่งทำให้เกิดความปวดหัวเพราะมีทั้ง Indians ของอินเดีย และ Indians ของทวีปนี้ซึ่งภาษาไทยเรียกคนพวกนี้ในอเมริกาเหนือว่าอินเดียนแดง) คำถามปัจจุบันก็คือ เขาโชคดีจริงๆ หรือเป็นเพราะว่าเขาแอบมีแผนที่ที่มาจาก Kublai Khan หรือ Zheng ? อยู่ในมือแล้วก่อนออกเดินทาง

ในงานนิทรรศการนี้ มีการแสดงแผนที่ของดินแดนเกาหลี ซึ่งมีอายุย้อนหลังไปเมื่อ 400 ปีก่อน ซึ่งเชื่อว่าลอกมาจากแผนที่ของจีนที่ทำไว้ตั้งแต่เมื่อ 4,000 ปีก่อน Menzies ผู้แต่งหนังสือเล่มนี้เชื่อว่า Zheng ต้องรู้จักแผนที่เหล่านี้ หรืออาจมีแผนที่ของ Kublai Khan จนทำให้เขาไปถึงทวีปอเมริกาก่อน โคลัมบัส 70 ปี


ปัจจุบันมีหลักฐานประวัติศาสตร์ของซากเรือจีนในรัฐฟลอริดา เซาธ์แคโรไลนา นิวยอร์ก และแคนาดา ยิ่งไปกว่านั้นมีการพบหลักฐานของการตั้งหลักแหล่งของคนจีนที่เดินทางมาด้วยเรือใน Nova Scotia ที่ Cape Dauphin ของคานาดาอีกด้วย

ในนิวซีแลนด์ก็เช่นกันมีการพบหลักฐานในลักษณะเดียวกัน มีการพบคลอง หลุมศพแบบอิสลาม ป้อมทหาร หลุมศพชาวพุทธ เหมือง ฯลฯ ผู้เชี่ยวชาญเชื่อว่าเป็นการตั้งถิ่นฐานของคนจีนแน่นอน และก่อนคนยุโรปไปถึงนิวซีแลนด์อย่างไม่ต้องสงสัย

ขณะนี้กำลังมีการทดสอบอายุของหลักฐานที่พบในนิวซีแลนด์ด้วยวิธีตรวจอายุคาร์บอนและตรวจสอบ DNA ของกระดูกที่พบในหลุมฝังศพในแหล่งที่ตั้งในแคนาดาเพื่อตรวจสอบชาติพันธุ์อีกด้วย

หนังสือและนิทรรศการนี้ก่อให้เกิดการถกเถียงครั้งใหญ่ขึ้นว่าอะไรคือความจริง หลักฐานที่พิสูจน์ความยิ่งใหญ่ของ Kublai Khan และ Zheng จะยืนยันความยิ่งใหญ่ของคนจีนในอดีต และมีผลในทางการเมืองอย่างไม่ต้องสงสัย

ต่อไปอาจมีคนพิเรนเสนอให้เปลี่ยนชื่อ The United States of America (มาจากชื่อของผู้บุกเบิกไปทวีปอเมริกาหลังโคลัมบัส 1 ปี คือ Amerigo Vespucci) เป็น The United States of Zheng ก็เป็นได้

ที่น่าแปลกใจเมื่อดูตัวเลข ค.ศ. ก็คือสิ่งต่างๆ ที่เกิดขึ้นตลอดช่วงเวลาของการค้นพบทวีปใหม่นี้มิได้หลุดรอดไปจากสายตาของสองบุคคลสำคัญของโลกที่มีชีวิตอยู่ในช่วงเวลานั้นเช่นเดียวกัน

นั่นก็คือ Leonardo da Vinci และ Michelangelo
-------------------------------------------------------------------------------


เครื่องเคียงอาหารสมอง

สึนามิครั้งใหญ่ของโลกที่กระทบ 11 ประเทศเมื่อหกเดือนที่แล้ว ทำให้มีคนตายทั้งหมดมากกว่า 175,000 คน หายไปอีก 50,000 คน และอีกนับแสนคนไร้ที่อยู่ ก่อให้เกิดความทุกข์โศกแก่มวลมนุษย์อย่างมหาศาล แต่เรื่องยังไม่จบแค่นั้น

ผมไม่ได้หมายถึงแผ่นดินไหวอีกหลายครั้งที่ได้เกิดและอาจเกิดตามมาอีกหรือสึนามิที่อาจเกิดอีก แต่หมายถึงโรคประหลาดที่กำลังเกิดกับผู้ที่รอดชีวิตมาซึ่งเรียกกันว่า "Tsunami Lung"

แพทย์ได้พบสภาวะปอดอักเสบในบรรดาผู้รอดชีวิตจากสึนามิหลายราย และเชื่อว่าอาจทำให้ผู้รอดชีวิตอีกนับพันคนล้มเจ็บในอนาคตได้ แพทย์เชื่อว่าผู้ที่ได้สำลักหรือสูดเอาน้ำทะเลจากสึนามิ เข้าปากและปอดอาจรับเอาเชื้อแบคทีเรียในน้ำทะเลและโคลนที่ถูกตีขึ้นมาจากใต้ทะเลเข้าสู่ร่างกาย การอักเสบนี้อาจลามไปถึงสมองจนอาจทำให้เป็นอัมพาตได้

นิตยสารการแพทย์ชื่อดัง New England Journal of Medicine ฉบับล่าสุดมีข้อเขียนเกี่ยวกับกรณีของเด็กสาวอินโดนีเซียอายุ 17 ปี ที่มีอาการดังกล่าว เธอถูกคลื่นซัดออกไปนอกฝั่งหนึ่งกิโลเมตร แต่ก็รอดมาได้โดยสำลักน้ำ ทราย และโคลน หลายอาทิตย์ต่อมาร่างกายข้างขวาของเธอขยับไม่ได้ พูดน้อยลง ความจำเลอะเลือน บังเอิญแพทย์จากสหรัฐอเมริกาไปรักษาคนเจ็บจากสึนามิพบเข้าจึงตรวจอย่างละเอียดและพบว่าเชื้อแบคทีเรียจากโคลนและน้ำน่าจะเป็นสาเหตุ ปัจจุบันเธอมีอาการดีขึ้นมากแล้ว

ผมไม่เชื่อว่าโรค Tsunami Lung จะเกิดขึ้นมากมายในหมู่ผู้รอดชีวิต แต่การไม่ประมาทเฝ้าระวังอาการไว้บ้างก็คงไม่เสียหลายนะครับ


น้ำจิ้มอาหารสมอง

I love mankind____it"s people I can"t stand.

(Charles M. Schulz ผู้เขียนการ์ตูน Charlie Brown)

ผมรักมนุษยชาติ แต่ที่ทนไม่ได้ก็คือมนุษย์



Create Date : 05 ธันวาคม 2550
Last Update : 5 ธันวาคม 2550 22:29:44 น.
Counter : 3821 Pageviews.

0 comment
1  2  3  4  5  6  7  8  9  10  11  12  13  14  15  16  17  18  19  20  21  22  23  24  25  26  27  28  29  30  31  32  33  34  35  36  37  38  39  40  41  42  43  44  45  46  47  48  49  50  51  52  53  54  55  56  57  58  59  60  61  62  63  64  65  66  67  68  69  70  71  72  73  74  75  76  77  78  79  80  81  82  83  84  85  86  87  88  89  90  91  92  93  94  95  

iamZEON
Location :
  

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 111 คน [?]



ยินดีต้อนรับทุกท่านนะครับ ^^/

ข่าวสารการ์ตูนญี่ปุ่น
กับเกี่ยวข้องอย่างภาพยนตร์-เพลง
รายชื่อการ์ตูนออกใหม่-งานหนังสือ
เรื่องทั่วๆไปทั้งในและนอกประเทศก็มีบ้าง
New Comments
Group Blog
All Blog
MY VIP Friend