Pizza man กับ สาวออฟฟิศ
Pizza man กับ สาวออฟฟิศ
ก้อย เป็นพนักงานบัญชีสาว อยู่ที่บริษัทแห่งหนึ่ง แถว ๆ รัชโยธิน
บริษัทของเธอ อยู่บนชั้น 6 ของอาคารสำนักงาน แห่งหนึ่ง ที่เพิ่งสร้างเสร็จ
ได้ไม่นานมานี่เอง และตอนนี้ ก็มีคนทะยอย เข้ามาใช้อาคารสำนักงาน
ที่เดียวกับเธอ เป็นจำนวนมาก ด้วยความที่ ก้อย ต้องทำงานบัญชี
ซึ่งค่อนข้างจะเป็นงาน ที่หนักหนาสาหัส เมื่อถึงเวลาสิ้นเดือนทุกครั้ง
เธอจึงต้องอยู่ดึก ๆ ดื่น ๆ มากกว่าคนอื่น ในสำนักงาน
แล้ววันที่ 28 พฤษภาคม 2543 ที่ผ่านมา เธอยังจดจำได้ เป็นอย่างดี
หลังจากที่พนักงานทุก ๆ คนเริ่มทะยอยกัน กลับบ้านไป เหลือเพียง
หัวหน้าฝ่ายบัญชี ชื่อ พี่อุ่น คอยดูแลเธอพร้อมกับ เพื่อนร่วมงาน
ฝ่ายบัญชีอีก 1 คน ชื่อ ตุ๊ก ครั้นเวลาประมาณ 1 ทุ่มครึ่ง ได้เวลาที่ควรจะ
รับประทานมื้อเย็นแล้ว พี่อุ่น หัวหน้าฝ่าย จึงได้ให้ ก้อย โทรศัพท์ไปยัง
ร้านพิซซ่าชื่อดังแห่งหนึ่ง ซึ่งอยู่ใกล้ ๆ กันให้มาส่ง
เวลาผ่านไป ประมาณไม่ถึง 20 นาที ก็มีเสียงกริ่ง จากบุคคลภายนอก
ให้เปิดประตู น้องตุ๊ก ออกไปเปิดประตู เป็นคนส่งพิซซ่านั่นเอง แต่ปรากฏว่า
ร่างกายเปียกโชก น้องตุ๊กจึงถามว่า ทำไมเปียกอย่างนี้ ฝนตกหรือ ? ขณะที่ ก้อย
เดินมาสมทบเพื่อเตรียมยก กล่องพิซซ่า เข้าไปข้างในสำนักงาน พนักงานพิซซ่า
ซึ่งสวมหมวกอยู่ ส่ายหน้า ตุ๊ก จึงบอกว่า กลับสาขาเลยหรือไม่ ถ้าจะพักก่อน
จะไปเอากระดาษทิชชู่ มาให้เช็ดผมเผ้า จะได้ไม่หนาว พนักงานส่งพิซซ่าคนเดิม
ยังคงส่ายหน้า ทั้งตุ๊ก และก้อย จึงได้มอบเงิน ค่าพิซซ่าไปให้ หลังจากนั้น
พนักงานส่งพิซซ่า ก็เดินไปรอลิฟท์ ก้อย จึงได้หันไปมองเห็นว่าพนักงานส่งพิซซ่า
เดินเข้าประตูลิฟท์ไป ทั้ง ๆ ที่ยังไม่เห็นไฟด้านบน เปิดให้สัญญาณว่าลิฟท์มาแล้ว
ก้อย แปลกใจ จึงเดินออกไปดู ว่าไฟเสียหรือไม่ เพราะเดิมทีจะเห็นไฟเปิดทุกครั้ง
พอเดินออกไปดูหน้าลิฟท์ ก็เห็นว่า ลิฟท์อยู่ที่ชั้นG หรือชั้น 1 นั่นเอง ก้อย
แปลกใจ
ว่าทำไมลิฟท์ถึงได้ลงไปเร็วขนาดนั้น เพราะเธออยู่ถึงชั้น 6 แต่ ก้อย
ก็ไม่ได้สนใจอะไร
เดินกลับมาที่โต๊ะ ขณะที่ ตุ๊ก เดินไปหยิบอุปกรณ์ การรับประทานมา
พี่อุ่น ยังคงนั่งทำงานอยู่อย่างใจเย็น ก้อย จึงเดินมาเปิดกล่องพิซซ่า
ซึ่งเปียกฝนค่อนข้างมาก แต่ไม่ถึงกับโชก

เพียงแค่ ก้อย เปิดมา ก็ต้องตกใจสุดขีด กรีดร้องเสียงดัง จน พี่อุ่น
และตุ๊ก รีบผวาเข้ามาช่วยเหลือ เพราะกล่องพิซซ่า ที่เห็นนั้น ด้านใน
เป็นพิซซ่า ที่เน่าเฟะ เสียจนมีหนอนไต่อยู่ ยั้วเยี้ย เต็มไปหมด ขณะที่เปิดอาหาร
อย่างอื่นออกดู ก็เป็นลักษณะเดียวกัน บางกล่อง ก็มีกลิ่นเน่าโชยออกมาด้วย

ก้อย หน้าซีดเผือด วางสายด้วยมืออันสั่นเทา แล้วหันหน้าไปมอง พี่อุ่น กับ
ตุ๊ก ซึ่งยืนตัวซีด เหมือนกัน ซึ่งยังไม่ทราบว่าสถานการณ์เป็นอะไร
ก้อยวาบสันหลัง นึกถึงเมื่อ 5 เดือนที่ผ่านมา ในวันที่ทำงานดึกเช่นนี้
แล้วได้สั่งพิซซ่าเอาไว้ แต่ปรากฎว่า งานทุกอย่างเสร็จเรียบร้อย
ด้วยความรวดเร็ว ทุกคนจึงลืม แล้วกลับไป ไม่ทันที่จะรอให้อาหารมาส่ง
หลังจากนั้น ก็ยังไม่ได้โทร. ไปสั่งพิซซ่ากันอีกเลย เนื่องจากทุกคน
มักจะเตรียมพร้อมกันมา ตั้งแต่อาหารเย็น
พี่อุ่น ก้อย และตุ๊ก จึงรีบเก็บกระเป๋าทุกอย่าง เดินออกจากบริษัทไป
ด้วยความหวาดกลัว

เช้าวันรุ่งขึ้น

ก้อย มาถึงออฟฟิศ ยังไม่กล้าเล่าเรื่องนี้ให้ใครฟัง จึงเดิน
ไปถามแม่บ้านว่าพิซซ่าที่อยู่บนโต๊ะ มีหนอนไชอยู่ เก็บไปทิ้ง เรียบร้อยหรือยัง
แม่บ้าน ที่ทำความสะอาด ตั้งแต่เช้า จึงบอกว่า ไม่เห็นมี
แต่ไม่แน่ใจว่าฝนรั่ว หรือแก้วน้ำหก เต็มทั้งโต๊ะ พี่อุ่น โต๊ะก้อย
และโต๊ะน้องตุ๊กหรือไม่ เพราะเปียกเอกสาร ที่อยู่บนโต๊ะเต็มไปหมด
แต่ก็ได้เช็ด ทำความสะอาดไปเรียบร้อยแล้ว ให้ไปดูว่ามีเอกสาร
เสียหายบ้างหรือไม่

หลังจากนั้น ก้อย จึงพา พี่อุ่น และน้องตุ๊ก พร้อมๆกับเพื่อนพนักงาน
อีกหลายคนไปทำบุญอุทิศส่วนกุศลให้กับพนักงานส่งพิซซ่าคนนั้น
และจดจำไว้อย่างแม่นยำในใจว่า การที่บอกให้เขามา
แต่กลับไม่รอเขานั้น มันทำให้เขารู้สึกอย่างไร กับคนที่ไม่รักษาสัญญา




Create Date : 09 กรกฎาคม 2550
Last Update : 9 กรกฎาคม 2550 0:19:41 น.
Counter : 1506 Pageviews.

0 comment
ลูกผมเห็น...?
ลูกผมเห็น...?
ด้วยภาวะเศรษกิจอันบีบคั้นหัวใจอย่างทุกวันนี้ ผมกับภรรยาจึงพยักหน้าให้กันอย่างเป็นอันเข้าใจว่าลูกสาวคนแรกของเรานี้หมดปัญญาจะเอาไว้กับอกเป็นแน่แล้ว ต้องหอบไปให้ปู้ย่าที่ต่างจังหวัดชุบเลี้ยงไปพลางอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ส่วนเราก็ปากกัดตีนถีบเร่งรีบหาเงินกันตัวเป็นเกลียว เพื่อส่งเสียค่าน้ำค่านม เมื่อใครมีเวลาว่าง ค่อยปลีกตัวไปเยี่ยม พอให้หายคิดถึง

เราสองเทียวขึ้นล่องระหว่างบ้านพ่อแม่กับกรุงเทพเป็นว่าเล่น เรื่องเหนื่อยหรือท้อเลิกพูดถึง เพราะความคิดถึงลูก มีเพียงระยะนี้เท่านั้นที่เริ่มห่างหน่อย เพราะลูกโตพอที่จะช่วยตัวเองได้บ้าง อายุเข้าไปสี่ขวบแล้ว

บ้านพ่อแม่ผมที่ต่างจังหวัดเป็นบ้านสวน หลังบ้านมีคลอง เด็กๆแถวนั้นชอบไปเล่นน้ำเสมอ แต่เมื่อเดือนก่อนมีเรื่องสะเทือนใจเกิดขึ้น เด็กข้างบ้านรุ่นราวคราวเดียวกับลูกสาวผม แถมเป็นเพื่อนเล่นที่ติดกันกลม จมน้ำตาย! แม่ของเด็กร้องไห้ไม่หยุดอยู่หลายวัน ส่วนลูกสาวผมแม้จะยังเด็ก แต่ก็ดูซึมเซาลงไปถนัด แถมไม่ค่อยพูดค่อยจาเหมือนก่อนอยู่เป็นเดือน จนใจคอผมไม่ค่อยดีไปด้วย

เมื่อเช้าแม่โทรมาหาเล่าเรื่องลูกสาววัยสี่ขวบของผมให้ฟัง เล่าเอาผมใจหายวูบ! แม่เล่าให้ฟังว่า เมื่อวานตอนเย็น พอเพลามือจากการสาระวนทำขนมเตรียมไว้ขายตอนเช้า ก็ได้เววลาที่จะเอาลูกสาวผมอาบน้ำ แต่แม่มองหาลูกผมไม่เจอ ถามเด็กลูกมือสองคนที่นั่งอยู่ด้วยก็ไม่มีใครเห็น แม่เกิดเอะใจขึ้นจึงรีบลุกออกเดินไปทางหลังบ้าน แล้วภาพที่เห็นก็ทำเอาแม่ใจหาย ลูกสาวตัวน้อยวัยสี่ขวบของผมกำลังเดินลงไปในคลอง

"เกด" แม่ผมร้องเรียกเสียงลั่น พร้อมวิ่งเข้าไปคว้าตัวแกไว้ "เกด ลงไปทำไมลูก" แม่ถามทั้งยังตกใจไม่หาย

ลูกสาวผมมองหน้าย่าของแกและบอกไปตามซื่อ "เอ๋ เรียก เกด" (เอ๋ คือเด็กผู้หญิงเพื่อนแก ที่จมน้ำตายไปเมื่อเดือนก่อน)

แม่ใจหายวูบหนาวเยือกไปทั้งร่าง "เอ๋ อยู่ไหน?" ถามด้วยเสียงเริ่มสั่น

"อยู่ในน้ำ" ลูกสาวผมบอกพร้อมชี้มือไปกลางลำคลอง

แม่มองกราดฝ่าบรรยากาศที่เริ่มสลัวของยามเย็นไปทั่วลำน้ำ ตอนนี้แม่ขนลุกเกรียวไปทั้งร่าง รีบอุ้มลูกสาวผมกึ่งเดินกึ่งวิ่งเข้าบ้าน ทั้งใจที่สั่นระทึก

แม่บอกว่า ต่อไปจะไม่ปล่อยลูกสาวผมให้อยู่หลังบ้านเพียงลำพังอีกแล้ว ผมถามแม่ไปว่า เล่าเรื่องนี้ให้น้าชื่นฟังหรือยัง (น้าชื่น คือแม่ของเด็กเอ๋) แม่บอกว่าไม่ได้เล่า กลัวพวกเขาจะคิดมากกันไปเปล่าๆ

ว่าไปแล้ว มันเป็นเรื่องที่แปลกและเรื่องทำนองไม่ใช่จะเกิดขึ้นกับลูกสาวผมเป็นครั้งแรก หลายเดือนก่อนเมื่อผมพาลูกมาอยู่กรุงเทพ ตอนแกปิดเทอม(อนุบาล) ผมเช่าห้องแถวไม่เก่าๆราคาไม่แพงนัก เพราะอยู่ในซอยลึก บริเวณโดยรอบทั่วๆไปยังพอมีสวนมีต้นไม้หนาตา เหมือนบ้านที่ต่างจังหวัดของผม ทำให้ผมรู้สึกค้นชินไม่อึดอัด

คืนหนึ่ง...ผมอยู่บ้านกับลูกสองคน เพราะภรรยาผมไปทำงานกะกลางคืน หลังจากอาบน้ำกินข้างปิดประตูหน้าต่างเรียบร้อยหมด ผมก็มานอนเอกเขนกดูทีวีอยู่ที่เตียง ส่วนลูกสาวก็ขลุกอยู่ที่กองของเล่น โดยไม่สนใจสิ่งรอบข้างใดๆ ผมเผลอหลับไปตอนไหนไม่รู้ มารู้สึกตัวอีกที เพราะมีมือมาสะกิดที่ขาพร้อมเสียงเรียก

"ป๋า ... ป๋า" ผมลืมตาเห็นลูกสาวยืนสะกิดขา

"อะไรลูก" ผมงัวเงียถามแก

"ใครไม่รู้มานั่งอยู่ตรงนี้" ลูกสาวผมว่า พร้อมชี้ไปที่ปลายเตียงผม

จากความงัวเงีย กลายเป็นงงงัน ก่อนจะดีดตัวขึ้นมาด้วยใจสั่นระทึก

"ใครลูก" ผมคว้าตัวลูกสาวเข้ามาชิด และถามอย่างหวาดๆ

"ผู้หญิง" ลูกสาวผมบอก ใบหน้าไม่ได้แสดงอาการตกใจใดๆ ซึ่งผิดกับผมซึ่งหัวใจหล่นไปอยู่ที่ตาตุ่มแล้ว

"ผู้หญิงที่ไหน" ผมรีบถามแก

"ไม่รู้...ไม่เห็นแล้ว" แกว่าซื่อๆ

ผมมองไปรอบห้องด้วยใจเต้นไม่เป็นส่ำ สองมือกอดลูกสาวแน่น ขณะนาฬิกาแขวนบอกเวลาห้าทุ่มกว่า

รุ่งเช้า พอภรรยาผมกลับมา ผมเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นให้เธอฟัง เธอบอกว่าลูกคงจะเห็นจริง เพราะเด็กขนาดแกไม่น่าจะรู้จักการโกหก และผมก็เชื่อว่าลูกสาวผมไม่ได้โกหก แต่ที่ผมสงสัยก็คือ "แล้วแกเห็นอะไรล่ะ?"

ก่อนแม่จะวางสาย แม่ถามผมว่าพาลูกสาวผมไปหาพระที่วัดเพื่อรดน้ำมนต์สักหน่อยดีไหม ผมบอกว่าตามใจแม่ ก็ดีเหมือนกัน ส่วนผมก็จะทำบุญให้เด็กคนนั้นด้วย



โดย วิทยานิพนธ์



Create Date : 09 กรกฎาคม 2550
Last Update : 9 กรกฎาคม 2550 0:19:11 น.
Counter : 650 Pageviews.

0 comment
ลางบอกเหตุ
ลางบอกเหตุ
ฉันพักอยู่หอพักสตรีแห่งหนึ่งในกรุงเทพฯ ส่วนมากเสาร์-อาทิตย์ เป็นวันหยุดทำงาน ฉันมักจะไม่ค่อยยอยู่หอ บางทีก็ไปค้างบ้านญาติ หรือไม่ก็ไปเที่ยวต่างจังหวัด ให้สมกับปีการท่องเที่ยว เมื่อนึกถึงเรื่องการท่องเที่ยว ฉันอดนึกถึงเรื่องเมื่อวันที่ 27 เมษายน 2528 ไม่ได้ แม้ว่าเวลาจะผ่านมานานแล้ว วันนั้นเป็นวันศุกร์ ฉันรีบกลับหอมาซักผ้าที่ยังค้างๆไว้ เพราะวันเสาร์ฉันตกลงจะไปเที่ยวบ้านเพื่อนชื่อจ้อย ซึ่งบ้านเธออยู่ที่สุพรรณบุรี
ฉันลงไปซักผ้าข้างล่าง เป็นลานกว้างสำหรับซักผ้าโดยเฉพาะ มีโอ่งลายมังกรวางเรียงรายอยู่หลายใบ ฉันเห็ฯจ้อยยืนตักน้ำใส่กะละมัง ขาของเธอมีเลือดเปื้อนลงมาเป็นทางยาว เธอนุ่งกางเกงขาสั้น ฉันขยับแว่นร้องถาม แต่มองดูอีกทีให้แน่ใจ แต่ก็ไม่เห็นมีเลือดอะไร คิดว่าสายตาตัวเองคงจะสั้นมาก มองอะไรเพี้ยนๆอยู่เรื่อย เรานั่งคุยโน่นนี่ไปเรื่อยจนซักผ้าเสร็จ
คืนนั้น ฉันจัดเสื้อผ้าเรียบร้อยแล้ว ปรากฎว่าเป็นเมนส์ และสิ่งที่ตามเป็นประจำคือปวดท้อง ตอนเช้าฉันจึงบอกจ้อยว่า ฉันคงจะไปบ้านจ้อยไม่ได้ เพราะไม่อยากเดินทางไปไหนเวลาสภาพอย่างนี้
จ้อย พูดว่า "แหม.....สาน่าจะไปนะ อีกหน่อยเราก็ไม่ได้เที่ยวด้วยกันแล้ว"
แดง เพื่อนอีกคนที่จะไปเที่ยวด้วย หัวเราะแล้วพูดกับฉันว่า จ้อยมันพูดยังกะไปตายยังงั้นแหละ
พวกเราหัวเราะกันใหญ่ ไม่ใช่เป็นครั้งแรกที่ใครสักคนพูดอะไรทำนองนี้ แต่เช้านี้ ฉันนึกถึงขาของจ้อยที่เลือดเต็มแล้วไม่ค่อนสบายใจเลย
"จ้อย เธอระวังตัวบ้างนะ ฉันเป็นห่วง"
จ้อยเอามือมาแตะแขนฉันเบาๆ แต่ฉันสะดุ้ง เพราะมือของจ้อยนั้นเย็นเฉียบ ทั้งๆที่เป็นปลายเดือนเมษายน อากาศในกรุงเทพฯร้อนจะตายไป เธอพูดว่า "ถ้าฉันเป็นอะไรไป ฉันจะมาหาเธอเป็นคนแรก" แล้วจ้อยก็หัวเราะ แต่ฉันดูหน้าจ้อยตอนนั้นดูเศร้าๆยังไงชอบกล
วันเสาร์นั้นฉันจึงงดเที่ยว นั่งๆนอนๆดูทีวีอยู่ในห้อง พอตอนบ่ายไม่มีรายการอะไรน่าดู คิดว่าจะนอนสักพัก พอเคลิ้มๆจะหลับได้ยินเสียงใครมาเรียกอยู่หน้าห้อง นึกว่าหูคงจะแว่วไปเอง แต่ก็ได้ยินเสียงใครเรียกชื่อฉัน "สา!สา!" ฉันจึงเปิดประตูไปดูเห็นหลังไวๆ รีบวิ่งไปดูก็ไม่เห็นใคร ถ้าใครคนนั้นจะเดินเข้าห้องใดห้องหนึ่งไปก็ไม่ใช่ เพราะเสาร์นั้นไม่ค่อยมีคนอยู่หอกัน ฉันตามมาดูที่ห้องน้ำก็ไม่มี จึงวิ่งลงมาดูที่บันใด ได้ยินเสียงเหมือนคนตักน้ำใส่กะละมังอยู่ที่ลานซักผ้า ก็ไม่มีอะไรอีก เล่นเอาฉันนึกกลัวจนไม่กล้าอยู่ในห้องคนเดียว
ฉันลงไปนั่งเล่นที่ม้าหินข้างล่างจนเย็น แม่บ้านเรียกว่ามีโทรศัพท์ทางไกล ฉันนึกถึงจ้อยทันที จริงๆด้วย แต่ไม่ใช่จ้อยโทรมา เป็นแดงโทรมาบอกว่าจ้อยตายแล้ว-จมน้ำตาย เพิ่งพบศพเมื่อเย็นนี้เอง แดงบอกว่าไปถึงสุพรรณราวบ่ายโมง จ้อยชวนลงเล่นน้ำทันทีที่ไปถึง เห็นจ้อยดำน้ำลงไปก็นึกว่าคงจะดำน้ำเล่น แต่เห็ฯหายไปนาน จึงตะโกนให้คนแถวนั้นมาช่วย กว่าจะพบศพของจ้อยก็เย็น ขาของจ้อยไปติดอยู่กับตอไม้สองอัน สันนิษฐานว่าจ้อยคงจะดำน้ำลงไปลึก ขาไปติดระหว่างตอไม้สองอันนี้โดยบังเอิญ มันทำให้ชีวิตของจ้อยต้องสูญเสียไป จ้อยคงจะทรมานเพราะฉันคิดว่าจ้อยคงพยายามดิ้นๆให้ขาหลุดออกมาหรืออย่างไรก็ตามแต่ บางคนก็พูดว่าตรงนั้นผีแรงอะไรทำนองนี้
ถ้าเช่นนั้นทุกอย่างที่ฉันเห็นและได้ยิน มันก็เป็นเสมือนลางบอกเหตุให้ฉันได้รู้ ฉันเสียใจที่จ้อยจากฉันไปโดยที่ฉันไม่สามารถช่วยเพื่อนได้เลยแม้แต่น้อย

โดย เวสาตรี



Create Date : 09 กรกฎาคม 2550
Last Update : 9 กรกฎาคม 2550 0:18:34 น.
Counter : 768 Pageviews.

0 comment
ผีล้วง
ผีล้วง
ปี พ.ศ. 2520 คุณยายของผมได้เข้าไปทำไร่ที่ลำห้วยแม่ก๋อน จังหวัดแพร่ ซึ่งเป็นแหล่งดินดี ผมก็ได้ติดตามไปเที่ยวด้วย
ห้วยแม่ก๋อนอยู่ห่างจากหมู่บ้านป่าแดงประมาณ 7 กิโลเมตรสภาพป่าทึบถูกทำลายไปหมดแล้ว คงเหลือป่าที่มีต้นไม้โหรงเหรง มีชาวบ้านเข้ามาจับจองเนื้อที่ทำไร่ทำสวนหลายราย มีอยู่รายหนึ่งท้งที่ไร่ไปหลายปีแล้ว คุณยายจึงถือโอกาสเข้าครอบครองทำกินแทน โดยว่าจ้างชาวบ้าน 3-4 คน ช่วยกันหักร้างถางหญ้าพงรก แล้วลงข้างโพดกับพืชไร่อื่นๆ
ไร่ของคุณยายด้านหนึ่งเป็นลำห้วยแม่ก๋อน อีกด้านหนึ่งเป็นภูเขา รอบๆไร่วังเวงชอบกล ดูเหมือนว่าจะไม่ได้ยินเสียงนกร้องเลย ไร่ของคุณยายติดกับไร่ของชาวบ้าน ทั้งหัวไร่ท้ายไร่ แต่ไม่ค่อยได้สุงสิงกัน เพราะแต่ละคนก็มีงานทำ และกระท่อมที่พักก็อยู่ไกลกัน
คุณยายสร้างกระท่อมยกพื้นสูงจากพื้นดินขนาดท่วมหัวผู้ใหญ่ มีห้องนอนเพียงห้องเดียวสำหรับคุณยายนอน ส่วนคนงานซึ่งเป็นญาติห่างๆกันนอนที่หน้าห้องคุณยาย รวมทั้งตัวผมด้วย
ค่ำวันหนึ่ง หลังจากอาบน้ำกินข้าวกินปลาเสร็จแล้ว คุณยาย ตัวผม และคนงาน ที่อยู่ในวัยกลางคนเป็นส่วนใหญ่ ก็นั่งคุยกันที่ชานกระท่อมซึ่งปูด้วยไม่ที่ไม่สนิทกันนัก มีช่องเล็กๆห่างกันประมาณครึ่งนิ้ว
เรานั่งคุยกันอย่างเพลิดเพลินหลากเรื่องหลายรส คนงานคุยไปพลางพ่นควันบุหรี่ไปอย่างสบายอารมณ์ คืนนั้นพระจันทร์ทอแสงครึ่งดวงสว่างนวลตา ทำให้มองเห็นอะไรต่อมิอะไรรอบๆไร่ได้ค่อนข้างถนัดตา เสียงแม่น้ำก๋อนไหลกระทบโขดหินผาดังซู่ซ่าๆลมพัดแผ่วๆ บรรยากาศรอบๆไร่เย็นเยือกและเวียบวังเวง ได้ยินเสียงนกกลางคืนร้องเป็นครั้งคราวห่างไกลออกไป
ตะเกียงน้ำมันก๊าดกลางวงล้อมของเราทอแสงบนใบหน้าของแต่ละคนให้เกิดเงาวับแวม มีแมลงบินมาเล่นแสงไฟ 2-3 ชนิด
ฉับพลันเราต้องหยุดคุยกันกระทันหัน เพราะ ...
มีเสียงครางฮือ-ฮือ ดังกระเส่าขึ้นที่ใต้ถุนกระท่อม เป็นเสียงครางของผู้หญิง
ทุกคนเงี่ยหูฟังอย่างตั้งใจ ... คิดไปว่าอาจเป็นเสียงกระแสลมหรือสัตว์ป่าชนิดใดชนิดหนึ่งที่แอบแฝงเข้ามา คนงานคนหนึ่งฉวยตะเกียงเดินลงบันไดไปส่องดูจนทั่ว ก็ไม่พบสิ่งใดผิดปกติ จึงกลับขึ้นมานั่งร่วมวงเช่นเดิม
ไม่กี่อึดใจต่อมา เสียงครางฮือ-ฮือ ดังขึ้นอีก ครั้นแล้วสิ่งที่น่าขนพองสยองเกล้าก็เกิดขึ้น
มือผู้หญิงซีดขาวเหมือนกระดาษ มีรอยสีเขียวคล้ำเป็นจุดๆค่อยๆโผล่ลอดรอยแยกของแผ่นไม่กระดานขึ้นมากลางวงของเรา ทุกคนอ้าปากค้างขนลุกซู่ เลือดภายในกายเย็นเฉียบ
มือนั้นผ่านรอยแยกกระดานขึ้นมาเรื่อยๆจนถึงข้อศอกกลิ่นเหม็นคละคลุ้งไปหมด
อะไรก็ไม่ร้ายเท่ากับมือนั้นขาวซีดบวมเป่งขึ้นเรื่อยๆแล้วปริแตกออกน้ำเหลืองน้ำหนองไหลเยิ้มลงมาตามแขน น่าขยะแขยงยิ่งนัก
"ผ... ผี ... ผีหลอก" พวกเราร้องออกมาเกือบจะพร้อมกัน
จากนั้นกระโจนหนีเข้าไปในห้องของคุณยาย เสียงดังตึงตังโครมคราม ตัวผมนั้นเข้าถึงห้องคุณยายก็หมดสติ จึงไม่รับรู้เหตุการณ์ต่อจากนั้นว่าเป็นอย่างไร
ในเช้าวันต่อมาผมถึงรู้ว่าผลของการถูกหลอก ทำให้คนงาน 2 คนถึงไข้จับพร่ำเพ้อตลอดเวลาเพราะความตกใจกลัวสุดขีด
ผลที่ตามมาอีกอย่างหนึ่งคือ หลังจากเก็บเกี่ยวข้างโพดเสร็จ คุณยายของผมก็ทิ้งไร่แห่งนั้น ท่านถือว่าเป็นไร่ผีดุ วันดีคืนดีอาจจะถูกหลอกหลอนให้ขวัญหนีดีฝ่ออีกก็ได้
มิน่า...เจ้าของเดิมจึงละทิ้งให้รกร้าง เพราะถูกผีเล่นงานเอาจนอยู่ไม่ได้นี่เอง

โดย สุเจตน์ ลายดี



Create Date : 09 กรกฎาคม 2550
Last Update : 9 กรกฎาคม 2550 0:18:03 น.
Counter : 1091 Pageviews.

1 comment
1  2  3  4  5  6  7  8  9  10  11  12  13  14  15  16  17  18  19  20  21  22  23  24  25  26  

iamZEON
Location :
  

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 111 คน [?]



ยินดีต้อนรับทุกท่านนะครับ ^^/

ข่าวสารการ์ตูนญี่ปุ่น
กับเกี่ยวข้องอย่างภาพยนตร์-เพลง
รายชื่อการ์ตูนออกใหม่-งานหนังสือ
เรื่องทั่วๆไปทั้งในและนอกประเทศก็มีบ้าง
New Comments
Group Blog
All Blog
MY VIP Friend