เสียงสยอง
เสียงสยอง

ขนหัวลุก

ใบหนาด



"ม่วงแดง" เล่าเรื่องขนหัวลุกจากร้านสะดวกซื้อ

คุณเคยได้ยินไหมครับ เสียงสัญญาณเรียกให้รับโทรศัพท์มือถือ ที่ร้องเป็นเสียงผู้หญิงวิงวอนว่า "ช่วย...ด้วย! ช่วย...ด้วย!....."

ผมเคยได้ยินมาแล้ว...ฮู้ย! มันน่าขนลุกชะมัดเลย คิดได้ยังไงไม่รู้เนี่ย?

คืนนั้น ตอนตีหนึ่งแล้วละครับ ผมเดินออกมาหน้าปากซอยเพราะน้องมันเกิดอยากกินไอติมรอบดึก ผมเองก็หิวบะหมี่ มาซื้อที่ร้านเซเว่นนี่แหละ ทีแรกก็ไม่นึกกลัวอะไรหรอก ผมเดินมาบ่อย ดึกๆ อย่างนี้ละครับ

ในซอยเงียบสงบเชียว ชาวบ้านเขาหลับกันหมดแล้ว แต่เด็กๆ สมัยนี้รับรองยังไม่หลับหรอก ยิ่งวันศุกร์วันเสาร์ละก็อยู่ถึงเช้าได้สบายมาก

ขณะกำลังรอเงินทอน เสียงเย็นๆ น่าขนหัวลุกก็ดังขึ้น!

"ช่วย...ด้วย...."

"ผมมองหน้ากับพนักงานที่กำลังส่งเงินทอนพร้อมแสตมป์เงิน แสตมป์เพชรมาให้ พนักงานสาวสวยหน้าซีดเผือด ส่วนผมเหลียวซ้ายแลขวา เสียวสันหลังวูบๆ วาบๆ อย่างบอกไม่ถูกเหมือนกัน...

และแล้ว ก็...นั่นเอง.....

คุณพี่วินมอเตอร์ไซค์ร่างยักษ์ หยิบมือถือขึ้นมารับสาย พอพูดธุระเสร็จเขาก็หันมาหัวเราะอย่างอารมณ์ดี ขณะเห็นผมกับพนักงานสาวกำลังจ้องมอง

"นี่ถ้ากำลังนอนๆ อยู่แล้วโทรศัพท์มันดังแบบนี้ พี่ไม่กลัวเรอะ?" คุณเธอถามอย่างหวาดๆคุณพี่ท่านนั้นยิ่งหัวเราะใหญ่

"ไม่กลัวหรอก ไม่เคยโดนผีหลอกนี่นา" เขาตอบขำๆ

"แต่หนูเคย...แบบนี้เลยละ" พนักงานหน้าหวานพูดด้วยน้ำเสียงจริงจัง...คราวนี้ผมกับพี่วินมอเตอร์ไซค์หูผึ่งทั้งคู่

"จริงอ่ะ..." ผมเผลอหลุดปากโดยไม่ได้ตั้งใจ ผมก็คือ เราได้ฟังเรื่องผีในบรรยากาศที่เป็นใจ...ยามดึกดื่นที่แม้จะมีแสงสว่าง แต่ก็เยือกเย็นเพราะแอร์คอนดิชั่น แหม! ได้อารมณ์จริงๆ นะครับ

"หนูเช่าห้องอยู่กับพี่สาว" เธอเริ่มเรื่อง "บางคืน พี่สาวที่เป็นนางพยาบาลต้องไปเข้าเวรดึก หนูก็นอนคนเดียวซิ คืนหนึ่ง...ได้ยินเสียงร้องว่า ช่วย...ด้วย...ดังมาจากห้องข้างๆ ฝาห้องมันก็เป็นปูนนะพี่ แต่เสียงมันลอดออกมาได้ยินชัดเลย...อูย! พูดแล้วขนลุก..."

เธอลูบแขนตัวเอง ก่อนจะเล่าต่อว่า...

จริงๆ แล้ว ห้องนั้นไม่มีใครมาเช่าอยู่ มันเป็นห้องว่าง เธอก็รู้ดี ฉะนั้น...เท่าที่ทำได้ก็คือ ตะกายลุกขึ้นไปเปิดไฟ ใจเต้นตึ้กตั้ก ระทึกขวัญอยู่เพียงลำพังกลางดึกสงัด จากนั้นก็มานอนคลุมโปง ฟังเสียงสยองที่ไม่รู้จะดังขึ้นอีกเมื่อไหร่....

ระหว่างรอก็เหงื่อแตกพลั่ก มือไม้เย็นเฉียบ แต่จนแล้วจนรอด ทุกอย่างก็เงียบกริบ...เงียบจนแทบจะได้ยินเสียงหัวใจตัวเองเต้นกระหน่ำในโพรงอก

ขณะกำลังเคลิ้ม เสียงนั้นก็แว่วมาปลุก "ช่วย...ด้วย..."

มันทำให้เธอสะดุ้งตื่น ผวาลุกขึ้นนั่ง ใจริกๆ อยากจะเปิดประตูหนีออกจากห้อง แต่ก็ไม่รู้จะไปไหน...เผลอๆ ผีมายืนอยู่หน้าห้องจะทำไง?

ทางที่ดีที่สุดคือต้องนอนนิ่งๆ และสวดมนต์! ซึ่งแน่ละ...ใครจะไปนึกออกว่าขึ้นต้นลงท้ายยังไง? ปากก็ได้แต่พึมพำเสียงสั่นเครือว่า นะโม...นะโม...

เสียงเรียกให้ช่วยดังมาอีกแล้ว!

คราวนี้มีเสียงกลิ้งขลุกๆ มากระแทกผนังดังตึง! ทีเดียวไม่พอ เสียงกลิ้ง...เสียงดิ้นมากระแทกฝาดังไม่หยุด จนเธอต้องอุดหูแน่น ม่านตาพร่าพราย น้ำตาไหลพรากด้วยความกลัวสุดขีด ...จะหลอกจะหลอนกันไปถึงไหน?

"ถ้ามันหลุดทะลุผนังมาเข้าห้องคุณ จะว่าไง?" พี่วินมอเตอร์ไซค์ถามยิ้มๆ

"ก็นั่นน่ะซิ หนูกลัวว่าจะเป็นอย่างนั้น เลยหลับหูหลับตาเผ่นออกนอกห้อง วิ่งลงมาชั้นล่าง ร้องกรี๊ดๆ จนคนเช่าหอห้องอื่นๆ ตกอกตกใจ เปิดประตูออกมาดูเป็นแถว! โธ่! หนูน่ะช็อกแทบตาย"

ปรากฏว่า ข้างห้องนั้นเคยมีผู้หญิงดื่มยาฆ่าแมลง ดิ้นทุรนทุราย...ตายอนาถ! วันที่เธอมาหลอกหลอน คือวันครบรอบสามปีที่เธอตาย!

ผมฟังแล้วมันแห้งไปหมดทั้งปากและคอ จนต้องกระเดือกน้ำลายสองครั้งซ้อนๆ

"พี่ว่างใช่ไหม?" ผมหันไปถามพี่วินมอเตอร์ไซค์ "ขับไปส่งผมหน่อยนะ ผมอยู่ตรงกลางๆซอยน่ะ"

สิบบาทคุ้มครับ ดีกว่าเดินเสียวสันหลังวาบๆ กลับบ้านคนเดียว!

...พอจอดส่งผมเสร็จ เราก็หัวเราะกัน ผมเลยแซวว่าประเดี๋ยวมันก็คงดังขึ้นอีกหรอก เสียง "ช่วย...ด้วย" ...ของโทรศัพท์พี่น่ะ เล่นเอาเขาหัวเราะเสียงแห้งแล้งชอบกล พลางพยักหน้าอย่างเห็นพ้องด้วย

"เออ...เสียวไส้เหมือนกันนะ สงสัยต้องเปลี่ยน เอ...จะเอาเสียงไก่ขันหรือแพะร้องดีล่ะ?"

เราหัวเราะทิ้งท้ายให้กัน ก่อนเขาจะบึ่งมอเตอร์ไซค์จากไป ส่วนผมก็กลับเข้าสู่แสงสว่างอบอุ่นในบ้านผมเอง...สงสัยแต่พนักงานสาวสวยคนน่ะซี เธอยังทนนอนอยู่ในห้องติดๆ กับห้องผีสิงได้ยังไงก็ไม่รู้ จริงมั้ยครับ?

//www.matichon.co.th/khaosod/view_news.php?newsid=TUROamIyd3hPVEF6TURFMU1RPT0=§ionid=TURNd013PT0=&day=TWpBd09DMHdNUzB3TXc9PQ==



Create Date : 03 มกราคม 2551
Last Update : 3 มกราคม 2551 20:05:45 น.
Counter : 760 Pageviews.

2 comment
นาทีมรณะ
นาทีมรณะ

ขนหัวลุก

ใบหนาด



"สนธยา" เล่าประสบการณ์ขนหัวลุกจากวิญญาณเพื่อนรัก

คนเราบทมันจะตายนี่มันช่างง่ายดาย รวดเร็วเพียงแวบเดียวเท่านั้นเองจริงๆ ค่ะ!

อย่างดิฉันกับเพื่อนที่กำลังเล่นน้ำ ดำผุดดำว่ายกันอย่างสนุกสนานอยู่ดีๆ มัจจุราชก็มากระชากเอาชีวิตของเพื่อนไป! มันเป็นเรื่องสยองขวัญมาก และวิญญาณของเธอก็ยังไม่ไปไหน ยังคงวนเวียนอยู่ใกล้ๆ ยื้อยุดดิฉันไว้เพราะเธอยังไม่อยากตายน่ะซีคะ

เหตุการณ์เกิดขึ้นเมื่อสิบปีก่อน..

ตอนนั้นดิฉันอายุเพียง 16 ปี และอยู่ในช่วงปิดเทอม ดิฉันไปค้างบ้านเพื่อน เธอชื่อ นิด - เป็นเพื่อนที่ดีที่สุด เรารักกันมากราว กับเป็นพี่น้อง มันอาจจะเป็นเพราะเราต่างก็เป็นลูกสาวคนเดียวทั้งคู่ก็ได้ค่ะ

ความสนิทสนมของพ่อแม่แต่ละฝ่ายกลายเป็นเพื่อนสนิทกันไปด้วย ทุกอย่างดูดีไปหมด เข้าทำนอง..ความสงบก่อนที่จะเกิดพายุใหญ่!

เรารักกันจนกลัวว่าจะพรากจากกัน..

ดิฉันคิดว่านี่คือลางสังหรณ์ที่อยู่ลึกๆ ในจิตของเรา นิดกับดิฉันสัญญากันว่าจะไม่เหินห่างกันไปไหน เราจะเป็นเพื่อนรักและสนิทสนมกลมเกลียวกันอย่างนี้จนกว่าจะแก่ตัวไปด้วยกัน

บ้านของนิดอยู่ริมแม่น้ำท่าจีน เธอว่ายน้ำเก่งมาก ดิฉันจำได้ว่าวันนั้นอยู่ในเดือนเมษายน อากาศร้อนจัดแทบดิ้น เรานุ่งขาสั้นสวมเสื้อยืด ลงดำผุดดำว่ายกัน ไม่ห่างจากศาลาท่าน้ำบ้านนิดหรอกค่ะ ดูๆ ไม่น่ามีอันตรายเลยแม้แต่น้อย เท้าของเราก็หยั่งถึงด้วยซ้ำ

ในนาทีมรณะ เราไม่ได้เล่นซนอะไรเลย ลอยตัวคุยกันอยู่แท้ๆ

ทันใดนั้น ก็มีปรากฏการณ์ประหลาดเกิดขึ้นที่ใต้น้ำ..เล่าให้ใครฟังก็คงไม่มีใครเชื่อว่ามันจะเป็นไปได้!

มีกระแสน้ำเย็นจัดผิดปกติไหลผ่านตัวเรา ช่วงเอวลงไป เราทั้งคู่รู้สึกได้พร้อมๆ กัน นิดทำตาโตมองหน้าดิฉัน พลางขยับปากคล้ายอยากจะพูดอะไรสักอย่าง แต่ยังไม่ทันได้เปล่งเสียง ใต้น้ำก็เกิดคลื่นพัดรุนแรงมาก เล่นเอาเราตาเหลือก เท้าหลุดจากใต้พื้นน้ำ ตัวเราลอยคว้างแล้วจมลงอย่างไม่ทันได้ตั้งตัว..

นิดเอื้อมมือจะคว้าดิฉันไว้แต่พลาด ทุกอย่างดูลื่นปราดไปหมด ดิฉันอ้าปากร้องก็พอดีน้ำพัดเข้าปาก..กลืนน้ำเข้าไปอึกเบ้อเร่อจนสำลัก กระอักกระไอแทบหายใจไม่ทัน

ขณะหลับหูหลับตาไล่ๆ กับที่นิดผลุบลงไปใต้น้ำ มือไขว่คว้าคล้ายจะให้ดิฉันช่วย เห็นผมของเธอแผ่เป็นวงกว้างเหมือนสาหร่าย..วินาทีต่อมามันก็หายวูบไปราวกับถูกกระชาก!

..ศพของนิดติดอยู่กับรากไม้ที่ฝั่งโน้น น้าชายของเธอเป็นคนงมพบในตอนใกล้ค่ำของวันนั้นเอง..

ร่างเธออ่อนปวกเปียก เย็นเฉียบ ซีดเผือดแต่ดูสวยอย่างน่าประหลาด

วันเวลาแห่งความเศร้าโศกแสนสาหัสของพวกเรา ดูมันช่างยาวนานเหลือเกิน..ดิฉันนอนฝันร้ายอยู่เป็นปี ฝันวนเวียนถึงแต่นาทีที่นิดจมหายไปในลำน้ำ!

บางทีขณะนอนคนเดียวในห้องมืดๆ ดิฉันรู้สึกว่านิดมานอนอยู่ข้างๆ ในสภาพศพที่ถูกงมขึ้นมาใหม่ๆ ดิฉันได้ยินเสียงน้ำหยดแปะๆ ด้วยซ้ำ แต่ไม่กลัวนะคะ พอควานมือไปตรงข้างๆ ก็มีแต่ความว่างเปล่า..

เพื่อนๆ คุณครูและพ่อแม่พยายามให้ดิฉันหายเศร้า..มันจะหายไปได้ง่ายๆ ยังไงล่ะคะ? ดิฉันโทษตัวเองอยู่ตลอดเวลาว่าไม่ช่วยเพื่อน..ปล่อยให้เพื่อนตายต่อหน้าต่อตา!

บางคืนก็แว่วเสียงนิดโอดครวญ ดิฉันรู้สึกเลือดในตัวเย็นเฉียบขึ้นมาทันที..เย็นจริงๆ นะคะ ไม่ใช่แค่คำเปรียบเปรย มันหนาวจนสะ ท้านทั้งที่อากาศร้อนอบอ้าว

บ่อยเหลือเกินที่มีแรงฉุดจนดิฉันแทบตกเตียง..นิดมาฉุดเพื่อนแรงมากเลยค่ะ

และแล้วคืนหนึ่ง เมื่อดิฉันตื่นขึ้นเพราะแรงฉุดอันน่าสยดสยองนั้น ดิฉันก็พูดออกมาดังๆ ในความเงียบเชียบจนน่าขนลุก

"อยากให้เราไปอยู่ด้วยใช่ไหม? ตกลง!"

นาทีนั้น..นาทีมรณะ! ดิฉันเกิดความรู้สึกอย่างแน่วแน่ว่าจะฆ่าตัวตาย..ตัดสินใจตายเพื่อจะได้ไปอยู่กับเธอตามที่สัญญากันไว้

ทันใดนั้นเอง สิ่งที่ทับหนักอึ้งในจิตใจก็พลันโล่งเบา สว่างวาบ..

ทั้งดิฉันและนิดซึ่งอยู่กันคนละโลก ต่างได้สติ..นิดปล่อยจากดิฉันแล้ว!

ในความรู้สึกนั้น นิดตกใจที่ดิฉันจะปลิดชีวิตตัวเอง เธอไม่ได้คาดหวังจะให้ดิฉันทำเช่นนี้ แต่ตลอดเวลานับตั้งแต่จมน้ำตาย นิดยึดดิฉันไว้แน่น! มันคือความรู้สึกในวินาทีที่เธอหมดลมหายใจสุดท้าย..และเสียชีวิตลง

เธอกลัวสุดขีด ไขว่คว้าเพื่อน..และไม่อยากตาย!

บัดนี้เธอปล่อยดิฉัน..ให้ดิฉันได้มีชีวิตอยู่ต่อไป

ในกลางดึกอันเปล่าเปลี่ยว เงียบเชียบจนแทบจะได้ยินเสียงหัวใจของตัวเองเต้นระทึก..ดิฉันผุดลุกขึ้นนั่งในความมืดสลัว เหงื่อท่วมตัว สายตาคล้ายจะเห็นร่างเล็กๆ ของนิดยืนยิ้มอยู่มุมห้อง แล้วก็เลือนหายไป..

นั่นคือวันที่นิดตายครบสามปี!

จากนั้นมา เธอยังอยู่กับดิฉัน แต่ไม่ใช่ผีที่ยึดเหนี่ยว..ไม่ได้มาในรูปศพสยอง แต่สวยงามเหมือนนางฟ้า..

ถ้ามีคำถามว่ารู้ได้อย่างไรน่ะหรือคะ? คำตอบคือบอกไม่ถูกเหมือนกัน..มันเป็นสิ่งที่รู้สึกและสัมผัสได้ทางใจเท่านั้นเอง..แม้ขณะเขียนนี้เธอก็ยืนยิ้มอยู่ใกล้ๆ เชื่อไหมคะ?

//www.matichon.co.th/khaosod/view_news.php?newsid=TUROamIyd3hPVEk0TVRJMU1BPT0=§ionid=TURNd013PT0=&day=TWpBd055MHhNaTB5T0E9PQ==



Create Date : 28 ธันวาคม 2550
Last Update : 28 ธันวาคม 2550 19:28:34 น.
Counter : 788 Pageviews.

1 comment
คืนปล่อยผี
คืนปล่อยผี

เก็บเรื่องมาเล่า



"นายอุ้ม" เล่าประสบการณ์ขนหัวลุกจากปีศาจราตรี กลางวันเป็นเวลาของมนุษย์ กลางคืนน่ะไม่ใช่.....โดยเฉพาะอย่างยิ่งเที่ยงคืนเป็นเวลาของแม่มด และสิ่งลึกลับน่าสะพรึงกลัว

ผมไม่ได้พูดเองนะครับ คุณยายน่ะพร่ำสอนผมอย่างนี้มาตั้งแต่ผมเรียนจบม.6 เข้ามหาวิทยาลัย และเริ่มใช้ชีวิตกลางคืน...หมายถึงวันไหนที่ไม่ได้ไปเรียน ผมจะอยู่ตลอดคืน ทำรายงานบ้าง เล่นเกมบ้าง ส่วนใหญ่ก็คุยโทรศัพท์กับเพื่อนๆ

หนักๆ เข้าเพื่อนฝูงก็มาบ้านผม หรือไม่ผมก็ไปบ้านเพื่อน ส่วนมากเราจะอยู่กันตลอดคืน บางทียาวไปถึงเที่ยงวัน แล้วก็หมดแรงนอนสลบไสล กว่าจะฟื้นอีกทีก็ตอนค่ำๆ

แล้วกลางคืนก็กลายเป็นเวลาของเราไปด้วยประการฉะนี้แล!

เพื่อนรักของผมชื่อ "แดน" แต่...เอ้อ...ผมไม่ได้ชื่อ "บีม" นะครับ ผมให้พวกเพื่อนๆ เรียกผมว่า "เคน" นึกถึงคำพูด "เรียกฉันว่าอิชเมล" ในหนัง "โมบี้ดิ๊ก" ไงครับ

ทั้งนี้ทั้งนั้น เมื่อมองภาพสะท้อนจากกระจกแล้ว ผมว่าผมหล่อเหลาเอาการไม่เบาอยู่เหมือนกัน หล่อเข้มกว่า แดน-บีม ตั้งเยอะแน่ะ! อย่าว่ากันนะครับที่พูดอย่างนี้...ผมน่ะสูงใหญ่ล่ำบึ้ก ดำ เอ๊ย...ผิวสีแทนเข้ม ผมพอง...เอ๊ย! หนา ถึงจะหยิกขอดไปแต่หน่อยก็ดีไปอย่างที่จัดทรงไม่ยาก

ตาผมก็โต เรื่องลูกกะตาผมนี่ บางคนพูดแบบไม่เกรงใจว่า "พอง" แต่เพื่อนฝูงมันปลอบว่า ไม่หรอก มันโตหวานซึ้งดีต่างหากล่ะ

พวกเพื่อนๆ รักผมนะครับ มีผมไปด้วย ที่ไหนๆ ก็ไม่มีใครกล้ามาตอแย ขนาดคนบ้ายังหลบตาผมเลยครับ คนบ้าหน้าปากซอยน่ะใครๆ กลัวจะตาย แต่พี่แกเห็นผมทีไรก็ทำท่าว่าจะหายบ้า สติดีขึ้นมาทุกทีเลย... สงสัยจะถูกชะตากับผมนะ

ผมเป็นคนที่เพื่อนๆ พึ่งพิงได้ตลอด ใครมีปัญหาอะไรก็มักจะมาระบายให้ฟัง! พวกมันเชื่อผม เห็นผมเป็นพี่เบิ้ม

อาทิตย์ที่แล้วเหมือนกัน วันเสาร์น่ะครับ ผมว่าจะอยู่บ้านกับยายกับแม่แล้วเชียวนา แต่เจ้าแดนโทร.มาสะอึกสะอื้น...มันถูกแฟนทิ้งครับ แฟนมันสวยมาก รักกันมาเป็นปีแล้วล่ะ อยู่ดีๆ ก็ทิ้งไอ้แดนไปหาหนุ่มรถเก๋งซะงั้น ปั๊ดธ่อ! นั่งรถเมล์กับไอ้แดนสนุกๆ ไม่ชอบ!

แดนบอกว่าสาวก้อยจากไปคราวนี้คงไปลับ มันอกหักยับเยิน กรอกเหล้าเข้าปาก ตั้งแต่สายๆ โน่นแล้ว เพราะทะเลาะกับก้อยอย่างหนัก ขนาดตัดเป็นตัดตายกันไปเลย

เพื่อนย่อมไม่ทิ้งเพื่อน! แม้บ้านเพื่อนจะอยู่ไกลแค่ไหนก็ตาม...มันอยู่แถวบางแคเข้าซอยลึกชะมัด แต่ผมก็ต้องดั้นด้นไปปลอบใจมัน กลัวมันจะคิดสั้นน่ะครับ ผมว่าจะกลับตั้งแต่ 4 ทุ่ม แต่มันเอาแต่ร้องไห้ขี้มูกโป่ง สลับกับกรอกเหล้าแบบนันสต๊อป!

เข็มนาฬิกาเดินไปถึงเลขสิบเอ็ด แม่ผมก็โทร.เข้ามือถือ

"เจ้าอุ้ม!" ชื่อของผมครับ "จะค้างหรือจะกลับ แม่จะล็อกประตูบ้าน"

ผมบอกว่ากลับ อย่าเพิ่งล็อก จะกลับเดี๋ยวนี้แหละ! เฮ้อ...ยายต้องบ่นอีกแน่ๆ พวกผู้ใหญ่นี่ห่วงอะไรกันนักกันหนา ผมโตแล้วนะ อยู่ปีสองแล้ว ไม่ใช่เบบี๋ซักหน่อย

เอาล่ะ! ผมเช็ดแหวะให้เจ้าแดน มันหลับเค้เก้ไปแล้ว...จากนั้นผมก็ลาแม่เพื่อนเดินออกจากบ้าน...ซอยนี่ลึกเป็นบ้าเลย เปลี่ยวด้วย เพราะมีแต่บ้านคน รั้วสูงๆ ล้วนปิดเงียบเชียว แต่ไม่เป็นไร ผมไม่เคยกลัวอะไรเลย เดินแบบนี้สบายดี มันมืด เงียบสงบ ดูมืดมิดไปทุกทิศทางแต่ผมกลับชอบ มันดีกว่าแดดร้อนแล้วกัน

เอ๊ะ! เสียงใครย่ำกรวดเดินตามผมมาเนี่ย?

เหลียวไปดูด้านหลังก็มีแต่ความมืด ไฟถนนส่องเป็นระยะๆ ซอยว่างเปล่า มองไปข้างหน้าก็เหมือนกัน ปากซอยอยู่ลิบๆ โน่น...เห็นถนนใหญ่ผ่าน มีรถวิ่งไปมา มีแสงไฟสีส้มๆ มันเล็กเหมือนอยู่ปลายอุโมงค์

ผมหวิวๆ แต่ยังไม่กลัวมากหรอกครับ พอเดินต่ออีกหน่อยเสียงฝีเท้าก็ตามมาอีกเหมือนใครคนนั้นอยู่ห่างผมไปแค่ไม่กี่ก้าว แต่พอหันไปมองก็ไม่เจอใครซักคน

สองทีแล้วนะ! เอ๊ะ...มันยังไง? ผมขมวดคิ้ว เริ่มเย็นสันหลังวาบๆ แต่ก็หันกลับมาเดินต่อ...ลูกแมวดำโจนแผล็วจากป่าหญ้าที่ดินร้างข้างทาง มันตัดหน้าไปแวบหนึ่ง...เล่นเอาใจหายวาบ

ทันใดนั้น มีมือใหญ่ๆ ตบลงบนบ่าผม... ตบแรงจนบ่าทรุดน่ะครับ!

ผมหันขวับ ร้องเฮ้ย...แต่เจ้าประคุณ! ไม่มีใครเลยจริงๆ มือที่มองไม่เห็นยังจับบ่าแน่น ผมหมุนตัวกลับ ไม่กล้าวิ่งกลัวสติเตลิด ขนลุกซ่า ตัวชาวาบ อยากร้องไห้เต็มทน! แต่ก็แข็งใจเดิน...เดินและเดิน เวลา ผ่านไปราวกับร้อยปีกว่าจะถึงหน้าซอย

แท็กซี่คันหนึ่งผ่านมา ผมโบกมือเรียกจนได้ขึ้นรถ คนขับแก่มาก...แก่จนไม่น่ามาขับแท็กซี่กลางดึกแบบนี้ แกเปิดวิทยุเพลงไทย! เพลงก็เก่าเหลือเกิน สมัยสงครามโลกเพิ่งสงบได้มั้ง...เอามาจากไหนเนี่ย?

ผมหายใจหายคอไม่ทั่วท้อง แท็กซี่นี่ผีหรือคนกันแน่วุ้ย? ตั้งแต่โดนผีจับบ่าที่กลางซอย ผมหวาด ระแวงไปหมด...โอ๊ย! ไม่ไหวแล้วครับ

ครึ่งชั่วโมงต่อมา ผมกลับถึงบ้านโดยสวัสดิภาพ...

แม่กับยายเห็นหน้าผมขาวผิดปกติก็เลยถาม ผมเล่าให้ฟังว่าเจออะไรมา คุณยายหัวร่อชอบใจ บอกว่าต้องทำบุญให้ผีที่มาหลอกผม เขาน่ะมาช่วยให้ผมรู้จักกลัว จะได้ไม่กล้าไปไหนดึกๆ ดื่นๆ โดยเฉพาะซอยเปลี่ยวอย่างนั้น เมื่อกลัวจะไม่ไปอีกเพราะเข็ดอย่างแรง ผมก็ปลอดภัยไงครับ...เจอผีดีกว่าเจอโจร

ยายบอกว่า...เคยสอนแล้วไงว่ากลางคืนน่ะไม่ใช่เวลาของมนุษย์!

//www.matichon.co.th/khaosod/view_news.php?newsid=TUROamIyd3hPVEkzTVRJMU1BPT0=§ionid=TURNd013PT0=&day=TWpBd055MHhNaTB5Tnc9PQ==



Create Date : 27 ธันวาคม 2550
Last Update : 27 ธันวาคม 2550 19:36:58 น.
Counter : 692 Pageviews.

0 comment
ทัวร์นรก
ทัวร์นรก

ขนหัวลุก

ใบหนาด



"นายหนุ่ม" เล่าประสบการณ์ขนหัวลุกจากรถผีสิง

ผมเคยเล่าเรื่องโดนผีหลอกที่นิคมรถไฟ ก.ม.11 มาสองครั้งสองหนแล้วนะครับ

เห็นลุงม้วนมาซดยาดองที่เพิงหน้าชุมชนภักดีตอนเย็น ทั้งๆ ที่แกนอนแหงแก๋อยู่ที่วัดเสมียนนารีแล้ว แต่ผมไม่รู้มาก่อน กับหนุ่มสาวที่เกี่ยวก้อยเข้าไปนั่งจู๋จี๋กันที่โต๊ะม้าหินใต้ร่มไทรตอนดึก พอผมกับเพื่อนเกลอตามไปดูเพราะเจ้าหงหาว่าผมตาฝาด อ้าว? หนุ่มสาวที่หันมามองน่ะไม่ยักมีหน้าตาหรอกแฮะ

ไม่เข็ดก็ต้องเข็ดครับ งานนี้น่ะ!

ตอนกลางวันโฉบรถไปดูให้แน่ใจอีกครั้งก็ไม่มีอะไร ห้องแถวไม้เก่าๆหลากรูปแบบ เสียแต่บรรยากาศร่มครึ้มน่าวังเวงใจ เพราะอยู่ใต้ร่มไทรดกหนา ด้านหน้าห้องที่เป็นบานเฟี้ยมน่ะมีรากไทรห้อยระย้า ทางขวามือคือโต๊ะม้าหินที่เจอดีเข้าจังๆ นั่นแหละคุณ

ถามเพื่อนซี้ทั้งสองคน แต่เจ้าหงกับเจ้าตี๋ก็บอกว่าไม่เคยได้ยินว่ามีใครมาล้มตายที่นั่นแน่ๆ สงสัยว่าคืนนั้นพวกเราคงจะดวงซวย ถึงได้เห็นเข้าเต็มตาทั้งสามคน

บอกตรงๆ ว่ากลางค่ำกลางคืนผมไม่ค่อยอยากไปแถวนั้นหรอกครับ สาเหตุสำคัญก็คือกลัวโดนผีหลอกน่ะซี

อย่างว่าแหละ คนเราส่วนมากน่ะมีนิสัยลืมง่าย ยิ่งวัยหนุ่มคะนองอย่างพวกเรามักจะรักสนุก ชอบเที่ยวเตร่เฮฮา ยิ่งตอนกลางคืนมีแสงสีสวยๆ งามๆ ล่อตาล่อใจ จะว่าเหมือนแมงเม่าบินเข้ากองไฟก็คงไม่ผิดนัก

วันดีคืนดีก็โดนผีหลอกเข้าอีกจนได้!

คราวนี้ไม่ใช่แถวชุมชนภักดีนะครับ แม้ว่าบรรยากาศตอนค่ำคืนค่อนข้างจะน่าวังเวงใจก็ตาม ยิ่งแถวแผงผัดไทยป้าแดง ข้าวแกงน้องเฟิร์น ที่เปลี่ยนมาขายผลไม้มีศาลถึงสองศาล ด้านในชื่ออะไรไม่รู้ แต่ด้านนอกน่ะเป็นศาลปู่แก้วย่าพิมพา เขาว่าขลังนักเชียว

คืนนั้นตรงกับวันเสาร์ เราสามคนนัดแนะไปเที่ยวผับกันที่หน้า อ.ต.ก.

จุดนัดพบก็ที่หน้าชุมชนภักดีตามเคย ตอนเย็นๆ ค่ำๆ ยังไม่เปลี่ยวนะครับ มีผู้คนคึกคักตามสมควร พอเจ้าหงรับเจ้าตี๋ซ้อนท้ายมาแถวหน้าเพิงยาดอง ผมว่าจะซดพลังเสือโคร่งอุ่นเครื่องซัก 2-3 ก๊ง แต่วันนั้นเขาไม่ขายเฉยเลย! ไม่เป็นไร ร้านย่านใกล้ๆ กันมีเยอะแยะไป เอาไว้ 3-4 ทุ่มค่อยเข้าผับก็ได้

เลี้ยวซ้ายข้ามทางรถไฟไปออกถนนกำแพงเพชร 6 เลี้ยวขวาผ่านอู่รถทัวร์ที่คงวิ่งสายอีสานโดยเฉพาะ เห็นมีแต่ป้ายว่าไปจังหวัดขอนแก่น, อุดร, หนองคาย, เลย, นครพนม ฯลฯ จอดอยู่เป็นสิบๆ คัน ผมเคยแวะไปกินก๋วยเตี๋ยวไก่มะระที่หน้าอู่ ต้องยอมรับว่า อร่อยติดลิ้นเอาการ

คราวนี้ก็บึ่งรวดไปร้านขาประจำ ที่มี "น้องสวย" สาวเสิร์ฟอวบอึ๋มเป็น อาหารตาของเสือหนุ่มและสิงห์เฒ่า ถือว่าเป็นกับแกล้มขนาดวิเศษ...ซดเหล้าอุ่นเครื่องกันที่นั่นไปก่อน คืนนั้นคุณเธอสวมเสื้อรัดรูปคอกว้าง เจ้าตี๋มองเห็นก็ทำท่าเหมือนจะรากเลือดลงแดงซะให้ได้

อ้าว? เจ้าหงดันมีเรื่องผีมาเล่าให้ฟังอีกแล้วซีครับ!

ไม่ใช่เรื่องผีลุงม้วนหรือผีแถวบ้านมัน แต่เป็นผีในรถทัวร์ หรือรถทัวร์ผีสิง

แถวสถานีขนส่งหมอชิต 2 แยกไปถนนกำแพงเพชร 6 นั่นแหละครับ ตอนดึกๆ มีคนเห็นรถทัวร์แล่นผ่านไปช้าๆ เปิดไฟสว่างโร่ ผู้โดยสารนั่งตัวแข็งทื่อหันมามอง...หน้าตามีแต่เลือดแดงเถือก แถมเหวอะหวะน่าสยดสยองสิ้นดี

ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าโดนผีหลอกเข้าเต็มเปา คนที่เห็นน่ะขี่มอเตอร์ไซค์อย่างพวกเรานี่แหละ ร้องจ๊าก...รถเผ่นพรวดตกถนนลงไปกลิ้งแอ้งแม้ง อยู่ในพงหญ้า ไม่แข้งขาหักก็ถือว่าโชคดีเหลือหลายแล้ว

เจ้าตี๋มีอุปนิสัยกลัวผีสุดๆ สังกัดบริษัทตาแหกเหมือนผม ละสายตาจากหน้าอกหน้าใจมหึมาของน้องสวย หันมาคำรามว่ามึงจะเล่าเรื่องผีไปสามง่ามอะไรวะ?

เจ้าหงก็ยักคิ้วตอบหน้าตาเฉยว่า...กูเล่าเพื่อเบรกอารมณ์มึงไงล่ะ? เห็นจ้องส้มโอน้องสวยจนนัยน์ตาแทบจะถลนออกมานอกเบ้าแน่ะ! เจ้าตี๋ยิ้มแหยๆ ก่อนจะหันไปมองบั้นท้ายงอนงามของน้องสวยที่กำลังเดินยักคิ้วไปที่เคาน์เตอร์ คว้าแก้วมาซดเหล้าฮวบใหญ่

ราว 4 ทุ่มเราก็ย้อนไปทางหน้าอ.ต.ก.ฝั่งตรงข้ามมีผับดังๆ ที่ตำรวจเคยเข้าไประงับการวิวาทของนักเที่ยว ส่วนมากเป็นวัยรุ่นหลายสิบคน...แต่พวกเราไปหาความสุขกันครับ ไม่ได้ไปหาเรื่อง สนุกกันแต่ในโต๊ะเรา ไม่ยุ่งเกี่ยวกับโต๊ะอื่น ก็เลยไม่เคยเกิดปัญหาอะไรซักที...

ปัญหามาเกิดตอนขากลับน่ะซีคุณ!

เราชวนกันกลับตอนตีหนึ่งเศษ ยอมรับว่าค่อนข้างมึนกันตามสมควร ร้องเตือนกันว่าขับรถช้านิด ระวังเอาไว้หน่อย ถึงทางกลับไม่มีด่านก็เถอะ อย่าประมาทเป็นดีที่สุด

ลมเย็นๆ ที่พัดวูบเข้าปะทะทำให้หูตาสว่างขึ้น...จนใกล้จะถึงทางลัดข้ามทางรถไฟเข้าชุมชนภักดี ผมก็เหลือบไปทางอู่รถทัวร์ขวามือเหมือนมีอะไรดลใจ

แสงไฟสะดุดตาชอบกล...ร้านก๋วยเตี๋ยวไก่ปิดเงียบ แต่มีรถทัวร์คันหนึ่งจอดอยู่ริมถนนเปิดไฟสว่างทั้งคัน เห็นผู้โดยสารนั่งอยู่เต็ม...ที่นี่ไม่ใช่สถานีขนส่งนี่นา แถมไม่ใช่ทางผ่านอีกต่างหาก... ผมเรียกเจ้าหงที่ตีคู่กันมาทางด้านใน ก่อนจะชะลอรถโดยไม่รู้ตัว

นรกเป็นพยาน! ผู้โดยสารริมหน้าต่างหันหน้ามาทางเราเป็นจุดเดียวกัน...ดูแน่นิ่งเยือกเย็น เลือดเปรอะ นัยน์ตาเบิกถลน...ผมแว่วเสียงเพื่อนทั้งสองด่าทอเต็มสองหูอื้ออึง ตามด้วยเสียงเร่งเครื่องดังสนั่น เคล้ากับเสียงหัวเราะแหบโหยเขย่าขวัญสิ้นดี

เจ้าหงเลี้ยวพรวด ส่วนผมห้อตะบึงไปข้างหน้า....ไม่มีใครห่วงใครนอกจากตัวเอง! ผม กลับไปนอนจับไข้อยู่ 3 วัน เพื่อนเกลอทั้งคู่ก็อาการปางตายพอๆ กัน...จะเป็นเพราะพิษเหล้าหรือดวงซวยจนโดนผีหลอกจริงๆ ก็ไม่รู้ซีครับ?

//www.matichon.co.th/khaosod/view_news.php?newsid=TUROamIyd3hPVEkyTVRJMU1BPT0=§ionid=TURNd013PT0=&day=TWpBd055MHhNaTB5Tmc9PQ==



Create Date : 26 ธันวาคม 2550
Last Update : 26 ธันวาคม 2550 19:44:57 น.
Counter : 731 Pageviews.

0 comment
เงาในกระจก
เงาในกระจก

ขนหัวลุก

ใบหนาด



"หนูหลิน" เล่าประสบการณ์ขนหัวลุกจากกระจกอาถรรพณ์

คนสมัยก่อนเชื่อโชคถือลางกันสารพัด โดยเฉพาะพวกผู้หญิงดูเหมือนจะถูกความเชื่อถือเหล่านี้ เป็นกฎเกณฑ์ให้ต้องระมัดระวังตัวมากกว่าผู้ชาย เช่น ห้ามร้องเพลงในครัว ใครไม่เชื่อก็จะได้ผัวแก่! ผู้ใหญ่ท่านคงรำคาญหรือหนวกหู ก็เลยเอาความเชื่อเก่าๆ มาขู่ให้พวกสาวๆ กลัวนะคะ ดูเหมือนจะได้ผลเสียด้วยซี

นอกจากนั้นมีห้ามหวีผมตอนกลางคืน กลัวว่าจะแอบหนีเที่ยว! มีเสียงอะไรดังนอกบ้านห้ามทัก ห้ามตอบ...คงเกรงว่าจะมีผู้ชายมาส่งเสียงเป็นสัญญาณนัดแนะ แต่อ้างว่าเดี๋ยวจะโดนของ โดนคุณไสยที่คนมีวิชาอาคมเขาปล่อยออกมา

ยิ่งกระจกเงาด้วยแล้วยิ่งถือกันมากค่ะ!

เชื่อว่า กระจกเงาของใครก็ตาม เมื่อส่องดูนานๆ ย่อมจะดูดซับเอาจิตวิญญาณของผู้นั้นไว้ข้างใน ใครทำกระจกแตกถือว่าโชคร้าย ชีวิตอาจจะแตกดับ หรือไม่ก็อายุสั้นเพราะดวงชะตาพลอยขาดไปตามกระจก ต้องปล่อยนกปล่อยปลาเพื่อสะเดาะเคราะห์กันให้ถูกต้อง

เข้าใจว่าหมายถึงกระจกเล็กๆ ที่พกติดกระเป๋าของผู้หญิงมากกว่ากระจกเงาบานใหญ่ๆ ในบ้าน เพราะอย่างหลังนี้ไม่ว่าใครๆ ก็ใช้ร่วมกัน ไม่ว่าพ่อแม่ พี่น้อง หรือสามีและภรรยา รวมทั้งญาติมิตรที่สนิทสนมกัน

ดิฉันเพิ่งเข้าใจว่า อาถรรพณ์ของกระจกเก็บวิญญาณนั้น ไม่ได้หมายถึงกระจกบานเล็กๆ เสมอไป!

สาเหตุมาจากเพื่อนๆ กลุ่มเดียวกัน 3 คน คืออ้อย แหม่มและดิฉันตกลงใจซื้อทัวร์ไปเที่ยวอ่างทองและอยุธยา เป้าหมายก็คือไหว้พระเก้าวัดที่อำเภอวิเศษชัยชาญ จำได้เลาๆ ว่ามีวัดน้อย วัดข่อย วัดอ้อย วัดม่วง ฯลฯ ค้างแค่คืนเดียว....ปัญหาอยู่ที่จุดนัดพบแถวหน้าสถานีรถไฟฟ้าช่องนนทรี ย่านสาทร แถมในเวลา 06.30 น. อีกต่างหาก

บ้านดิฉันอยู่ถนนติวานนท์ พอๆ กับอ้อยที่อยู่สะพานใหม่...เราเลยแก้ปัญหาด้วยการไปค้างบ้านแหม่มแถวยานนาวา สิ้นเรื่องสิ้นราวไปค่ะ

พ่อแม่แหม่มใจดีมาก น้องๆ ของเธอก็น่ารัก เราเก็บกระเป๋าเสื้อผ้าไว้ในห้องนอนเพื่อนใกล้ๆ ห้องรับแขก แล้วมากินข้าว ดูทีวี คุยกันสนุกสนาน...ไม่มีวี่แววว่าจะเจอะเจอเรื่องขนหัวลุกแม้แต่น้อยนิด!

พ่อรับปากจะขับรถไปส่งตอนเช้ามืดวันเสาร์ กำชับลูกสาวที่มีโปรแกรมไหว้หลวงพ่อมงคลบพิตรเป็นจุดสุดท้าย...อย่าลืมซื้อหนังปลาทอดมาให้พ่อแกล้มเบียร์แล้วกัน

ราวสี่ทุ่มเศษเราก็ชวนกันเข้าห้องนอน...

เปลี่ยนเสื้อผ้าเพื่ออาบน้ำ อวดชุดเก่งกันพลางหัวเราะคิกคัก ดิฉันกับอ้อยแย่หน่อย ที่ต้องเพิ่มเสื้อผ้าอีกหนึ่งชุด...แหม่มขอตัวไปอาบน้ำอาบท่า ไม่ช้าก็เดินเช็ดผมออกมาเพราะเธอติดนิสัยต้องสระผมก่อนนอนทุกวัน ตามด้วยอ้อยที่เข้าห้องน้ำเป็นคนถัดมา

ดิฉันสวมหมวกอาบน้ำ คว้าผ้าเช็ดตัวและชุดนอนเตรียมจะเข้าไปอาบน้ำเป็นคนสุดท้าย...พอดีเสียงอ้อยร้อยกรี๊ดดังขึ้น!

เราหันขวับไปเห็นร่างเล็กๆ ของอ้อยเปิดประตูพรวดพราดออกมา หน้าตาซีดเผือด มือกุมปมผ้าเช็ดตัวหลวมๆ ปากคอสั่น...แหม่มย่นคิ้วถามว่าเป็นอะไรไป? กลัวจิ้งจกเหรอ...แต่อ้อยร้องว่า "ฉันโดนผีหลอก!"

"ฮ้า!" แหม่มร้องลั่น ดิฉันเองก็อ้าปากค้าง หันไปมองประตูห้องน้ำที่เปิดโล่ง ไฟสว่างโพลงอย่างไม่แน่ใจ อ้อยกลืนน้ำลายก่อนจะเล่าเรื่องให้ฟัง

ขณะที่เธอยืนอาบน้ำอยู่ใต้ฝักบัวพร่างพรู รู้สึกว่าอากาศเยือกเย็นชอบกบ แต่ก็ไม่ได้คิดอะไรมาก จนกระทั่งอาบน้ำเสร็จมายืนเช็ดตัวอยู่หน้ากระจก

"ฉันเห็นใครก็ไม่รู้มายืนอยู่ข้างหลัง หน้าขาว ผมยาว...ตอนแรกนึกว่าแหม่มโผล่เข้ามาทำผีหลอก แต่หันไปมองก็ไม่เห็นอะไร...ประตูก็ยังล็อกอยู่ตามเดิม! ฉันเลยสติแตก ปล่อยกรี๊ดๆ เลยน่ะซี!"

แหม่มถอนใจเฮือก ส่ายหน้าพลางยิ้มละไม ยืนยันว่าอ้อยตาฝาดไปเองแน่ๆ เลย...สงสัยจะคิดถึงเมืองโบราณที่เราจะไปเที่ยวพรุ่งนี้มากเกินไป

"แล้วเธอล่ะ หลิน?" แหม่มหันมาเลิกคิ้วกับดิฉัน "กลัวหรือเปล่า? ให้ฉันเข้าไปยืนเป็นเพื่อนมั้ย?"

"บ้าน่ะซี!" ดิฉันอดหัวเราะไม่ได้ ก่อนจะก้าวเข้าห้องน้ำ ปิดประตูเรียบร้อย...ก้าวเข้าไปยืนใต้ฝักบัว ไขน้ำอุ่นๆ สาดกระจายลงมาชุ่มฉ่ำ อากาศค่อนข้างเย็นยะเยือกชอบกล

นึกถึงเรื่องที่อ้อยเล่า อดห่อไหล่ไม่ได้.....ถ้ามีอะไรแปลกๆ ในห้องนั้นล่ะ?

จนกระทั่งอาบน้ำเสร็จก็ไม่มีอะไรเกิดขึ้น....

ดิฉันมายืนเช็ดเนื้อเช็ดตัวที่อ่างล้างหน้า สวมชุดนอนสองชิ้น จัดการแปรงฟันและล้างมือก่อนจะเข้านอนตามความเคยชิน...เงยหน้ามองเงาในกระจกอีกครั้ง ไม่เห็นใครยืนอยู่ข้างหลังเหมือนที่อ้อยเห็นหรอกค่ะ...แต่ดิฉันเห็นตัวเองกำลังก้มลงล้างหน้าล้างตาเด่นชัดอยู่ในแสงไฟ

คุณพระคุณเจ้าทรงโปรดด้วยเถิด! ดิฉันยืนตัวตรง อ้าปากค้าง แต่ผู้หญิงผมยาวคนนั้นกำลังก้มหน้าก้มตาล้างหน้า...เห็นชัดเจนในกระจกเงา!

ไม่ทราบว่าเปิดประตูออกมาได้ยังไง...เพื่อนทั้งสองหันมาเห็นหน้าก็ปราดเข้ามาหา ได้ยินเสียงอ้อยถามแว่วๆ ว่า เจอเข้าเหมือนกันเรอะตัวเอง? ดิฉันได้แต่พยักหน้า แข้งขาอ่อนจนต้องนั่งแปะลงบนเตียง ปากลิ้นแข็งชาจนแทบพูดอะไรไม่ออก

แหม่มเพิ่งเล่าว่า น้าสาวที่นอนอยู่ห้องเดียวกันหัวใจวายตายในห้องน้ำตั้ง 4-5 ปีมาแล้ว เธอเองไม่เคยเห็นอะไรน่ากลัวซักครั้งเดียว...

คืนนั้นเรานอนเบียดกันบนเตียงทั้งสามคน ดิฉันเชื่อว่าน้าของแหม่มคงยืนส่องกระจกจนหัวใจวายตายแน่ๆ เลยค่ะ!

//www.matichon.co.th/khaosod/view_news.php?newsid=TUROamIyd3hPVEkxTVRJMU1BPT0=§ionid=TURNd013PT0=&day=TWpBd055MHhNaTB5TlE9PQ==



Create Date : 25 ธันวาคม 2550
Last Update : 25 ธันวาคม 2550 19:54:27 น.
Counter : 795 Pageviews.

0 comment
1  2  3  4  5  6  7  8  9  10  11  12  13  14  15  16  17  18  19  20  21  22  23  24  25  26  

iamZEON
Location :
  

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 111 คน [?]



ยินดีต้อนรับทุกท่านนะครับ ^^/

ข่าวสารการ์ตูนญี่ปุ่น
กับเกี่ยวข้องอย่างภาพยนตร์-เพลง
รายชื่อการ์ตูนออกใหม่-งานหนังสือ
เรื่องทั่วๆไปทั้งในและนอกประเทศก็มีบ้าง
New Comments
Group Blog
All Blog
MY VIP Friend