แก้ปัญหาที่ต้นเหตุหรือปลายเหตุ
แก้ปัญหาที่ต้นเหตุหรือปลายเหตุ
ปกติผมก็เป็นคนนึงที่เชื่อว่า เราควรแก้ปัญหาที่ต้นเหตุ ไม่ใช่ปลายเหตุ
แต่พออ่านเรื่องนี้แล้ว ก็อดคิดไม่ได้ว่า การแก้ปัญหาเฉพาะหน้ามันก็มีความสำคัญไม่แพ้กัน
“When NASA began the launch of astronauts into space, they found out that the pens wouldn't work at zero gravity. In order to solve this problem, they hired Andersen Consulting (Accenture today). It took them one decade and 12 million dollars. They developed a pen that worked at zero gravity, upsidedown, under water, in practically any surface including crystal and in a temperature range from below freezing to over 300 degrees C.
The Russians used a pencil...”
“เมื่อครั้งที่นาซ่าเริ่มส่งนักบินอวกาศไปนอกโลก พวกเขาพบว่าปากกาธรรมดาไม่สามารถที่จะใช้เขียนในสภาพไร้น้ำหนักได้ เพื่อที่จะแก้ปัญหานี้ นาซ่าตัดสินใจว่าจ้างบริษัทที่ปรึกษา ใช้เวลาถึง 10 ปีกับเงินอีก 12 ล้านดอลล่าร์เพื่อพัฒนาปากกาที่สามารถใช้เขียนในสภาพไร้น้ำหนัก กลับหัว ใต้น้ำ เขียนได้บนทุกพื้นผิว แม้กระทั่งบนแก้วคริสตัล และสามารถใช้ได้ที่อุณหภูมิตั้งแต่จุดเยือกแข็งไปจนถึง 300 องศาเซลเซียส
ในขณะที่นักบินอวกาศรัสเซีย...ใช้ดินสอแทน”
น่าจะมีคนเคยอ่านบ้างแล้วนะครับ อ่านแล้วก็รู้สึกสะใจเล็ก ๆ ชาติมหาอำนาจนี่เค้าทำอะไรเล็ก ๆ ไม่เป็นจริง ๆ
มีอีกอันนึงครับ
“Better to light one small candle than to curse the darkness.”
“เป็นการดีกว่าที่จะจุดเทียนเล็ก ๆ สักเล่ม แทนที่จะหาต้นเหตุของความมืด”
บางครั้งถ้าเรามัวแต่หาว่าใครทำผิด อาจจะแก้ปัญหาที่เกิดขึ้นได้ช้าเกินไปนะครับ
จากคุณ : evillive
ผู้ติดตามบล็อก : 111 คน [
