What Students Can Learn From Steve Jobs


Lesson 1: "Education is that which remains when one has forgotten everything learned in schools." -Albert Einstein

ถึงแม้ว่า Steve Jobs จะไม่ได้เป็นเด็กนักเรียนที่ดีนัก
โดยในขณะที่เขายังเป็นนักศึกษา เขาลาออกจากมหาวิทยาลัยเทื่อเรียนไปได้เพียง 6 เดือน
เขาไม่ได้ทำอะไรเป็นชิ้นเป็นอัน นอกจากเข้าเรียนในวิชาที่เขาสนใจ
และอาศัยนอนบนพื้นหอพักของเพื่อน
Steve ดำเนินชีวิตแบบนั้นเป็นเวลาปีครึ่ง

Steve Jobs กล่าวว่า สิ่งที่เขาทำในช่วงชีวิตนักศึกษาเป็นสิ่งที่ิผิดพลาด
การที่เขามุ่งสนใจเฉพาะในสิ่งที่เขาสนใจมัันกลายเป็นเรื่องที่น่าตลก
เพราะว่าเราไม่สามารถปะติดปะต่อจุดเพื่อมองไปข้างหน้า
คุณสามารถทำได้แค่เพียงปะติดปะต่อจุดมองไปข้างหลัง (นั่นก็คือประสบการณ์นั่นเอง)
และคุณต้องเชื่อมั่นว่าจุดแต่ละจุดจะเชื่อมโยงคุณไปยังอนาคต
(เหมือนกับว่าถ้าทำวันนี้ให้ดีอนาคตเราก็จะดี)

“much of what I stumbled into by following my curiosity and intuition turned out to be priceless later on.…you can't connect the dots looking forward; you can only connect them looking backwards. So you have to trust that the dots will somehow connect in your future.”

จากตอนนี้ทำให้เราได้เรียนรู้จาก Steve Jobs ว่า
เราควรฟังเสียงหัวใจของเรา ว่าเราอยากเรียนรู้อะไร
อะไรเป็นแรงบันดาลใจให้กับเราเพื่อที่จะศึกษาหาความรู้ในสิ่งที่เราสนใจ
Steve ลาออกจากการเป็นนักศึกษา แต่เขาไม่ได้หยุดที่จะเรียนรู้
(เพราะเขายังคงเข้าเรียนในวิชาที่เขาสนใจ)
ไม่ใช่ทุกคนจะต้องเก่งไปทุกอย่าง แต่เราควรจะทำให้ดีที่สุดในทุกอย่างที่ทำ
และเรียนรู้ที่จะทำมันอย่างมีความสุขด้วย

"แพรรู้สึกว่า การที่เราจะหาว่าเราชอบหรือสนใจอะไร
เราต้องพยายามสังเกตตัวเราเอง
และตั้งคำถามอยู่บ่อยๆ ว่าเรามีความสุขกับการทำอะไร
และทำไมถึงทำให้เรามีความสุขกับสิ่งนั้น
นอกจากนี้ในสิ่งที่เราไม่ชอบ เราก็ควรตั้งคำถามกับมันด้วยว่าทำไมเราถึงไม่ชอบ
การที่เราลองทำในสิ่งที่หลากหลายและตั้งใจจะเรียนรู้ในทุกๆ สิ่ง ทุกๆ อย่าง
มันจะทำให้เราค้นพบตัวเองได้ เราจะไม่มีวันรู้ว่าเราชอบมันหรือเปล่าถ้าเราไม่ได้ลองทำมัน
ถ้าลองทำแล้วเราไม่ชอบ เราก็เพียงแค่เรียนรู้ไว้
แต่สำหรับในสิ่งที่เราชอบ เราควรมั่นฝึกฝนทักษะเพื่อทำให้มันดีขึ้นเรื่อยๆ"

Lesson 2: "Don't settle."- Steve Jobs

บ่อยครั้งที่เราหยุดอยู่กับสิ่งที่เราคิดว่ามันดีพอแล้ว
หรือบางครั้งอาจจะยังไม่ดีพอด้วยซ้ำไป
พวกเราไม่มีเวลา เหนื่อย หมดแรง ไม่มีเงิน แล้วเราก็หยุดอยู่แค่สิ่งตรงหน้า
กับงานที่น่าเบื่อ กับคนรักที่ไม่ได้ทำให้เรามีความสุข และทุกครั้งที่เราหยุด
เราก็ได้ลดค่าของตัวเอง ลดค่าคุณภาพชีวิตของเรา
ไม่ว่าคุณจะเป็นช่างทาสี เป็นจิตรกร เป็นนักเขียน ถ้าคุณไม่ได้ทำมันอย่างดีที่สุดแล้ว
เท่ากับว่าคุณได้ลดศักยภาพของตัวคุณเอง และจากสิ่งที่คุณทำก็มีผลกระทบกับผู้อื่นด้วย

Jobs ไม่เคยกลัวความผิดพลาด
ในทุกสิ่งที่เขาเคยทำผิดพลาดมักมีแผนรองรับไว้เสมอ
ซึ่งเขาใช้ความพยายามเพื่อเรียนรู้จากความผิดพลาดที่เกิดขึ้น

Jobs ได้กล่าวสุนทราพจน์กับนักศึกษา Standford ว่า
"เขาเชื่อว่าสิ่งที่ทำให้เขาทำงานต่อไปได้เพราะเขารักในสิ่งที่เขาทำ
คุณต้องหาว่าคุณชอบอะไร งานของคุณจะเข้ามาเป็นส่วนสำคัญและดึงเวลาไปจากชีวิตของคุณ
และทางเดียวที่จะทำให้คุณมีความสุขก็คือ การทำงานที่คุณเชื่อว่ามันเป็นงานที่ยิ่งใหญ่
และที่จะทำให้คุณเชื่อว่างานเป็นสิ่งที่ยิ่งใหญ่ ก็คือ รักในสิ่งที่คุณทำ
ถ้าคุณยังหามันไม่เจอ จงตั้งหน้าตั้งตามองหามัน"

“I'm convinced that the only thing that kept me going was that I loved what I did. You've got to find what you love. And that is as true for your work as it is for your lovers. Your work is going to fill a large part of your life, and the only way to be truly satisfied is to do what you believe is great work. And the only way to do great work is to love what you do. If you haven't found it yet, keep looking.”

แพรก็เป็นคนหนึ่งที่คอยฝึกฝนทักษะในสิ่งที่ตัวเองชอบให้ดีขึ้นเรื่อยๆ
แพรพอจะรู้บ้างแล้วว่าแพรชอบอะไร แต่ก็มีอีกหลายอย่างที่แพรสนใจ
และพยายามที่จะหาโอกาสได้ใกล้ชิดมันมากขึ้น แล้วทำสิ่งนั้นให้ดีเช่นกัน
นอกจากนี้แพรยังได้เรียนรู้ว่ามนุษย์เรานั้นมีศักยภาพมากมายเพียงไร
แค่เพียงเราเชื่อในความสามารถของตัวเองและตั้งใจที่จะทำมัน
แต่อย่างไรก็ตาม ถ้าเราเจอในสิ่งที่เรารักและเราก็ทำมันนั่นเป็นสิ่งที่วิเศษที่สุดแล้ว

Lesson 3: Design Matters, and Great Design Matters Most

ไม่ว่าจะเป็นที่ Apple, NeXT หรือ Pixar,
Steve เป็นผู้สื่อสารที่ดีและเป็นนักปรับปรุงที่ดีด้วย
เขาให้ความสนใจกับการสื่อสารที่ชัดเจน
ที่ไม่ใช่แค่การคิดค้นโทรศัพท์ คอมพิวเตอร์ที่สามารถมองเห็นหน้าได้
แต่เขาสร้างเครื่องมือสำหรับสื่อสารให้กับผู้คน
และนั่นกลายเป็นวิถีชีวิตของพวกเราในปัจจุบันนี่คือสาเหตุที่สินค้าของเขามีคุณค่า
และทำให้ Apple มีกำไรมหาศาล

ก่อนหน้าที่จะมี Apple ก็มีคอมพิวเตอร์อื่นๆ
มี MP3 ก่อนมี iPod มีโทรศัพท์มือถือก่อนที่จะมี iPhone
มี Tablet ก่อนที่จะมี iPad
ในแต่ละสิ่ง Jobs และเพื่อนร่วมงานของเขาใช้เวลาที่จะเข้าใจว่าแต่ละอย่างมี function
การทำงานอย่างไร และเหมาะสมกับการใช้งานในชีวิตประจำวันมากแค่ไหน
เขาพยายามศึกษาเพื่อออกแบบให้ผู้ใช้สามารถทำงานได้ง่ายที่สุด
เช่น เมื่อเห็นคอมพิวเตอร์มี cursor keys เขาก็สร้าง mouse ขึ้นมา
เมื่อเขาเห็นคอมพิวเตอร์มี text เขาก็สร้่าง icon ขึ้นมา
เมื่อเขาเห็นเพลงถูกละเมิดลิขสิทธิ์ เขาก็สร้่าง itunes ขึ้นมา

เขาและทีมงานศึกษาสิ่งที่สร้างขึ้นมาก่อนหน้า
เพื่อหาทางพัฒนาและปรับปรุงให้มันง่ายต่อผู้ใช้งาน

Jobs เป็นคนที่ชัดเจน
เขาเรียกร้องให้เราทำการอธิบายในสิ่งที่เรากำลังทำอยู่ภายในเวลา 30 วินาที
ซึ่งมันค่อนข้างที่จะทำยาก แต่ถ้าคุณทำสำเร็จ
คุณก็จะพบว่าการสื่อสารของคุณจะมีประสิทธิภาพขึ้น และผู้ฟังก็จะเข้าใจง่ายขึ้นด้วย

Steve ได้แสดงให้เห็นว่า ทุกอย่างมีทางเลือกอื่นๆ ที่รอเราอยู่เสมอ
ถ้าเราปราถนาที่จะเรียนรู้ โดยเฉพาะการเรียนรู้นอกห้องเรียน
ถ้าเราเรียกร้องสิ่งที่ดีที่สุดสำหรับตัวเราเอง และสำหรับผู่อื่น
ถ้าเราเชื่อว่าชีวิตเราเป็นเรื่องที่เรากำหนดเอง
ซึ่งเราได้เรียนรู้แล้วจากผู้ชายที่ไม่เคยสอนเราเหมือนครูที่สอนเราในห้องเรียน
แต่เขาสอนเราจากสิ่งที่เขาได้แสดงให้เราเห็นแล้ว

บุคคลที่ประสบความสำเร็จ ทุกคนล้วนแล้วแต่เคยทำผิดพลาดมาก่อน
แต่พวกเขาเรียนรู้จากข้อผิดพลาดเหล่านั้น และทำมันให้ดีขึ้น
เขาเชื่อว่าทุกอย่างเป็นไปได้

แพรเองก็เหมือนกันค่ะ การลงมือทำจริงๆ ทำให้เราได้เรียนรู้อะไรมากมาย
และแพรสัญญาว่าแพรเองจะเป็นตัวอย่างที่ดีให้กับคนอื่นเช่นกัน





Reference : //www.fpri.org/footnotes/1608.201109.husick.steve_jobs.html




Create Date : 27 ตุลาคม 2554
Last Update : 27 ตุลาคม 2554 19:27:14 น.
Counter : 319 Pageviews.

0 comments
ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
 *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 

ungkana_k
Location :
  

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 2 คน [?]