ชีวิตนี้ถ้าเลือกได้.................กรูไปโลด ก้อมันเลือกไม่ได้ ก้อเลยไปเรื่อย ๆ
 

มีคนค้นพบ ..(หาตั้งนาน) ขอเสียของ ทักษิณและรัฐบาล ดังนี้

มีคนค้นพบ ..(หาตั้งนาน) ขอเสียของ ทักษิณและรัฐบาล ดังนี้

1. ตั้งบังเป็น ผบ.ทบ...(เลี้ยงแขก...) (แขก(ไม่)..ไป...ไทย(มา)พัง..ทั้งชาติ)

2. ไม่มองเปรมิกา คิดว่า เปรม คือองคมนตรี แต่ไม่คิดว่า เปรม คือผู้บริหารประเทศอีกคน

3. ช่วยประชาชนรากหญ้าให้กินดีอยู่ดี ซึ่งไปทำลาย.แนวทางของพวกการเมืองเก่า..ที่ว่า ถ้าไม่มีคนจน แล้วจะไปหาเสียงกับใครได้อีก...

4. เป็นแกนนำในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ต่างชาติ นานาพันธุ์ ยกย่อง เกรงขาม..ทำให้มีคนไม่ชอบ..บทบาทนี้ ที่ชอบ คือนี้แหละแบบ ชวน และ สุรยุทธ์นี้แหละ เป็นตัวประกอบ ในเวทีนานาชาติ ดีแล้ว......

5. รวยเกินไปจนบางคนอิจฉา...ค้นจากประวัติ นายกต้อง กระจอก งอกหง่อย เป็นต้น ว่าเคยเป็นลูกศิษย์ วัดมาก่อนจะดีมาก...เพราะจะทำให้หลอกว่ามีคุณธรรมได้ดี.....ต้องมีภาพที่จน ถึงจะบ่งมาซื้อสัตย์ ไม่ขดโกง. (แต่พวกข้างใกล้ชิด ก็มารวยเอาๆๆ ก็ต้องมาเป็นนักการเมืองอาชีพ นี้แหละ)

หรือ มีภาพว่า ไม่เคยทำอะไรประสบความสำเร็จอะไรมาเลย ยิ่งดี จะได้ไม่มีประวัติ ยิ่งดีใหญ่ ไม่เคยบริหารองค์กรใดๆสำเร็จมาเลย เหมาะมากๆ หนีทหารก็ใช้ได้ สังคมยังต้องการ

6. มีความสามารถในการบริหารประเทศใช้หนือ IMF ในสองปี...ทำให้ประเทศมีเครติดดี แต่ ..มีคนไม่ชอบ..เพราะทำให้ ประเทศไม่ได้ รับความสงสาร ...ขอเงินบริจาคประเทศจนๆไม่ได้อีก...เช่นงบมินาซาวา เงินให้ฟรี สมัยชวน เพื่อมาช่วยเหลือประชาชน...แต่จากวันนั้น จนวันนี้ ไม่มีใครรู้ว่า งบนี้ ไปอยู่หัวคะแนนพรรคเก่าแก่ สมัยนั้น ไร้ร่องรอย

7.สร้างตลาดใหม่ สร้างรายได้ ให้ประเทศ ประชาชนแข็งแกรง มากไป..ทำให้ประชาชนพัฒนาตัวเองมากไป มีความ มั่งคงในชีวิต รู้ทันสังคมที่จะมาเอาเปรียบมากขึ้น รู้สิทธิความเป็นคนในสังคมมากขึ้น.ถูกมองว่าเป็นการ.อาจแข็งข้อ..ต่อคนชั้น สูงได้(มีพลัง มีกำลัง มีสติปัญญามากไป ไม่ดี)

8.ลูกๆคนจนทั่วประเทศ ถูกติดจรวดทางปัญญา มีโอกาสได้ศึกษาจบ สูง ทำให้ แต่ละครอบครัว มีการศึกษามาก ฉลาด หลักแหลม คิดทันพวก พวกข้าราชการหรือคนมาเอาเปรียบ........โดยเฉพาะ พวกนักการเมือง เก่าๆ ทำให้ พวกนั้น กลัว.....ไม่มีใครเลือกอีกต่อไป....[/size


...........................


นี้คือ ข้อเสีย ของ ผู้นำใน ระบอบทักษิณ

แต่จากนี้ ดีใจ ที่ทุกอย่างจะหมดไปแล้ว........1 ปีหลังจากหมดยุค ทักษิณ

ทุกอย่างได้ รีบปรับไปสู่ระบอบเดิม คือระบอบอำมาตย ข้าราชการกับมาเป็นใหญ่ มาคอลโทล ประชาชนให้อยู่ในอำนาจต่อ

พวก นี้ จะใช้ กฏหมาย กฏกติกา มาควบคุม โดย พวกมัน คิดและร่างฯ กฏหมายเอง เพื่อมาปราบสังคม เชื่อ และเดินตามที่ขีดช้าๆ จนๆ เดือด และ สิ้นหวัง




 

Create Date : 06 กุมภาพันธ์ 2551    
Last Update : 6 กุมภาพันธ์ 2551 19:36:36 น.
Counter : 521 Pageviews.  

......สุริยะใส ถามจริง ๆ เหอะ เมิงคิดว่าเมิงเป็นใครหรือ......

บทความ โดย สายลมรัก
......สุริยะใส ถามจริง ๆ เหอะ เมิงคิดว่าเมิงเป็นใครหรือ......
อังคาร ที่ 30 เดือน ตุลาคม พ.ศ.2550


บทความโดย...สายลมรัก

......สุริยะใส ถามจริง ๆ เหอะ เมิงคิดว่าเมิงเป็นใครหรือ......



สุริยะใส ......ชายหนุ่มที่ราบสูงจากจังหวัดศรีสะเกษ ผู้อุปโหลกตัวเองว่าเขาเป็น นัก เคลื่อนไหวทางการเมืองเพื่อประชาธิปไตย อันโด่งดังในฐานะเลขาธิการ กลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย เมื่อครั้งก่อการป่วนบ้านป่วนเมืองในปีที่แล้ว มืออาชีพอย่างเขา (หรือจะว่ารับจ้างประท้วงมืออาชีพก็ว่าได้) คง เคลิบเคลิ้มในผลงานของตนเองว่าเขาคงเป็นผู้นำทางจิตวิญญาณของประชาชนทั้ง ประเทศ ที่เขาพยายามแสดงว่าทำเพื่อสังคมไทย ทำเพื่อประเทศชาติด้วยเจตนาบริสุทธิโดยไม่หวังสิ่งตอบแทนใด ๆ เลย ประหนึ่งบริษัทเครื่องใช้ไฟฟ้าญี่ปุ่นที่เข้ามาตั้งรกรากทำมาหากินในไทย โฆษณากรอกหูคนไทยอยู่บ่อย ๆ ว่า “ โตชิบา นำสิ่งที่ดีสู่ชีวิต ”



สุริยะใส ชายหนุ่มผู้ดูเหมือนจะมุ่งมั่นในระบอบประชาธิปไตย ในอดีตเขาเป็นใครมาจาก ไหน ไม่มีใครรู้จัก รู้แต่ว่าเขากำลังหอบตำราประชาธิปไตยแนวไหนก็ไม่รู้ เข้ามาสอนคนไทยทั้งประเทศว่า ประชาธิปไตยที่แท้จริงต้องเป็นแบบนี้ (เข้าใจไหมพี่น้อง) ต้องเป็นอย่างที่กลุ่มพันธมิตรบอกทั้งที่ตัวใสเองก็ดันเสือก นอนหลับทับสิทธิไม่ไปเลือกตั้งตามระบอบประชาธิปไตย ตามที่เขาอ้างหน้าตาเฉย



หาก ใครถามเรื่องนี้ สุริยะใส จะเกิดอาการหูหนวก (ต่อมรับเสียงเสีย) กระทันหันขึ้นมาทันที...ห้ามถามนะพี่น้องถ้ารักใส ห้ามถามเรื่องนี้กับใส ใสไม่พูด ใสเข้ามาสู่ ๑ ใน ๕ แกนนำกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยด้วยฝีมือล้วน ๆ แม้นบางครั้งเวลาใสให้สัมภาษณ์ มันจะดู Over Action ไปบ้าง แต่ช่วยไม่ได้ก็มันก็เป็นเอกลักษณ์ของเอกบุรุษอย่างใส



ยังจำได้ไหม เมื่อครั้งใสนำวิชาต้อนฝูงโคกระบือ (ที่เรียนมาจากเขมร) ไปสร้างความเดือดร้อนที่สยามพารากอน ใส ให้สัมภาษณ์สื่อถึงเรื่องแบบนี้อย่างไม่ยี่หระว่าหากแม้นจะต้องมีตายบ้าง เจ็บบ้างก็เป็นเรื่องที่ช่วยไม่ได้เพราะใสและเพื่อน ๆ ในกลุ่มแกนนำของใส มุ่งมั่นว่างานนี้ต้องมีได้เสีย ต้องปะทะแน่ ๆ

เนื่องจากใส ชำนาญการในการต้อนกระบือเข้าคอก และมีประสบการณ์สมัยเด็ก ๆ ที่เลี้ยงกระบืออยู่แถวบ้านจนชินแล้ว จะสั่งซ้ายหันขวาหัน จะสั่งเดินสั่งหยุด ใสและพรรคพวกคุมได้สบายมาก อำนาจต่อรองของใสและพรรคพวกในสังคมมีอยู่เต็มเปี่ยม กฎหมายไม่ต้องพูดถึง ใสจะคุยเฉพาะกฎหมู่ เท่านั้น

หลัง จากใสและเพื่อนป่วนบ้านป่วนเมืองมาได้ระยะหนึ่ง ก็เกิดเหตุการณ์รัฐประหารไปตามแผนการอันชั่วร้ายที่เตรียมการมาอย่างต่อ เนื่อง เมื่อยึดอำนาจรัฐบาลที่มาจากประชาชนเรียบร้อยแล้วใสและพรรคพวกก็ไชโยโห่ ร้องตีปีกว่า เนี่ยแหละประชาธิปไตยมาแล้ว เห็นมะประชาธิปไตยของกระบือไทยต้องเป็นแบบนี้ ช่ายมั้ยพี่น้อง เนื่ยแหละประชาธิปไตยที่ใสและพรรคพวกต้องการ .... ว่าแล้วก็ส่งคนในเครือข่ายของใสเข้าไปรับส่วนบุญ ส่วนกุศล จากคณะผู้ยึดอำนาจตามแบบฉบับ มือใครยาวก็สาวได้สาวเอา บางคนที่ไม่ได้อะไรเลยก็ตีโพยตีพาย ว่าค่าแรงไม่คุ้มบ้าง ว่าพวกเมิงหลอกใช้กู

แต่ช้าไปแล้วต๋อย เรื่องนี้เอามาทวงกันซึ่งหน้าไม่ได้ ใครโดนหลอกใช้ก็ถือว่าซวยไปสำหรับตัวใสไม่ต้องเป็นห่วงพี่น้อง เพราะใสมี Project Upgrade ตัวเองจากชายหนุ่มผู้มาจากที่ราบสูง เข้าสู่แวดวงสังคมไฮโซไซตี้ ที่กระบือสูงศักดิ์ เอ้ย..ไม่ใช่กลุ่มผู้สูงศักดิ์จัดเลี้ยง party ขอบพระคุณพันธมิตรให้เนือง ๆ จน ใสเองก็ชักเคลิ้มว่าชะรอยตัวของใสเองนั้น อาจจะถือกำเนิดจากตระกูลสูงศักดิ์ก็เป็นได้ แต่ต้องมีเหตุพลัดพรากจากท่านพ่อท่านแม่ไปเติบโตที่ศรีสะเกษแทน (ฮา)

ใน วันนี้ผลประโยชน์ไม่ลงตัว กลุ่มนายฮ้อยผู้เลี้ยงกระบือทั้ง ๕ เริ่มเสียงแตก ประกอบกับกระบือเริ่มไม่เชื่องเท่าไหร่แล้ว เนื่องจากกระบือในฝูงหลายตัวเริ่มหาหญ้ากินลำบาก ฝืดเคือง เลยเริ่มฉุกคิดได้ว่าแมร่งต้มกูนี่หว่า ทำให้ฝูงกระบือที่เคยออกมาเย้ว ๆ เผาบ้าน/ทุบหม้อข้าวตนเองมีจำนวนลดน้อยลงอย่างน่าใจหาย

แต่...ไม่ต้องห่วงเรื่องตีขลุมมั่วนิ่มว่ากลุ่มพันธมิตรฯ ยังมีฝูงกระบืออยู่ไม่น้อย ใสและพรรคพวกยังคงปลุกปลอบใจตนเองว่า มนตร์เรียกกระบือยังคงขลังอยู่ ว่าแล้วก็ออกอาการยโสโอหังว่า “ เฮ้ยย.... อย่าคิดนะว๊อยว่าบ้านเมืองจะอยู่อย่างสงบสุขหลังการเลือกตั้ง“……ตราบ ใดที่ใสและพรรคพวกยังไม่พอใจในผลการเลือกตั้ง หากเสียงส่วนใหญ่ของประเทศดันทาลึ่งไปเลือกพรรคพลังประชาชน ซึ่งเป็นพรรคที่ใส ไม่ชอบใจเลยเข้ามาบริหารบ้านเมืองหละก็ พวกเอ็ง (เจ้าของสารขันธ์แลนด์) ได้เห็นฤทธิเดชใสแน่ ๆ หากใสกริ้วขึ้นมา สารขันธ์แลนด์อยู่กันลำบากแน่ ๆ เข้าใจบ่

ฟังแล้วก็อึ้งกิมกี่ ใสเป็นใคร ใสเป็นเจ้าชีวิตในสารขันธ์แลนด์ไปตั้งแต่เมื่อไหร่ ใครเป็นคนแต่งตั้งใส ใส เอ๋ย...ลูกพี่เมิงยังชิ่งไปบวชหนีคุกอยู่เลย วันนี้กระบวนการต้อนกระบือมันไม่เปรี้ยงปร้างเหมือนเดิมแล้ว หากใสยังออกอาการจมไม่ลงแบบนี้รับรองใสลำบากแน่ ๆ ใส เอ๋ยนักประชาธิปไตยกำมะลออย่างเอ็งหน่ะ มันหมดสิ้นมนต์ขลังแล้ว จะหลอกได้ก็กระบือบางตัวที่ดักดานไม่มีที่ไปแค่นั้นแหละ แต่ก็น่าเห็นใจใสนะ MOB ไม่ มีเงินก็ไม่มา และใสจะเอาอะไรกินเอาอะไรใช้ งานการก็ไม่เห็นจะทำอะไรเอาแต่จ้องจะประท้วงไปวัน ๆ กลับไปทำนาเลี้ยงกระบือที่บ้านเดิมจะดีกว่า อย่าให้ต้องตายเพราะโดนรุมประชาทัณฑ์เลยศพจะไม่สวย




 

Create Date : 04 กุมภาพันธ์ 2551    
Last Update : 4 กุมภาพันธ์ 2551 8:25:17 น.
Counter : 590 Pageviews.  

***ว่าด้วยผลงานอันแสนอื้อฉาวของรัฐบาล ปชป. กันต่อ ว่าแต่ลืมเรื่อง ปรส.ไปแล้วหรือยังครับ***

***ว่าด้วยผลงานอันแสนอื้อฉาวของรัฐบาล ปชป. กันต่อ ว่าแต่ลืมเรื่อง ปรส.ไปแล้วหรือยังครับ***

หลังจากรัฐบาลใช้เงินมหาศาลไปใช้ ในการฟื้นฟูสถาบันการเงิน รัฐได้ออกมาตรการใหม่เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจโดยมุ่งที่ภาคการผลิต โดยอาศัยเงินกู้จากต่างประเทศ เพื่อเพิ่มรายจ่ายภาครัฐในปีงบประมาณ 2542-2543 อาทิ เงินกู้มูลค่า 53,397.90 ล้านบาทในโครงการมิยาซาวา

จาก การประเมินผลโดยหน่วยงาน OECF ของญี่ปุ่นเอง สำนักงานงบประมาณกรมบัญชีกลาง ส่วนราชการที่เกี่ยวข้อง และหน่วยงานประเมินผลจากภาคเอกชนพบว่า ผลลัพธ์จากโครงการมิยาซาวาได้ผลน้อยมาก และไม่มีแรงส่งพอที่จะทำให้เกิดดุลยภาพทางเศรษฐกิจที่มีเสถียรภาพได้ เพระมีปัญหาทุจริตคอรัปชันคดโกงในทุกขั้นตอนของการบริหารและการจัดการ ตลอดจนการใช้จ่ายเงินกู้ในโครงการไม่มีกลยุทธ์และทิศทางที่มีประสิทธิภาพ

ประมูล ปรส. ผลงานอัปยศ
นับ ตั้งแต่ที่รัฐบาลปิดกิจการของบริษัทเงินทุน 56 แห่ง และเร่งให้ ปรส. ประมูลขายทรัพย์ออกอย่างรวดเร็ว โดยไม่พยายามดูแลให้สินทรัพย์ดังกล่าวขายให้ได้ในราคาสูงนั้น ผลปรากฏว่าสินทรัพย์มูลค่า 870,000 ล้านบาท ขายได้เพียง 160,000 ล้านบาทหรือไม่ถึง 20% และผู้ประมูลซื้อสินทรัพย์ส่วนใหญ่เป็นนักลงทุนต่างชาติรายใหญ่เพียงไม่กี่ แห่ง ส่วนสินทรัพย์ที่เหลือประมาณ 100,000 ล้านบาทนั้น รัฐบาลยอมขายให้กับ บบส. ซึ่งเป็นหน่วยงานรัฐวิสาหกิจ โดยแลกกับพันธบัตรของบบส.

การที่ รีบร้อนขายสินทรัพย์ในขณะที่เศรษฐกิจตกต่ำเต็มที่เช่นนี้ ทำให้ ปรส. ได้ราคาต่ำ มิหนำซ้ำรัฐบาลยังกีดกันมิให้ลูกหนี้หรือรายย่อยเข้าซื้อสินทรัพย์ดังกล่าว ผลคือ บริษัทต่างชาติเหล่านี้สามารถเร่งรัดให้ลูกหนี้ไทยจ่ายคืนเป็นสัดส่วน 60-70 % ของเงินต้น

ความเสียหายประมาณ 600,000 ล้านบาทจากการประมูลของ ปรส. นับเป็นภาระภาษีของประชาชนคนไทยทุกคน ซึ่งรัฐบาลต้องยอมออกพันธบัตรชดใช้ความเสียหายไปแล้ว 500,000 ล้านบาท แต่ก็ยังเหลืออีก 100,000 ล้านบาท

ความเสียหายซึ่งถูกซุกซ่อนไว้ที่กองทุนฟื้นฟู เป็นการสร้างภาระให้กับประชาชนอย่างมาก เนื่องจากกฎหมายกำหนดให้รัฐบาลต้องชดใช้ความเสียหายที่เกิดขึ้นจากกองทุน ฟื้นฟูฯ โดยอาศัยเงินงบประมาณซึ่งก็คือ เงินภาษีของประชาชน

ที่ผ่าน มากองทุนฟื้นฟูฯ มีเงินกองทุนติดลบกว่า 200,000 ล้านบาท และหากนับความเสียหายที่จะเกิดขึ้นในอนาคต คาดว่าจะมีหนี้ทั้งสิ้น 1 ล้านล้านบาท โดยที่รัฐบาลยังไม่รู้ว่าจะหาเงินที่ไหนมาชดใช้


เพื่อ ลดแรงกดดันทางการเมืองจากการที่จะต้องขึ้นภาษีที่เรียกเก็บจากประชาชนในการ หาเงินมาใช้หนี้ นายกฯชวนเอาตัวรอดด้วยการนำเอาเรื่องการรวมบัญชีของธนาคารแห่งประเทศไทยมา เป็นข้ออ้างในการบังคับให้ธปท. ต้องนำทุนสำรองส่วนเกินมาชดใช้หนี้กองทุนฟื้นฟูฯ โดยให้เหตุผลว่าหากไม่ใช้วิธีนี้ รัฐบาลจำเป็นต้องหารายได้เพิ่มโดยการเก็บภาษีจากประชาชน และแม้ว่าในท้ายสุดธปท. จะยอมให้นำเงินทุนสำรองจำนวน 1.3 แสนล้านบาทไปชดใช้หนี้กองทุนฟื้นฟูฯ แต่ผลที่ตามมาคือ ผู้ประกอบการ นักลงทุน และประชาชนต่างสูญเสียความเชื่อมั่น

การบีบให้ปธท. รับภาระหนี้เงินบาทของกองทันฟื้นฟูฯ ยังทำให้นักเศรษฐศาสตร์หลายคนเป็นห่วงว่า อาจมีการพิมพ์เงินเพิ่มขึ้นกว่า 55,000 ล้านบาท เพื่อจ่ายหนี้กองทุนฟื้นฟูฯ เป็นการเสียวินัยทางการเงิน ซึ่งเป็นปัจจัยหนึ่งที่ทำให้ค่าเงินบาทอ่อนตัวลงในขณะนี้

สร้างภาพเศรษฐกิจฟื้นบอกความจริงประชาชนครึ่งเดียว
รัฐบาล อ้างกับประชาชนตั้งแต่ปี 2542 ว่าเศรษฐกิจกำลังฟื้นฟูแล้ว แต่ทุกวันนี้ประชาชนเริ่มเห็นแล้วว่า การฟื้นตัวนั้นจำกัดอยู่เฉพาะบางสาขา เช่น อุตสาหกรรมรถยนต์ และการส่งออกสินค้าอิเล็กทรอนิกส์ ซึ่งเจ้าของกิจการส่วนใหญ่เป็นชาวต่างชาติ

สินค้าที่คนไทยเป็นผู้ ผลิตโดยเฉพาะสินค้าเกษตร เช่น ข้าว น้ำตาล ปัจจุบันมีราคาตกต่ำอย่างต่อเนื่อง ส่วนสินค้าอุปโภคบริโภค ส่วนใหญ่ผู้ประกอบการจะกระตุ้นยอดขายได้ก็ต้องลดราคา ทำให้สัดส่วนของกำไรลดลง และการจ้างงานก็ไม่ได้เพิ่มขึ้น

สำหรับภาค การเงิน ภายหลังจากที่ธนาคารต่างชาติเข้ามาเป็นเจ้าของธนาคารไทยแล้ว ปัญหาการปลดพนักงานออกก็ไม่มีที่ท่าว่าจะลดลง ทั้งธนาคารไทยและธนาคารลูกครึ่งยังมีแนวโน้มที่จะลดจำนวนพนักงานลงอีก โดยในปีนี้มีแผนจะลดคนประมาณ 2 หมื่นคนซึ่งผลของการลดคนดังกล่าวย่อมทำให้การฟื้นตัวของการอุปโภค บริโภค เป็นไปอย่างเชื่องช้า


ผลพวงจากความผิดพลาดของการบริหารงานภาย ใต้รัฐบาลชวนนั้น มีผลสรุปที่ชัดเจนคือ ประชาชนยังตกอยู่ในภาวะที่ยากลำบากอยู่เช่นเดิม ยอดคนตกงาน ซึ่งส่วนใหญ่เป็นการตกงานของคนไทยที่มีค่าครองชีพสูง มีถึง 2.5 ล้านคน

ธุรกิจ จำนวนไม่น้อยกำลังประสบปัญหาต้องปิดกิจการ จากการรายงานของกระทรวงพาณิชย์ระบุชัดเจนว่า ในช่วงปี 2540 ปีแรกที่ประเทศไทยเริ่มประสบวิกฤตเศรษฐกิจ มีธุรกิจบริษัทและห้างหุ้นส่วนปิดกิจการ 9,856 ราย เฉพาะบริษัทจดทะเบียน 5,621 ราย เพิ่มขึ้นจากปี 2539 ถึง 45.47 % และจากปี 2540-2542 มีบริษัทและห้างหุ้นส่วนปิดกิจการไปแล้ว 29,202 ราย และมีอีกมากมายที่กำลังจะปิดตัว

ม.ร.ว. ปรีดียาธร เทวกุล กรรมการผู้จัดการใหญ่ ธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าถึงกับออกมาเตือนรัฐบาลว่า มีผู้ส่งออกรายย่อย 1.1 หมื่นรายจากจำนวนทั้งหมด 1.4 หมื่นรายกำลังจะตาย เพราะนโยบายอัตราแลกเปลี่ยนที่ผิด และนโยบายการงเงินที่เข้มงวดที่สุดในโลกของรัฐบาล ทำให้สถาบันการเงินไม่ปล่อยกู้ให้กับบริษัทในประเทศตั้งแต่เดือน มีนาคม 2541

ไม่ช่วยไม่ว่า แต่กลับซ้ำเติมเกษตรกร
รัฐบาลขาด วิสัยทัศน์และความเข้าใจที่ถ่องแท้ว่าภาคเกษตร คือภาคการผลิตพื้นฐานของสังคมไทย และเป็นความหวังในการฟื้นฟูสภาพเศรษฐกิจและสังคม ปัจจุบันภาคเกษตรกรรมสามารถสร้างความมั่นคงให้กับประเทศได้ ด้วยการเป็นหนึ่งในประเทศผู้ผลิตอาหารรายใหญ่ของโลก ตามที่ผ่านมารัฐบาลขาดการจัดการด้านการเกษตรอย่างเป็นระบบภาคเกษตรของไทย จึงเต็มไปด้วยปัญหา เกษตรกรไทยจำนวนมากมีฐานะความเป็นอยู่ยากจนแร้นแค้น มีภาระหนี้สิน ขาดแคลนที่ดินทำกิจ และประสบปัญหาราคาสินค้าเกษตรตกต่ำลงกว่า 50% ผลกระทบดังกล่าวได้จุดชนวนให้ชาวนารวมตัวกัน เพื่อเรียกร้องขอความช่วยเหลือหลายต่อหลายครั้ง แต่รัฐบาลกลับเพิกเฉยไม่ใส่ใจแก้ปัญหา

ไม่เพียงแต่ไม่เหลียวแลช่วย เหลือปัญหาของเกษตร รัฐบาลชวน2กลับซ้ำเติมเกษตรให้ลำบากยิ่งขึ้นไปอีก เห็นได้ชัดจากแผนกู้เงินจากธนาคารพัฒนาแห่งเอเชีย (เอดีบี) วงเงิน 600 ล้านเหรียญสหรัฐ เพื่อปรับโครงสร้างภาคเกษตร รัฐบาลได้ใช้เงินส่วนหนึ่งเป้นทุนในการจัดทำโครงการจัดรูปที่ดินและระบบ ชลประทาน เพื่อให้เกษตรที่ต้องการเพิ่มผลผลิตเข้าร่วมโครงการ และตั้งเงื่อนไขขอจัดเก็บค่าใช้น้ำในระบบส่งน้ำสำหรับผู้ต้องการใช้น้ำ เพื่อการเกษตร เกษตรกรในพื้นที่ที่มีการจัดรูปที่ดินส่วนหนึ่งร่วมกับ NGOs ได้ชุมนุมกันเพื่อต่อต้านเงื่อนไขและแนวทางดังกล่าวของรัฐบาล ก่อนและระหว่างการประชุมสภาผู้ว่าการธนาคารพัฒนาเอเชียที่จังหวัดเชียงใหม่ (ต้นเดือนพฤษภาคม 2543)

รัฐบาลกลับอ้างว่าเป็นการชุมนุมแบบจัดตั้ง จงใจก่อความไม่สงบ และเห็นว่าเกษตรกรและ NGOs ไม่ฟังเงื่อนไขและคำอธิบายที่ชัดเจน รัฐบาลได้ให้คำอธิบายว่า การจัดเก็บภาษีน้ำจะทำเฉพาะผู้ประสงค์จะเข้าร่วมโครงการ และเต็มใจจะจ่ายค่าใช้น้ำและค่าระบบส่งน้ำที่รัฐบาลต้องลงทุนไปเท่านั้น เพื่อรัฐบาลจะได้นำรายได้ทีจัดเก็บนี้ไปใช้คืนทุนในปี 2543 20% ปี 2544 30% อีก 50 % สำหรับผู้ที่อยู่ในโครงการแต่ไม่ต้องการใช้น้ำ สามารถย้ายออกจากโครงการได้

เห็นได้ชัดว่าโครงการดังกล่าวไม่กระจายการช่วยเหลือไปสู้เกษตรผู้ยากจน แต่เป็นการบรรเทาและช่วยเหลือเกษตรที่มีความสามารถจ่ายลงทุนได้เท่านั้น ในขณะที่เกษตรที่ยากจนจำเป้นต้องเลือกที่จะย้ายออกจากพื้นที่โครงการ อย่างไรก็ตาม ท้ายสุดการต่อต้านในงานประชุมสภาผู้ว่าการธนาคารพัฒนาเอเชียที่จังหวัด เชียงใหม่ในครั้งนั้น ทำให้ผู้บริหารเอดีบีต้องออกมายืนยันว่าจะไม่จัดเก็บค่าน้ำจากเกษตรกร ซึ่งล้วนเป็นผลงานที่เกิดจากการต่อสู้ดิ้นรนเกษตรกรเองทั้งสิ้น

ยิ่งไป กว่านั้นรัฐบาลยังออกมาแสดงทัศนะกล่าวหาเกษตรกรว่า การก่อความไม่สงบในระหว่างการจัดประชุมนั้นทำให้เสียภาพพจน์ของประเทศไทย และกล่าวว่าเอดีบีเป็นองค์กรที่ปล่อยเงินกู้ดอกเบี้ยต่ำมาก ประเทศไทยจำเป็นต้องกู้เงินจากองค์กรนี้ การชุมนุมทำให้ไทยถูกจับตามอง และสูญเสียความน่าเชื่อถือไป

ที่ผ่านมารัฐบาลมีแผนกู้เงินจากเอ ดีบีตั้งแต่ปี 2542-2545 รวมเป็นเงิน 1,480 ล้านเหรียญสหรัฐ ซึ่งมีเงื่อนไขบังคับให้รัฐบาลลดค่าใช้จ่ายด้านสวัสดิการหลายรายการเช่นให้ รัฐบาลลดจำนวนจ่ายเงินสมทบเข้ากองทุนประกันสังคมเหลือเพียง 50% จากที่จ่ายปัจจุบัน กำหนดอัตราค่าจ้างขั้นต่ำ ส่งผลให้ไม่มีการปรับค่าจ้างแรงงานขั้นต่ำมาตั้งแต่ปี 2541

การ ดำเนินการเพื่อปรับโครงสร้างภาคเกษตรที่บ่งชัดถึงความล้มเหลว ในการจัดการกับภาคเกษตรของรัฐบาลชุดนี้ ยังเห้นได้ชัดจากการไม่ประสบความสำเร็จหลังจากการจัดตั้งกองทุนนี้จัดตั้ง ขึ้นเพื่อช่วยเหลือเกษตรตรตามพ.ร.บ. กองทุนฟื้นฟูเกษตรฯ วัตถุประสงค์ของกองทุนนี้จัดตั้งขึ้นเพื่อช่วยเหลือเกษตรกรรายย่อยซึ่งไร้ หลักประกันในการกู้เงิน โดยกองทุนฯนี้จะเป็นแหล่งเงินกู้ของเกษตรกร โดยให้เกษตรกรเป็นผู้บริหารกองทุนฯ ในชุมชนของตนเองโดยไม่มีหลักทรัพย์ค้ำประกันกู้ แต่ให้เกษตรกรในชุมชนเป็นผู้ค้ำประกันเอง ทั้งนี้เกาตรกรผู้สนใจเข้าร่วมโครงการจะต้องสมัครขึ้นทะเบียนเป็นสมาชิกกอง ทุนฯ และจะได้รับสิทธิในการเลือกตั้งผู้แทนชุมชนเข้าไปบริหารกองทุน และรับสิทธิในการกู้เงิน

จนถึงวันนี้การจัดการกับโครงสร้างกองทุน ยังไม่เสร็จสิ้น ยังไม่มีเกษตรกรได้ขึ้นทะเบียนเป็นสมาชิกกองทุนฯ และมีข้อมูลว่าในปี 2542 ที่ผ่านมา รัฐบาลได้จัดสรรเงิน 33 ล้านบาทใช้สำหรับการเตรียมการเลือกตั้งกรรมการบริหารกองทุนฯ ซึ่งเป็นตัวแทนเกษตรกร เงินจำนวนนี้ถูกใช้ไปหรือไม่อย่างไร ตลอดจนเงินทุนประเมินรอบแรกที่รัฐจัดสรรให้กับกองทุนฯ จำนวน 1,800 ล้านบาท ถูกจัดการไปอย่างไร จนถึงวันนี้ไม่มีการให้ข้อมูลกับประชาชนผู้เสียภาษี และเกษตรกรผู้รอคอยการช่วยเหลือ

ท้ายที่สุดการแก้ไขปัญหาหนี้สิน เกษตรกร 4.8 ล้านครอบครัว รวมมูลค่าหนี้ 230,000 ล้านบาท ตามมติ ครม. เมื่อวันที่ 9 กุมภาพันธ์ 2542 นั้น ยังไม่ได้รับการแก้ไขอย่างแท้จริง และยังกลับเป็นมาตรการที่นำปัญหาไปกองไว้ที่ ธ.ก.ส. เกิดอะไรขึ้นกับการบริหารงบประมาณของรัฐบาลชุดนี้กันแน่?

ความไม่ แยแสต่อความยากไร้ของเกษตรกรของรัฐบาลชวน 2 นั้น เน้นย้ำให้เห็นชัดอีกครั้งจากเหตุการณ์การเรียกร้องของเกษตรกรให้รัฐบาล ประกันราคามันสำปะหลัง ซึ่งตกต่ำลงอย่างหนักในช่วงเดือนตุลาคม 2542 ทั้งๆที่ผลผลิตล้นตลาด นายกชวนไม่เพียงไม่ออกมาหาแนวทางแก้ไขปัญหาร่วมเกษตรกร แต่ในที่สุดวันที่ 27 ตุลาคม 2542 ก็ได้เกิดเหตุการณ์ที่น่าละอายไปทั่วโลก เมื่อรัฐบาลปล่อยสุนัขตำรวจไล่กัดเกาตรกรที่มาชุมนุมประท้วงบริเวณหน้า ทำเนียบฯ มีชามบ้านได้รับบาดเจ็บจำนวนมาก ทั้งเด็ก ผู้หญิง และ คนชรา
วิธี การใช้ความรุนแรงเพื่อจัดการขับไล่ชาวบ้าน และเกษตรกรผู้ยากไร้ที่เรียกร้องความเป็นธรรมจากรัฐบาล ยังคงเกิดขึ้นอีกหลายครั้งในช่วงเวลาของการบริหารงานภายใต้รัฐบาลชุดนี้ อาทิ กรณีที่รัฐบาลใช้กำลังเข้าสลายม็อบชาวบ้านที่เดือดร้อนกรณีเขื่อนปากมูล (เดือนกรกฎาคม 2543) ที่หน้าทำเนียบรัฐบาล รัฐบาลใช้กำลังเสริมกว่า 5 กองพัน ทั้งจากตชด. พลร่มค่ายนเรศวร ประจวบฯ และตำรวจปราบจราจลกว่า 5 กองพัน เข้าเคลียร์พื้นที่ม็อบปากมูล เพื่อล้างทำเนียบฯ เตรียมการต้อนรับประธานาธิบดีจีนที่มาเยือนประเทศไทย (18 ก.ค. 48) ปรากฏว่ามีผู้บาดเจ็บมากกว่า 50 คน และถูกจับอีก 202 คน
นอกจากนี้วิกฤต หนี้สาธารณะ ทำให้รัฐบาลปฏิเสธร่างพระราชบัญญัติส่งเสริมการจัดสวัสดิการสังคม สำหรับจัดตั้งกองทุนสวัสดิการเพื่อช่วยเหลือผู้ด้อยโอกาสและว่างงาน รวมทั้งการปัดสวะปัญหาหนี้สินกองทุนอ้อยและน้ำตาลทรายด้วยมติให้ปรับราคา น้ำตาลทรายขั้นต่ำ 2 บาทต่อกิโลกรัม

รัฐบาลชวนมาบริหารบ้านเมืองด้วยความหวังของประชาชน ว่าจะเข้ามาแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจได้ด้วยดรีมทีมของพรรคประชาธิปปัตย์ โดยรัฐบาลชวนได้ให้คำมั่นกับประชาชนว่า เมื่อแก้ปัญหาเศรษฐกิจฟื้นและออกกฎหมายประกอบรัฐธรรมนูญเสร้จจะยุบสภา แต่แล้วรัฐบาลชวนก็บิดเบือนสัญญาที่เคยให้กับประชาชน

กรณีนายสุเทพ เทือกสุบรรณ ร.ม.ต. คมนาคม อนุมัติโครงการ เอสดีเอช,ไอพีเน็ตเวอร์ก , ซิพการ์ด และโครงการโทรศัพท์มือถือ 1900 รวมมูลค่าโครงการทั้งหมด 24,216 ล้านบาทโดยใช้เวลาอนุมัติเพียงเดือนเดียวเท่านั้น และดำเนินการประมูลไม่มีความโปร่งใส ล่าสุดที่ประชุม ครม. เมื่อวันที่ 17 ตุลาคม 2543 ก่อนจะมีการยุบสภานายสุเทพ เทือกสุบรรณ ก็นำโครงการจัดซื้อเครื่องบิน 5 ลำ มูลค่า 3 หมื่นล้านบาทของการบินไทยเข้าที่ประชุม ความไม่ปกติเกิดขึ้นเมื่อยังไม่มีการเลือกแบบเครื่องบิน แต่นายสุเทพ เทือกสุบรรณ ก็อนุมัติเงินมัดจำกับบริษัทโบอิ้งไปแล้ว 2 ลำๆละ 2 แสนเหรียญสหรัฐ และเมื่อการประชุม ครม. เมื่อวันที่ 7 พฤศจิกายน 2543 กระทรวงคมนาคมก็อนุมัติให้กับคณะกรรมการกำกับนโยบายรัฐวิสาหกิจ ในเรื่องปรับโครงสร้างการรถไฟแห่งประเทศไทยเป็นวงเงิน 124,566 ล้านบาท ในขณะที่ทรัพย์สินของการรถไฟขณะนี้มีอยู่ 58,755.3 ล้านบาท หนี้สินอีก 36,803 ล้านบาท

นายบัญญัติ บรรทัดฐาน ร.ม.ต. มหาดไทย ผู้กำกับดูแลสำนักงานตำรวจแห่งชาติก็ไม่น้อยหน้า ทั้งที่กลิ่นฉาวของการถือหุ้นในบริษัท ศรีสุบรรณเทรดดิ้ง จำกัดยังไม่ทันจางก็กวาดไปอีก 1,823,000,000 ล้านบาท จากการอนุมัติจัดซื้อรถจักรยานยนต์และรถกระบะของสายตรวจตำรวจ

นายพิสิฐ ลี้อาธรรม รมช.คลัง ได้อนุมัติเรื่องการจ่ายเงินโบนัสคืนให้กับผู้บริหารของรัฐวิสหกิจ งบประมาณถึง 20 ล้านบาท

นายสาวิตต์ โพธิวิหค รมต. ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เสนอเรื่องขอกู้เงินเพื่อรีไฟแนนซ์เงินกู้เดิม 3.5 หมื่นล้านบาทให้กับการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) ครม. ก็อนุมัติให้กระทรวงการคลังค้ำประกันเงินกู้อีก 9 พันล้านบาท
นายวัฒนา อัศวเหม รมช.มหาดไทย ผู้ดูแลการเคหะแห่งชาติ อนุมัติโครงการในการศึกษาโยกย้ายประชาชนที่อาศัยอยู่ในชุมชนดินแดง งบประมาณ 200 ล้านบาท โครงการรื้อถอนอาคารเดิม และโครงการก่อสร้างอาคารใหม่ งบประมารอีก 7,798 ล้านบาท

นายประภัตร โพธสุธน ร.ม.ต.เกษตรและสหกรณ์ ผู้สร้างสถิติฮือฮาทำงาน 7 เดือน เสนอกฎหมายแค่ 3 ฉบับ แต่อนุมัติไป 133 เรื่องกับอีก 11 โครงการ โดยอนุมัติถี่ยิบในช่วงเดือนสิงหาคมถึงตุลาคม และอีก 2 โครงการยักษ์ ก่อนยุบสภาเพียงอึดใจ ก็หนีบโครงการชลประทานระบบท่อ มูลค่า 699 ล้านบาท และโครงการจัดหาและการบำรุงรักษาอากาศยานเพื่อเกษตร พ.ศ. 2544-2549 อีก 3,031 ล้านบาท แต่ถูกโยนตะกร้าไปเสียก่อน

รัฐบาลชวนอนุมัติเรื่อง และโครงการต่าง โดยที่ขั้นตอนดำเนินการโครงการเหล่านั้นไม่มีความโปร่งใส มีการฮั้วประมูลกัน หรือบางโครงการก็ยังต้องพิจารณาถึงความเหมาะสมอีกครั้ง การรีบร้อนก่อนยุบสภาเช่นนี้ เป้นสิ่งสะท้อนประจักษ์ชัดเจนว่ารัฐบาลชวนมีเจตนาที่จะหาเศษหาเลยกอบโกย เข้าพกเข้าห่อของตนไว้ก่อน ด้วยโครงการใหญ่ๆ เหล่านี้เปรียบเสมือนเนื้อก้อนโตบนเขียงทองคำ ที่พร้อมจะถูกเฉือนเป็นทุนแจกจายให้กับลูกพรรคนำไปโปรยหว่านยังหัวคะแนนใน ที่สุด นี่คือหลักฐานชิ้นล่าสุดที่พิสูจน์ว่ารัฐบาลชวนมีความซื่อสัตย์เพียงใด

ถึงวันนี้คงต้องทบทวนสิ่งที่นายกฯชวนเคยบอกประชาชนเสมอว่า “ผมไม่เคยสักครั้งที่ควักเงินจ่ายค่ากาแฟในการหาเสียง”

สิ่ง ที่กล่าวมาข้างต้นเป็นเพียงตัวอย่างการจัดการปัญหาของประเทศ ภายใต้การบริหารงานของรัฐบาลชวน 2 เท่านั้น สิ่งที่เราพบก็คือ รัฐบาลคอรัปชั่นโอบอุ้มพวกพ้องตนเอง ไม่มีประสิทธิภาพ และขาดวิสัยทัศน์ในการจัดการกับปัญหาความทุกขร้อนของแผ่นดินอีกทั้งยัง สร้างถาระและความเจ็บแค้นให้กับประชาชนผู้ยากไร้ที่เป็นกำลังสำคัญของชาติ ด้วยหากที่ผ่านมารัฐบาลจะเปิดใจให้กว้าง รับฟังปัญหา และอยู่เคียงข้างประชาชนผู้ยากไร้มากกว่านี้ ความทุกข์ยากและเจ็บปวดของคนไทยอาจบรรเทาลงมากกว่าทุกวันนี้ และเราอาจฟื้นตัวเองขึ้นได้บ้าง แม้ไม่ทั้งหมดก็ตาม


ผลงานอัปยศ ในช่วง 3 ปีภายใต้การบริหารประเทศของรัฐบาลนี้ นายกรัฐมนตรีที่ชื่อชวน หลีกภัยไม่สามารถปฏิเสธความรับผิดชอบต่อประชาชนทั้งประเทศได้ การอ้างว่าคนเองมาจากการเลือกตั้ง และกาหประชาชนไม่พอใจการกระทำของตนเองหรือพวกพ้องในพรรคประชาธิปัตย์ ก็อย่าเลือกพวกเขาเข้ามาอีก คือคำท้าทายที่แสดงความเป็น “นักเลือกตั้ง” ที่ฝังลึกในกมลสันดานอย่างชัดเจนที่สุด

นายชวน หลีกภัยภาคภูมิใจนักหนาและมักอวดอ้างว่าเล่นการเมืองมายาวนานถึง 30 ปี ทั้งก็เคยดำรงตำแหน่งเจ้ากระทรวงในกระทรวงใหญ่หลายแห่ง แต่ไม่สามารถพูดได้อย่างเต็มปากเต็มคำว่า มีผลงานอะไรบ้างที่เป็นชิ้นเป็นอันในระหว่างดำรงตำแหน่งเหล่านั้น และประชาชนก็ไม่มีใครจดจำได้เช่นกัน

นายกรัฐมนตรีที่ชื่อชวน หลีกภัยไม่ได้เป็นอะไรอื่นที่มากกว่านักเลือกตั้ง ที่ถนัดในการใช้คารมเชือดเฉือนคู่แข่งและผู้ที่ไม่เห็นด้วยกับตน และตลอกชีวิตของการ “เล่น” การเมืองที่ผ่านมา ก็อาศัยเล่ห์เหลี่ยมชั้นเชิงทางการเมือง กระทั่งบิดเบือนหลักการประชาธิปไตย ไต่เต้าขึ้นมาดำรงตำแหน่งบริหารสูงสุดของประเทศด้วยเหตุนี้จึงหวังไม่ได้ ว่าคนอย่างนายชวนจะมีวิสัยทัศน์ และความสามารถในการบริหาร โดยเฉพาะในยามวิกฤติที่ประเทศต้องการ “ผู้นำ” ไม่ใช่ “ปลัดประเทศ”

นาย ชวน หลีกภัยผู้สักแต่เซ็นหนังสือไปวันๆ และโยนกลองการตัดสินใจเรื่องนโยบายเศรษฐกิจให้กับรัฐมนตรีคลัง ปู้ยี่ปู้ยำจนบ้านเมืองล่มจมเพราะความไม่รู้ และความดื้อตาใส ไม่ฟังแม้แต่เสียงทักท้วงของคนร่วมพรรค ซึ่งไม่เห็นด้วยกับแนวทางแก้ไขปัญหาที่กลับทำให้ทุกสิ่งทุกอย่างเลวร้ายลง ไปอีก ย่อมไม่สามารถเอาแต่ “แก้ตัว” และ “ลอยตัว”
หมดเวลาของนายชวน หลีกภัย, รัฐบาลชุดนี้ และพรรคประชาธิปัตย์แล้ว

ประชาชนกำลังจะให้บทเรียนครั้งสำคัญ เพื่อสั่งสอน “นักเลือกตั้ง” อย่างนายชวน หลีกภัย และพรรคประชาธิปัตย์ให้หลาบจำตลอดไป




 

Create Date : 29 มกราคม 2551    
Last Update : 29 มกราคม 2551 18:22:38 น.
Counter : 505 Pageviews.  

ตลอดหกสิบปี พรรค ปชป ทำอะไรให้ชาติตั้งมากมาย

ตลอดหกสิบปี พรรค ปชป ทำอะไรให้ชาติตั้งมากมาย
ผลงาน ของพรรคประชาธิปปัตย์
1.ตั้งแต่เกิดมาไม่เคยแสดงวิสัยทัศน์ชี้ทิศทางที่ชัดเจนนโยบายพัฒนาประเทศอะไรเลยสักเรื่องไม่กล้าปฎิรูปอะไรสักอย่าง
2. เจ้าหลักการแต่มี 2 มาตรฐาน คนในพรรคมาตรฐานอย่างหนึ่ง คนต่างพรรคใช้มาตรฐานอีกอย่างหนึ่ง
3. เป็นช่างทาสี ทาขาวเป็นดำ ทาดำเป็นขาว ดีเข้าตัวชั่วเข้าเพื่อนได้อย่างไม่อายเด็กๆ
4. หน้าที่หลักการคืออธิบายความปกป้องคนทุจริตได้ทุกคนที่อุ้มชูตนให้ได้แค่ตำรงตำแหน่งนายกฯ
5. ผัวนอนแต่บ้านเพื่อนทุกคืนเมียนอนอีกบ้านลูกนอนอีกบ้าน คนสองคนให้ความอบอุ่นไม่ได้แต่อาสามาดูแลคน60ล้านคน
6. เล่นแต่การเมืองเป็นอาชีพ รวยผิดปกติกันทั้งพรรคแต่ยังทำแกล้งทำจน
7. รวยมาจากการทุจริตกินเมืองคือเป็นนักธุรกิจการเมืองแล้วมาทำธุรกิจการค้าเพื่อฟอกเงินแต่ค้าขายไม่เป็นเจ๊งไม่เป็นท่า
8. คนจนไม่เคยช่วยช่วยแต่โจรเสื้อนอกโกงกันจนสถาบันการเงินเจ๊งก็จะรีบเอาเงินของส่วนรวมและกู้ต่างชาติมาอุ้มให้ล้มบนฟูกทุกคน
9. ออกกฎหมายให้ต่างชาติเป็นกรรมการบอร์ดรัฐวิสาหกิจ ,ให้ต่างชาติครอบงำกิจการธุรกิจ,รัฐวิสาหกิจไทย
10. คนขับรถนายกฯพัวพันซีดีเถื่อน
11. ทหารใกล้ชิดนายกฯพัวพันซีดีเถื่อน
12. ยกย่องเชิดชูเกียรติทรราชถนอม
13. “ปลัดประเทศ” ไม่ต้องคิดอ่าน ไม่ต้องมีวิสัยทัศน์ เซ็นตามลูกน้องลูกพี่ส่งมา
14. ว่าการกระทรวงกลาโหมแต่ปฎิเสธการค้นหาศพที่สูญหายให้แก่ญาติพี่น้องวีรชนพฤษภาทมิฬ
15. สร้างเครดิตให้คนไทยเป็นหนี้คนละ 1 แสนบาทได้ภายใน 2 ปี
16. สมัยเป็นนายกฯ”ตี”ชาวนาตายหลายคนแล้ว
17. สมัยเป็นนายกฯ คลายเชือกให้หมากัดคนจนหน้าทำเนียบ
18. น้องนายกฯพัวพันทุจริตแบ็งก์กสิกร สาขาสงขลากว่า 300 ล้านบาทแล้วหนีไป พี่ชายปกป้องว่าไม่ได้เจตนา
19. น้อง รมว.คลัง บริหารแบ็งก์กรุงไทย ก่อหนี้เสียถึง 9 แสนล้านบาท (เงินมหาศาลนี้เอาไปขุดคอขอดกระได้ทั้งสาย,จ่ายหนี้แทนเกษตรกรได้ทั้ง ประเทศไทย ลาว เขมร และญวนรวมกัน)
20. เปิดเสรีทางการเงิน BIBF ช่องโหว่ให้กองทุนค้าเงินโจมตีประเทศไทย
21. เปิดเสรีทางการเงิน FIBF โดยไม่มีมาตรการใดๆมารองรับแม้แต่บรรทัดเดียว กู้มาโกงกันเองจนเกิดหนี้เสียถึง 80 %
22. เอางบประมาณแผ่นดินไปจ่ายหนี้ต่างชาติและไปอุ้มสถาบันการเงินทุกแห่ง หนี้เก่าไม่ทันใช้หนี้ใหม่กู้อีกแล้ว บริหารกันอย่างนี้กู้กับขาย ฝีมือกันอย่างนี้ คนผิดไม่มีเพราะคนผิดเป็นพรรคพวกและญาติตนเอง
23. เอาเงินภาษีราษฎรขึ้นเครื่องบินไปแย่งตำแหน่ง ผอ. WTO เสียค่าใช้จ่ายหลายร้อยล้านบาทเพียงเพื่อได้กินเงินเดือนละ 13 ล้านบาท งานของตนเองในหน้าที่นายพาณิชย์กลับไม่ทำ ไม่ค้าไม่ขาย ขายไม่เป็น ค้าไม่ออก เป็นทำไมก็ไม่รู้ รมว.พาณิชย์ สินค้าเกษตรราคาตกต่ำที่สุดในประวัติศาสตร์ชาติไทยในขณะที่จีนและใต้ หวันไม่ได้เป็นแม้สมาชีก WTO ยังค้าขายได้สบายฝีมือจริงต่างกับการสร้างภาพ
24. มาแก้ปัญหาที่รัฐบาลเก่าทำไว้ ยางกิโลละ 35 บาทก็แก้ให้เป็นกิโลละ 15 บาท มันสำปะหลังกิโลละเกือบ 2 บาทก็แก้เป็นกิโลละ 50 สตางค์ ข้าวเปลือกเกวียนละเกือบหมื่นบาท ก็แก้เป็นเกวียนละสามพันแปด
25. ถ้าเป็นต่างพรรคอะไรที่ตกต่ำก็บอกว่าเพราะปัจจัยภายใน ถ้าพรรคตนตกต่ำก็บอกว่าเป็นเพราะปัจจัยภายนอก (ดีเข้าตัวชั่วเข้าเพื่อนได้ทุกเรื่อง)
26. ส.จ.นครศรี ฯญาติ รมว.ช่วยมหาดไทยเป็นที่ปรึกษาด้วย อยู่ในรถค้ายาบ้าแต่ไม่โดนจับโดนจับแต่คนขับรถ (เหมือนนายทหาร,คนขับรถ ค้าซีดีเถื่อนเลย)
27. จอมปฎิวัติเล่นการเมืองเป็บเดียวรวยล้นฟ้าโดยไม่มีที่มาที่ไป ดื่มไวน์ขวดละหลายหมื่น จอมอุปถัมภ์แจกจ่ายเลี้ยงแหลกสื่อมวลชนไทย และแจกงานสัมปทานแลกกับบ้าน สข.
28. ใช้หลักฐานปลอมอภิปรายเรื่องสัญชาติบิดาคุณบรรหารแล้วนำมาร่วมรัฐบาลเฉย เด็กๆงงกันหมด
29. ปล่อยให้เลือกตั้งปากน้ำโกงหน้าด้านๆทำกุญแจมาสเตอร์คีย์เถื่อนโกงยก***บ
30. ไปยืนถ่ายรูปกับโซรอสคนทำร้ายเอเซียและประเทศตน ยืนถ่ายรูปกับคลินตันพอกลับไทยเขาก็ยึดค่ามัดจำ F18 แถมไม่ได้ช่วยเหลือไทยแม้แต่บาทเดียวล่าสุดไปญี่ปุ่นก็ขายผลผลิตการเกษตร ไม่ได้สักผลแล้วโม้ว่าเป็นนายกฯอินเตอร์
31. ขึ้นค่าทางด่วนเกินเพดาน เอาใจนักลงทุน โชคดีจับได้ไล่ทันเสียก่อน
32. ตัวการให้คุณสืบ ทำอัตวินิบาตกรรม โดยไล่กลับไปห้วยขาแข้ง หาว่า “เสือ......ฦ ..ก” เพราะที่คุณสืบมารายงานคนโค่นป่าเป็นคนในค่ายนักการเมืองขายชาติมืออาชีพ
33. บ้าน 3 หลังที่ข้าราชการกังฉิน รพช.เอาที่ป่าริมเขื่อนเอาเงินชาวบ้านสร้างถนน คฤหาสน์ สอพลอเอาใจให้เจ้านายจอมขายตำแหน่ง ต่อมาได้เลื่อนซีชั้นตำแหน่งสูงขึ้นไปอีก
34. ส.จ.คนสนิท มท.1 รับเงินราชายาเสพติดเยอรมันพาเข้าหานายรับช่วยเหลือ
35. รมว.กัญชาออกนอก (คงจำกันได้สมัยที่คนหน้าห้องส่งออกนอก แต่นายหัวไม่ผิด)
36. ส.ส.กรุงเทพฯประธานที่ปรึกษากฎหมาย มท. 1 ทำหนังสือรับรองโวล์ฟกัง ราชายาเสพติดให้เป็นคนดีคนบริสุทธิ์
37. เซ็งลี้ พื้นที่เขาดินให้นายทุนต่างชาติทำโรงแรมดูช้างขี้
38. เอาเงินบริจาคช่วยชาติ(ตลกจริงๆ)ฝากที่ไหนยอดเท่าใดแจ้งด้วย
39. เพิ่มรายการปัญญาอ่อนเกมส์โชว์มอมเมาเยาวชนแล้วไปถอดรายการดีๆ “หนูจุก”ออกเพราะไปสอนคำว่า “ไม่ขอโทษ”
40. กลั่นแกล้งข้าราชการดีๆที่เปิดเผยข้อมูลโกงชาติของนักการเมืองเช่นเพื่อนนายกฯกินยาแพงแล้วย้าย ผอ.ข่าวสารข้อมูล
41. ชอบร้องให้เสียงดังให้สื่อมวลชนได้ยิน แต่ทำสิ่งที่ตรงข้าม อ.ป๋วยสอนทุกเรื่อง เป็นนักเลือกตั้ง ”ดีเน่า” มือถือสากปากถือศีล
42. ชอบขึ้นเงินเดือน 2 ขั้นให้ข้าราชการใกล้ชิดที่สอพลอนายมากกว่ารับใช้ประชาชน
43. เจ้าพ่อคมนาคม ชอบโปรเจคท์โครงการยักษ์ถุงเงินหาเงินเข้าพรรคและตนเอง
44. กล่องดวงใจ หาเมียให้นาย
45. ยกป่าสวยที่ลาดชันทั้งอ่าวกะมาลาให้พวกเศรษฐีภูเก็ตทั้งเกาะ พรรคพวกตน
46. เล่นการเมืองเพื่อปกป้องโรงเหล้า ได้เมียรสนิยมเดียวกันชอบดูดปากให้ชาวบ้านและลูกๆ (เมียเก่า)ดู
47. ส.ส.จ่า พัวพันรับจ้างสังหารแม้คนพรรคเดียวกันก็ทำ
48. ถมคลองวงศ์หนองเตย ที่ จ.ตรัง คลองสาธารณะประโยชน์ ให้เป็นดินที่ตนเอง
49. ถมป่าชายเลนกระบี่ให้เป็นโรงแรม 5 ดาว
50. บุกรุกเทือกเขาบรรทัด
51. ไม่สนใจเรื่องปกป้องทรัพยากรธรรมชาติ เช่นเรื่องเรือปั่นไฟจับปลาตะตักห่วงโซ่อาหารหมดทะเล
52. ส.ส.หนุนหวยออนไลน์ ถ้ายกเลิกคุณพ่ออเมริกาจะปรับไทยนาทีละ 2 แสน 8 หมื่นล้านบาทไทยจะเสียหายมากพอๆกับถ้าไม่ผ่านกฎหมายขายชาติ 11 ฉบับ ที่เปิดโอกาสให้ต่างชาติครอบครองซื้อที่ดินและเช่าประเทศไทยได้ได้ 100 ปี
53. คนขับรถ มท. 1 (โครตรวย) ชกหน้าคนขับรถแท็กซี่ (คนจน)นายเข้าข้างอีกแล้วครับท่าน
54. ผลาญงบเงินกู้มิยาซาว่าจ้างถางหญ้าริมคูน้ำ แรงงานจริง 30 คนแรงงานชื่อผี 26 คน อาทิตย์เดียวหญ้าขึ้นเต็มเหมือนเดิมแล้ว (วิสัยทัศน์ควายหลังบ้านท่านยังสูงกว่า ดร.จบนอกชายชาติตั้งเยอะ)
55. บรรดาเมียและโดยเฉพาะลูกๆรัฐมนตรียังเรียนอยู่แต่คุณพ่อแสนซื่อสัตย์แจ้งทรัพย์ให้รวยเกือบร้อยล้านหลายคน
56. ให้คนงานสวนไฟแนนซ์ ของพวกตนเองโดยไม่มีหลักทรัพย์ จนบริษัทเจ๊ง กองทุนฟื้นฟูก็รีบเอาเงินชาวบ้านอุ้มเป็นพันเป็นหมื่นล้านบาทไม่ผิด แถมให้เป็นรัฐมนตรีเป็นเลขาเสียอีก เอาโจรมาเฝ้าตู้เซฟประเทศ แล้วประเทศชาติจะไปเหลืออะไรกัน
57. ขนไม้เถื่อนสร้างบ้าน สข.
58. จอมคอรับชั่นฟอกเงินโดยแจ้งเท็จเงินกู้ 45 ล้าน ซ่อน 5 พันล้านซ่อนได้แต่ 45 ล้านซ่อนไม่มิด “จรเข้เกยน้ำตื้น”
59. เมียซื้อเสียง กกต.จับได้ไม่ประกาศเป็น สว.เสียเลย
60. ให้คนไปตะโกนใส่ร้าย ท่านปรีดี ในโรงหนัง
61. ทำลายระบบพรรคไป “ซื้อ” งูเห่ามาจากพรรคอื่นติดนิสัยไปเอาอดีตหัวหน้า “กินสังคม” กรรมลงโทษจนเป็นโรคร้ายมาแพร่เชื้อต่อ
62.เอาเงินหลวงยาบัวบริจาคไปรวมกับบัญชีกองทุนฟื้นฟูอุ้มโจรเสื้อนอก
63.เงินกู้ 45 ล้านของสนั่น
64. ใช้มาตรา 7 ขอนายกพระราชทาน จนโดนตำหนิ




 

Create Date : 28 มกราคม 2551    
Last Update : 28 มกราคม 2551 14:14:48 น.
Counter : 584 Pageviews.  

ผลงานอัปยศ 3 ปี รัฐบาลชวน หลีกภัย ตอน 9

ตอนที่ 9


9.1 “มูมมาม” งาบโครงการทิ้งทวนจนนาทีสุดท้าย

รัฐบาล ชวนมาบริหารบ้านเมืองด้วยความหวังของประชาชนว่าจะเข้ามาแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจ ได้ด้วยดรีมทีมของพรรคปร ะชาธิปปัตย์ โดยรัฐบาลชวนได้ให้คำมั่นกับประชาชนว่า เมื่อแก้ปัญหาเศรษฐกิจฟื้นและออกกฎหมายประกอบรัฐธรรมนูญเสร็จจะยุบสภา แต่แล้วรัฐบาลชวนก็บิดเบือนสัญญาที่เคยให้กับประชาชน

กรณีนายสุเทพ เทือกสุบรรณ ร.ม.ต. คมนาคม อนุมัติโครงการ เอสดีเอช,ไอพีเน็ตเวอร์ก,ซิมการ์ด และโครงการโทรศัพท์มือถือ 1900 รวมมูลค่าโครงการทั้งหมด 24,216 ล้านบาทโดยใช้เวลาอนุมัติเพียงเดือนเดียวเท่านั้น และดำเนินการประมูลไม่มีความโปร่งใส ล่าสุดที่ประชุม ครม. เมื่อวันที่ 17 ตุลาคม 2543 ก่อนจะมีการยุบสภานายสุเทพ เทือกสุบรรณ ก็นำโครงการจัดซื้อเครื่องบิน 5 ลำ มูลค่า 3 หมื่นล้านบาทของการบินไทยเข้าที่ประชุม ความไม่ปกติเกิดขึ้นเมื่อยังไม่มีการเลือกแบบเครื่องบิน แต่สุเทพ เทือกสุบรรณ ก็อนุมัติเงินมัดจำกับบริษัทโบอิ้งไปแล้ว 2 ลำๆละ 2 แสนเหรียญสหรัฐ และเมื่อการประชุม ครม. เมื่อวันที่ 7 พฤศจิกายน 2543 กระทรวงคมนาคมก็อนุมัติให้กับคณะกรรมการกำกับนโยบายรัฐวิสาหกิจ ในเรื่องปรับโครงสร้างการรถไฟแห่งประเทศไทยเป็นวงเงิน 124,566 ล้านบาท ในขณะที่ทรัพย์สินของการรถไฟขณะนี้มีอยู่ 58,755.3 ล้านบาท หนี้สินอีก 36,803 ล้านบาท

บัญญัติ บรรทัดฐาน ร.ม.ต. มหาดไทยผู้กำกับดูแลสำนักงานตำรวจแห่งชาติก็ไม่น้อยหน้า ทั้งที่กลิ่นฉาวของการถือหุ้นในบริษัท ศรีสุบรรณเทรดดิ้ง จำกัดยังไม่ทันจางก็กวาดไปอีก 1,823,000,000 ล้านบาท จากการอนุมัติจัดซื้อรถจักรยานยนต์และรถกระบะของสายตรวจตำรวจ

พิสิฐ ลี้อาธรรม รมช.คลัง ได้อนุมัติเรื่องการจ่ายเงินโบนัสคืนให้กับผู้บริหารของรัฐวิสาหกิจ งบประมาณถึง 20 ล้านบาท

สาวิตต์ โพธิวิหค รมต. ประจำสำนักนายกฯ เสนอเรื่องขอกู้เงินเพื่อรีไฟแนนซ์เงินกู้เดิม 3.5 หมื่นล้านบาทให้กับการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) ครม. ก็อนุมัติให้กระทรวงการคลังค้ำประกันเงินกู้อีก 9 พันล้านบาท

วัฒนา อัศวเหม รมช.มหาดไทย ผู้ดูแลการเคหะแห่งชาติ อนุมัติโครงการในการศึกษาโยกย้ายประชาชนที่อาศัยอยู่ในชุมชนดินแดง งบประมาณ 200 ล้านบาท โครงการรื้อถอนอาคารเดิม และโครงการก่อสร้างอาคารใหม่ งบประมาณอีก 7,798 ล้านบาท

ประภัตร โภสุธน ร.ม.ต.เกษตรและสหกรณ์ ผู้สร้างสถิติฮือฮาทำงาน 7 เดือน เสนอกฎหมายแค่ 3 ฉบับ แต่อนุมัติไป 133 เรื่องกับอีก 11 โครงการ โดยอนุมัติถี่ยิบในช่วงเดือนสิงหาคมถึงตุลาคม และอีก 2 โครงการยักษ์ ก่อนยุบสภาเพียงอึดใจ ก็หนีบโครงการชลประทานระบบท่อ มูลค่า 699 ล้านบาท และโครงการจัดหาและการบำรุงรักษาอากาศยานเพื่อเกษตร พ.ศ. 2544-2549 อีก 3,031 ล้านบาท แต่ถูกโยนตระกร้าไปเสียก่อน

รัฐบาลชวนอนุมัติเรื่อง และโครงการต่าง ๆ โดยที่ขั้นตอนดำเนินการโครงการเหล่านั้นไม่มีความโปร่งใส มีการฮั้วประมูลกัน หรือบางโครงการก็ยังต้องพิจารณาถึงความเหมาะสมอีกครั้ง การรีบร้อนก่อนยุบสภาเช่นนี้ เป็นสิ่งสะท้อนประจักษ์ชัดเจนว่ารัฐบาลชวนมีเจตนาที่จะหาเศษหาเลยกอบโกย เข้าพกเข้าห่อของตนไว้ก่อน ด้วยโครงการใหญ่ๆ เหล่านี้เปรียบเสมือนเนื้อก้อนโตบนเขียงทองคำ ที่พร้อมจะถูกเฉือนเป็นทุนแจกจ่ายให้กับลูกพรรคนำไปโปรยหว่านยังหัวคะแนนใน ที่สุด นี่คือหลักฐานชิ้นล่าสุดที่พิสูจน์ว่ารัฐบาลชวนมีความซื่อสัตย์เพียงใด
ถึงวันนี้คงต้องทบทวนสิ่งที่นายกฯชวนเคยบอกประชาชนเสมอว่า “ผมไม่เคยสักครั้งที่ควักเงินจ่ายค่ากาแฟในการหาเสียง”

สิ่ง ที่กล่าวมาข้างต้นเป็นเพียงตัวอย่างการจัดการปัญหาของประเทศ ภายใต้การบริหารงานของรัฐบาลชวน 2 เท่านั้น สิ่งที่เราพบก็คือ รัฐบาลคอรัปชั่นโอบอุ้มพวกพ้องตนเอง ไม่มีประสิทธิภาพ และขาดวิสัยทัศน์ในการจัดการกับปัญหาความทุกข์ร้อนของแผ่นดินอีกทั้งยัง สร้างภาระและความเจ็บแค้นให้กับปร ะชาชนผู้ยากไร้ที่เป็นกำลังสำคัญของชาติด้วยหากที่ผ่านมารัฐบาลจะเปิดใจให้ กว้าง รับฟังปัญหา และอยู่เคียงข้างประชาชนผู้ยากไร้มากกว่านี้ ความทุกข์ยากและเจ็บปวดของคนไทยอาจบรรเทาลงมากกว่าทุกวันนี้ และเราอาจฟื้นตัวเองขึ้นได้บ้าง แม้ไม่ทั้งหมดก็ตาม

ตอนที่ 10 อวสานรัฐบาลหัวครก!!!!!!!!


เพราะนายกรัฐมนตรีที่ชื่อ ชวน หลีกภัย

ผล งานอัปยศในช่วง 3 ปีภายใต้การบริหารประเทศของรัฐบาลนี้ นายกรัฐมนตรีที่ชื่อชวน หลีกภัยไม่สามารถปฏิเสธความรับผิดชอบต่อประชาชนทั้งประเทศได้ การอ้างว่าตนเองมาจากการเลือกตั้ง และหากประชาชนไม่พอใจการกระทำของตนเองหรือพวกพ้องในพรรคประชาธิปัตย์ ก็อย่าเลือกพวกเขาเข้ามาอีก คือคำท้าทายที่แสดงความเป็น “นักเลือกตั้ง” ที่ฝังลึกในกมลสันดานอย่างชัดเจนที่สุด

นายชวน หลีกภัยภาคภูมิใจนักหนาและมักอวดอ้างว่าเล่นการเมืองมายาวนานถึง 30 ปี ทั้งก็เคยดำรงตำแหน่งเจ้ากระทรวงในกระทรวงใหญ่หลายแห่ง แต่ไม่สามารถพูดได้อย่างเต็มปากเต็มคำว่า มีผลงานอะไรบ้างที่เป็นชิ้นเป็นอันในระหว่างดำรงตำแหน่งเหล่านั้น และประชาชนก็ไม่มีใครจดจำได้เช่นกัน

นายกรัฐมนตรีที่ชื่อชวน หลีกภัยไม่ได้เป็นอะไรอื่นที่มากกว่านักเลือกตั้ง ที่ถนัดในการใช้คารมเชือดเฉือนคู่แข่งและผู้ที่ไม่เห็นด้วยกับตน และตลอดชีวิตของการ “เล่น” การเมืองที่ผ่านมา ก็อาศัยเล่ห์เหลี่ยมชั้นเชิงทางการเมือง กระทั่งบิดเบือนหลักการประชาธิปไตย ไต่เต้าขึ้นมาดำรงตำแหน่งบริหารสูงสุดของประเทศด้วยเหตุนี้จึงหวังไม่ได้ ว่าคนอย่างนายชวนจะมีวิสัยทัศน์ และความสามารถในการบริหาร โดยเฉพาะในยามวิกฤติที่ประเทศต้องการ “ผู้นำ” ไม่ใช่ “ปลัดประเทศ”

นาย ชวน หลีกภัยผู้สักแต่เซ็นหนังสือไปวันๆ และโยนกลองการตัดสินใจเรื่องนโยบายเศรษฐกิจให้กับรัฐมนตรีคลัง ปู้ยี่ปู้ยำจนบ้านเมืองล่มจมเพราะความไม่รู ้ และความดื้อตาใส ไม่ฟังแม้แต่เสียงทักท้วงของคนร่วมพรรค ซึ่งไม่เห็นด้วยกับแนวทางแก้ไขปัญหาที่กลับทำให้ทุกสิ่งทุกอย่างเลวร้ายลง ไปอีก ย่อมไม่สมารถเอาแต่ “แก้ตัว” และ “ลอยตัว”
หมดเวลาของนายชวน หลีกภัย, รัฐบาลชุดนี้ และพรรคประชาธิปัตย์แล้ว
ประชาชนกำลังจะให้บทเรียนครั้งสำคัญ เพื่อสั่งสอน “นักเลือกตั้ง” อย่างนายชวน หลีกภัย และพรรคประชาธิปัตย์ให้หลาบจำตลอดไป




 

Create Date : 18 มกราคม 2551    
Last Update : 18 มกราคม 2551 16:50:21 น.
Counter : 708 Pageviews.  

1  2  3  4  5  6  7  8  
 
 

ไม้โมก
Location :
นครปฐม Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




ยังคงมี.............ความรักจะมอบให้
ยังคงมี.............หัวใจที่เปี่ยมฝัน
ยังคงมี.............ความหมายความผูกพันธ์
ยังคงมี.............ความหวานแม้นานเนาว์
[Add ไม้โมก's blog to your web]

 
pantip.com pantipmarket.com pantown.com
pantip.com pantipmarket.com pantown.com