ไอบินหลาเอย ไม่เคยบินลับบินหาย
|
||||
Douro Valley แม่น้ำ ขุนเขา และพอร์ตไวน์ II วันที่สองของทริปนี้ผ่านไปอย่างรวดเร็ว พวกเราโชคดีที่ฟ้าเปิดในช่วงเช้า พอจะมีแสงได้เก็บรูปสวยเป็นที่ระลึก ช่วงหลังพวกเรามีโอกาสเห็นสิ่งสวยๆ ใหม่ๆ จนรู้สึกว่ากล้อง nikon แบบพกพา รึกล้องจากมือถือเริ่มไม่ดีพอ อยากได้กล้องใหญ่ๆ เลนส์ดีๆ แต่พอเขียนลงรายการที่จำเป็นต้องซื้อ และไม่จำเป็นแต่อยากซื้อทั้งหมดแล้วจิตตก สงสัยคงถึงโอกาสกลับไปทำงานหาเงินกันอีกซักพักใหญ่ พอได้เห็นบรรยากาศเก็บองุ่น ไอบินหลาอยากไปลองทำดูมั่ง แต่โดนสะกิดเตือนประมาณว่า ดูอยู่ห่างๆ อ่ะดีแล้ว อย่าไปทำให้เขาเสียผลิตผลมากไปกว่าเลย
ดูเหมือนเวลาที่หุบเขาดูโรจะผ่านไปเร็วกว่าที่ในทะเล ค่ำวันนั้นเรานั่งรวมโต๊ะกินข้าวกับนักท่องเที่ยวชาวสวีเดนอารมณ์ดีกลุ่มใหญ่กว่าสิบคนที่มีเพื่อนชาวโปรตุเกสเป็นไกด์กิติมศักดิ์ให้ พวกเขาทุกคนรู้จักกันเป็นอย่างดีเพราะเป็นกลุ่มเพื่อนบ้านที่ยกทีมกันมาทัวร์ดูโร บรรยากาศจึงสนุกสนาน ครื้นเครงกว่าเมื่อคืนวาน ส่วนคนนอกอย่างพี่พีกับนักไวโอลีนชาวเยอรมันก็เริ่มคุยกันถูกคอมากขึ้น
หลังอาหารค่ำ คาร์ลอสพาพวกเราไปชมห้องเก็บไวน์ของที่นี่พร้อมเล่าความเป็นมาของธุรกิจและครอบครัวสู้ชีวิตที่ต้องหนีสงครามไปตั้งถิ่นฐานทำไร่นุ่นในทวีปอัฟริกาเมื่อตอนที่เขายังเด็ก และต้องย้ายกลับมาอยู่โปรตุเกสอีกครั้งช่วงสงครามกลางเมืองในประเทศแองโกล่าเมื่อปี คศ.1975 พ่อกับพี่ชายของพ่อได้รวมเงินกันซื้อที่ดินบน Quinta Santo António เพื่อเริ่มต้นกันใหม่อีกครั้ง
ความยากลำบากของเกษตรกรรายย่อยของที่นี่ไม่ต่างจากเมืองไทยที่ถูกเอาเปรียบไม่สามารถแข่งขันกับกลุ่มทุนขนาดใหญ่ ผลผลิตองุ่นที่ได้ในแต่ละปีถูกจำกัดโควต้าจากสมาคมผู้ค้าไวน์ว่าสามารถนำไปผลิตไวน์เพื่อจำหน่ายได้เท่าไหร่ ส่วนที่เหลือชาวไร่จำเป็นต้องขายให้กับผู้ผลิตรายใหญ่ซึ่งเขาจะบอกราคากันในช่วงปลายปี คาร์ลอสเคยทำงานให้ Sandeman มาก่อนที่จะลาออกมาช่วยธุรกิจครอบครัวอย่างเต็มตัว เขาจึงเข้าใจธุรกิจนี้ในภาพรวมได้เป็นอย่างดี
คาร์ลอสเปรยกับพวกเราว่ายิ่งกว่าถูกปล้น ชาวไร่ลงทุน ลงแรงทำกันทั้งปีขายองุ่นไปแล้วก็ต้องรอจนถึงปลายปีจึงจะรู้ว่าได้ราคาเท่าไหร่ เทียบกันแล้วชาวนาไทยก็ยังโชคดีที่สามารถเก็บผลผลิตไว้ได้นานกว่าและมีประกันราคาข้าวให้อุ่นใจ
ช่วงท้ายคาร์ลอสให้พวกเราลิ้มลองพอร์ตไวน์คอลเล็คชั่นพิเศษที่บ่มไว้นานถึง35 ปีจากถึงไม้โอ๊ค พร้อมบอกว่าพอร์ตไวน์ผลิตไม่ยาก เพียงนำไวน์มาบ่มกับบรั่นดี ชาวไร่องุ่นแถบนี้ทำกันเกือบทุกรายแต่ไม่สามารถวางขายในท้องตลาดได้เพราะถูกควบคุมโดยสมาคมฯ
พี่พีติดใจรสชาติของพอร์ตไวน์ที่นี่จึงขอแบ่งซื้อใต้โต๊ะจากคาร์ลอสในวันรุ่งขึ้น ราคาขวดละ 40 ยูโร พี่พียิ้มน้อยยิ้มใหญ่ ทำท่าดีใจเหมือนได้เปล่าเพราะรู้ว่าราคาในท้องตลาดแพงและหาซื้อได้ยาก
วันสุดท้ายของทริปนี้ พวกเราติดรถชาวสวีเดนไปสถานีรถไฟเพื่อนั่งรถไฟต่อไปยัง Pocinho สถานีปลายทางเพื่อนใหม่ชาวสวีเดนก็เดินทางไปกับรถไฟขบวนนี้ หัวหน้าทัวร์ (จำเป็น)บอกว่าจาก Pinhoa ขึ้นไปเป็นเส้นทางพิเศษ รถไฟใช้เวลาวิ่งกว่าชั่วโมงเลียบแม่น้ำดูโร ลัดเลาะริมเขาวันนั้นมีฝนตกพรำๆ ได้บรรยากาศน่าประทับใจอีกแบบ
ถึงสถานีปลายทาง Pocinho เพื่อนใหม่ใจดีชาวสวีเดนก็นั่งดื่มไวน์รอเวลารถ หลังจากร่ำลากันเรียบร้อยไอบินหลากับพี่พีก็เดินดูรอบๆ สถานี
พอได้เวลาพวกเรานั่งรถขบวนเดิมกลับเมืองปอร์โต ขากลับฝนตกพรำๆ แต่หมอกฝนที่ปกคลุมภูเขาด้านบนทำให้ที่นี่สวย โรแมนติกไปอีกแบบ
ขากลับรถไฟวิ่งผ่าน Quinta de Santo António ไอบินรีบคว้ากล้องเก็บภาพหน้าต่างห้องพักเล็กๆทางซ้ายมือ เป็นความทรงจำกลับบ้าน จากสถานี Pocinho - Porto ปกติรถไฟใช้เวลาประมาณ 3 ชั่วโมงกว่าๆ วันนั้นเหมือนถูกหวย รถจิ๊ปวิ่งตัดหน้ารถไฟยังไงไม่รู้ โดนชนเสียยุบ กว่าจะลากรถเคลียร์ทางได้ก็กินเวลานาน ทั้งๆ ไม่ไกลจากตัวเมืองปอร์โตเท่าไหร่นัก ไอบินหลาเลยได้นั่งรถไฟนานขึ้น ฟรี! ไม่เพิ่มค่าธรรมเนียม :D
เสียดายที่ไอบินหลาไม่มีโอกาสเดินทางต่อไปยังเมืองอื่นๆในหุบเขาดูโร เช่น Matues, Lamego, Vila Real เพราะติดภารกิจครอบครัว แอบหวังลึกๆในใจว่าสักวันคงได้กลับมาเที่ยวที่นี่อีกสักครั้ง ประเทศสเปนและโปรตุเกสยังมีที่ท่องเที่ยวสวยๆ อีกหลายแห่ง ไอบินหลาจะพยายามทยอยเขียนไปเรื่อยๆ ค่ะ |
barby
Rss Feed Smember ผู้ติดตามบล็อก : 5 คน [?]
Group Blog All Blog Link |
|||
Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved. |