|
Loving in Taiwan ตอนที่ 2
หลังจากที่ชายหนุ่มเดินออกจากสนามบินแล้ว เขาก็เตรียมตัวเดินทางกลับบ้านที่เถาหยวน โดยมีคนขับรถของพ่อบุญธรรมนำรถเบนซ์สีดำมาจอดรอรับชายหนุ่ม “คุณชายเจิ้น ๆ รถจอดอยู่ทางนี้ครับ” คนขับรถพูดพร้อมกับเดินมารับกระเป๋าเดินทางของชายหนุ่มไปเก็บไว้ในรถ “ขอบใจมากอาหวง” ชายหนุ่มเดินไปที่รถ โดยมีคนขับรถเปิดประตูรอให้ชายหนุ่มขึ้นไปนั่ง แล้วค่อยปิดประตู “คุณชายจะไปที่ไหนก่อนเหรอครับ” คนขับรถถามก่อนจะสตาร์ทเครื่อง “ไปหาแม่ฉันก่อนนะ ฉันอยากจะกลับบ้านไปอยู่กับแม่สัก 2-3 วัน” “ครับ ๆ คุณชาย” ตอบรับชายหนุ่มเสร็จก็ขับรถมุ่งหน้าไปเถาหยวนทันที ระหว่างทางที่นั่งรถกลับบ้าน ชายหนุ่มได้หวนนึกถึงเรื่องราวความหลังสมัยเด็กก่อนที่เขาจะมาเป็นกัปตัน เขาต้องเจออุปสรรคต่าง ๆ มากมายหลายครั้ง แต่เขาก็ไม่เคยท้อถอย นับตั้งแต่พ่อบุญธรรมที่เป็นเศรษฐีมาขอเขาไปเลี้ยงเป็นลูกบุญธรรมจากแม่ เนื่องจากพ่อของเขาได้ประสบอุบัติเหตุรถชนเสียชีวิตเมื่อตอนที่เข้าไปไทเป ในขณะที่พ่อของเขาจะสิ้นลม บังเอิญพ่อบุญธรรมผ่านมาช่วยเหลือ พ่อของเขาจึงฝากฝังลูกน้อยให้พ่อบุญธรรมช่วยดูแลก่อนสิ้นใจ หลังจากที่พ่อบุญธรรมของเขารับปาก เขาก็แจ้งตำรวจและสืบหาที่อยู่ของบ้านเลี่ยวจนเจอ แต่เนื่องจากเขามีธุรกิจมากมาย ไม่สามารถไปพบกับครอบครัวเลี่ยวได้ทันที เขาจึงให้ลูกน้องโทรศัพท์ไปแจ้งกับทางครอบครัวเลี่ยว กว่าพ่อบุญธรรมของเขาจะติดต่อกับครอบครัวเลี่ยวได้ก็กินเวลาไป 3 เดือนแล้ว ในช่วงที่พ่อของเขาเสียชีวิต แม่ของเขาแทบจะกินไม่ได้ นอนไม่หลับ เพราะขาดผู้นำครอบครัว ทำให้เขาต้องหยุดเรียนมาช่วยแม่ทำงานหาเงินเลี้ยงครอบครัว เมื่อพ่อบุญธรรมติดต่อมาและขอรับเขาไปเลี้ยง แม่ของเขาจึงจำใจต้องให้เขาไปเพราะไม่สามารถส่งเสียให้เขาเรียนหนังสือได้ หลังจากที่พ่อบุญธรรมรับเด็กน้อยเจิ้นไปเลี้ยง เขาก็ไม่ได้ดูแลเด็กน้อยสักเท่าไหร่ เนื่องจากรับปากกับคนตายอย่างเสียไม่ได้ เขาจึงให้เด็กน้อยเจิ้นไปอยู่เป็นเพื่อนและคอยรับใช้ให้กับลูกชายของเขา นับว่าเป็นบุญของเด็กน้อยที่พ่อบุญธรรมยังส่งเสียให้ได้เรียนหนังสือในโรงเรียนระดับลูกเศรษฐี เด็กน้อยเจิ้นต้องอดทนอย่างมากในการดูแลรับใช้ให้กับลูกชายของพ่อบุญธรรมที่ชอบเอาแต่ใจตัวเอง และชอบกดขี่ข่มเหงคนที่ด้อยกว่า อย่างไรเสียเขาก็นึกขอบคุณพ่อบุญธรรมที่ส่งเสียให้เขาได้เรียนหนังสือจนจบและสามารถสอบขับเครื่องบินจนได้เป็นกัปตัน เมื่อคิดมาถึงตอนนี้แล้วรถก็จอดที่หน้าบ้านเลี่ยวพอดี “ถึงแล้วครับคุณชาย” “อืม ขอบคุณมากอาหวง นายเอารถกลับไปด้วยล่ะ เดี๋ยวฉันจะกลับไปบ้านหลี่เอง” พูดเสร็จก็เปิดประตูลงจากรถ “คุณชายครับ คุณชาย เดี๋ยวผมหยิบกระเป๋าลงให้ครับ คุณชายไม่ต้องหยิบเองนะครับ” “ไม่เป็นไรหรอกอาหวง นายจะได้ไม่ต้องลงจากรถไง” บอกคนขับรถเสร็จก็เดินไปหยิบกระเป๋าลงจากรถทันที “ฝากบอกพ่อบุญธรรมด้วยนะว่า อีก 2-3 วันฉันถึงจะกลับไป” “ครับคุณชาย ผมจะเรียนคุณผู้ชายตามนั้นนะครับ” “อืม.... โชคดีล่ะ ขับรถระวังด้วยนะอาหวง บ๊ายบาย” “บ๊ายบายครับคุณชาย” หลังจากคนขับรถสตาร์ทรถจากไป ชายหนุ่มจึงเดินเข้าบ้าน พร้อมกับตะโกนว่า “แม่ครับ ๆ ผมกลับมาแล้วครับ” “กลับมาแล้วเหรอลูกเจิ้น” แม่เลี่ยวเดินออกมากอดลูกชายที่ไม่ได้เจอหน้ากันนาน 3 เดือนอยู่หน้าประตูบ้าน “ทานอะไรมาหรือยังล่ะลูก แม่รู้ว่าลูกจะแวะมาหาแม่ แม่ก็เตรียมกับข้าวไว้ให้ลูกด้วยนะ ของโปรดลูกทั้งนั้นเลย มา ๆ เข้าบ้านกันเถอะลูก” แม่เลี่ยวพูดไปก็จูงลูกชายเข้าบ้านไป “ยังเลยครับแม่ เพิ่งลงจากเครื่อง อาหวงก็มารับพอดีเลยครับ” “เหรอลูก แล้วอาหวงไปไหนแล้วล่ะ แม่จะได้เรียกมาทานข้าวด้วยกัน” แม่เลี่ยวหันกลับไปมองด้านหลังชายหนุ่ม “ผมให้กลับไปรายงานพ่อบุญธรรมแล้วครับ แม่ครับ ผมจะมาพักกับแม่สัก 2-3 วันนะครับ ผมคิดถึงแม่มากเลยครับ” พูดจบก็โผเข้ากอดแม่อีกครั้ง “ดีจังเลยลูก แม่ก็คิดถึงลูกมากนะ ตั้งแต่ลูกไม่ให้แม่ทำงาน แม่ก็ไม่ค่อยจะมีอะไรให้ทำเลย นอกจากงานบ้านเล็ก ๆ น้อย ๆ เท่านั้น” “งั้นเอาอย่างนี้ดีมั๊ยครับ อาทิตย์หน้าผมว่าง ผมจะพาแม่ไปเที่ยวนะครับ” “ไปเที่ยวเหรอ จะพาแม่ไปไหนล่ะ ที่ไต้หวันลูกก็พาแม่ไปเที่ยวเกือบจะหมดแล้วนี่นา อย่างเขา หยางหมิงซานที่ลูกพาแม่ไป อยู่กับธรรมชาติแล้วแม่รู้สึกสดชื่นมากเลยลูก” “ผมจะพาแม่ไปเที่ยวต่างประเทศครับ” “ต่างประเทศเหรอลูก ประเทศไหนล่ะ แม่ยังไม่เคยเดินทางไปต่างประเทศเลยนี่นา” “ส.บ.ม. ครับแม่ แม่ลืมไปแล้วเหรอครับว่า แม่มีลูกชายที่เป็นกัปตันมือหนึ่งอยู่ทั้งคนนะครับ” พูดเสร็จก็เอามือกอดอกพร้อมกับยืดอกไปด้วย “เออ จริงสิ แม่ก็ลืมไปว่ามีลูกชายเป็นกัปตันที่เป็นคนเก่งที่สุดในโลกเลย” แม่เลี่ยวยิ้มให้ลูกชาย “ไป ๆ ไปนั่งโต๊ะทานข้าวได้แล้ว” แม่ลูกเดินเข้าครัว หลังจากที่ชายหนุ่มเอากระเป๋าเดินทางไปเก็บ “เออ แล้วลูกจะมาค้างกับแม่กี่วันเหรอ” ถามพร้อมกับนั่งลงบนเก้าอี้ “ก็สัก 2-3 วันครับแม่” ชายหนุ่มนั่งลงแล้วจึงตอบคำถาม “ว่าแต่จะพาแม่ไปเที่ยวที่ไหนล่ะ ยังไม่ตอบแม่เลยนะอาเจิ้น” “ขอโทษครับแม่ ผมดีใจที่ได้มาอยู่กับแม่นะครับ นาน ๆ จะได้มาอยู่กับแม่สักที อาทิตย์หน้าผมลาพักร้อนครับ ผมจะพาแม่ไปเที่ยวประเทศไทยนะครับ” “ประเทศไทย ที่นั่นมีอะไรน่าเที่ยวเหรอลูก” “ที่นั่นน่าเที่ยวมากเลยครับ สถานที่ท่องเที่ยวมีเยอะมากเลยครับ เราทานข้าวกันก่อนนะครับ เดี๋ยวทานเสร็จแล้วผมจะเล่าให้ฟังนะครับ” “จ้าลูก ทานเยอะ ๆ ด้วยนะอาเจิ้น แม่รู้สึกว่าลูกผอมไปนิดนึงนะ มา ๆ แม่ตักข้าวให้นะลูก” “ขอบคุณมากครับแม่” สองแม่ลูกต่างก็ยิ้มให้กันและกัน และทานข้าวกันอย่างมีความสุข **************************************************
ฝ่ายหญิงสาวทั้งสองหลังจากที่ขึ้นรถบัสและต่อด้วยรถไฟฟ้ามายังสถานีซีเหมินติงแล้ว ต่างก็มองหาร้านอาหารในบัตรฟรีที่แอร์โฮสเตสสาวให้มา “เห็นหรือยังล่ะแก้ว ร้านอาหารที่ระบุในบัตรฟรีอ่ะ” หญิงสาวนามว่าหยินถามพร้อมกับหันซ้ายหันขวาหาร้านอาหารไปด้วย “เราก็หันซ้ายหันขวาเหมือนกันกับหยินน่ะแหละ แล้วหยินล่ะเห็นมะ” แก้วย้อนถามเพื่อนแบบกวน ๆ “เดี๋ยวเราไปถามคนแถวนี้ดีกว่านะว่า ร้าน Tomagoya มันอยู่ตรงไหนของซีเหมินติง รออยู่ตรงนี้นะแก้ว เฝ้ากระเป๋าด้วยนะ เรามาต่างที่ไม่รู้ที่นี่ขโมยจะชุกเหมือนกับบ้านเราหรือเปล่า” พูดเสร็จก็เดินไปถามกลุ่มวัยรุ่นกลุ่มหนึ่งที่อยู่ด้านหน้า “จ้า ๆ เราไม่กล้าไปไหนหรอก กลัวหลง ภาษาจีนก็ไม่เป็นกะเค้าด้วยสิ คิด ๆ แล้วก็อดอิจฉาเธอไม่ได้นะหยิน พูดภาษาจีนปร๋อเลย อยากพูดได้แบบหยินมั่งจัง จะได้คุยกับคนจีนได้ โดยเฉพาะ F4 อ้าวหยิน เดินไปเฉยเลย ปล่อยให้เราพูดอยู่คนเดียว” ขณะที่แก้วพูดยังไม่จบ เพื่อนสาวนามว่าหยินก็เดินจากไปซะก่อน แก้วหันซ้ายหันขวาอีกครั้งว่ามีใครมองอยู่หรือเปล่า “อึ๋ย... มีคนมองเราอยู่จริง ๆ ด้วย เค้าจะคิดว่าเราบ้าหรือเปล่าเนี่ย” แก้วได้แต่คิดอยู่ในใจ ขณะที่แก้วกำลังคิดอยู่นั้น หยินก็เดินไปถึงกลุ่มวัยรุ่นพอดี “ขอโทษนะคะ น้อง ๆ พอจะรู้จักร้านอาหารชื่อนี้หรือเปล่าคะ” พูดเสร็จก็รีบยื่นบัตรให้กลุ่มวัยรุ่นดู “รู้จักครับ / ค่ะ” กลุ่มวัยรุ่นที่มีทั้งชายและหญิงตอบหญิงสาวพร้อมกัน “อยู่ข้างหน้านี่ไงครับ” วัยรุ่นชายคนหนึ่งตอบกลับมา “อ๋อ ขอบคุณค่ะ” หยินบอกขอบคุณเสร็จก็รีบเดินหนีจากกลุ่มวัยรุ่นทันทีด้วยความอาย “แก้ว ๆ เรารู้แล้วร้านอาหารก็อยู่ข้างหน้าเรานี่แหละ” รีบเดินมาบอกเพื่อนสาว “อ้าวเหรอ ถือเราสองคนมาปล่อยไก่ที่ไต้หวันละกันเนอะ ว่าแต่ซีเหมินติงเนี่ยเหมือนกับสยามเซ็นเตอร์บ้านเราเลยเนอะ” “ใช่ ๆ เหมือนสยามบ้านเราจริง ๆ ด้วย เห็นวัยรุ่นเต็มไปหมดเลย” มองซ้ายมองขวาอีกครั้ง แล้วก็หยุดมองวัยรุ่นชายหญิงคู่หนึ่ง “นั่น ๆ ดูนั่นสิแก้ว วัยรุ่นชายหญิงเดินจูงมือกันไม่อายใครเลยอ่ะ” “อืม... ถ้าบ้านเราเป็นแบบนี้ก็คงแย่เนอะ สงสารพ่อกับแม่พวกเค้าจัง” “อาจจะเป็นเพราะไต้หวันเป็นประเทศประชาธิปไตยเหมือนกับบ้านเรามั้ง แต่รู้สึกที่นี่เค้าจะเสรีกว่าบ้านเราอีกนะ” ยังไม่ทันที่แก้วจะพูดจบดี ก็มีเสียงดังขึ้นมาซะก่อน “โครก ๆ ๆ” เสียงท้องของสองสาวร้องขึ้นมาพร้อมกัน “มัวแต่คุยกันเรื่องนี้ เดี๋ยวก็คุยกันไม่จบหรอก เราไปทานข้าวกันดีกว่านะหยิน” “อ๊ะไปก็ไป ท้องของพวกเราจะได้เลิกร้องซะที อิอิ” และแล้วหญิงสาวทั้งสองก็เดินลากกระเป๋าเดินทางไปที่ร้านอาหาร *************************************************
Create Date : 31 กรกฎาคม 2552 |
Last Update : 19 สิงหาคม 2552 23:47:06 น. |
|
1 comments
|
Counter : 196 Pageviews. |
|
|
|
โดย: ippyaui IP: 61.91.233.129 วันที่: 15 สิงหาคม 2552 เวลา:23:39:23 น. |
|
|
|
| |
|
|
อุ๋ยตามเข้ามาอ่านจากเว็บบ้านไร่นะคะ รออ่านต่อค่ะ
อ่านไปนึกหน้าอาเจิ้นไป 555+ ขอบคุณนะคะพี่หนุ่ยสู้ๆ