แหล่งรวบรววมวิธีเล่นหุ้น
 
บทสรุปของ "สมควร นกหงษ์" หัวหอกต้านค้าปลีกข้ามชาติ ยกธงขาวรับ "โลตัส-ท็อปส์" ร่วมทุน

บทสรุปของ "สมควร นกหงษ์" หัวหอกต้านค้าปลีกข้ามชาติ ยกธงขาวรับ "โลตัส-ท็อปส์" ร่วมทุน

ในแวดวงค้าปลีกภาคตะวันออก ชื่อของ "สมควร นกหงษ์" เป็นที่รู้จักกันดีเพราะเป็นทุนท้องถิ่นรายใหญ่ที่ปลุกปั้นห้างสรรพสินค้า "แหลมทอง" จนติดตลาดและมีสาขาครอบคลุมพื้นที่จังหวัดชลบุรี ระยองถึง 3 แห่ง และยังเป็นเจ้าของซูเปอร์มาร์เก็ตขนาดเล็ก "Saveland Supercenter" อีกไม่น้อยกว่า 4 แห่ง

เกือบทศวรรษที่ผ่านมา นอกจากสมควร

นกหงษ์ จะนั่งกุมบังเหียนธุรกิจค้าปลีกเป็นซีอีโอของกลุ่มบริษัทศรีราชเทพประทานแล้ว เขายังรั้งตำแหน่งประธานหอการค้าจังหวัดชลบุรียาวนานถึง 6 สมัย ในช่วงนี้เองที่ทำให้บทบาทของเขาโดดเด่นอย่างยิ่งในฐานะที่เป็นแกนนำ หรือเป็น "โต้โผ" รณรงค์ต่อต้านการขยายสาขาของโมเดิร์นเทรด และค้าปลีกจากส่วนกลางที่รุกคืบเข้ายึดหัวหาดจังหวัดชลบุรีและภาคตะวันออก โดยเดินสายใช้ทุกเวทีประกาศจุดยืนต้านทุนค้าปลีกต่างชาติด้วยท่าทีที่แข็งกร้าว เด็ดขาดมาตลอด กระทั่งรัฐบาล พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ยอมผ่อนปรนให้มีการบังคับใช้โซนนิ่งค้าปลีกในเวลาต่อมา

แต่ดูเหมือนว่าจะสายเกินไป เนื่องจากยักษ์ค้าปลีกได้ปูพรมเปิดสาขาชลบุรี-พัทยา-ระยองครบทุกค่ายแล้วก่อนที่กฎโซนนิ่งจะออกมา ไม่ว่าจะเป็นค่ายแม็คโคร บิ๊กซี เทสโก้ โลตัส คาร์ฟูร์ เซ็นทรัล และโรบินสัน "สมควร" จึงเผชิญกับศึกหนักรอบด้าน แต่เขาก็ยังคงยืนหยัดปักหลักสู้ต่อ ขณะเดียวกันก็ได้พยายามปรับตัวทางธุรกิจโดยการทุ่มทุนปรับปรุงพื้นที่ห้างแหลมทองทั้ง 3 แห่งให้ทันสมัย และรักษาจุดแข็งในส่วนของแผนก

ดีพาร์ตเมนต์สโตร์ไว้ โดยนำสินค้าแบรนด์เนมเข้ามาจำหน่ายเพื่อทำให้สินค้ามีความหลากหลายมากยิ่งขึ้น รวมทั้งดึงฟาสต์ฟู้ดชื่อดังเข้ามาเปิดบริการ

การปรับตัวในครั้งนั้นสมควรให้เหตุผลว่า "เราต้องฉีกแนว ปรับตัวตามเหตุการณ์ เพราะคอนซูเมอร์โปรดักต์เราสู้ไมได้ แต่สุดท้ายพวกเสื้อผ้าแบรนด์เนมที่ว่าดังๆ มันก็ไม่ดัง สู้โนเนมไม่ได้ สินค้าโนเนมขายดีกว่า ตอนนี้ผมเหลือดีพาร์ตเมนต์สโตร์ที่ระยองเพียงแห่งเดียว ส่วนพื้นที่ซูเปอร์มาร์เก็ตและพื้นที่ที่เหลือก็เปิดให้เช่า ผมถอยหมดแล้ว" ขณะที่ในช่วงปี 2546 ได้ปรับเปลี่ยนห้างสรรพสินค้าแหลมทองศรีราชา ซึ่งเป็นห้างแห่งแรกของเขากลายเป็นศูนย์การค้าไอทีครบวงจรแห่งแรกของภาคตะวันออก ภายใต้ชื่อ "ตึกคอมศรีราชา" ซึ่งกลายเป็นธุรกิจดาวรุ่งจนถึงทุกวันนี้ พร้อมกับขยายสาขาเพิ่มอีก 2 แห่งคือ ตึกคอมพัทยา และตึกคอมโฆษะที่ จ.ขอนแก่น ซึ่งปัจจุบันตึกคอมทั้ง 3 แห่งได้แบ่งพื้นที่เช่าส่วนหนึ่งให้แก่ท็อปส์ ซูเปอร์มาร์เก็ต แล้วเช่นกัน รวมทั้งพื้นที่ซูเปอร์มาร์เก็ตที่ห้างแหลมทองช้อปปิ้ง พลาซ่า ระยอง และแหลมทองบางแสนอีกด้วย

นอกจากนี้ เมื่อปี 2549 ได้ร่วมทุนกับเทสโก้ โลตัส โดยให้เช่าพื้นที่เซฟแลนด์ ซูเปอร์เซ็นเตอร์ไปเรียบร้อยแล้วเช่นกัน ซึ่งได้แก่ สาขา

อ.บ้านบึง พนัสนิคม แหลมฉบัง จ.ชลบุรี และที่ อ.แกลง จ.ระยอง ดังนั้นจึงเป็นการ "ปิดตำนาน" การต่อสู้ของทุนท้องถิ่นไปอีกรายแล้ว

"สมควร นกหงษ์ " มีคำตอบกับบทสรุปที่ต้องยอม "ยกธงขาว" หันมาจับมือกับคู่ต่อสู้เดิมเทสโก้ โลตัส และท็อปส์ เพื่อความอยู่รอดทางธุรกิจ

"ปัญหาเรื่องทุน เรื่องการจัดการ ทุกอย่างเราสู้เขาไม่ได้หรอก เราถอยมาดีกว่า ผมถอยเพื่อได้นะ ผมจะสู้จนหมดตัวเลยก็คงไม่ใช่ สู้มาระยะหนึ่งก็ต้องปรับ เราไปห้ามเขา (ต่างชาติ) ไม่ได้ ผมก็ต้องถอยเพื่อตั้งหลัก ใครฉลาดคนนั้นก็อยู่รอด ช่วงที่สู้เราก็ปรับให้อยู่รอด ถ้าสู้หัวชนฝา สู้จนหมดเนื้อประดาตัว ใครจะหาให้ผมกินล่ะ เมื่อมีโอกาสผมก็ต้องเอา ใช่มั้ย"

"ผมสู้มา 10 ปีแล้ว พอแล้ว จุดยืนเราต้องมี คือจะเอาเงินหรือจะเอากระดูกล่ะ ตอนที่ผมสู้มีคนออกมาช่วยผมมั้ย เย้วๆ ผมต้องใช้เงินใช้ทุนหมดไปเท่าไร มีใครมาเห็นใจ มีใครมาช่วยออกมั้ย ผมควักจ่ายคนเดียว มันเหนื่อยแล้ว พอผมมาร่วมทุน ผมได้เงินมากินเปล่าก้อนหนึ่ง และมีการแบ่งเปอร์เซ็นต์จากยอดขายอีก 2% ไม่รู้กี่สิบล้าน ผมมีแต่ได้กับได้"

แม่ทัพศรีราชเทพประทานยังบอกอีกว่า คนที่ทำอยู่ก็ขอให้ปรับตัวด้วย เช่น ทำไฟให้สว่าง สินค้าต้องใหม่ สะอาด เพราะบางคนก็ยังคิดเหมือนเดิม ทำเหมือนเดิม ไม่ได้คิดที่จะปรับตัวอะไรใหม่ๆ บ้าง โวยวายอย่างเดียว และยังเห็นด้วยที่รัฐบาลจะต้องควบคุมการขยายสาขา ไม่อยากให้มากเกินไป ต้องเหลือให้คนไทยทำกินด้วย ตอนนี้ไซซ์เล็กก็จะกำลังเกิดขึ้นอีกเยอะ ก็เห็นต่อต้านกันอยู่

สำหรับทิศทางการดำเนินธุรกิจของกลุ่มนั้นต่อไปนี้จะเน้นพื้นที่ให้เช่าเป็นหลัก โดยเฉพาะในเร็วๆ นี้จะมีการปรับปรุงพื้นที่ให้เช่าในตึกคอมฯทั้ง 3 แห่ง ส่วนธุรกิจรถทัวร์ซึ่งปัจจุบันมีทั้งสิ้น 43 คันก็ไปได้ดีมาก และกำลังทยอยเปลี่ยนไปใช้ก๊าซเอ็นจีวีเพราะประหยัดได้มากถึง 65% รวมทั้งมีแผนที่จะสร้างปั๊มเอ็นจีวีอีกด้วย

นอกจากนี้ ในส่วนของธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ก็สดใส ขณะนี้ได้ซื้อคืนคอนโดมิเนียมแล้วนำมาตกแต่งเป็น "แหลมทองเซอร์วิส อพาทเม้นท์" (อยู่ที่ อ.ศรีราชา) เพื่อรองรับตลาดญี่ปุ่นที่มาทำงานในภาคตะวันออกกว่า 4 พันคน ขณะนี้เปิดบริการแล้ว 600 ห้องจากทั้งหมด 700 ห้อง

"ถือว่าธุรกิจที่ผมทำหลายตัวดีหมด การลงทุนธุรกิจใหม่ๆ คงไม่มีแล้วเพราะว่าอายุก็พอสมควร อยากจะใช้ชีวิตไม่ให้ลำบากจนเกินไป ลุยหนักมา 30 ปีแล้ว ตอนนี้น่าจะเพลาๆ บ้าง ลูกชาย ลูกสาวก็เรียนจบและมาช่วยกันดูแลธุรกิจได้แล้ว ผมก็ดูธุรกิจที่มีอยู่ให้ดีทุกตัว และใช้ชีวิตให้มีความสุขก็น่าจะเพียงพอแล้ว" สมควร นกหงษ์ กล่าวทิ้งท้ายอย่างอารมณ์ดี



Create Date : 12 กุมภาพันธ์ 2550
Last Update : 12 กุมภาพันธ์ 2550 20:16:57 น. 0 comments
Counter : 1444 Pageviews.  
 
Name
* blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Opinion
*ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet

hoon_vi
 
Location :
ขอนแก่น Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 41 คน [?]




เป็นนักลงทุนมือใหม่ กำลังหาวิธีการเหมาะสำหรับตัวเอง ชอบการถ่ายรูป ท่องเที่ยว เขียนบทความ
[Add hoon_vi's blog to your web]

 
pantip.com pantipmarket.com pantown.com