[Biei, Hokkaido] Spoon Valley (スプウン谷のザワザワ村) บ้านน้อย.. กลางทุ่ง






เราเคยอ่านรีวิว Spoon Valley ในห้อง BluePlanet ของคุณว่านน้ำ และคุณ ลอร่า อิงกัลส์ นานมากแล้ว..

ตอนนั้นไม่มีแพลนจะไปฮอกไกโดหรอกนะ แต่คิดว่าที่นี่น่ารักจัง ^^ .. ถ้ามีโอกาสชั้นขอไปพักสักครั้งเถอะ

จนเกือบ 2 ปีผ่านไป ได้โอกาสไปเที่ยวฮอกไกโดจริงๆ.. คราวนี้ไม่พลาดแน่ ^^




v
v
v



Map Code 389 069 240
เราใส่ Map Code ที่ Spoon Valley ส่งมาให้.. ลงในเจ้า Navigator แต่มันดันพามาโผล่ที่นี่ซะได้
.. ถ้าไม่เคยเห็นรูปป้ายทางเข้า ที่คุณว่านน้ำลงไว้ในกระทู้ เราก็คงมีหลงเหมือนกัน
.. ยังไงก็ขอบคุณคุณว่านน้ำไว้ ณ ที่นี่ด้วย ^^

ปล. คุณสามีด้วยความงุนงง “ตกลงเรานอนกันที่นี่เหรอ” ..
55+ ไม่ใช่จ้า เราขับเลยทางเข้ามาแล้ว ^^





.
.
.




การจองห้องพัก สามารถจองได้ 3 เดือนล่วงหน้าเท่านั้น..
ทางเว็บไซส์แจ้งไว้ว่าการจองทางโทรศัพท์เป็น First Priority
.. ก็เท่ากับว่าโทรมาจองก่อนได้ก่อน ส่วนอีเมล์ไปจองนั้นได้สิทธิทีหลัง
แต่ภาษาญี่ปุ่นไม่กระดิกเลยนี่สิ.. เลยจองไปทางอีเมล์ดีกว่า ส่งอีเมล์ไปที่ info@spoonvalley.com
.. ที่นี่ตอบอีเมล์ช้าอยู่เหมือนกัน เรากระสับกระส่ายรออีเมล์อยู่ 2-3 วันแหนะ กว่าจะได้อีเมล์ตอบกลับ..






Ref.:
** ( ^o' ) ญี่ปุ่น : กิน+เที่ยว ทริปเดียวครบกับว่านน้ำ มา-หา-ก๊าบ ซีซั่น 2-9.. Spoon Valley หมู่บ้านน้อยกลางทุ่งฝัน..  - คุณว่านน้ำ
** บ้านเล็กในทุ่งกว้าง ตอน ฉันรักท้องฟ้าที่ B I E I , Hokkaido   - คุณ ลอร่า อิงกัลส์ ~*






ที่พักอีกแห่งนึงที่เราสนใจ "Potato no Oka".. อยู่บนถนนเส้นเดียวกับ Spoon Valley เลย
ราคาห้องพักก็ถูกกว่า Spoon Valley นิดหน่อย (13,860 เยน ≈ 5,544 บาท ต่อคน ต่อคืน).. แถมรวมอาหารเช้าและเย็น
.. ส่วน Spoon Valley  (15,000 เยน ≈ 6,000 บาท ต่อคน ต่อคืน) นั้น รวมอาหารเช้าอย่างเดียว






Check-in time : 3:00 p.m. / Check-out time : 10:00 a.m.






ด้านในตรงส่วนของรีเซฟชั่น.. เค้าตกแต่งได้น่ารักมากเลย
ช่วงนี้หน้าไฮ.. เจ้าของบ้านมีผู้ช่วยเยอะทีเดียว






ด้านนี้เป็นห้องติดกัน.. เปิดเพลงเพราะๆ ไว้ตลอดเลย
แต่ไม่ยักเห็นลูกค้าคนไหนเข้ามานั่งเล่น..
ก็แค่นั่งในบ้านตัวเอง ก็คงไม่อยากลุกไปไหนแล้ว ^^






อีกอย่างหนึ่งที่ชอบที่นี่.. ตรงทางเข้ามีป้ายปักไว้เลย "Hotel Guest Only"
.. ไม่มีคนนอกเข้ามาวุ่นวาย.. Spoon Valley จึงเงียบ สงบ เหมาะแก่การพักผ่อนจริงๆ ^^





.
.
.




เราได้กุญแจบ้านพักมาแล้วค่ะ.. เปิดประตูเข้าไปชมกันเลย
.. เข้าบ้านมาก็รีบๆ ถ่ายรูปไว้ก่อนที่ระเบิดกระเป๋าทั้งหลายจะลง ^^
.. ปล. เปลญวนทีผูกไว้.. นอนสบายมากเลย






ตรง Solarium ที่ยื่นออกไป.. เราหวังว่าคืนนี้คงได้ดูดาวเต็มๆ
แต่เสียดายว่าตรงกระจกติดฟิล์มไว้..
พอตกกลางคืน กลายเป็นว่าเรามองข้างนอกไม่เห็นเลย.. แต่จากข้างนอก มองเข้ามาข้างในได้เต็มๆ








บนโต๊ะอาหาร มีเซ็ทชากาแฟ
.. สำหรับบริการ “ตัวเอง” ค่ะ
กาแฟเป็นแบบ Drip coffee.. ซึ่งเราก็ไม่ชอบดื่มอยู่ดี






ในตู้เย็น.. มีมินิบาร์ใส่ไว้เยอะเหมือนกัน
ส่วนมากจะเป็นไวน์ กับน้ำแร่..
.. เสียตังค์นะคะ ไม่ฟรี
ปล. แหะ แหะ.. ลืมถ่ายรูปมาอีกแหละ






ห้องน้ำ.. อยู่ติดกับ Pantry..
เวลาใช้น้ำอุ่น.. เจ้าเครื่องทำน้ำอุ่นที่อยู่ด้านบนตู้เย็น จะเสียงดังมาก
.. ทีแรกเรานึกว่าเสียงรถแทรกเตอร์จากไร่ด้านนอกซะอีก ^^






ส่วนอาบน้ำ.. จริงๆ มีฝักบัวด้วย
แต่! ไม่น่าเชื่อว่าลืมถ่ายรูปไปได้..

จริงๆ ถ้าได้มีโอกาสมานอนแช่น้ำตรงนี้
.. คงรู้สึกดีน่าดู ^^






จากห้องน้ำ.. สามารถเปิดประตูมาตรงชานด้านหลังได้
แต่.. ถ่ายรูปมาไม่ชัดอีกแล้ว -_-“






เดินขึ้นมาชั้นสอง.. ซึ่งเป็นส่วนของห้องนอนกันบ้าง
ปล. หน้าต่างทุกบานในบ้าน มีมุ้งลวดกันแมลงไว้อีกชั้น
แถมมุ้งลวดเนี่ยยังเปิดปิดได้อีก.. เริ่ดอ่ะ แบบว่าไม่เคยเห็นมาก่อน ^^






ชั้นนี้จะมีเบาะนอนด้วยกันทั้งหมด 4 เบาะ
.. ด้านนี้ 2 เบาะ






คืนนี้เป็นคืนที่ 6 ในฮอกไกโด..
อยากจะบอกว่าเบาะนอนที่ Spoon Valley เนี่ย นอนหลับสบายดีสุด
.. เป็นคืนแรกที่เรานอนหลับสนิท และตื่นมาไม่ปวดหลัง
.. ที่พัก 2 ที่ก่อนหน้านี้เบาะนอนแข็งมาก!






ด้านนี้อีก 2 เบาะ..
ส่วนนี้น่าจะเหมาะกับเด็กๆ มากกว่า
.. เห็นมีหนังสือนิทานวางไว้ด้วย





v
v
v



[Day1   /   7 ส.ค. 2555]

จะว่าไป.. โลเกชั่นที่นี่ดีจริงๆ อยู่กลาง Patchwork Hills เลย ^^








ที่นี่มีบ้านพักแค่ 5 หลัง
แต่เราจะลงรูปเยอะหน่อย
เราพักที่ 3 วัน 2 คืน.. ในแต่ละวันท้องฟ้าในแต่ละวันไม่เหมือนกันเลย






อย่างวันแรกที่เช็คอิน.. ฟ้าใสมาก จะมีเมฆก้อนใหญ่ๆ ตรงสุดขอบฟ้า
.. วันที่ 2 ตอนเช้าหมอกลงจัดมาก
.. วันที่ 3 ฟ้าใส แต่มีเมฆเป็นก้อนๆ กระจายอยู่







v
v
v




[Day2   /   8 ส.ค. 2555]

ตื่นมาตอนเช้า.. ตกใจเล็กน้อยถึงปานกลาง
หมอกลงจัดพอสมควร..
.. มีน้ำค้างเกาะอยู่บนใยแมงมุมอยู่ทั่วไป
ทำให้เรารู้ว่าที่นี่มีแมงมุมอยู่เยอะขนาดไหน
.. ถ้าใครกลัวแมงมุมอาจจะหลอน






ว่าไป ใยแมงมุมพวกนี้.. ก็สวยไปอีกแบบ ^^






เก็บบรรยากาศด้านนอกเล็กน้อย..
เสร็จแล้วต้องรีบกลับเข้าบ้าน.. “หนาว”






เฮ้อ.. วันนี้เราจะขึ้น Mt. Tokachi (Tokachidake - 十勝岳) กัน
แล้วจากบนเขามันจะมองเห็นอะไรไหมเนี่ย -_-“






บ้านอืนๆ เค้าก็ยังไม่ตืนกันเลย..






หน้าบ้านเราเอง.. อิอิ ^^
“No. 5”





.
.
.




รีเควสท์อาหารเช้าไว้ตั้งแต่เมื่อวาน.. ว่าเช้านี้ให้มาเสิร์ฟตอน 7:30 น.

เห็นตะกร้าใบนี้แล้วตื้นเต้น ^^
.. เพราะเคยเห็นจากในรีวิวของคุณว่านน้ำ กับคุณลอร่า อิงกัลส์ ~* มาแล้ว






เห็นหน้าตาอาหารแล้ว.. อยากจะลองใจจะขาด
แต่ต้องถ่ายรูปก่อนตามระเบียบ.. ^^






เริ่มจากอันแรก.. แฮมเบเกิล
เบเกิลคุณภาพดี แถมปิ้งมาพอเหมาะเลย..
.. กัดเข้าไปคำแรก "อร่อย"
คุณสามีทาน Pesci-vegetarian.. ไม่ทานแฮม
เราเลยเหมาแฮมมา 2 ชิ้นเลย.. yum yum ^^

ปล. คุณสามียังสงสัยเลยว่า..
แถวนี้เค้าไปหาซื้อเบเกิลคุณภาพดีๆ แบบนี้มาจากไหน






Minestrone Soup.. ซุปผัก
รู้นะว่าผักในซุปมันสด.. แต่โดยรวมแล้วมันจืดชะมัด
.. ยกให้คุณสามีเหมาไปเลย

ปล. ที่ถ่ายรูปมันไม่ชัด..
เพราะโดนไอความร้อนจากซุปเล่นงานเข้าไปเต็มๆ ค่ะ






Potato Gratin.. มันฝรั่งอบ โปะหน้าด้วยชีส
จะว่าไปก็อร่อยใช้ได้.. แต่เราว่ามันจืดไปนิดนึง

ส่วนที่เหลือไม่ได้ถ่ายเจาะมา.. มีพุดดิ้ง เมล็ดกาแฟ กับน้ำส้มค่ะ





.
.
.




ตอนเย็น.. หลังจากลงมาจาก Mt. Tokachi
และทานโซบะจากร้านที่เราแห้วไปเมื่อวานแล้ว
.. วันนี้เราโชคดีที่ร้านเค้าเปิด ^^
 (ถ้าอยากรู้ว่าอร่อยแค่ไหน.. ต้องติดตามอ่านค่ะ)

เราแวะมาดูพระอาทิตย์ตกที่ “Hokusei Hill Observatory”
.. ซึ่งอยู่ไม่ไกลจาก Spoon Valley ..
เห็นบ้านเราได้ลิบๆ จากบนนี้เลย ^^

ปล. รูปท้องฟ้าเปลี่ยนสี.. ก่อนพระอาทิตย์ตกยังมีอีกเยอะเลยค่ะ
.. เอาไว้ลงตอนรีวิวทริปละกันค่ะ





.
.
.



“ป้ายทางเข้า Spoon Valley” ..
ก่อนจะขับรถมาถึงตรงนี้..
เราก็แวะถ่ายรูปท้องฟ้ากันมาตลอดทางเลยค่ะ
.. คิดย้อนกลับไปก็ขำๆ ดีเหมือนกัน ^^






ท้องฟ้าที่ Biei เย็นนี้.. เปลี่ยนสี และลวดลายตลอดเวลาเลย
.. สวยงาม ดึงดูดใจมาก






เหอ เหอ.. เราสองคนยังถ่ายรูปกันต่อไป
.. ยังไม่มีทีท่าว่าจะหยุด 55+










ระยะทางแค่ 100 เมตร จากทางเข้า
.. เราใช้เวลาขับรถกันเกือบ 15 นาที ^^











.
.
.




คืนนี้.. เราก็ยังไม่หยุดถ่ายรูป
ออกมาถ่ายดาวกันอีก.. แต่เราจำไม่ได้ว่ามันต้องเซ็ทกล้องยังไง..
ก่อนหน้านี้เคยถ่ายดาวแค่ครั้งเดียว.. ตอนที่ไปพักที่บ้านแสงอรุณ (เชียงราย)
รูปมันก็เลยออกมาแบบนี้.. “เซ็ง (เล็กน้อย)”






ถ่ายออกมาได้เท่านี่แหละ..
แถมยังต้องหลบออกมาถ่ายที่มืดๆ หลังบ้านอีก..





v
v
v



[Day3   /   9 ส.ค. 2555]

เห็นไหม.. บอกแล้วว่าท้องฟ้าที่นี่ แต่ละวันไม่เหมือนกันเลย
วันนี้.. ท้องฟ้ามาพร้อมกับก้อนเมฆ ก้อนน้อย-ใหญ่เต็มไปหมด ^^













.
.
.




ส่วนอาหารเช้าวันนี้.. นัดไว้เร็วกว่าเมื่อวาน “7:00”
เพราะเราต้องรีบขับรถไปคืนที่ Sapporo ให้ทัน 10:20






จะว่าไป.. อาหารเช้าวันนี้ก็ไม่ได้แตกต่างจากเมื่อวานสักเท่าไหร่






มีโยเกิร์ตมาสลับกับพุ้ดดิ้ง..
.. เบเกิลเช้านี้ก็ไม่มีแฮม แต่ใส่ชีสมาแทน
.. ส่วน Potato Gratin, Minestrone Soup และน้ำส้มก็เหมือนเมื่อวานทุกอย่าง





.
.
.



ถึงเวลาต้องลา Spoon Valley กันแล้ว..
เราเดินเข้าไปที่รีเซฟชั่น ยื่นกุญแจให้กับเจ้าของบ้าน พร้อมกับพูดว่า “Check-out, Please”
.. อ่ะนะ ก็คนมันพูดภาษาญี่ปุ่นไม่เป็น..
พยายามพูดอะไรที่มันง่ายๆ เข้าไว้ ^^

สรุป ทั้งหมด 58,500 เยน ≈ 23,400 บาท สำหรับ 2 คืน
(ได้ส่วนลดมา 1,500 เยน จากที่เข้าพัก 2 คืนติดกัน)
โห! ลดเยอะมากเลยอ่ะ.. “ประชดค่ะ ประชด”





v
v
v



จขบ. ยังมีรีวิวทริป American Southwest ที่ยังค้างเติ่งไว้
.. ทริปใหม่ก็มาอีกแล้ว..
คราวนี้กะว่าจะให้รีวิวทริปฮอกไกโดแซงโค้งก่อน
.. เพราะความทรงจำยังซิงๆ อยู่ให้หัว
แต่ทริปอเมริกานี่ซิ มันจางๆ ไปหมด แล้ว -_-“
.. ยังไงจะรีบเขียนรีวิวทั้ง 2 ทริปมาให้ชมกันโดยเร็วๆ ที่สุด (เท่าที่จะสามารถนะคะ อิอิ)




 

Create Date : 16 สิงหาคม 2555    
Last Update : 28 มีนาคม 2556 17:34:42 น.
Counter : 6819 Pageviews.  

[Manarola, Italy] La Torretta Charme & Relax

Cinque Terre: Manarola!!? เอ๊ะ!? อะไร ที่ไหน!?
ระหว่างที่หาข้อมูลวางแผนเที่ยวอิตาลี สะดุดเข้ากับชื่อเมืองนี้โดยบังเอิญ
ลงมือเสิร์ชกูเกิ้ล ทั้งข้อมูลและรูปภาพทั้งหลายปรากฏบนหน้าจอ
หันไปถามเพื่อนร่วมทริป “ไปไหม? สวยนะ hikingได้ด้วย”
ได้ยินคำว่า hikingเท่านั้น ตานี้หูผึ่ง ตกลงในทันที หุหุ ^^




Cinque Terre ชื่อก็บอกแล้วว่า "The Five Lands" หรือ ห้าแผ่นดิน
ซึ่งประกอบด้วย Riomaggiore, Manarola, Corniglia, Vernazza และ Monterosso al Mare
ที่นี่ก็ต้องมาเลือกว่าอยากจะพักเมืองไหน สำหรับเราสองคนขอเมืองเล็กๆ น่ารัก ผู้คนไม่พลุ่กพล่าน
จึงตกลงเลือก Manarola เป็นจุดยุทธศาสตร์
ถ้าใครอยากจะประหยัดงบ แนะนำว่าพักที่ La Spezia เมืองหน้าด่านของ Cinque Terre ดีกว่า


การเดินทาง: เราเริ่มต้นการเดินทางโดยรถไฟจากฟลอเรนซ์
Florence Santa Maria Nouvella Station(S.M.N.) ---> La Spezia Centrale Station ---> Manarola
จาก S.M.N. ถึง La Spezia Centrale ใช้เวลาประมาณ 2 ชั่วโมงครึ่ง
ส่วนจาก La Spezia Centrale ถึง Manarola 10 นาทีก็ถึงแล้ว แต่รถไฟดีเลย์ (ตามเคย)
OMG! ระยะทางแค่ 192 กม. เราใช้เวลาทั้งหมดกันเกือบ 4 ชั่วโมง
เพราะฉะนั้นขากลับเผื่อเวลา วางแผนกันดีๆนะคะ


ส่วนไดเร็คชั่นจากสถานี Manarola ไปยัง La Torretta: ให้ใช้อุโมงค์ที่เชื่อมกับหมู่บ้าน
สุดอุโมงค์แล้วเลี้ยวขวา จากตรงนี้จะเห็นหอคอยสีเหลือง เดินตามทางไปเลยค่ะ
จนกระทั่งถึงหอคอย (บริเวณนี้จะมีโบสถ์อยู่ด้วย) จะเห็นทางเข้า La Torretta ชัดเจน
ใช้เวลาเดินขึ้นเนินจากอุโมงค์จนถึงจุดนี้ 13 นาที


.
.
.


ใช้เจ้าหอคอยสีเหลืองๆ นี่แหละค่ะ เป็นแลนด์มาร์ค
เห็นชัดเจนที่สุด
แค่เห็นสีของท้องฟ้า ก็ใจละลายแล้ว ^^



v
v
v


เดินลากกระเป๋าขึ้นเนิน หอบแฮ่ก
ถึงซะที "La Torretta Charme & Relax"



ทางเดินเข้า มีเชือกกั้นแบบนี้ เพื่อป้องกันไม่ให้บุคคลภายนอกเข้ามาวุ่นวาย
ถ้าจะเข้ามาเช็คอินก็ปลดเชือกเดินผ่านเข้าไปได้เลยค่ะ



.
.
.


จองห้อง Junior Garden Suite ไว้ค่ะ
ราคา 190 ยูโร ต่อคืน ต่อห้อง รวมอาหารเช้า



ห้องนี้ไม่มีแอร์ มีแต่พัดลม
ตอนกลางคืน เปิดหน้าต่าง ก็ไม่ร้อนแล้วค่ะ
ตอนกลางวันถ้ายืนกลางแดดก็แทบละลายเหมือนกัน แดดแรงมาก!



นอนๆเล่นอยู่บนเตียง หันมาถามเพื่อนร่วมทริป “คุ้นๆไหม?”
คุณสามีคงงง เอ ยายนี้ออกอาการเดจาวูหรืออย่างไร


อารมณ์เหมือนนอนอยู่ในรีสอร์ทแถวสวนผึ้งไม่ผิดเลย
เราว่าด้านในตกแต่งคล้ายๆ กับ Scenery Resort นะ ^^



ส่วน Welcome drink ที่นี่เค้าจัดเป็น Sparkling wine,
คุ้กกี้ และผลไม้(กีวี)ไว้ให้
หือ! กีวีอีกแล้วหรือ สงสัยเรื่องกีวีมาตั้งแต่ Torraccia di Chiusi
แล้ว




ส่วนฟากนี้ ไม่ฟรี แต่ราคารับได้ค่ะ




กาแฟในห้องพัก เป็นแบบแคปซูล
ขอเติมได้ตลอด




มินิบาร์ ฟรีทั้งตู้ค่ะ
แม่บ้านจะมาเติมให้ทุกวัน แต่พวกเราไม่ได้แตะเลย



.
.
.


ห้องน้ำ ไม่เล็ก ไม่ใหญ่
แต่เข้าพร้อมกันสองคนไม่ได้ 55+




สะอาด สะอ้าน ไม่มีที่ติค่ะ
คุณแม่บ้านที่นี่ เจ้าระเบียบมาก
เห็นอะไรวางเกะกะไม่ได้ จับเก็บใส่ตู้หมด ^^


.
.
.


ระเบียงหน้าห้องพักค่ะ ตกดึกได้มานั่งดูดาวตรงนี้ คงโรแมนติคไม่น้อย
เนินเขาที่เห็นในภาพ เป็นพื้นที่เกษตรกรรมของคนท้องถิ่น
มีทั้งไร่องุ่นทำไวน์ สวนมะกอก ไร่มะเขือเทศ ไร่ฟักทอง ฯลฯ




เห็นเถาไม้ด้านขวาของภาพไหมคะ? มีใครเดาถูกบ้างว่ามันคือต้นอะไร?



คำตอบ: กีวี
ไม่เคยเห็นต้นกีวีมาก่อนเหมือนกัน
เสียดายเลือกกีวีไม่เป็น ถ้าเลือกเป็น กีวีบนต้นนี้คงไม่เหลือ
ทีนี่ก็ถึงบางอ้อว่ากีวีในอิตาลีไม่ใช่ผลไม่นำเข้า




ห้องนี้ จะเห็นทั้ง sea view และ mountain view




.
.
.


Happy Hour ช่วง 18:00 – 19:00 ทุกวัน
เสิร์ฟคานาเป้กับไวน์ไม่อั้น
แขกส่วนมากที่พักที่นี่ก็จะมารวมตัวกัน พบปะพูดคุย
แลกเปลี่ยนประสบการณ์การท่องเที่ยวในอิตาลีกัน




อันนี้รสชาติประมาณข่าวเกรียบ SB



ล้อบบี้กลางแจ้ง เล็กๆของ La Toretta



วิวจากล้อบบี้ วิวก็ไม่แตกต่างจากที่ห้องพักสักเท่าไหร่




พระอาทิตย์เริ่มตกแล้ว ฟ้าก็เปลี่ยนเป็นสีทอง



.
.
.


อาหารเช้าบริการเสิร์ฟที่ห้องพัก
เซ็ทใหญ่อลังฯ มีทั้งครัวซองท์ คัพเค้ก โยเกิร์ต น้ำผลไม้ ผลไม้ กาแฟ ฯลฯ
วันกลับเราเช็คเอาท์เช้ามาก (ก่อน 6 โมงเช้า) ซึ่งเราก็แค่ทิ้งกุญแจไว้ในห้อง
ทาง La Torretta ก็ยังอุตสาห์จัดอาหารแบบเดียวกันนี้ใส่ถุงไว้ให้
พร้อมช้อนส้อมพลาสติก และน้ำเปล่า “ประทับใจค่ะ ^^”



v
v
v


เสร็จสิ้นกับการรีวิวโรงแรมในทริปนี้แล้วค่ะ
คราวหน้าได้เริ่มรีวิวทริปอิตาลีแบบเต็มๆซะที
รอติดตามชมนะคะ ^^




 

Create Date : 18 ตุลาคม 2554    
Last Update : 18 ตุลาคม 2554 9:44:22 น.
Counter : 3859 Pageviews.  

[San Gimignano, Italy] Torraccia di Chiusi: ฟาร์มสเตย์สไตล์ทัสคานี่


ทริปอิตาลีครั้งนี้.. นอกเหนือจากเมืองที่เป็นที่นิยมสำหรับนักท่องเที่ยวทั่วๆไป พวกโรม ฟลอเรนซ์ มิลาน
พวกเราได้มีโอกาสไปพักที่ San Gimignano ซึ่งเป็นเมืองนึงของแคว้นทัสคานี่ (Tuscany) ด้วย
เนื่องจากเพื่อนร่วมทริปร้องขอมาว่า “ไหนๆ ก็ไปอิตาลีขอลองพักแบบ A true Tuscan experience สักทีเหอะ”..
เราก็จัดให้ตามคำขอ แต่เราหักคอขอเพิ่มเวนิส (Venice) ไปอีกหนึ่งคืน.. แลกกัน ^^


ฟ้าทัสคานี่ใสมาก.. แต่เสียดายช่วงเย็นฝนตก ฟ้ามัว
แล้วเราก็ค้างที่นี่แค่คืนเดียวด้วย ไม่มีโอกาสถ่ายฟ้าสวยๆอีกเลย T.T




เห็นไหมค่ะ.. ฟ้ามืดๆ เริ่มเข้าครอบงำ T.T




Torraccia di Chiusi เป็นที่พักประเภท Agriturismo เราขอเรียกอีกชื่อว่า Farm Stay ละกัน..
รายได้หลักของที่นี่มาจากการทำไร่องุ่นและสวนมะกอก
ที่นี่ทำไวน์เองด้วย Donatella(เจ้าของ)เล่าว่าเธอเคยพบ Nero Coin (เหรียญทองโรมันโบราณ)ในไร่องุ่นของเธอ
เธอจึงให้ชื่อไวน์ของเธอว่า”Nero”


การเดินทาง: เราเช่ารถขับเองมากจากฟลอเรนซ์ ใช้บริการของ Hertz.. สาขานี้เป็นสาขาที่ยุ่งที่สุดแล้ว ตั้งแต่ใช้บริการ Hertz มาในชีวิต
แถมถ้าไม่จอง GPS มาก่อนล่วงหน้า หมดสิทธิ์เช่านะคะ..
เราใช้ GPS นำทางโดยเซ็ทจุดหมายไว้ถนน Chiusi ที่ตั้งของฟาร์มสเตย์.. ใช้เวลาขับรถทั้งสิ้นประมาณ 1 ชั่วโมง
Torraccia di Chiusi
LA TORRACCIA S.r.l.
Località Montauto - 53037 San Gimignano (Siena) - ITALY - Tel. 0577-941972
P.IVA: 04230581003
www.torracciadichiusi.it - info@torracciadichiusi.it


.
.
.


ถึงแล้วค่ะ Torraccia di Chiusi





ประตูใหญ่ ทางเข้าฟาร์มสเตย์จะล๊อกไว้ตลอด.. ส่วนประตูเล็กๆ ด้านข้าง เดินเข้าออกได้ตลอดค่ะ
สำหรับตัวตึกที่พักต้องเดินขึ้นเนินจากตรงนี้ไปนิดนึง.. ตึกสีเหลืองๆ ที่เห็นนั้นแหละค่ะ




.
.
.


กว่าเราจะถึงฟาร์มสเตย์ก็บ่ายแก่ๆ Donatella เสนอจะเสิร์ฟอาหารกลางวันแบบง่ายๆ ให้เรา
พวกเราก็ยินดีเพราะเย็นนี้ตั้งใจจะขับรถไปทานอาหารเย็นนี้ใน San Gimignano อยู่แล้ว.. ไม่อยากจะขับรถกลับไปกลับมา


อาหารที่เธอเสิร์ฟมาให้เราเป็นอาหารแบบง่ายๆก็จริง แต่ให้มาเยอะเหลือเกิน
เกรงว่าจะทานไม่หมด.. แต่ไม่น่าเชื่อว่าหมดเกลี้ยงค่ะ ^^


++ ห้องอาหารเอาท์ดอร์ของ Torraccia di Chiusi ++




ง่ายๆ ก่อนเลย “ไข่เจียว”
ปกติเพื่อนร่วมทริปไม่ค่อยพิศมัยไข่เจียว แต่จานนี้โซ้ยคนเดียวเลย




แบ่งกันนะ จานเนื้อจานนี้เราก็โซ้ยคนเดียว
“Beef Florentine” เนื้อนุ่มดี
เจ้าก้อนสี่เหลี่ยมลูกเต๋าในจาน นึกว่าเป็นหัวหอมใหญ่
ตักเข้าปาก แทบคายไม่ทัน มันเป็นก้อนไขมันล้วนๆ เลย
ไม่ไหว ขอกินแต่เนื้อแดงละกันนะคะ




สลัดมะเขือเทศ ดูพื้นๆ เฉยๆ ไม่น่าสนใจ
แต่อร่อยสุดๆ แบบที่ฝรั่งเรียกว่า “flavorful”
เดาว่าอาจจะเป็นเพราะว่ามะเขือเทศสด และน่าจะเป็นมะเขือเทศออร์แกนิคด้วย




โฮมเมดชีส กับน้ำผึ้ง
ไม่เคยเห็นน้ำผึ้งไม่มีสีเหมือนกัน.. เลยไม่แน่ใจว่าเป็นน้ำผึ้งแท้หรือเปล่า
จานนี้ก็หมดเกลี้ยงอย่างไม่น่าเชื่อ ^^




ฟรุ๊ดสลัด สด อร่อย ชื่นใจมาก
เห็นมีกีวีปนอยู่ด้วย นึกว่าผลไม้นำเข้า
ที่แท้เป็นผลไม้ที่ปลูกในประเทศนี่แหละ
เห็นต้นกีวีครั้งแรกในชีวิตก็ที่ Manarola
(เมืองที่เรากำลังจะเดินทางไปพรุ่งนี้)




คัสตาร์ด Donatella บอกว่าทำไว้ให้ลูกสาว
คิดว่าพวกเราน่าจะชอบ เลยนำมาให้ชิม.. ใจดีจัง ^^




ที่นี่เค้าทำน้ำแร่อัดแก๊ส (sparkling mineral water) เอง
ดีเหมือนกัน ไม่ต้องใช้ขวดพลาสติก
แอบเข้าไปดูเครื่องทำน้ำแร่อัดแก๊สในครัว ดูคล้ายกับเครื่องกดน้ำอัดลมค่ะ




ทั้งหมดเนี่ย Donatella คิดค่าอาหารคนละ 10 ยูโร..
+ ไวน์อีกขวดละ 6 ยูโร.. มื้อนี้ทั้งหมดแค่ 26 ยูโรถือว่าไม่แพงเลย
ถ้าเทียบกับค่าครองชีพในอิตาลี


.
.
.


อิ่มหมีพีพันกันแล้ว ก็เข้าไปดูห้องพักกันดีกว่าค่ะ
ห้อง Suite ห้องนี้เรทรวมอาหารเช้า 176 ยูโร / ห้อง / 2 ท่าน
มี 1 ห้องนั่งเล่น.. 1 ห้องนอน.. 1 ห้องน้ำ และระเบียงส่วนตัว


++ ห้องนั่งเล่น++
ไม่มีโอกาสได้ใช้บริการห้องนี้เลย
.. ห้องนี้มีทีวีนะคะ




ห้องนอนกว้างมาก..
ห้องนอนกับห้องนั่งเล่นจะเชื่อมด้วยประตูบานนี้




ห้องนอนอีกมุมนึง..
หน้าต่างบานเดียวของห้องนี้.. ส่วนประตูนี้ก็เชื่อมออกไปยังระเบียง




มองเห็น San Gimignano ได้จากหน้าต่างห้องนอนเลย
แต่เห็นแบบลิบๆ นะ ^^




ห้องน้ำ.. ตกแต่งสไตล์วินเทจ
กลับกลายเป็นว่าเราชอบการตกแต่งของห้องน้ำ มากกว่าห้องนอนอีก ^^




ชักโครกจะใช้น้ำที่บำบัดแล้วจากบ่อบำบัดน้ำเสียค่ะ
.. ถือว่าเป็นการประหยัดทรัพยากรน้ำไปด้วย ไอเดียดีจัง




ระเบียงส่วนตัว.. ตกดึกมานั่งชมดาว จิบไวน์ คงโรแมนติคน่าดู
แต่.. ฝนดันตกซะได้




.
.
.


เวลาฟ้าใส สีท้องฟ้านี้แบบฟ๊าฟ้า
รถเช่าของเราคันนั้น “Fiat Panda” อยากรู้จริงๆ ทำไมต้องแพนด้า ^^




ห้องทำงานของ Donatella อยู่ตรงซุ้มเถาองุ่น
เช็คอินเช็คเอาท์ก็มาติดต่อห้องนี้เหมือนกัน




ห้องนั่งเล่นรวม มีชากาแฟบริการฟรีทั้งวัน




ห้องของเราอยู่บนชั้นสองของอาคารด้านขวาค่ะ




ตรงนี้มองเห็นวิวได้ไกลสุดหูลูกตาเลย




ท้องฟ้าสีฟ้า ก้อนเมฆสีขาวและสีเทา.. ทำไมสวยจัง!?




ซูมใกล้ๆอีกหน่อย ชอบเป็นการส่วนตัว




ไร่องุ่นที่ Torraccia di Chiusi สำหรับทำไวน์




ซูมให้ดูผลองุ่นใกล้ขึ้นอีกนิด ผลเล็กๆ แต่หวานเชียว




นี่ละมั้ง ที่เรียกว่า "Tuscan architecture"







.
.
.


อยากจะให้ดูรูปของปราสาทส่วนที่ยังไม่ได้ซ่อมแซม..
แค่เห็นก็รู้แล้วว่าเก่าจริงๆ.. เราจินตนการซะหลอนเลย คืนนั้นก็เลยนอนไม่หลับ T.T
มองไกลๆ ด้านขวาจะเห็น San Gimignano


Donatella บอกว่าปราสาทหลังนี้อายุเป็นพันปี ตกทอดมาจากบรรพบุรุษของเธอเอง



Torraccia di Chiusi อยู่ห่างจากดาวน์ทาวน์ San Gimignano ประมาณ 5 กม.
ถ้ามองจากระเบียงห้องพักก็เห็นอยู่ลิบๆ





Night shot of San Gimignano




v
v
v


เช้าวันนี้ ตื่นแต่เช้า ต้องขับรถไปคืนที่ฟลอเรนซ์
แถมยังต้องจับรถไฟต่อไปยัง Manarola อีก


ออกมายืนที่ระเบียง แล้วก็กดแชะ
เอาให้ครบ 360 องศา ^^




ฟ้ากว้างๆ ของทัสคานี่




วันนี้ฟ้าจะใสไหมน้า?!





ฝั่งนี้ ฟ้าเป็นสีทองเชียว




.
.
.


อาหารเช้าของที่นี่ เสิร์ฟอาหารง่ายๆค่ะ แต่เน้นคุณภาพ
แพสตรี้หลากหลายชนิด พาวด์เค้ก โคลคัทส์ และน้ำผลไม้




ห้องอาหารก็เล็กๆสบายๆค่ะ




v
v
v


บล๊อกหน้าจะมาเล่าถึงห้องพักริมทะเลใสๆ ของ Italian Riviera นะคะ ^^





 

Create Date : 13 ตุลาคม 2554    
Last Update : 14 ตุลาคม 2554 8:37:57 น.
Counter : 3179 Pageviews.  

[Venice, Italy] Ca' San Giorgio Relais & Suites



สำหรับห้องพักที่เวนิส.. จริงๆ เราจอง B&B Sandra ไว้สองคืน
ห้อง “Suite on the Roofs” .. น่ารักเชียวค่ะ เป็นห้องใต้หลังคา แถมมีระเบียงส่วนตัวด้วย
แต่เราเปลี่ยนจากที่พักเวนิสสองคืนเป็นหนึ่งคืน.. จึงต้องหาที่พักใหม่
ที่ B&B Sandra ต้องพักสองคืนเป็นอย่างน้อย
ช่วงที่เราไป.. 22 - 23 ก.ย. 54 ราคาห้องพักอยู่ที่ 140 ยูโรต่อห้อง ต่อคืน พร้อมอาหารเช้า


ยังมีอีกที่นึง.. ฮอตฮิตมากสำหรับคนไทยที่ไปเที่ยวเวนิส
Anglehouse Homestay ของพี่เป้า.. ที่นี่มีห้องพักสองห้อง แต่แชร์ห้องน้ำกัน
คุณสามีไม่ชอบ จะเอาเฉพาะห้องแบบมีห้องน้ำในตัว.. ไอ้ห้องน้ำในตัวนี้แหละ ทำให้ค่าห้องพักแพง -.-"


ขออนุญาตลิงค์รีวิวที่คุณ Ma Ma Pim ทำไว้.. "รีวิวที่พักเวนิส อิตาลี....บ้านคุณเป้าเวนิส Anglehouse Homestay"


.
.
.


สุดท้ายมาลงตัวที่ Ca' San Giorgio
"Double Economy" ห้องพักก็เล็กสมชื่อ ราคา 145 ยูโรต่อห้อง ต่อคืน
รวมอาหารเช้า.. มี wi-fi ด้วย



ใช้เวลาเดินจากสถานี Venezia Santa Lucia Station ประมาณ 10 นาที
เดินออกมาจากสถานี จะเห็นสะพานข้าม Grand Canal.. สะพานนี้มีชื่อว่า "Scalzi Bridge" หรือ Station Bridge
ให้ข้ามสะพานนี้ไป.. ตรงไปอีก 50 เมตร แล้วเลี้ยวซ้ายแรก
จากตรงนี้จะเห็นป้ายไป Museo Civico di Storia Naturale.. ให้ตามป้ายไปเลยค่ะ ไม่หลงแน่
Ca' San Giorgio อยู่ด้านหน้า Museo Civico พอดีเลยค่ะ


ปล. ข้าม Scalzi Bridge มาแล้ว ต้องข้ามสะพานเล็กๆ อีกสองสะพานนะคะ
ตอนมาที่พักครั้งแรก ก็หงุดหงิดนิดหน่อย ที่ในเว็บโรงแรมไม่เห็นแจ้งเลย แจ้งแต่ว่าต้องข้าม Scalzi Bridge..
พอได้เดินชมเมือง ถึงรู้ว่าเวนิสมีสะพานยิบย่อย คลองเล็กคลองน้อยเต็มไปหมด


 



.
.
.


ด้านซ้ายคือตึกโรงแรมที่เราพัก.. ด้านหน้าคือ Grand Canal


 


++ ห้องนอนเล็กมาก แต่สะอาด ++
มีทีวี wi-fi มินิบาร์ และหน้าต่างบานเล็กๆ


 


 


 


++ ห้องน้ำ ++


 


 


++ common area ++


 


 


 


 


 


ตอนเช้า ขึ้นไปรับประทานอาหารที่ชั้นสาม
วิวดีทีเดียว


++ วิวจากหน้าต่างห้องอาหาร: หันซ้าย ++


 


++ วิวจากหน้าต่างห้องอาหาร: หันขวา ++


 


.
.
.



เอามาลงไว้เผื่อเพื่อนๆ คนไหน กำลังมองหาที่พักในเวนิส
ที่นี่ก็เป็นอีกที่นึงที่น่าสงใจ.. โลเกชั่นดี เดินทางสะดวก
เสียอย่างเดียวห้องที่เราพัก ซึ่งเป็นห้องที่ถูกที่สุดนั้น เล็กไปหน่อย
ถ้าใครมีบัดเจ็ทเพิ่ม เลือกห้องที่ดีกว่าไปเลยค่ะ.. ใหญ่กว่า พร้อมระเบียงส่วนตัว ^^






 

Create Date : 29 กันยายน 2554    
Last Update : 30 กันยายน 2554 20:00:51 น.
Counter : 3596 Pageviews.  

[Rome, Italy] Blue Hostel - The hostel with the hotel style rooms

เพิ่งกลับมาจากอิตาลีสดๆ ร้อนๆ ค่ะ
อยากจะรีวิวทริปใจจะขาด.. แต่สมองยังไม่แล่น
ยังมีอาการ jet lag.. ไม่รู้ว่าจะเริ่มเขียนอะไรดี
ก็เลยขอรีวิวโรงแรมก่อนละกันนะคะ


เราเข้าพักที่ Blue Hostel ที่โรมสามคืน
สโลแกนของที่นี่ "The hostel with the hotel style rooms"


Via Carlo Alberto 13,
00185 Roma
Italy
tel. (0039) 340 925 8503
tel. (0039) 338 781 7730
fax.(0039) 06 9291 3490
mail:
info@bluehostel.it
GPS: 41.896903,12.500358



เดินแค่ 5 นาที (450 เมตร) จาก Roma Termini Station
เดินออกมาจากสถานีรถไฟ ตรงถนน Via G. Giolitti..
เดินเข้าเส้น Via Gioberti.. เลี้ยวซ้ายแยกที่สี่ ตรงถนน Via C. Alberto
ตรงหัวโค้งจะเห็นโบสถ์ Maria Maggiore
หลังจากนั้นให้ข้ามถนน.. ให้มองหาตึกเลขที่ 13
แล้วไปกดกริ่งตรงป้ายที่เขียนว่า Blue Hostel ได้เลยค่ะ
Ercole จะลงมารับ.. พร้อมทั้งช่วยยกกระเป๋าถ้าเราต้องการ



** เครดิตภาพจาก //www.bluehostel.it/


โลเกชั่นของโฮสเทลดีมากค่ะ
เพราะอยู่ใกล้กับ Roma Termini Station ซึ่งเป็นสถานีรถไฟหลักของโรม
แถมเป็นจุดตัดของรถไฟสายดินสองสาย.. สาย A และ B
(ที่โรมก็มีรถไฟใต้ดินสองสายนี่แหละคะ ^^)


Hostel อยู่ชั้นสามค่ะ.. Ercole กุญแจไว้
เราสามารถเข้าออกตึก และโฮสเทลได้ตลอดเวลา


ไม่แน่ใจว่าที่นี่มีห้องพักกี่ห้อง.. แต่ที่แน่ๆ คือไม่เกินห้าห้อง
ทุกห้องมีห้องน้ำในตัว.. มี Free wi-fi, Free towels,
Flat screen , Air-conditioning, Hair Hair dryer, Daily cleaning
ห้องพักใหม่ สะอาดสะอ้าน เพราะเพิ่งปรับปรุง..
ที่นี่ไม่เสิร์ฟอาหารเช้านะคะ.. แต่มีร้านเบเกอรี่ชั้นเยี่ยมอยู่ใกล้ๆ
เราไปกินอาหารเช้าที่นี่กันทุกวัน ^^ .. เดี๋ยวกลับมาแนะนำ ร้าน Panella อีกครั้งค่ะ


ช่วงที่เราไปพัก 14 ก.ย. 2554 - 17 ก.ย. 2554..
ราคาค่าห้องอยู่ที่ 60 ยูโร ต่อคน ต่อคืน
เท่าที่เช็คราคาตามเว็บมา จองโดยตรงกับโรงแรมจะถูกที่สุด


Ercole หนุ่มเจ้าของ hostel.. ถือว่าเป็นหนุ่มหล่อทีเดียว สุภาพมาก
ช่วยแนะนำสถานที่ท่องเที่ยว ร้านอาหาร ร้านค้าต่างๆ ในบริเวณให้
.. ใกล้ๆ กับ hostel มีร้านอาหาร ร้านเจลาโต้ ซูเปอร์มาร์เก็ต ร้านเบเกอรี่..
รวมทั้ง Chinese store.. สามารถไปซื้ออแดปเตอร์ได้ที่นี่ ราคาแค่ 1 ยูโร


++ เตียงนอน ขนาดกำลังดีสำหรับสองคน ++
หน้าต่างในห้องนอนจะมีสองชั้น.. ชั้นนอกจะเป็นไม้ ชั้นในจะเป็นกระจก
.. ถ้าเราปิดหน้าต่างไม้อย่างเดียว จะได้ยินเสียงระฆังจาก
โบสถ์ Maria Maggiore ทุกๆ ชั่วโมง.. แต่ถ้าปิดหน้ากระจกก็จะไม่ได้ยินเสียงรบกวนค่ะ





++ ห้องน้ำ ++
สามารถกรอกน้ำจากซิงค์ล้างหน้าใส่ขวด เป็นน้ำดื่มได้เลยค่ะ



บนโต๊ะมีทีวีจอแบน กับกาต้มน้ำร้อน ชา กาแฟไว้ให้



++ ภาพถ่ายเก่าๆ ประดับห้องนอน ++



++ ทางเดินเล็กๆ ในโฮสเทล ++



ยังมีโรงแรมในอิตาลีอีก 5 แห่งที่ไปพัก.. แต่คงรีวิวไม่ครบ
ที่จะมีรีวิวตามมาคงมีแค่
- Torraccia di Chiusi - Agriturismo, San Gimignano.. ฟาร์มสเตย์สไตล์ทัสคานี่
- La Torretta Charme & Relax, Manarola.. ที่พักชายทะเล Italian Riviera


- - - - - รอติดตามชมนะคะ ^^ - - - - -




 

Create Date : 28 กันยายน 2554    
Last Update : 28 กันยายน 2554 10:48:08 น.
Counter : 3176 Pageviews.  

1  2  

Holly
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 5 คน [?]




counter for blogger

Group Blog
 
All Blogs
 
Friends' blogs
[Add Holly's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.