(13 เม.ย. 53) เรานั่งรถไฟจาก Bonn ไปยัง Köln  ใช้เวลาแค่ครึ่งชั่วโมง แล้วต่อรถไฟ Thalys อีก 3 ชม. ก็ถึงปารีสแล้วค่ะ การเดินทางในยุโรปนี่สะดวกจริงๆค่ะ (เร็ว สะดวก สะอาด) คุณนั่งรถไฟไม่ถึง 2 ชม. ทิวทัศน์ก็เปลี่ยนไปแล้ว วัฒนธรรมที่แตกต่างกัน ผู้คนก็พูดภาษาต่างกัน

หลังจากลงรถไฟที่ปารีส เราก็เดินต่อไปขึ้น metro ไปยังที่พัก ก้าวแรกที่เดินเข้าเมโทรไม่ประทับใจเลย สกปรกอ่ะ คือแตกต่างจากเยอรมันกับสวิสฯ โดยสิ้นเชิง ประมาณคล้ายๆ New York Metro เลย  เห็นหลายคนทีเดียวที่กระโดดข้ามประตูเสียบบัตรด้วย แบบว่าไม่ยอมจ่ายค่าเมโทร หลังจากนั้นก็เริ่มสังเกตเห็นผู้คนที่แต่งตัวพร้อมทั้งทรงผมที่นำสมัย นี่แหละน่า ปารีส

เราพักกันที่นี่ B & B "Chambre d’hôtes Delareynie" เค้ามีแค่ 2 ห้อง รวมอาหารเช้า เจ้าของพูดภาษาอังกฤษได้ค่ะ แต่ตอนที่เราไปพักเจ้าของดันไม่อยู่ แล้วก็ไม่ได้แจ้งเราด้วย มีแต่คนดูแลอยู่ เค้าพูดได้แต่ภาษาฝรั่งเศส ทำเอาพวกเราเกือบแย่ ดีว่าปรีญาพูดฝรั่งเศสได้นิดหน่อย โลเกชั่นที่นี่เดินทางสะดวก ใกล้กับเมโทร เดินนิดเดียวก็ถึง Île de la Cité (เกาะกลางแม่น้ำ Seine) แล้วค่ะ เรียกว่าอยู่ใจกลางปารีสได้เลย

ตอนนี้กำลังอ่านหนังสือ France's Diary ของคุณวันชัย ตันอยู่ค่ะ สามีถามว่าทำไมเพิ่งมาอ่านตอนนี้ ทำไมไม่อ่านตั้งแต่ก่อนไปเที่ยว ตอบได้คำเดียวมาลืมจ้า หนังสือในสต๊อกมากมาย ชอบซื้อ แต่ไม่มีเวลาอ่าน คุณวันชัยเล่าถึง ego ของคนฝรั่งเศสว่า "เราอาจจะเคยได้ยินเรื่องบรรดาคุณนายซื้อกระเป๋าหลุยส์กันยกโหลที่กรุงปารีส จนทางร้านต้องออกระเบียบว่าซื้อกระเป๋าได้ไม่เกินคนละ 2-3 ใบ เพราะกลัวแบรนด์ชื่อดังจะกลายเป็นแบรนด์แบกะดิน" เราเห็นด้วยกับคุณวันชัยเลย ว่าคนฝรั่งเศสนี่เค้ามี ego สูง ถ้าคุณถามคนฝรั่งเศสว่า "Can you speak English?" เค้าจะตอบคำเดียวว่า "NO!" แบบโนตัวโตๆ พร้อมเชิดใส่เล็กน้อย แต่ถ้าลองสนทนาเป็นภาษาฝรั่งเศสเล็กน้อยแล้วเราเปลี่ยนเป็นพูดภาษาอังกฤษแบบไม่รู้ตัว พี่ท่านพูดภาษาอังกฤษได้ปร๋อเลยค่ะ ไม่เหมือนคนเยอรมัน เวลาถามว่า "Can you speak English?" เค้าจะว่า "A little."  แต่จริงๆพูดเก่งมาก คนเยอรมันถ่อมตัวนะเราว่า

ขอบอกว่าเราเห็นคนปารีสใช้กระเป๋า Long Champ เป็นกระเป๋าจ่ายกับข้าวอ่ะ ไม่รู้ว่าราคากระเป๋าที่ปารีสราคาเท่าไหร่ ไม่มีโอกาสได้เช็คราคา เผื่อจะได้ไปสอยมาจ่ายตลาดสักใบ อิอิอิ (อันนี้ล้อเล่นค่ะ)

วันนี้ไปเที่ยว Eiffel Tower ก่อน รอคิวที่จะขึ้นไปด้านบนยาวมากๆ ลมก็แรงสุดๆ สงสัยคงต้องรอคิวสัก 2 ชม. เปลี่ยนใจไปเดินเล่นถ่ายรูปแถวนั้นแทนดีกว่า

Eiffel Tower

ถ่ายรูปจนหนำใจแล้ว ก็เดินไปชมแม่น้ำ ผ่านไปเห็น ฺBateaux Parisiens: Cruises on the Seine เป็นเรือล่องแม่น้ำ Seine ใช้เวลา 1 ชม. คนละ 11 ยูโร ดูน่าสนใจดี โชคดีรอบที่เราจะใช้บริการใกล้ออกพอดี ไม่ต้องรอนาน เดินขึ้นเรือไปกันเลย เรือจะผ่านไปตามสถานที่สำคัญๆ พร้อมทั้งมีบรรยายหลายภาษาค่ะ รวมทั้งภาษาอังกฤษแต่ไม่มีภาษาไทยนะคะ

Cruises on the Seine

ด้านหลัง Notre Dame Cathedral

ร้านขายหนังสือมืสองริมแม่น้ำ Seine

ตึกรอบๆ

Notre Dame Cathedral ตอนกลางคืน

บรรยากาศกลางคืนในปารีส

ที่เห็นไกลๆ มีไฟส่องออกมา คือ Eiffel Tower

หมดแรง เดินกลับที่พักดีกว่า ได้ชีสเค้กมาจากร้านขายชีสร้านนึง คืนนี้จะกลับไปโซ้ยก่อนนอน เพิ่มน้ำหนักตัว อิอิ

(14 เม.ย. 53) เช้านี้เราเก็บกระเป๋าแล้วฝากไว้ที่ B & B เดี๋ยวเย็นค่อยกลับมาเอา พร้อมลุยแล้ว เดินจาก B & B ไป 10 นาทีก็ถึง Notre Dame Cathedral ด้านหน้าโบสถ์เนี่ยมีขอทานเยอะพอสมควรเลยค่ะ ก็เหมือนกับเมืองใหญ่ทั่วๆไป

Notre Dame Cathedral

ด้านในโบสถ์

ด้านหลังโบสถ์ และดอกไม้สวยๆรอบๆโบสถ์
(ปล. รูปดอกไม้เยอะไปหน่อยนะคะ จขบ.ชอบเป็นพิเศษค่ะ)

ออกจาก Notre Dame เราจะไปเดินช้อปปิ้งกันต่อ

ร้านรวงที่ปารีสตกแต่งน่ารักมาก

ร้านช๊อกโกแลต

แวะกินไอติมร้านนี้ ขอบอกว่าเป็น The Best Ice-Cream Ever โค-ตะ-ระ อร่อย เราเคยไปกินไอติมที่ Toscanini's ที่บอสตัน Toscanini's เพิ่งได้รางวัล The Best of Boston 2009 และได้รับการยกย่องจาก The New York Times เป็น "The Best Ice-cream in the World" เราว่ายังอร่อยไม่เท่า Amorino เลย (อันนี้ความคิดเห็นส่วนตัวนะคะ)

กลับไปเอากระเป๋าที่ B & B เดินทางกลับไป Bonn สรุปว่า ประทับใจปารีสค่ะ เป็นอีกเมืองนึงที่สวย และมีเอกลักษณ์ เค้าสามารถรักษาสภาพของตึกรามบ้านช่องได้ดีจริงๆ ทำให้ลบล้างกับความรูสึกครั้งแรกของเราที่ก้าวเข้าเมโทรได้

แล้วคอยติดตามอ่านนะคะ ว่าพรุ่งนี้เราจะไปเที่ยวไหนกันต่อ

Create Date : 28 เมษายน 2553
Last Update : 2 พฤษภาคม 2553 12:17:19 น.		1 comments
Counter : 1336 Pageviews.
Share Tweet