[Italy] Italia, ti amo. ตอนสุดท้าย.. Hello Venice!




เย้! บล๊อกสุดท้ายของทริปแล้ว ภารกิจเสร็จสิ้นตามเป้าหมายซะที
หลังจากใช้เวลารีวิวทั้งหมดเกือบ 5 เดือน.. เป็นภารกิจที่ยาวนานจริงๆ ^^

รีวิวนี้อาจจะกร่อยๆ นิดหน่อย.. ความทรงจำเลือนลางเต็มที -_-“


v
v
v


(Day9 - 22 ก.ย. 2554) Cinque Terre – Venice (Via Florence)

วันนี้ตื่นเช้าที่สุดเลย เพื่อจับรถไฟรอบ 06:32 จาก Manarola
ถึง Venezia S. Lucia ใช้เวลา 6 ชั่วโมง แทบจะกินนอนกันบนรถไฟ

Manarola - La Spezia Centrale   06:32 - 06:44   (Regional Trains)
La Spezia Centrale - Pisa Centrale   07:39 - 08:51   (Regional Trains)
Pisa Centrale - Firenze S.M.N.   09:11 - 10:00   (Regional Trains)
Firenze S.M.N. - Venezia S. Lucia   10:30 - 12:33   (Eurostar)

++ สถานีรถไฟ Manarola ++
เช้านี้เป็นสถานีร้างไปเลย





จริงๆ มีรถไฟเที่ยวหลัง ออกจาก Manarola 07:23 ถึง La Spezia Centrale  07:34
แต่ไม่อยากเสี่ยงตกรถไฟเที่ยวต่อไปยัง Pisa Centrale 07:39
มีเวลาเปลี่ยนขบวนแค่ 4 นาที ไม่ทันแน่ๆ
ปล. ตั๋ว Regional Trains เป็นตั๋วเปิด จะขึ้นรถไฟเที่ยวกี่โมงก็ได้ ไม่มีการจองที่นั่ง
แต่ตั๋วสำหรับ Eurostar เป็นรถไฟด่วน นั่งได้เฉพาะเที่ยวและที่นั่งที่จองไว้

++ สถานีรถไฟ La Spezia Centrale ++
ขนาดที่นี่ก็ยังเงียบอยู่เลย





สำหรับการจองตั๋วรถไฟ แนะนำว่าให้จองเที่ยว Firenze S.M.N. - Venezia S. Lucia
(Eurostar / 43 ยูโรต่อคน) ออนไลน์ล่วงหน้าจากเมืองไทย
ส่วนเที่ยว Manarola - Firenze S.M.N. (10.20 ยูโรต่อคน) ค่อยไปจองเอาที่โน้น
ราคาตั๋วทั้งหมด 53.20 ยูโร ต่อคน “แพง!” เพราะไม่ได้จองตั๋วล่วงหน้านะสิ
ปล. ทริปนี้เสียเวลาเดินทางนิดนึง เพราะต้องนั่งรถไฟย้อนลงไปฟลอเรนซ์ก่อน


.
.
.



12:33 น. ในที่สุดก็ถึงเวนิซสักที ^^
ยอมรับว่าเห็นวิวนี้ครั้งแรกตื้นเต้นนะ.. รู้สึกเหมือนในหนังเรื่อง The Tourist ทีเราเพิ่งดูไป
แต่ไปๆมาๆ เรากลับไม่ชอบเวนิซซะงั้น





ลากกระเป๋าไปเช็คอินกันที่ Ca' San Giorgio Relais & Suites ก่อนค่ะ





.
.
.



ที่พักอยู่ติดกับ Grand Canal เลย..
แต่จากห้องที่เราพักมองไม่เห็นหรอก ถ้าจองห้อง suite คงได้วิวสวยๆ แน่ๆ

จากมุมนี้มองเห็น The Leaning Tower of Santo Stefano ไกลๆ ค่ะ





Vaporetto.. เรือโดยสารของที่นี่เค้าล่ะ





สะพานเล็กสะพานน้อยเต็มไปหมด









แวะไปซื้อส้มให้เพื่อนร่วมทริปก่อน..
ปกติต้องเสริมไวตามินด้วยส้มทุกเช้า
..แผงผลไม้แบบเนี่ยเค้าห้ามผู้ซื้อเลือกผลไม้เองนะคะ
แอบเผลอไปเลือกเอง โดนเจ้าของแผงปรี๊ดใส่จนได้





อุ๊ย.. ตื้นเต้น(อีกแล้ว ^^)เห็นกอนโดล่าแท้เป็นครั้งแรก





ถึง Rialto Bridge.. สะพานที่มีชื่อเสียงติดอันดับโลกแล้วค่ะ





ร้านค้าทั้งหลายบนสะพานริอัลโต้





ถ่ายจากบนสะพานค่ะ.. การจราจรทางน้ำไม่ค่อยคับคั่งเท่าไหร่
แต่คนเดินเท้านี่สิ เยอะจริงๆ





แล้วอันนี้รูปปั้นใครละเนีย?
.. ใครรู้ช่วยบอกที





.
.
.


ถึงตรงนี้.. “St. Mark’s Basilica”
อ๊าก คิวยาวมาก..
เราได้ tip จาก Rick Steve’s.. โบสถ์นี้อนุญาตให้นำกระเป๋าใบเล็กเข้าไปได้
แต่ให้เรานำกระเป๋าใบใหญ่ (backpack) ไปฝากไว้ใกล้กับ Anteneo San Bassa
.. ซึ่งบนตรอก Calle San Basso
อยู่ทางด้านซ้ายของโบสถ์ ห่างออกไปราวๆ 30 เมตร
ที่นี่ฝากกระเป๋าได้ฟรี 1 ชม. ค่ะ..
ฝากกระเป๋าเสร็จ เราจะได้ tag มานึงอัน
.. เดินกลับไปที่โบสถ์ ให้เดินชิดด้านซ้ายของราวกั้นไว้นะคะ
ยื่น tag อันนี้ให้กับพนักงานเฝ้าประตู แล้วก็เดินลัดคิวเข้าไปชมโบสถ์ได้เลยค่ะ
.. สะดวกดีใช่ไหมล่ะ ^^





จริงๆ ห้ามถ่ายในโบสถ์อีกนั้นแหละ
.. แต่เราก็เห็นนักท่องเที่ยวคนอื่นๆ ถ่ายรูปกัน
ก็ขอสักหน่อยละกัน





St. Mark Basilica และ Campanile di San Marco.. ด้านหน้าค่ะ





ปกติกาแฟในอิตาลีจะตกแก้วละประมาณ 1.5 ยูโร..
แต่แถว St. mark Square นี้ตกแก้วละประมาณ 14 ยูโร
.. เป็นค่ากาแฟบวกกับค่าบรรยากาศ ^^





นักท่องเที่ยวนิยมให้อาหารนกพิราบแถวนี้..





Dodge’s Palace.. เดี๋ยวเราจะเข้าไปชมกันค่ะ
แต่ขอเดินเล่นเก็บภาพแถวนี้อีกสักแป๊ป







ศิลปะแบบ Venetian Gothic








.
.
.


เข้ามาในบริเวณ Dodge’s Palace (The Palazzo Ducale) แล้วค่ะ
ก่อนที่จะเข้าชมที่นี่.. เราแวะไปซื้อตั๋วที่ Correr Museum ก่อน
แต่เราไม่ได้เข้าไปชม Correr Museum หรอกคะ.. ไปซื้อตั๋วที่นี่ไม่ต้องรอคิวนานค่ะ
(ปล. ทำตามไกด์บุ๊คอีกแล้ว)

ตั๋วเข้าชม Dodge’s Palace ที่ขายแยกต่างหากไม่มี
เราต้องซื้อ San Marco Museum Plus Pass ราคา 13 ยูโร
ตั๋วใบนี้สามารถเข้าได้ทั้งหลายพิพิธภัณฑ์เลยค่ะ

รายชื่อ 4 มิวเซียม ด้านล่างนี้สามารถเข้าชมได้ทั้งหมดค่ะ
-    Dodge’s Palace
-    Correr Museum
-    The National Archaeological Museum
-    The National Library Marciana

แต่ด้านนี้เลือกเข้าชมได้แค่แห่งเดียวค่ะ
-    Ca' Rezzonico
-    Museum of 18th-Century Art
-    Palazzo Mocenigo
-    Carlo Goldoni's house
-    Ca' Pesaro International Gallery
-    Glass Museum, Murano
-    Lace Museum, Burano

ปล. แต่เราไม่มีเวลา เลยได้แค่เข้าชม Dodge’s Palace..





ภายในมิวเซียมไม่ให้ถ่ายภาพตามเคย..
เลยได้แค่ภาพทางเข้า





++ Mouth of Truth ++
ใครมีเรื่องทุกข์ร้อนอะไร ก็เขียนใส่กระดาษแล้วหย่อนเข้าปากเจ้าตัวนี้ไปเลย





ถ่ายจาก The Bridge of Signs ค่ะ..
ก่อนที่นักโทษจะเดินเข้าคุกมืด จะได้เห็นท้องฟ้ากับ Grand Canal ที่นี่เป็นครั้งสุดท้าย
ปล. ตอนที่เราไปด้านนอกกำลังซ่อมแซม





ตั๋วขึ้นหอนาฬิกา ราคาคนละ 8 ยูโร
เวลาทำการ: เม.ย.-มิ.ย. และ ต.ค. 09:00-19:00
ก.ค.-ก.ย. 09:00-21:00, พ.ย.-มี.ค. 09:30-15:45
ส่วนช่วงคริสมาสต์จนถึงกลาง ม.ค. ปิดค่ะ





หอนี้ไม่ต้องเดินขึ้นให้เหนื่อยค่ะ.. มีลิฟต์ให้ขึ้น ^^
แต่ก็ต้องรอคิวหน่อยนะคะ แต่รอไม่นาน..





ไม่ต้องบรรยายละกันนะคะ..
ภาพชุดนี้ถ่ายจากมุมสูงทั้งหมดค่ะ









พระอาทิตย์เริ่มตกดินแล้ว..





มุมนี้ขี้เหร่นิดนึง.. เหมือนเป็นโรงงานอุตสาหกรรมอยู่ไกลๆ






.
.
.



ลงมาจากหอนาฬิกา..
บริเวณ St. Mark Square นักท่องเที่ยวซาลงแล้ว
เห็นสีท้องฟ้ากับบรรยากาศ นึกถึงโรงแรม The Venetian ไหม?
.. เราว่าใช่เลยแหละ





ตรงนี้มีม้านั่งอยู่ตัวนึ่ง..
ขอนั่ง People watching หน่อยนะ





เวนิซตอนกลางคืนช่างแตกต่างจากตอนกลางวันลิบลับ
.. ผู้คนไม่พลุ่กพล่าน
นักท่องเที่ยวส่วนมากจะไม่พักบนเกาะเวนิซ เนื่องจากที่พักราคาสูง
หรือไม่ก็เป็นพวกที่มากับเรือสำราญ





เค้าบอกว่านั่งกอนโดล่ากลางคืนโรแมนติคมาก
.. เพื่อนร่วมเลยอยากลอง
นายคนนี้เป็นนายท้ายให้เราค่ะ
ปล. ราคา 100 ยูโร.. ต่อ 20 นาที
แพงมว๊าก!





จะว่าไปการนั่งเรือกอนโดล่าก็ไม่ค่อยประทับใจเท่าไหร่..
1.    แพง
2.    มีความรู้สึกว่าตัวเองเหมือนตัวประหลาด นั่งเรือผ่านไปตรงไหน ก็มีแต่คนถ่ายรูป -_-“
อยากจะบอกว่าชอบ Self-guided Tour: Grand Canal Cruise ที่เราจะทัวร์กันพรุ่งนี้มากกว่า ^^









ปิดท้ายคืนนี้.. ด้วยการเดินหลง (again!)
จากที่ควรจะถึงที่พักใน 15 นาที เราเดินกันเกือบชม.
ลงเอยด้วยการหิ้วพิซซ่าไปกินที่ห้อง.. ไม่น่งไม่นั่งมันแล้วร้านอาหาร

v
v
v

(Day10 - 23 ก.ย. 2554) Venice - Milan


เช้านี้.. หลังจากทานอาหารเช้ากันเสร็จแล้ว
เราเช็คเอาท์ + ฝากกระเป๋าไว้ที่โรงแรม
เดี๋ยวเราจะไปลุยเวนิซกันอีกสักรอบ
++ ถนนแคบๆ ในเวนิซ ++





บางครั้งเราก็เดินตามป้ายสีเหลืองๆ นี้ไปได้สบาย
แต่บางครั้งป้ายมันก็หายไปซะดื้อ -_-“





เราจะเดินไปขึ้น Vaporetto กันค่ะ..





เดินไปเรื่อยๆ ^^








Self-guided Tour: Grand Canal Cruise ที่เราจะทัวร์กันวันนี้ค่ะ
โหลดแผนที่ได้ที่นี่ ส่วน MP3 อยู่ที่นี่ค่ะ
เราใช้วิธีโหลด audio เข้า iPhone แล้วเอาไปนั่งฟังบน Vaporetto
ทัวร์วิธีนี้ถูกและดีจริงๆ.. ถ้ามีเวลาอยากจะนั่งอีกสัก 2-3 รอบ ^^





จริงๆ ทัวร์นี้เริ่มที่ท่า Ferrovia ตรงสถานีรถไฟ Sanata Lucia
แต่เราเกรงว่าคนจะขึ้นเยอะ.. ก็เลยเดินขึ้นไปอีกท่านึง ไปขึ้นที่ Piazzale Roma

++ ซื้อตั๋วกันก่อนนะคะ ++





ตั๋วราคา 6.5 ยูโร.. ใช้บริการได้ 60 นาที





เราเลือกขึ้นเรือสาย 1 ค่ะ





ขึ้นได้แล้ว.. ก็เดินตรงเข้าไปนั่งด้านหน้าสุด ด้านขวาเลยค่ะ
วิวดีมาก เรียกได้ว่าไม่มีอะไรรกตาเลย ^^




.
.
.



มาเริ่มทัวร์กันเลยนะคะ..
ปล. ขอโทษด้วยนะคะข้อมูลช่วงนี้ไม่ค่อยแน่น.. ส่วนตัวก็ลืมๆ ไปแล้วจริง
ยังไงลองโหลด MP3 มาฟัง.. แล้วดูรูปนี้ในกระทู้นี้ไปพร้อมกันเลยดีกว่าไหมคะ ^^

#1 Ferrovia

ป้ายแรกจอดที่ “Santa Lucia train station”
.. สะพาน “Calatrava Bridge” ที่เห็นอยู่ด้านหน้า
เพิ่งเปิดใช้เมื่อปี 2008 โครงสร้างเป็นเหล็กและกระจก ทันสมัยทีเดียว





“Church of the Scalzi” โบสถ์หลังคาหน้าจั่ว อยู่ถัดจากสถานี Ferrovia





#2 Riva de Biasio
“Cannaregio Canal”
“Jewish Ghetto”





#3 San Marcuola

“San Marcuola” เป็นโบสถ์หนึ่งในห้าแห่งในเวนิสที่อยู่ริม Grand Canal
ที่ดินแถวนี้แพงค่ะ ^^
ปล. ภาพนี้เป็นภาพที่เราถ่ายจากหน้าโรงแรมที่ไปพัก
.. โบสถ์อยู่แค่ฝั่งตรงข้ามคลองนี่เอง





Turkish “Fondaco” Exchange, one of the oldest house in Venice





เพิ่งเคยเห็นทางเดินเรือวันเวย์ก็ที่นี่แหละค่ะ ^^





#4 San Stae


“Ca' Pesaro”..
คำว่า Ca' ย่อมาจาก casa หมายถึงบ้าน (house)
สมัยก่อนบ้านในเวนิสนิยมตกแต่งด้านหน้าให้สวยงามเท่านั้น
ส่วนด้านข้างจะปล่อยทิ้งไว้เรียบๆ.. แบบว่าอยากโชว์ แต่ก็งกอยู่ในที
..มีเพียงบ้านหลังนี้เพียงหลังเดียวที่ตกแต่งทั้งด้านหน้าและด้านข้าง
.. ตอนนี้เป็นบ้านหลังนี้จัดเป็น The International Gallery of Modern Art





#5 Ca' d' Oro


“Ca' d' Oro” (House of Gold).. บ้านหลังนี้เป็นสถาปัตยกรรมแบบ Venetian Gothic
.. ปัจจุบันจัดเป็นอาร์ตแกลเลอรี่ค่ะ





#6 Mercato Rialto

ตึกที่มีกันสาดสีแดงๆ เป็น Courthouse (ศาล) ค่ะ
.. แถวนี้ละคะ ที่เราแวะซื้อส้มเมื่อวาน









ถึง Rialto Bridge แล้วค่ะ..
ส่วนตึกด้านซ้ายมือ.. แต่ก่อนเป็นที่ทำการไปรษณีย์
ตอนนี้กลายไปร้านค้าไปหมดแล้ว





++ Vaporetto กำลังลอดใต้ Rialto Bridge ค่ะ ++





#7 Rialto







ตึกสีเทาสองตึกนี้.. ตึกซ้ายคือ The City Hall
ส่วนด้านขวา คือ The Mayor’s Office





#8 San Silvestro

การจราจรทางน้ำที่นี่ ค่อนข้างวุ่นวายพอสมควร..





++ Merchants’ Palace ++
เรียกว่าเป็นอาคารอเนกประสงค์ทีเดียว
.. ชั้นล่างเป็นคลังสินค้า
.. ชั้นสองเป็นสำนักงาน
.. ชั้นสามเป็นที่พักอาศัย
.. ส่วนชั้นบนสุดสำหรับคนรับใช้ ชั้นนี้หน้าต่างจะเล็กที่สุด





ท่าที่ 9-11 ไม่มีรูปซะงั้น.. โผล่มาอีกทีก็ #12 เลยนะคะ แหะแหะ ^^
#9 Sant’ Angelo
#10 San Tomá
#11 Ca' Rezzonico


#12 Accademia






#13 Santa Maria del Giglio







#14 Salute





#15 San Marco







#16 San Zaccaria
เราจะลงกันที่สถานีนี้ค่ะ.. จากตรงนี้เดินกลับไป St. Mark Square ไม่ไกล
แต่เราสองคนจะเดินขึ้นไปปิคนิคกันที่ Giardini Park..





ดูจากแผนที่ไม่ไกลนะ แต่ด้วยอากาศที่ร้อนนี่สิ รู้สึกว่ามันไกล๊ ไกล
.. ใกล้ๆ กับ Giardini Park มีสถานี Vaporetto “Giardini”

เดินมาเรื่อยๆ.. แถวนี้ไม่ค่อยมีนักท่องเที่ยวแล้ว





รู้สึกว่าตรงนี้สวยดี.. ท้องฟ้าใสๆ ตัดกับสีเสื้อผ้าสีสดๆ ที่ตากแดดไว้
แต่ฝีมือเราไม่ถึงอ่ะ.. ถ่ายได้แค่เนี่ย ^^





ที่นี่แดดดีจริงๆ ^^ .. ตากผ้าสัก 2 ชม. ก็คงแห้งแล้วล่ะ





ถ้าใครคิดจะมา Giardini Park แนะนำว่าให้นั่ง Vaporetto มาลงที่สถานี “Giardini”เลยดีกว่าค่ะ
ถัดมาสถานีเดียว ไม่ต้องเดินให้เมื่อย.. ^^





น้อง 2 คนนี้ สามารถเนอะ.. แบ่งกันนอนได้บนม้านั่งตัวเดียว ^^





ผู้คนเดินกันพลุ่กพล่าน.. แถวๆ นี้มีหอศิลป์ "Venice Biennial" ด้วยค่ะ
จะมีการจัดแสดงปีเว้นปี.. แต่เราสองคนไม่ได้เข้าไปดู





อาหารกลางมื้อนี้.. ที่สอยมาจาก Co-op
พัฟไส้กรอกกับพิซซ่าหน้าหัวหอม
.. รสชาติพอรับได้ -_-“





อิ่มแล้ว.. ว่าจะเดินกลับไปแถว St. Mark’s Square
เรือสำราญขนาดยักษ์จะเข้าเทียบท่าพอดี
.. วันนึงๆ มาจอดกันหลายลำเหมือนกัน





แวะร้านข้างทางซะหน่อย
อากาศร้อนๆ แบบนี้ได้หม่ำเจลาโต้ค่อยยังชั่วหน่อย..
แต่เจ้านี้รสชาติไม่ได้เรื่องค่ะ




.
.
.



หลังจากเดินต๊อกๆ มาเรื่อยๆ ก็มาถึง St. Mark’s Square

เราจะตั้งต้นเดินตามไกด์บุ๊คที่นี่อีกครั้ง..
“St. Mark’s to Rialto Walk”
คอร์สนี้ใช้เวลาเดินประมาณครึ่งชั่วโมง..
กะว่าไปทันขึ้นรถไฟไปมิลานพอดี
ปล. ข้อมูลจากหนังสือ “Rick Steve’s Venice 2011”





เรือลำนี้หรูหราทีเดียว ดูแปลกตาจากเรือลำอื่นๆ





#1 Harry’s American Bar
.. แหล่ง hangout ของเซเลบทั้งหลาย
ประมาณว่าถ้า Brad กับ Angelina มาเวนิซก็ต้องมาที่นี่เหมือนกัน
ปล. ถ่ายรูปมานะ แต่หาไม่เจอ..

#2 San Moise Church
โบสถ์หลังนี้เป็นโบสถ์สำหรับทำพิธีต่างๆ ของคนท้องถิ่น
.. แต่ที่น่าสนใจกว่า อาคารสีเหลี่ยมๆ ที่อยู่ติดกัน
เคยเป็นที่ทำการของนาซีมาก่อน





#3 Greco lo Matteo Studio
ปล. ไม่มีรูปตามเคย

#4 La Fenice Opera House (Gran Teatro alla Fenice)
เวนิซโอเปร่า.. สามารถเข้าไปเดินชมด้านในได้ค่ะ
ค่าเข้า 7 ยูโร





#5 Ponte de la Verona
วิวจากตรงนี้จะเห็น “The Leaning Tower of Santo Stefano”
ปล. ถ่ายมาไม่เห็นยอดหอคอยอ่ะ





#6 Campo Manin
รูปปั้นของ Daniel Manin.. ผู้นำทัพต่อสู้เพื่ออิสรภาพจากออสเตรีย





#7 Scala Contarini del Bovolo
หออิฐบันไดวนทรงกระบอก.. กำลังอยู่ระหว่างปรับปรุงซ่อมแซมค่ะ
ถ้าเสร็จแล้วสามารถขึ้นไปชมด้านบนได้





#8 Teatro Goldoni
ปล. ไม่มีรูปอีกล่ะ

สุดท้าย #9 Rialto Bridge
อันนี้ต้องย้อนขึ้นไปดูรูปตอนที่เราล่อง Vaporetto นะคะ


.
.
.



++ 24-Hour Pharmacy Vending Machine ++
แปลกดีเนอะ.. มีทั้งเจลอาบน้ำ ยาสีฟัน คอนดอมส์ ฯลฯ





อยากรู้จริงๆ ว่าพริกที่จัดช่อไว้แบบนี้ เค้าเอาไปทำอะไรกัน





ต้องรีบกลับไปเอากระเป๋าที่โรงแรมแล้วค่ะ.. ไม่งั้นได้ตกรถไฟแน่ๆ
กว่าจะถึงโรงแรม หลงอีกแล้วค่ะ.. เซ็งเป็นที่สุด!

ปล. เจอสามีภรรยาชาวอเมริกันคู่หนึ่ง หลงเหมือนกัน
เข้ามาถามทางเรา.. ก็เลยบอกไปว่าหลงเหมือนกัน
เค้าก็เลยตัดสินใจเรียก Water taxi  กลับโรงแรม..

ทริปนี้.. เมืองที่เราชอบมากที่สุด Cinque Terre
รองลงมา Rome, San Gimignano, Florence
ชอบน้อยที่สุดก็ Venice นี่แหละ..


v
v
v



เราจับรถไฟยูโรสตาร์จากเวนิสรอบ 17:58
ถึง Milano Centrale Station เวลา 20:25
ตั๋วเที่ยวนี้ราคา 45 ยูโรเอง สำหรับสองคน
เพราะเราได้จองล่วงหน้าออนไลน์ไว้

คืนนี้เราจองโรงแรมไว้ที่..
Sheraton Milan Malpensa Airport Hotel
จึงต้องต่อรถอีกทอดนึง มีทั้งรถบัสและรถไฟบริการ
เราตัดสินใจนั่งรถ Malpensa Shuttle
ราคาค่าโดยสาร Malpensa Shuttle คนละ 6.50 ยูโร
รถ Malpensa Shuttle จะจอดอยู่ด้านนอกสถานีรถไฟ
ให้เดินตามป้ายทางออกและ "รูปเครื่องบิน" ไป ไม่หลงแน่นอนค่ะ

Getting from Milan Malpensa Airport to Milan


.
.
.



Sheraton Milan Malpensa Airport Hotel
เป็นโรงแรมมาตรฐาน Starwood ทั่วไป
ห้องพักใหม่ สะอาด
แต่ที่เราไม่เคยเห็นมาก่อน ก็ระบบที่ใช้ใน mini bar นี่แหละ





มีเซนเซอร์อยู่ที่ช่องใส่ของในตู้เย็น
ถ้าหยิบอะไรออกมาจาก mini bar.. ก็ชาร์จเข้าห้องทันที!
แร๊ง! หยิบดูก็ไม่ได้นะ




v
v
v


(Day11 - 24 ก.ย. 2554) Milan - Bangkok


เช้านี้ก็เรื่อยๆ.. แค่ต้องรอขึ้นเครื่อง 14:05
ทริปนี้เหนื่อยที่สุดเลย
ไม่เคยต้องลากกระเป๋าเดินทางขึ้นรถไฟ
เปลี่ยนที่พักหกแห่งในสิบคืนมาก่อน
แต่ก็สนุกดีนะ.. ^^

05:55 ถึงกรุงเทพฯ โดยสวัสดิภาพ


.. แล้วเจอกันใหม่ทริปหน้านะคะ ^^



Create Date : 22 เมษายน 2555
Last Update : 22 เมษายน 2555 18:35:43 น. 1 comments
Counter : 5640 Pageviews.

 
ว้าวๆๆๆ สวยมากเลยค่ะ
น่าไปจริงๆ
ชอบรูปพระอาทิตย์ตกดินจัง


โดย: PookPandaPapanduk วันที่: 2 พฤษภาคม 2555 เวลา:10:25:04 น.  

ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
  *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 

Holly
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 5 คน [?]




counter for blogger

Group Blog
 
All Blogs
 
Friends' blogs
[Add Holly's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.