Bangkok Home Review, Interior, Design, Decoration, & Etc.

เปิดแนวมอเตอร์เวย์สายใหม่"สุวรรณภูมิ-ฉะเชิงเทรา"

กรมทางหลวงจ้างที่ปรึกษา 23.7 ล้าน ศึกษาโครงการมอเตอร์เวย์สายใหม่"สนามบินสุวรรณภูมิ-ฉะเชิงเทรา" ระยะทาง40ก.ม. มูลค่าเฉียด1.7 หมื่นล้าน หวังเสริมโครงข่ายการเดินทาง-ขนส่งสินค้าไปยังสุวรรณภูมิในอนาคตได้คล่องตัวขึ้น คาดต้องเวนคืนที่ดินอื้อ



แม้ขณะนี้กรมทางหลวง (ทล.) จะยังไม่ได้ลงเสาเข็มก่อสร้างโครงการทางหลวงพิเศษระหว่างเมืองหรือมอเตอร์เวย์สายใหม่ได้แม้แต่เส้นทางเดียว แต่ก็ไม่ย่อท้อ ยังเดินหน้าศึกษาแนวเส้นทางเพิ่มอีกหลายสาย
ล่าสุด ได้ว่าจ้างบริษัทที่ปรึกษามี บจ.เอเชี่ยน เอ็นจิเนียริ่ง คอนซัลแต้นส์, บจ.ไทยเอ็มเอ็ม และ บจ.ทรานส์คอนซัลท์ วงเงิน 23.7 ล้านบาท ศึกษาความเป็นไปได้ "โครงการก่อสร้างทางหลวงแนวใหม่ สายท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ-ฉะเชิงเทรา" หรือมอเตอร์เวย์สายใหม่ ระยะทาง 40 กิโลเมตร


แนวเส้นทางที่ขีดไว้จะครอบคลุมพื้นที่บางส่วนของกรุงเทพมหานคร (กทม.) สมุทรปราการ และฉะเชิงเทรา รวม 6 ตำบล โดยบริษัทที่ปรึกษาขีดแนวมาให้เลือก 3 แนว สุดท้ายเมื่อพิจารณารอบด้านแล้ว พบว่าแนวทางที่ 2 มีความเหมาะสมที่สุด
ตลอดสายทางจะเป็นการตัดถนนใหม่ จุดเริ่มต้นจะเป็นทางแยกต่างระดับจะเชื่อมต่อมอเตอร์เวย์สายกรุงเทพฯ-พัทยา บริเวณกิโลเมตรที่ 17 จากนั้นแนวเส้นทางจะมุ่งไปทางทิศตะวันออก โดยเขตทางอยู่ติดเขตทางของทางรถไฟสายตะวันออกทางด้านเหนือ ผ่านแขวงขุมทอง เขตลาดกระบัง ผ่านตำบลคลองหลวงแพ่ง แล้วเข้าเขตจังหวัดฉะเชิงเทรา ผ่านตำบลคลองอุดมชลจร ตำบลคลองเปรง


เมื่อใกล้ถึงสถานีคลองบางพระ แนวจะเบนไปทิศตะวันตะวันออกเฉียงเหนือก่อนจะวกกลับไปทางทิศตะวันออกเฉียงใต้ ตัดข้ามทางรถไฟบริเวณด้านตะวันออก ของสถานีรถไฟบางพระ ในเขตตำบลบางเตย ผ่านตำบลบางกะไห จากนั้นแนวจะตัดตรงไปผ่านเข้าตำบลโสธร แล้วอ้อมไปทางด้านใต้ของอำเภอเมืองฉะเชิงเทรา


แล้วเบี่ยงไปทางทิศตะวันออก ตัดกับทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 314 บริเวณกิโลเมตรที่ 15 ด้านใต้ของทางแยกทางเลี่ยงเมืองฉะเชิงเทรา แล้วตัดตรงเข้าเขตตำบลบางพระ ต่อเนื่องเข้าเขตตำบลบางกรูด อำเภอบ้านโพธิ์ จังหวัดฉะเชิงเทรา แล้วตัดข้ามแม่น้ำบางปะกง เลียบไปตามแนวเขตทางระหว่างตำบลคลองนา อำเภอเมืองฉะเชิงเทรา กับตำบลหนองบัว อำเภอบ้านโพธิ์ ตรงไปเข้าเขตตำบลดอนทราย ตัดทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 315 บริเวณกิโลเมตรที่ 40 แล้วตัดทางรถไฟสายฉะเชิงเทรา-ชลบุรี
สิ้นสุดเส้นทางที่เขตตำบลดอนทราย อำเภอบ้านโพธิ์ จังหวัดฉะเชิงเทรา โดยจะบรรจบกับมอเตอร์เวย์สายสระบุรี-บางปะกง บริเวณกิโลเมตรที่ 125 รวมระยะทางประมาณ 42 กิโลเมตร


 จากการประเมินคร่าวๆ จะใช้เงินก่อสร้างประมาณ 16,921 กว่าล้านบาท ค่าชดเชยเวนคืนอีก 3,876 ล้านบาท เนื่องจากจะมีการเวนคืนที่ดินและสิ่งปลูกสร้างประมาณ 1,000 ราย แยกเป็นที่ดิน 2,505.3 ไร่ วงเงิน 3,343 ล้านบาท และสิ่งปลูกสร้าง 586 หลัง วงเงิน 499 ล้านบาท ปริมาณการจราจรที่จะมาใช้เส้นทางนี้อยู่ที่ 22,641 คันต่อวัน 


ที่ผ่านมากรมทางหลวงได้ลงพื้นที่รับฟังความคิดเห็นประชาชนระดับหนึ่งแล้ว ซึ่งส่วนใหญ่ไม่เห็นด้วย เพราะจะมีการเวนคืนที่ดินจำนวนมาก ส่งผลกระทบทำให้ต้องย้ายถิ่นที่อยู่ และอาจได้ค่าชดเชยที่ไม่เป็นธรรม


ขณะที่กรมทางหลวงระบุว่า ริเริ่มโครงการนี้ขึ้นเพื่อเสริมโครงข่ายการเดินทางไปยังสนามบินสุวรรณภูมิ โดยเฉพาะพื้นที่ฉะเชิงเทราที่ปัจจุบันต้องรับบทหนัก เพราะหลังเปิดใช้สนามบินสุวรรณภูมิ ฉะเชิงเทรากลายเป็นเมืองศูนย์กลาง และทางผ่านของการขนส่งสินค้าระหว่างภาคตะวันออกเฉียงเหนือ และภาคกลางตอนบน ทำให้มีปริมาณจราจรเพิ่มขึ้นมาก ซึ่งโครงข่ายทางหลวงปัจจุบันไม่สามารถรองรับความต้องการในการเดินทาง และการขนส่งสินค้าได้อย่างเพียงพอ และอาจเป็นปัญหาในอนาคต
อย่างไรก็ตาม กรมทางหลวงยังไม่ได้ฟันธงว่าจะก่อสร้างโครงการนี้ แต่ภายในอีก 4-5 ปีข้างหน้าอาจต้องหยิบยกมาพิจารณา และอาจตัดสินใจเดินหน้าโครงการ






 

Create Date : 20 มกราคม 2552    
Last Update : 20 มกราคม 2552 13:05:32 น.
Counter : 3293 Pageviews.  

Review -- ชลลดา สุวรรณภูมิ



โครงการชลลดา สุวรรณภูมิ

 




ถ้าดูบ้านแถบโซนตะวันออก ถ้าไม่ได้ไปหมู่บ้านนี้อาจจะเหมือนดูไม่ครบเลยทีเดียว

เป็นหมู่บ้านที่แนะนำให้ไปดูเป็นอย่างยิ่ง



หมู่บ้านจะอยู่ในซอยลาดกระบัง 54 ตรงตลาดหัวตะเข้  เข้าซอยไปประมาณกิโลกว่า แล้วจะเห็นป้ายหมู่บ้าน




แลกบัตรขับรถเข้าไปข้ามสะพานแล้ว จะเห็นทะเลสาบในมุมพาโนราม่า ดูแค่นี้ก็เคลิ้มแล้วครับ ซึ่งคนที่ซื้อที่บ้านที่โครงการนี้หลายคนก็เสร็จเพราะพาโนราม่านี้มาแล้ว






โครงการวางแผนที่สร้างทั้งหมดพันหลังขณะนี้ สร้างแล้วขายไปแล้วสี่ร้อยกว่าหลัง แต่ว่าตอนนี้น่าจะเกินกว่านั้นไปพอสมควรแล้ว เพราะว่าเป็นหมู่บ้านที่ขายดีมากๆ

ส่วนใหญ่ คนที่มาอยู่ก็จะทำงานแถวสนามบินนั่นแหละ ทั้งแอร์ ทั้งกัปตัน ถ้าให้บอกก็คือว่าบรร
ยากาศก็สงบๆดี



 



 



แบบบ้านจะมีที่แบบเล็ก 124 ตารางเมตร พื้นที่ 58 ตารางวา ราคาตอนนี้อยู่ประมาณ 3.5 ล้าน ซึ่งตอนนั้นที่ไปดูคือแบบพฤกษ์วรุณ ซึ่งตอนนี้ไม่มีแล้ว ตอนนี้จะเป็นพฤกษ์พรินทร์มั๊ง แบบนี้ก็ยังเป็นคิวคอนอยู่ครับ แต่ว่าถ้าเฟสหลังจะเป็นพรีคาสต์แล้ว น่าจะลงพฤกษ์พิรุณนะ



 



 



ส่วนใหญ่ขึ้นมาก็จะประมาณ 160 ตารางเมตร ราคาประมาณ 4.3 ล้าน

แบบบ้านหันเหนือใต้ วัสดุก็เป็นคิวคอน ผสมพรีคาสต์ คุณภาพวัสดุอื่นก็ทั่วไป แต่สังเกตดูเฟสใหม่ จะมีการปรับวัสดุด้วย ส่วนปรับยังไงต้องไปดูเอง อิอิ สรุปคือ ที่นี่ขายวิวจริงๆ แค่วิวนี่ก็เหมือนกับคุณได้พักผ่อนรีสอร์ททุกสุดสัปดาห์แล้ว



 



โครงการโดยรวมแล้ว มีพื้นที่ส่วนกลางขนาดใหญ่ สวน สโมสรขนาดใหญ่ แต่ว่ามีจุดเดียวนะ ส่วนสวนจะมีประมาณสองจุดในโครงการ เห็นสนามบาสด้วย ต้องไปดูเอง



 



Photobucket



เท่าที่ไปมาจะไม่ได้ยินเสียงเครื่องบิน นอกจากบางครั้ง รู้สึกว่าตอนที่ลมเปลี่ยนทิศหน้าหนาว เสียงเครื่องบินก็จะเปลี่ยนทิศด้วยครับ



สถานที่สำคัญอย่างโรงพยาบาลก็ไม่ไกล



การเดินทางเท่าที่จินตนาการคือ ใช้เส้นมอเตอร์เวย์ ในการเข้าเมือง หรืออีกเส้นทางนึงคืออ่อนนุช รถไฟฟ้า แต่ที่แน่ๆคือว่าต้องตื่นเช้า สำหรับคนทำงานออฟฟิศ จุดขายเรื่องเดินทางอีกอย่างคือว่า หมู่บ้านนี้จะใกล้ Airport Rail Link ใกล้จะเสร็จแล้ว



อนาคตจะมีการตัดถนนเชื่อมเข้าสนามบินนะครับ แต่ยังเป็นโครงการอยู่



ส่วนที่ชอบของโครงการนี้ คือ ทะเลสาบ สวน สภาพโครงการ

ส่วนที่ไม่ชอบคือ การเดินทางสำหรับคนไม่มีรถ ค่อนข้างลำบาก

เพราะว่าจากในหมู่บ้านออกมาหน้าปากซอยก็เกือบสองกิโล



ความเห็นส่วนตัว ถ้ามีรถแล้วสามารถอยู่ไกลๆได้ แนะนำให้ลองไปเยี่ยมชมดูครับ



 






 

Create Date : 11 มกราคม 2552    
Last Update : 11 มกราคม 2552 20:58:58 น.
Counter : 3863 Pageviews.  

แก้จราจรแยก "แคราย-สนามบินน้ำ" สร้างสะพานยกระดับแทนทางลอด

หลัง มีเสียงคัดค้านจากประชาชนในพื้นที่จนทำให้กรมทางหลวงต้องพับแผนก่อสร้างทาง ลอดบริเวณแยกแคราย และสามแยกสนามบินน้ำเพื่อลดแรงต้าน ล่าสุดได้มีการปรับรูปแบบก่อสร้างเพื่อแก้ไขปัญหาการจราจรทั้ง 2 จุดใหม่



ใน ส่วนของสามแยกสนามบินน้ำ จะก่อสร้างเป็นทางยกระดับบนถนนติวานนท์แทนรูปแบบเดิม โดยจะเป็นทางยกระดับต่อเนื่องข้ามแยกสามัคคีมาถึงแยกสนามบินน้ำ จุดเริ่มต้นที่ประมาณ ก.ม.9+250 บริเวณปากซอยติวานนท์ 38 สิ้นสุดที่ ก.ม.11+493 บริเวณสะพานข้ามคลองปากตลาด ความยาว 2.243 กิโลเมตร ความยาวเฉพาะสะพานยกระดับ 1.886 กิโลเมตร ขนาด 4 ช่องจราจร ส่วนถนนด้านล่างเป็น 6 ช่องจราจร งบก่อสร้างประมาณ 500-1,000 ล้านบาท



อย่าง ไรก็ตาม จากการรับฟังความคิดเห็นของประชาชนล่าสุด ต่างเห็นด้วยกับ รูปแบบนี้ แต่ขอให้แก้ปัญหาบริเวณแยกแครายก่อน เนื่องจากเป็นจุดที่มีปัญหามากที่สุดและสะสมมาถึงแยกสนามบินน้ำ



สำหรับ โครงการทางลอดแครายหลังถูกต่อต้าน และกรมทางหลวงได้ยกเลิกการประมูลไปแล้ว ขณะนี้อยู่ระหว่างศึกษา รูปแบบที่เหมาะสม และจัดรับฟัง ความคิดเห็นของประชาชนอีกครั้ง โดย กรมทางหลวงว่าจ้างมหาวิทยาลัยบูรพา ดำเนินการศึกษาและจัดทำประชาพิจารณ์



ผลการศึกษาเสนอรูปแบบแนวทางเลือกสำหรับแก้ไขปัญหาจราจรบริเวณดังกล่าวมีทั้งหมด 5 แนวทางเลือก ประกอบด้วย



ทาง เลือกที่ 1 ก่อสร้างตามแบบเดิม เป็นอุโมงค์ลอดทางแยกตามแนวถนนติวานนท์ ทางเลือกที่ 2 ก่อสร้างเป็นทางยกระดับตามแนวถนนติวานนท์ โดย ออกแบบก่อสร้างเป็นสะพานคอนกรีต และ สะพานโครงสร้างเหล็ก ซึ่งใช้เวลาก่อสร้างสั้น ช่วยลดผลกระทบต่อการจราจรระหว่างก่อสร้าง



ทาง เลือกที่ 3 ก่อสร้างเป็นสะพาน ยกระดับ 2 ช่องจราจร จากถนนติวานนท์ ด้านซอยเรวดี ยกผ่านข้ามแยก แครายแล้วเลี้ยวขวาไปลง



ถนนงามวงศ์วาน ทางเลือกที่ 4 ขยายสะพานข้ามแยกแครายเดิมข้างละ 1 ช่องจราจร



ทาง เลือกที่ 5 ก่อสร้างเป็นทางยกระดับคร่อมสะพานข้ามแยกตัวเดิมข้างละ 3 ช่องจราจร โดยจะลากยาวไปถึงทางขึ้นทางด่วนงามวงศ์วาน และจะก่อสร้างทางเข้าออกทางด่วนด้วย ซึ่งทางเลือกนี้เป็นส่วนหนึ่งของโครงการทางยกระดับรัตนาธิเบศร์ คาดว่าภายในเดือนธันวาคมนี้ มหาวิทยาลัยบูรพา จะจัดประชุมการมีส่วนร่วมของประชาชนในการแก้ปัญหาจราจรบริเวณ สี่แยกแคราย โดยนำเสนอรูปแบบการก่อสร้างทั้ง 5 ทางเลือก เพื่อรับฟังความ คิดเห็นจากประชาชนและผู้มีส่วนร่วม ก่อนสรุปผลการศึกษาเสนอนายสุพจน์ ทรัพย์ล้อม อธิบดีกรมทางหลวง พิจารณา



นายสุพจน์กล่าวว่ายังไม่ยกเลิก โครงการนี้ และงบประมาณก่อสร้างกว่า 700 ล้านบาทยังมีอยู่ แต่อยู่ระหว่างศึกษา รูปแบบที่เหมาะสมและรับฟังความคิดเห็นจากประชาชนในพื้นที่ รูปแบบโครงการจึงขึ้นอยู่กับประชาชนว่าจะพอใจในรูปแบบไหน จากนั้นจึงจะตอบได้ว่าจะก่อสร้างได้เมื่อไหร่ เนื่องจากโครงการมีความจำเป็นต้องก่อสร้าง เพื่อแก้ปัญหาการจราจร ในพื้นที่นนทบุรี และถนนงามวงศ์วานให้คล่องตัวมากขึ้น








 

Create Date : 04 มกราคม 2552    
Last Update : 4 มกราคม 2552 18:05:28 น.
Counter : 578 Pageviews.  

วงแหวน "บางปะอิน-บางพลี" ถนนใหม่ 8 เลน เปิดใช้ปี 2553


 



 



แม้จะมีข่าวสะพัดถึงความไม่ชอบมาพากลของโครงการก่อสร้างทางหลวงพิเศษหมายเลข 9 ตอนบางปะอิน-บางพลี ว่าผู้รับเหมาก่อสร้างสมยอมหรือฮั้วราคากัน ทั้งยังมี การเรียกค่าหัวคิว 5-10% จากค่างาน 6,100 ล้านบาท หรือราว 600 ล้านบาท เข้า กระเป๋านักการเมืองคนหนึ่ง โดยนำเงินก้อนไปตอบแทนการได้นั่งเก้าอี้ใหญ่ในกระทรวงคมนาคม ในรัฐบาลสมชาย 1 ทำให้กรรมาธิการคมนาคมต้องเข้ามาตรวจสอบ จากนั้นก็ส่งเรื่องไปให้คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) รับไปดำเนินการ



แต่กรมทางหลวง (ทล.) ในฐานะผู้รับผิดชอบดูแลโครงการนี้ไม่รอผลการตรวจสอบเพราะเกรงจะล่าช้า ยังเดินหน้าก่อสร้างต่อ โดยเดือนกันยายนที่ผ่านมาได้เซ็นสัญญากับผู้รับเหมาก่อสร้างเรียบร้อยแล้ว



โครงการก่อสร้างทางหลวงพิเศษหมายเลข 9 ตอนบางปะอิน-บางพลี หรือโครงการก่อสร้างขยายผิวจราจรถนนวงแหวนรอบนอก ตามแผนจะมีการขยายถนนเดิมจาก 4 ช่องจราจร เป็น 8 ช่องจราจร จากช่วงบางปะอิน-บางพลี ระยะทาง 40 กิโลเมตร พร้อมสะพานข้ามแยกถนนรามอินทราและถนนสุขาภิบาล 2 และ 3 โดยใช้เงินจากเงินทุนค่าผ่านทาง มอเตอร์เวย์ทั้ง 6,100 ล้านบาท 



กรมทางหลวงแบ่งการก่อสร้างเป็น 9 ตอน คือ ตอนที่ 1 ระยะทาง 6.59 กิโลเมตร วงเงิน 658 ล้านบาท บจ.เอ็ม ซี คอนสตรัคชั่น (1979) เป็นผู้ก่อสร้าง เริ่มก่อสร้างเมื่อวันที่ 23 กันยายน 2551-16 มีนาคม 2553 ขณะนี้มีผลงานรวม 2.212% เร็วกว่าแผนงาน 0.649%



ตอนที่ 2 ระยะทาง 6.435 กิโลเมตร ค่าก่อสร้าง 766 ล้านบาท บจ.โรจน์สินก่อสร้าง เป็นผู้ก่อสร้าง เริ่มงานตั้งแต่วันที่ 23 กันยายน 2551-16 มีนาคม 2553 ผลงานรวมขณะนี้ 2.368% เร็วกว่าแผน 1.396% 



ตอนที่ 3 ระยะทาง 7.275 กิโลเมตร ค่าก่อสร้าง 641 ล้านบาท โดย บจ.ไทยวัฒน์วิศวการทางก่อสร้าง เริ่มงานวันที่ 23 กันยายน 2551-16 มีนาคม 2553 คืบหน้าแล้ว 3.042% ช้ากว่าแผน 1.395% 



ตอนที่ 4 ระยะทาง 5.745 กิโลเมตร ค่าก่อสร้าง 680 ล้านบาท บจ.กำแพงเพชรวิวัฒน์ก่อสร้าง เป็นผู้ก่อสร้าง เริ่มงานวันที่ 24 กันยายน 2551-17 มีนาคม 2553 ขณะนี้คืบหน้า 3.811% เร็วกว่าแผน 1.021% 



ตอนที่ 5 ระยะทาง 1.630 กิโลเมตร ค่าก่อสร้าง 621 ล้านบาท ก่อสร้างโดย บจ.ช.ทวีก่อสร้าง ตั้งแต่วันที่ 9 ตุลาคม 2551-1 เมษายน 2553 งานคืบหน้า 0.004% ช้ากว่าแผน 0.074% 



ตอนที่ 6 ระยะทาง 1.630 กิโลเมตร ค่าก่อสร้าง 623 ล้านบาท บจ.ประยูรวิศว์ เป็นผู้ก่อสร้าง เริ่มงานวันที่ 9 ตุลาคม 2551-1 เมษายน 2553 คืบหน้า 0.095% ช้ากว่าแผน 1.797% 



ตอนที่ 7 ระยะทาง 4.779 กิโลเมตร วงเงิน 576 ล้านบาท บมจ.ยูนิค เอ็นจิเนียริ่ง แอนด์ คอนสตรัคชั่น เป็นผู้ก่อสร้าง เริ่มสัญญาวันที่ 24 กันยายน 2551-17 มีนาคม 2553 ผลงาน 0.220% ช้ากว่าแผน 0.270% 



ตอนที่ 8 ระยะทาง 0.746 กิโลเมตร วงเงิน 712 ล้านบาท บจ.กรุงธนเอนยิเนียร์ เป็นผู้รับเหมาก่อสร้าง เริ่มงานวันที่ 9 ตุลาคม 2551-1 เมษายน 2553 คืบหน้า 1.814% ล่าช้ากว่าแผน 0.158% 



ตอนที่ 9 ระยะทาง 6 กิโลเมตร วงเงิน 800 ล้านบาท ก่อสร้างโดย บจ.ชัยนันท์ ค้าวัตถุก่อสร้าง เริ่มต้นสัญญาวันที่ 24 กันยายน 2551-17 มีนาคม 2553 คืบหน้า 2.596% ช้ากว่าแผน 1.888% 



ช่วงนี้ใครผ่านไปแถวนั้นอาจจะหงุดหงิดใจที่มีการก่อสร้างกีดขวางการสัญจรไปมา แต่เมื่อแล้วเสร็จจะช่วยแก้ปัญหาการจราจรบนถนนวงแหวนรอบนอกที่คับคั่งและเพิ่มปริมาณมากขึ้นทุกปี ได้เป็นอย่างดี 



ขณะที่นักการเมือง ข้าราชการประจำ ที่เข้าไปข้องเกี่ยวกับเรื่องฉาว ตอนนี้อาจจะหนาวๆ ร้อนๆ จึงต้องจับตาดูกันต่อไปว่า ผลการสอบสอนเรื่องความไม่โปร่งใส จะออกมาก่อนโครงการก่อสร้างแล้วเสร็จหรือไม่






 

Create Date : 04 มกราคม 2552    
Last Update : 4 มกราคม 2552 10:47:46 น.
Counter : 672 Pageviews.  

แนวโน้มราคาบ้านปี 2552 ถูกลง?

โอกาสทองซื้อบ้านปีนี้ราคาลงเยอะ [1 ม.ค. 52 - 05:34]

นายอนุพงษ์ อัศวโภคิน ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เอเชี่ยน พร็อพเพอร์ตี้ ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า สถานการณ์ของธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ในปี 2552 จะยังคงชะลอตัวต่อเนื่องจากปีนี้ โดยผู้ประกอบการรายใหญ่ จะทำตลาดด้วยความยากลำบากมากขึ้น ขณะที่รายกลางและรายเล็กก็จะประสบปัญหาหนัก โดยเฉพาะการที่แบงก์ไม่ปล่อยสินเชื่อเพื่อพัฒนาโครงการ และมีปัจจัยลบที่สำคัญคือผู้บริโภคถูกปฏิเสธการให้สินเชื่อมากขึ้น  ทำให้ไม่สามารถซื้อบ้านได้

“อสังหาริมทรัพย์ในวันนี้แตกต่างจากปี 2540 คือ ในครั้งนั้นเราประสบปัญหาบ้านล้นตลาด และต้องใช้เวลานานกว่า 3-4 ปี กว่าจะระบายสินค้าออกไปได้ แต่ในขณะนี้จำนวนบ้านที่ออกสู่ตลาดลดลงซึ่งเป็นไปในทิศทางเดียวกับความ ต้องการที่อยู่อาศัยของผู้บริโภค ที่แม้จะยังมีอยู่แต่ก็ตัดสินใจซื้อยากขึ้น เพราะไม่มั่นใจกับสถานการณ์ทางการเมืองและเศรษฐกิจ เรียกได้ว่าทั้งผู้ซื้อและผู้ขายหายไปจากตลาดพร้อมกัน ส่วนผู้ประกอบการที่ยังเหลืออยู่ก็ต้องควบคุมกระแสเงินสดให้ดี ไม่ให้ขาดมือ เพื่อรับมือกับปัญหาแบงก์ไม่ปล่อยสินเชื่อ” 

ในปีนี้ถือว่าเป็นปีทองของผู้ซื้อบ้าน เพราะผู้ประกอบการจะหันมาใช้ กลยุทธ์การทำตลาดในลักษณะอัดฉีดแคมเปญพิเศษ ทั้งประเภทลด แลก แจก แถม ขณะที่ราคาบ้านก็จะถูกลงเพราะผู้ประกอบการยอมลดกำไรลง เพื่อกระตุ้นตลาด อีกทั้งผู้บริโภคยังได้ประโยชน์จากมาตรการภาษี เพื่อกระตุ้นภาคอสังหาริมทรัพย์ของรัฐบาล 

“ในส่วนของบริษัทมีโครงการที่รอเปิดตัวทั้งสิ้น 11 โครงการ คิดเป็นมูลค่า 16,000 ล้านบาท ประกอบด้วยคอนโดมิเนียม 5 โครงการ และบ้านเดี่ยวกับทาวน์เฮาส์ 6 โครงการ โดยในการเปิดตัวโครงการจะพิจารณาจากภาวะตลาดในขณะนั้นเป็นสำคัญ ขณะที่มีโครงการที่ขายแล้วอยู่ระหว่างรอโอนคิดเป็นมูลค่า 16,000 ล้านบาท และมีโครงการที่เปิดตัวแล้วอยู่ระหว่างรอการขายคิดเป็นมูลค่ารวม 8,600 ล้านบาท”.




 

Create Date : 01 มกราคม 2552    
Last Update : 1 มกราคม 2552 18:37:17 น.
Counter : 530 Pageviews.  

1  2  3  4  5  6  7  8  9  10  11  12  

High Bridge
Location :


[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 2 คน [?]






Group Blog
 
All Blogs
 
Friends' blogs
[Add High Bridge's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.