*** จดหมายเหตุ Mulberry ***
ทำไมต้องเป็น "จดหมายเหตุ Mulberry"?

งงมั้ยคะ...ถ้างง มา...ล้อมวงเข้ามาจะเฉลยให้ฟัง

จดหมายเหตุ - (น.) ลายลักษณ์อักษรอันมีที่มา
Mulberry - (น.) ชื่อสินค้ายี่ห้อหนึ่ง ที่อยู่ใน Wish list ของผู้เขียน กำลังจะได้ กำลังจะได้ ก็มีเหตุให้ต้องปลิวหลุดมือไปทุกครั้ง

และครั้งนี้ก็อีกเช่นกัน...

เหตุเกิดเมื่อกลางดึกคืนวันพฤหัสที่ 19 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา...คืนนั้น สัญญาณการพลัดพรากจากน้อง Mulberry ก็มีอันเริ่มต้นขึ้นเมื่อโขนที่อยู่ดีๆก็เริ่มมีไข้ตัวร้อน และถึงแม้ว่า ทั้งเราและชายโฉดจะเทิร์นโปรตัวเองขึ้นเป็นผู้เชี่ยวชาญการปราบปรามไข้เด็กแล้ว ก็ยังถึงกับมึนตึ้บ เพราะปกติ เมื่อจับลูกเช็ดตัว (ซาดิสม์ๆแบบโรงพยาบาล) และป้อนยาลดไข้ ไม่นาน ไม่ว่าโขนหรือเขินก็จะกลับมาลั้ลลาจนเหมือนเหตุการณ์ก่อนหน้าเป็นเดจาวูของพ่อกับแม่มัน

แต่ครั้งนี้ การณ์กลับไม่เป็นอย่างนั้น เพราะหลังจากเช็ดตัวและป้อนยาแล้ว ไม่ถึง 2 ชั่วโมง ไข้ก็กลับมาอีก เหมือนกับลืมของไว้ที่บ้าน เลยแวะกลับมาเอายังไงยังงั้น ทั้งที่ปกติ เทอมของการลดไข้จะอยู่ได้ประมาณ 4 ชั่วโมง

รอบที่ 1 ผ่านไป...

อ่ะ..ไม่เป็นไร ฝีมือเดี๊ยนกับชายโฉดคงตกๆไปบ้าง ไข้ดีกรี 38 มันเลยมีเหตุให้แวะกลับมาเอาของที่บ้านได้ พอไข้ขึ้นอีกรอบ ก็ปฏิบัติไปอย่างเดิม...

อีก 2 ชั่วโมงมันก็แวะกลับมาใหม่ สงสัย...ยังคงลืมของไว้อยู่แน่นอน...ไม่เป็นไร ได้แต่พร่ำบอกตัวเองในใจ

"เอาอยู่แน่นอน"...ชะช่า....รู้จักมือปราบไข้เด็กปั๋วเมียคู่นี้น้อยไปซะแล้ว!

รอบที่ 2 ผ่านไป...

หึ หึ...เป็นไงล่ะ หลังจากเช็ดตัวแบบซาดิสม์ๆไปสองรอบ พร้อมกับความนิ่งนอนใจว่า คงไม่มีหน้าไหนกล้ามาขัดขวางความสุขในการนอนได้อีกแล้ว จนกระทั่ง 3 ชั่วโมงผ่านไป..มันไม่ไปแฮะ....แถมกลับมาด้วยความร้อนแรงกว่าเดิม

"40 องศา" แม่เจ้า....สงสัยนอกจากจะลืมของทิ้งไว้ มันคงวกกลับมาทวงตังค์ด้วยแน่นอน และตังค์ที่มันมาทวงไป ก็พอดีกับค่ากระเป๋า Mulberry มือ 2 สวยๆสักใบ พอดิบพอดี

โฮ!!!

ถึงตอนเช้า เมื่อปฏิบัติการทั้งหลายทั้งปวง ดูแล้วไม่น่าจะเวิร์ค มือปราบไข้เด็กก็จำยอมก้มหน้ารับความพ่ายแพ้อย่างหมดรูป ด้วยการหิ้วปีกหล่อ 1 ไปส่งโรงพยาบาล ด้วยความหวังเต็มเปี่ยมว่า

"เรื่องสิวๆ ไม่มีไรหรอก" หารู้ไม่...มันคือสิวหัวช้าง!

เพราะผลการตรวจน้ำมูกโขนที่ออกมา บ่งว่า โขนแจ็คพ้อตมากที่เป็นทั้งไข้หวัดใหญ่และ ไวรัส RSV ที่กำลังเป็นที่นิยมอยู่ในหมู่เด็กๆยามนี้ ปกติจะเจอแค่ตัวใดตัวนึงเท่านั้น แต่โขนผู้ขอเปลี่ยนชื่อตัวเองเป็นน้องพลับชั่วคราว เพื่อให้เหมาะกับประโยคที่ว่า "น้องพลับขอสอง" ก็เลยสมใจ..

ได้เลยลูก...ไวรัสจัดให้....

การรักษา
ก. แอดมิท ซึ่งแม่มันก็คิดว่า ไม่เป็นไรมั้งแค่ไข้หวัดใหญ่กับ RSV แค่นั้นเอง (เรอะ!) เอาไปดูแลที่บ้านก็ได้ (ด้วยความหวังที่ยังเห็นสายสะพาย Mulberry อยู่ลิบๆ)
ข. กลับบ้านไปดูแลเอง พร้อมยาทั่วไป (เนี่ยเลย..ที่ชั้นต้องการ) หรือ
ค. กลับบ้านพร้อมยาทามินฟลู ซึ่งเป็นยาสำหรับรักษาไวรัสตระกูล H , N ซึ่งถ้าใครเคยแวะไปเป็นไข้หวัดนกมาก่อน คงคุ้นๆชื่อมันบ้าง เพราะมันคือยารักษาไข้หวัดนกนั่นเอง แต่ความพิเศษของมันนอกจากการเป็นยารักษาไวรัสที่ชงัดนักแล้ว มันยังมาพร้อมค่าตัวระดับมหาโหด หลักร้อยนี่ไม่ต้องพูดถึง หลักพันเดียวก็เลิกคิด เพราะถ้าจำไม่ผิด หมอบอกว่าประมาณ 2-3 พันบาท

ทายซิว่าเดี๊ยนเลือกช้อยส์ไหน

ค. ถูกต้องนะคร้าบบบบบบบ

ก็เลยหิ้วปีกหล่อ 1 กลับมาบ้านด้วยความลิงโลดว่า เสียค่ายาไปขนาดนี้แล้ว มันต้องเป็นยาวิเศษ ประเภทป้อนปุ๊บหายปั๊บแน่นอน..

ผลน่ะหรือ...หึ หึ....หล่อ 1 ได้ย้ายที่นอนชั่วคราวในกลางดึกคืนวันศุกร์ที่ 20 นั้นเอง ไปไม่ไปตัวเปล่า ไปพร้อมทามินฟลูมันนั่นแหละทั้งเซ็ท...

เมื่อเช้าไปเยี่ยมลูก พร้อมกับไหนๆก็ไหนๆ เลยหิ้วหล่อ 2 ไปหาพี่โขนและให้หมอตรวจพร้อมกันด้วยเลย เพราะพี่ล่ำเริ่มมีอาการไอตอนกลางคืนและหัวรุ่งแล้ว อย่านะ....Mulberry น้องยังอยู่ตรงนั้นใช่มั้ย?

ภายใต้ความหวังที่ริบรี้ ริบหรี่..ความหวังที่ว่า ก็เป็นอันอันตรธานไปแน่นอนแล้วเหมือนอาหารยามเข้าปากตี๋ล่ำ เพราะเฉพาะค่ายาเขิน + ฉีดวัคซีนไข้หวัดใหญ่ก็เกือบ 2,000 แล้ว นี่ยังไม่รวมทริปพักร้อนของโขน ที่แว่วๆมาว่า คงต้อง Vacation ที่โรงพยาบาลอย่างน้อยๆ 2 คืน

หมดกัน...Mulberry ของช้านนนนนนนนน

ระหว่างที่เขียนอยู่นี้ ยังไม่เห็นบิลค่ารักษาหรอก แต่เดี๊ยนก็ปลงตกในชะตากรรมไปแล้วเรียบร้อย และตั้งความหวังใหม่ว่า จะไปขอให้ร้านกงเต้กช่วยทำกระเป๋ากระดาษของ Mulberry เผื่อไว้เลย เอาไว้ให้ลูกเผาให้ในอีกสัก 50 กว่าปีข้างหน้า ไม่ซ้งไม่ซื้อมันละ ชาตินี้

ว่าแต่ตอนเผาน่ะ...ขอ Bayswater สีโอ๊คนะลูก...

โฉมหน้าโจรปล้น Mulberry ครั้งนี้ของหม่ามี้



ส่วนรูปนี้ ก็พี่โจรครั้งที่แล้ว เพราะเมื่อตอนพี่อายุ 4 เดือน พี่ก็ไปวาเคชั่นที่โรงพยาบาลเหมือนกัน รอบนั้น โดนไป 3 หมื่น!!! หม่ามี้ที่กำลังอิ่มเอิบด้วยเพิ่งถูกหวยมา 2 งวด 4 หมื่นกว่าบาท ก็มีอันหน้ามืดไปกระทันหัน กับทริปวาเคชั่นของหนู



ท่ามกลางความมึนงงและคิดถึงน้อง Mulberry สุดที่รัก...นางพยาบาลก็เอาตุ๊กตาเต่าเข้ามาให้โขนหนึ่งตัว นัยว่า เป็น Service ให้เด็กที่เข้าพัก

มันเป็นตุ๊กตาเต่าที่แพงที่สุดในโลกเลยลูก...



พี่คนนี้ก็ภูมิใจกับตุ๊กตาเสียเต็มประดา พร่ำบอกว่า

"คุณหมอให้โขน เพราะโขนเป็นเด็กดี"

จ้า...เด็กดีจ้า....เด็กดีจริงๆ ว่าแต่หนูได้ยินเสียงกัดฟันตอบของหม่ามี้มั้ยลูก...



ซึมเศร้าไปสักพัก กระเพาะก็ร้องอุทธรณ์ เลยกินดับแค้นด้วยเมนูนี้



แล้วก็แทบจะจำไปสักบนร่างกายเลยว่า "อาหารโรงพยาบาล ไม่ได้เรื่อง"

ในขณะที่หม่ามี้ครุ่นแค้นในโชคชะตา สองพี่น้องก็เล่นกันน่าเอ็นดู๊...




ท่ามกลางหยาดน้ำตา อย่างน้อยก็ยังมีเรื่องให้ระทึกใจอีกเรื่องหนึ่ง นั่นคือพัฒนาการของพี่ล่ำ ที่ตอนนี้ยังไม่ขวบดี (11 เดือน 21 วัน) แต่ก็เหมือนจะเข้าใจเรื่องทางโลกมากขึ้นแล้ว เพราะพี่แกรู้จักเอาสีเทียนมาวาดบนกระดาษ (ไม่ใช่บนกระดาษไม่เอาด้วยนะเออ...แสดงว่ารู้จริงๆ)



หลักฐานจะๆคามือ



ผลงานพ่อเจ้าประคุณ



หมดจากกิจกรรมสีเทียน ก็เป็นกิจกรรมหลีหญิง...เนียนไม่เนียน ก็ดูชั้นเชิงพี่ล่ำแกซะก่อน



พี่คนนี้ก็ร่าเริงผิดสภาพตอนแอดมิท สงสัยโอวัลตินโรงพยาบาลจะอร่อยกว่า ....อยากเตะเด็กว้อยยยยยยยย



หมดแล้วคร้าบบบบ หม่ามี้ขอไปนั่งขูดต้นผักชีหาเลขเผื่อฟลุคถูกหวยต่อไป ฝันที่จะได้เคียงคู่กับน้อง Mulberry จะได้เป็นจริงสักที...

ขอได้รับความขอบคุณจาก

โจร 1



และโจร 2







Create Date : 21 กุมภาพันธ์ 2552
Last Update : 22 กุมภาพันธ์ 2552 22:04:30 น.
Counter : 709 Pageviews.

4 comment
** พ่อวางแผนจะ "ถีบ" ป๋มกับน้องเข้าวงการ...ดูจากรูปแล้ว พี่ๆคิดว่าไหวมั้ยคับ **
ง่า...วงการที่ว่า คือวงการบันเทิง สาขาศิลปินตลกนะคับ..บ่ใช่ดารานักร้องไรปู้นดอก แบบนั้นเนี่ย หม่ามี้ป๋มเค้าว่า

"ป๋มกับน้องยังห่างชั้นอีกเยอะคับ"

ป๋มก็อยากจะเถียงแม่เหมือนกันว่าป๋มก็หล่อนะเออ...แต่กลัวไม่มีพวกคับ เลยเอารูปป๋มกับน้องมาแปะ เผื่อจะมีใครเห็นด้วยกับป๋ม แล้วลงลายมือชื่อครบ 50,000 ขับไล่หม่ามี้ของป๋มออกจากตำแหน่งมะเมียของพ่อ (ฮิ้วววววว)

ช่วยดูรูปหน่อยนะคับ ว่าป๋มกับน้องสมควรจะเป็น

"โขน-เขิน" คู่แข่งกอล์ฟ-ไมค์ หรือ

"โขน เชิญยิ้ม" กับ "เขิน เถิดเทิง" ดีคับ

คิๆๆ

อันนี้ เราก็ควรมาเริ่มด้วยรูปคู่สองเราของป๋มกับน้องนะคับ

Photobucket

ต่อมา ขอป๋มแบบเดี่ยวๆ เอาให้รู้กันไปว่าใครหมู่ใครจ่า

ง่า...ว่าแต่จ่ากับหมู่ อันไหนใหญ่กว่ากันอ่ะคับ หม่ามี้ป๋มฝากถาม

Photobucket

ภาพโค๊ดอัพของป๋มค้าบ หม่ามี้บอกว่า
ถ้าใครถามว่าทำไมจมูกโด่ง ก็ให้บอกว่า ป๋มไปเสริมตะหมูกมา
แล้วถ้าใครถามทำไมตาโต ก็ให้บอกว่า ป๋มใส่คอนแทคแอ๊บแบ๊วคับ

Photobucket

ปกติป๋มต้องเช็คความหล่อบ้าง แต่เนื่องจากยังตัวกะจ้อยอยู่ ไม่มีปัญญาซื้อกระจกไว้พกเอง ...เลยมาขอพึ่งพาข้างทางตามห้างเอาคับ

Photobucket

ว่างๆ ป๋มก็จะเข้าวัดเข้าวา เพื่อขอพรพระให้ป๋มตลกกว่านี้อีก ...

Photobucket

แต่..ก่อนจะตลกกว่านี้ได้ ป๋มคงต้องหัดถ่ายรูปให้หน้าไม่เป็นตรูดก่อนอ่ะคับ หม่ามี้บอกมา...

Photobucket

ว่าแล้ว...ป๋มก็ขอส่งคู่หูคู่ฮาของป๋มเข้าประกวด...เค้าคือ ลูกสมุนวัย 11 เดือนของป๋ม เจ้าของฉายา... "แป๊ะยิ้ม"

Photobucket

หรือจะเรียกฉายาอื่นๆเช่น "เหล่าแปะ" กับ "ตี๋ล่ำ" ก็ได้อยู่คับ...

Photobucket

อะไรอยู่ในตะกร้า....

Photobucket

มันคือ....มันคือ........


ตี๋ล่ำเองคับ...

Photobucket

และขอลามิตรรักแฟนเพลงไปด้วยภาพสุดท้าย ของตี๋ล่ำ สมุนเอกของป๋มคับ ...

แล้วพบกันใหม่เมื่อป๋มตลกกว่านี้ และพร้อมจะเข้าวงการตามพี่หม่ำพี่เท่ง...

หึ...ระวังกันให้ดีนะคับจ๋าวๆ...ป๋มกับน้องจะกลับมาอีก...เร็วๆนี้

ขอได้รับความขอบคุณจาก "โขน เชิญยิ้ม" และ "(เครื่อง)เขิน เถิดเทิง" คับ

Photobucket




Create Date : 10 กุมภาพันธ์ 2552
Last Update : 22 กุมภาพันธ์ 2552 8:48:12 น.
Counter : 692 Pageviews.

0 comment
ความทรงจำสีจางๆ
วันเวลาของการเป็นแม่ลูกสองก็ผ่านมานานโขอยู่ และก่อนที่จะนานไปกว่านี้ แก่ไปกว่านี้ คงไม่มีอะไรดีไปกว่าข้อเขียนถึงเด็กชายตัวขาวจัดทั้ง 2 คน และเชื่อเถอะว่า...วันนึง สาวๆในคอลเล็กชั่นสะใภ้ของทั้ง 2 ข ต้องได้ร่วมรับรู้ความจริงนี้ด้วยแน่นอน

จะจำได้บ้างมั้ยน้า..... แม้จะแก่และสวย แต่ความสวยก็มักจะเดินสวนทางกับความฉลาดเสมอ

หึ...โชคดีจริงๆ ที่เราไม่มีสักอย่าง

เท่าที่พอจะจำได้คือ

1. วันแรกที่รู้ตัวว่าท้องโขนคือ 24 ก.พ. 2548 และวันแรกที่รู้ตัวว่าท้องเขินคือ 20 ก.ค. 2550

2. โขนเริ่มดิ้นครั้งแรกเมื่อวันที่ 4 มิถุนายน 2548 ที่จำได้เพราะเป็นวันเกิดแฟนเก่า (ที่หล่อมั่กๆ) แล้วก็บังเอิญที่โขนดันคลอดเอาในวันเกิดของกิ๊กเก่าอีกคนนึงด้วย ส่วนเขิน ช่างมัน หม่ามี้ลืม

3. แรกคลอด โขนน้ำหน้ก 2950 กรัม ยาว 50 ซม. และน้ำหนักเพิ่มขึ้นอีกเดือนละ 1 - 1.2 โล ส่วนเขิน แรกคลอดน้ำหนัก 2,550 กรัม ยาว 47 ซม. และน้ำหนักขึ้นเดือนละโลห้า!!! จิ๊...ไม่ได้เกรงใจพี่มันบ้างเลย

4. เขินเริ่มยิ้มแบบมีความหมาย (ซึ่งแปลว่าไม่ได้ยิ้มแบบเลื่อนลอยหรือเมายา) ตอนเดือนหน่อยๆ ส่วนของโขน จำไม่ได้

5. โขนเริ่มพลิกคว่ำหงายได้ตอน 4-5 เดือน และเมื่อผ่านประสบการณ์การมีลูกมาแล้ว 1 เมื่อมาถึงเขิน จึง "ไม่ต้องเร็วก็ได้ลูก" เพราะยิ่งเร็วเท่าไหร่ ก็แปลว่ามันน่าจะเคลื่อนที่ได้เร็วขึ้นด้วย นั่นแหละ...สะกดคำว่า "หายนะ" ไว้ได้เลย ดังนั้น เขินจึงเริ่มพลิกหงายตอน 5 เดือน และพลิกคว่ำตอน 7 เดือน

6. อันดับตัวประกันของพ่อในสายตาโขน นับว่าสูงกว่าเขินมากนัก พ่อในตอนนั้นสำหรับโขนมีความสำคัญเทียบเท่าอันดับ 5 เป็นรองก็แค่หม่ามี้ พี่พร พี่ปั๊บป้า พี่มะขามเปียกและน้าแบล็คแจ็ก แต่ความสำคัญของพ่อต่อเขิน ช่างมืดมนอนธกาล เพราะอันดับล่าสุดที่เพิ่งสรุปออกมาคือ พ่อสำคัญในลำดับที่ 48!!! ดังนั้น ปฏิกริยาที่เขินมีให้พ่อเมื่อเจอหน้าคือ

"รอยยิ้มแบบเดียวกับเจออาแปะปากซอย"

7. เขินไม่ชอบกินกล้วย และไข่แดง ในขณะที่โขนก็ไม่ชอบกล้วย ไม่ชอบไข่แดง ไม่ชอบตับ ไม่ชอบใบตำลึง หรือพูดให้เข้าใจง่ายกว่านั้นคือ โขนไม่ชอบสักอย่าง

8. โขนกินนมวันละ 8 ออนซ์ นมแม่ครึ่งนึง นมชงครึ่งนึง ส่วนเขินกินนมวันละ 10 ออนซ์ขึ้นไป นมแม่ 60 นมแพะชง 40

9. เขินมีข้อแม้ในการดำรงชีวิตอย่างน่าหมั่นไส้ เมื่อเทียบกับพี่ชาย ยกตัวอย่างเช่น จะยังไม่นอนรอบเช้า จนกว่าจะได้อาบน้ำ และล่าสุด จะยังไม่นอนรอบเช้าจนกว่าจะได้อาบน้ำและกินข้าวพอลูบท้อง -*-

10. แรกคลอด โขนได้แอปการ์ สกอร์ที่ 10-10 เขินได้ที่ 8-9-10

11. โขนคลานได้ตอน 11 เดือน และเดินได้ตอน 1 ขวบ 2 เดือน ส่วนเขินคลานได้ตอน 8 เดือน 20 วัน

12. เขินทำ Lip roll (บรืนๆๆๆ) ได้ตั้งแต่ 10 เดือนกว่าๆ โขนจำไม่ได้

13. เขินปีนลงจากเตียงอย่างผู้มีอารยธรรม ได้ตั้งแต่ 10 เดือนกว่าๆ โขนประมาณขวบกว่าๆ






Create Date : 30 ตุลาคม 2551
Last Update : 11 กุมภาพันธ์ 2552 7:50:46 น.
Counter : 506 Pageviews.

0 comment
-- ด เด็ก ไปโรงเรียน --
และแล้วก็มาถึงวันแห่งประวัติศาสตร์ (ขาติไหน) อีกวันหนึ่งที่โลกต้องจดจำ (ไปทำไม) เพราะมันคือวันที่โขนไปโรงเรียนเป็นวันแรกในชีวิต

วันจันทร์ที่ 26 พ.ค. 2551 คือวันที่ว่านั้น และแม้ว่าโขนจะผ่านช่วงชีวิตนักเรียนอนุบาลมาบ้างแล้ว แต่ก็เป็นเวลาสั้นๆเพียงแค่ 10 วัน ซึ่งคงยังไม่พอให้โขนได้เสพความน่าอภิรมย์ของชีวิตนักเรียน และความวาบหวามใจที่จะได้นั่งใกล้สาวๆ เพราะบทเรียนที่โขนได้จากซัมเมอร์ครั้งนั้นมีเพียงหลักสูตร

- How To Lock Your Mom and Dad with You all day long
- 125 วิธีชักแม่น้ำทั้ง 5 ไม่ให้พ่อแม่ไปไหน
- ร้องไห้อย่างไรให้ดูดี
- กลยุทธสร้างภาพ "โขนอยากอยู่กับพ่อและหม่ามี้นะ"
- 78 วิธีเล่นคนเดียวอย่างไม่มีความสุข

นับๆดูแล้ว ก็นับว่าคุ้มนะนั่น เสียไป 3,000 บาทถ้วน แลกกับสารพัดหลักสูตรที่ไม่ประเทืองปัญญาข้างต้น

ตัดกลับมายังวันที่ 26 ที่ผ่านมา โขนตื่นเช้าด้วยความโกลาหล เพราะไม่ค่อยจะยอมตื่น แล้วพอหมดช่วงพิลาปรำพันจากการตื่นนิทรา โขนก็ร่ายบทโศกต่อทันทีถึงความทุกขเวทนาที่ต้องอาบน้ำตอนเช้า

ไปโรงเรียนลูก ไม่ได้ไปรำยี่เก...

แต่งตัวเสร็จ ก็ต้องว่ากันไปตามธรรมเนียมปฏิบัติของคนเป็นพ่อเป็นแม่ ที่จะต้องมีการชักภาพเก็บไว้เป็นที่ระลึก ทั้งที่ความจริงแล้ว นี่คือหลักฐานชิ้นดีที่จะไว้แบล็คเมล์มันในยามโตขึ้นและพาสาวมาบ้าน นอกเหนือจากหลักฐานชิ้นอื่นๆอีกเป็นกำมือที่พ่อและแม่มันเตรียมไว้

หลังชักภาพกันเป็นที่ระลึกเรียบร้อย ก็ถึงคิวเชือดของจริง ด้วยการจัดแจงอุ้มเจ้าตัวดีขึ้นนั่งคาร์ซีทประจำตัว แล้วก็ล็อคเบลท์อย่างแน่นหนา สังเกตดูเข่าของโขนอ่อนๆชอบกล นอกจากเข่าจะอ่อนแล้ว เชื่อว่าอวัยวะอื่นๆก็คงพร้อมจะอ่อนตามไปด้วย ถ้าจะทำให้ไม่ต้องไปโรงเรียน

พลันที่รถแล่นเข้าเส้นถนนงามวงศ์วาน อันเป็นเส้นหน้าโรงเรียนอนุบาลของโขน ก็สังเกตเห็นบรรยากาศมาคุ (ของโขนคนเดียว) ขึ้นมาโดยพลัน แล้วมือไม้ที่พร้อมจะอ่อนจากย่อหน้าก่อน มันก็อ่อนขึ้นมาจริงๆ

"โขนไม่เอาชนานันท์ โขนไม่เอาชนานันท์" คือประโยคสุดฮิตประจำสัปดาห์พร้อมกับมือไม้ที่อ่อนระทวย

เมื่อไปถึงหน้าโรงเรียน หลังจากจอดรถเป็นที่เรียบร้อย ชายหนวดและแม่ใจโหดก็ช่วยกันต้อนพาโขนเข้าโรงเรียน โดยมีซาวด์แทรคเป็นเสียงร้องกระจองอแงไปตลอดทาง พยายามที่จะให้โขนหันหาด้านดีๆของชีวิตบ้าง แต่ก็ดูจะไม่เป็นผล เพราะไม่ว่าจะองศาไหนๆของโรงเรียน ก็มีแต่เด็กๆร้องไห้ ขวัญกำลังใจที่พอจะมีอยู่บ้างของโขน ก็ดูจะพร่องลงไปทันที เฮ้อ...ใครหนอใครกันที่ช่างเข้าใจกระแนะกระแหนว่า

"ขวัญกำลังใจ.....................มีไว้ให้เสีย"

ถูกกกกกกกกกกกกกก

และโขนก็เป็นหนึ่งในนั้น...





และนี่คือหน้าของตี๋ล่ำ ในเช้าวันเดียวกัน

ตี๋ล่ำปรายตามองพี่ชาย พลางคิดในใจว่า

"เฮ้อ...เด็กสมัยนี้ โตเร็วจริงๆ แป๊บๆเข้าอนุบาลแระ"




Create Date : 28 พฤษภาคม 2551
Last Update : 5 มิถุนายน 2551 14:20:07 น.
Counter : 770 Pageviews.

0 comment
วันของ "เขิน"
20 กรกฎาคม 2551 คือวันที่รู้สึกเอะๆใจพิกลว่าชะรอยชะตาชีวิตคงไม่แคล้วต้องเป็นแม่ลูก 2 แล้วทางออกก็ไม่มีอะไรดีไปกว่าประตูและ 7-11 ปากซอย คิดได้ดังนั้นแล้ว Pregnancy Test 2 ชุดก็เข้ามาอยู่ในกระเป๋าสวนทางกับแบงค์ร้อยประมาณ 2 ใบ

นั่งอยู่ในห้องน้ำด้วยใจจดใจจ่อมาก พร้อมๆกับคิดถึงคำพูดของชายหนวดผู้นอนข้างๆทุกคืน

"ถ้าท้อง ก็แปลว่ามันจงใจมาเกิดแล้วล่ะ"

ที่รักขา..."มันจงใจมาเกิดจริงๆด้วย"

ขีด 2 ขีดบนตัวเทสต์ คือ 2 ขีดที่เปลี่ยนแปลงชีวิตที่เหลือนับจากนี้ไปโดยสิ้นเชิง แม้ว่าตอนแรกจะตกใจ สับสน ดีใจ และหิว หลังจากตั้งสติได้ก็กดโทรศัพท์หาชายหนวดที่ชอบมานอนข้างๆทันที จำได้ว่า วินาทีแรกที่ชายหนวดรู้ข่าวอันน่าระทึกนี้ ชายหนวดนิ่งอึ้งไปประมาณ 2 วิ.. 2 วิจริงๆ ก่อนจะหันไปบอกน้องๆร่วมวงเหล้า ด้วยเสียงลำพองใจสุดๆ ทำนอง

"ตรูเจ๋ง.." แต่ต่อจากความเจ๋งนี่สิ จะมีอะไรเกิดขึ้นไปอีกหลายสิบปี มีคิดบ้างมั้ยเฮีย!!!

เอาล่ะ ในเมื่อมันมาแล้ว เราก็พร้อมจะรักมันสุดหัวใจตั้งแต่นาทีแรกที่รู้ตัวอยู่แล้วล่ะ แม้ว่าจะแอบเสียดายน้ำหนักที่กำลังลงอย่างเอาเป็นเอาตาย หลังจากค้างเติ่งจากการคลอดลูกครั้งที่แล้วมาเป็นเวลาร่วมปีกว่าๆก็เถอะ ก็ธ่อ..จะไม่ให้เสียดายได้ยังไง ตอนนั้นอ่ะอีก 2 โลก็จะเหลือเท่าเดิมก่อนท้องแล้ว

20 กรกฎาคม รู้ตัวว่าท้อง 27 กรกฎาคม ก็แพ้ท้องเลยทันที เร็วสวนกระแสความไวในการลาออกจากตำแหน่งของ รมต.สำนักนายกดีจริงๆ ตอนท้องที่แล้ว กว่าจะแพ้ก็ปาเข้าไป 8 วีค แต่ท้องนี้เริ่มแพ้มันซะตั้งแต่ 7 วีคกันเลย แถมหนักหนากว่าอีกตะหาก..โฮ...ไม่ต้องรักกันขนาดนี้ก็ด้ายยยยยยย ขนาดท้องที่แล้วแพ้ท้องน้อยกว่า (แต่ก็ถือว่าหนักมากเมื่อเทียบกับคนทั่วไป) ยังมิวายก่อให้เกิดความหวาดกลัวชนิดประกาศอำลาการเป็นแม่คน (อีกครั้ง) อย่างเป็นการถาวร แล้วพอท้องนี้ แพ้หนักกว่าอีกเนี่ย คิดเหรอว่า ชีวิตนี้จะยอมเป็นแม่ลูกสาม

ตัดกลับมาบรรยากาศของการคลอด วันนั้นคือวันที่ 1 มีนาคม 2551 ออกจากบ้านตั้งแต่ตีห้า เพื่อเอาโขนและพี่เลี้ยงไปทิ้งไว้บ้านอาม่า โขนไปในสภาพทั้งชุดนอน ไม่เหลือเค้าความหล่อใดๆทั้งสิ้น ก็โถ..ประสาอะไรกับการแต่งตัว แค่จะเอาขึ้นจากที่นอนก็ต้องใช้คำว่า "ขุด" กันมาเลย

ไปถึงโรงพยาบาลพญาไท 2 เอาตอน 6 โมงเช้า หลังจากทำนู่นทำนี่เช่นสวนอุจจาระ โกนขนส่วนเกินเสร็จเรียบร้อยแล้ว ก็นอนอึ่ดทึ่ดรอเวลาคลอด ซึ่งได้ฤกษ์ประมาณ 10 โมงเช้า แต่แล้วสวรรค์ก็เบี่ยงมาจากซีกบ้านหม่าม้า เมื่อหม่าม้ารีบโทรมาบอกว่า ฤกษ์ที่ดีควรเป็น ไม่เกิน 9 โมง...

แว้กกกกกกกก แม่จ๋า ให้สามีซ้อมจนลูกไหล ดูจะเป็นทางออกเดียวที่จะทันฤกษ์นะจ๊ะแม่

แต่ก็เอาเถอะ สุดท้ายตัวเลขก็ไปจบที่ 09.07 ไม่ได้ตั้งใจเลยว่าจะเป็นเลข 7 เพราะพี่หมอแกก็เอาสะดวกด้วยเหมือนกัน ไม่เหมือนตอนโขน.. มีเล็งให้ตรงตีสองครึ่งเป๊ะด้วยแน่ะ นัยว่าให้จำง่ายๆ

การไปคลอดหนนี้ นับว่าได้พิสูจน์ตัวเองอย่างดีทีเดียวว่าไม่ได้เจ๋ง ที่เคยคิดว่าสนิทกันกับเข็มฉีดยา ก็แค่พอรู้จักกัน และตาขาวอย่างมากกับมีดผ่าตัด แทบจะต้องร้องบอกซ้ำกับวิสัญญีแพทย์ทุก 2 นาทีว่า
"ยังไม่ชาค่ะ"
"เออ..กรูรู้แล้ววววววววว" หมอหนุ่มผู้ก็น่าจะเป็นเกย์แบบหมอภาคแรกของโขนคงนึกในใจ

เวลาที่ 09.08 เมื่อได้ยินเสียงร้องของเด็กผู้ชายอายุ 37 วีค คำถามแรกที่ตามมาจากปากแม่ที่ขาวทั้งตาและทั้งตัวคือ
"ครบ 32 มั้ยคะ"
"ครบ..แถมเกินด้วยซ้ำ" ดูดู๊..ดูคำตอบชายหนวด ไอ้ที่ก่อให้เกิดโกลาหลจนมีวันนี้นี่ยังไม่ได้คิดบัญชี ยังมีหน้ามาตลกใส่อีก

วินาทีแรกที่เห็นหน้า ข ที่ 2 สิ่งแรกที่สังเกตคือจำนวนชั้นของตา... โอวววว ทำไมถึงได้สวนทางกับพี่ชายมันอย่างนี้ แล้วก็ได้แต่เข้าข้างตัวเองว่า
"ก็มันคลอดตอน 37 วีค ชั้นที่ 2 เลยสร้างไม่ทัน"

เด็กตาชั้นเดียวผู้นี้มาพร้อมออพชั่นในระดับน้ำหนัก 2,550 กรัม ความยาว 47 ซม. เสียงร้องเซอร์ราวด์ยาวนานกว่า 7 นาที และ Apcar Score ที่ 8-9-10 ซึ่งเป็นข้อพิสูจน์ถึงความสมบูรณ์ของเจ้าตัวได้เป็นอย่างดี ยิ่งพอได้เห็นตัวเลขน้ำหนักที่พุ่งพรวดๆสวนทางกับความกว้างของชั้นตา ก็ยิ่งสบายใจว่า คงไม่ใช่โขนแกล้งน้องแล้วล่ะ แต่ควรภาวนาให้น้องมันไม่ซ้อมพี่มันก็พอ

ไม่ภาวนาอย่างนั้นได้ยังไง ก็เล่นน้ำหนักขึ้นเดือนละโลห้า จนตอนนี้อายุประมาณ 2เดือนครึ่ง น้ำหนักพี่แกฟาดไป 6 โลกว่าแล้ว และล่าสุดหล่อจนได้เป็นหนึ่งในดารานำละครเรื่อง "สวรรค์เบี่ยง" ก็ธ่อ..จะมีบทอะไรเหมาะเหม็งกับพี่คนนี้เค้ามากไปกว่าบท "ไอ้ล่ำ" แต่ขอเปลี่ยนนิดเดียว นิดเดียวเท่านั้นจริงๆ

"ตี๋ล่ำ" ชื่อนี้ที่คุณคู่ควร




Create Date : 20 พฤษภาคม 2551
Last Update : 31 พฤษภาคม 2551 14:40:09 น.
Counter : 591 Pageviews.

0 comment
1  2  3  

คนที่คุณไม่จำเป็นต้องรู้ว่าใคร
Location :
กรุงเทพฯ  Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 12 คน [?]



แม่ลูก 2 ที่กลัวการเป็นแม่ลูก 3 อย่างยิ่ง และ ผู้หญิงที่โชคดีที่สุดในโลก ที่สามารถหลอกผู้ชายที่ดีที่สุดในจักรวาลมาเป็นคู่ชีวิตได้ ล่าสุด...ผู้หญิงหลากฝัน ที่ยังไม่สามารถจัดการกับเวลาของตัวเองได้..ฮ่วย!
White border erased BG Bullet