เที่ยวลั่วหยาง นครแห่งดอกโบตั๋น ตอน เทศกาลดอกโบตั๋น ครั้งที่ 30 ปี 2012
งานเทศกาลดอกโบตั๋น จัดขึ้นปีละ 1 ครั้ง ครั้งนี้เป็นครั้งที่ 30 แล้วคะ อยากดูมาตั้งนานแล้ว เพิ่งจะสบโอกาส ตัดสินใจฉับไว มาได้ซะที จัดขึ้นในช่วงกลางเดือนเมษายนของทุกปี ก็ดอกโบตั๋นจะบานแค่ครั้งละ 7-10 วันเท่านั้น แต่เพื่อการท่องเที่ยวแล้ว เขาจัดกันเต็มๆ 1 เดือน นักท่องเที่ยวทั้งจีน ทั้งต่างชาติ ต่างแห่กันมาชมเทศกาลนี้ ถึงกว่าล้านคนทีเดียว
เมืองลั่วหยาง ถือว่าเป็นนครแห่งดอกโบตั๋น หรือเป็นบ้านของดอกโบตั๋น เลยคะ แต่ใช่ว่าดอกโบตั๋นจะปลูกที่อื่นไม่ได้นะคะ ยังปลูกกันมากที่เมืองเหอเจ๋อ ในมณฑลซานตง ปลูกได้ในยุโรป และที่อเมริกาเหนือด้วย
ในปัจจุบันมีการปลูกดอกโบตั๋นใน 20 กว่าประเทศ ได้แก่ จีน ญี่ปุ่น ฝรั่งเศส อังกฤษ อเมริกา อิตาลี สิงคโปร์ เกาหลี ฮอลแลนด์ แคนาดา เป็นต้น
ดอกโบตั๋น (Peony) ในภาษาจีนเรียกว่า หมู่ตัน (牡丹) ส่วนภาษาญี่ปุ่นอ่านว่า โบตัง( (Botan) เป็นดอกไม้ที่มีคุณค่าสูงยิ่งในวัฒนธรรมของจีน ทั้งรูปร่างสวยงาม สีสันสดใส และมีกลิ่นหอมรัญจวน ในประเทศจีนนั้นยังเรียกดอกโบตั๋นว่า 富贵花 หรือดอกไม้แห่งความมั่งคั่งร่ำรวยด้วย
เดิมทีดอกโบตั๋นยังรู้จักกันไม่แพร่หลายนัก แค่ชาวจีนรู้กันว่าสามารถนำมาทำยาได้ รากของดอกโบตั๋น สามารถใช้ทำเป็นยารักษาโรคระดูผิดปกติในผู้หญิง โรคหืด โรคชักได้
และสารสกัดจากดอกโบตั๋นยังมีสรรพคุณในการช่วยบำรุงดูแลให้ผิวชุ่มชื่น เปล่งปลั่ง และเมื่อนำมาผสมผสานสารสกัดจากมะละกอ และผลเบอร์รี่จากแคริบเบียน จึงออกมาเป็นผลิตภัณฑ์ดูแลผิวรอบดวงตา Eye Off Shade เจลใสที่ช่วยแก้ไขปัญหารอยคล้ำรอบดวงตา ช่วยให้ผิวรอบดวงตาคุณสดชื่น เปล่งปลั่ง
ดอกโบตั๋น สำหรับชาวจีนแล้ว สำคัญมากจนครั้งหนึ่งเคยได้เป็นดอกไม้ประจำชาติ ด้วยความที่มีดอกใหญ่อลังการ เลยเป็นสัญลักษณ์แสดงถึงความเป็นผู้ดี ร่ำรวย และฐานะอันสูงส่ง
ในสมัยโบราณ ดอกโบตั๋นเป็นที่นิยมเพาะเลี้ยงกันในหมู่ชนชั้นสูง ซึ่งบางครั้งราคาประมูลขายกันแพงมาก จนสุดยอดกวีถังท่านหนึ่ง ชื่อ ไป๋จวีอี้ กล่าวไว้ว่า
"一丛深色花,十户中人赋" อี้ฉงเซินเซ่อฮวา สือฮุจงเหรินฝู้
ซึ่งหมายความว่า โบตั๋นเพียงไม่กี่ดอกยังมีมูลค่ามากกว่าเงินภาษีของชนชั้นกลางสิบคนเสียอีก
(ขอบคุณข้อมูลจาก ผู้จัดการออนไลน์)
มีเรื่องเล่ากันว่าสมัยพระนางบูเช็คเทียน พระองค์เคยโปรดดอกโบตั๋นมาก สมัยนั้นโบตั๋นยังมีแพร่หลายในเมืองฉางอาน เมืองหลวงของจีนในสมัยนั้น หรือซีอานในปัจจุบัน
วันหนึ่งในฤดูหนาว พระนางบูเช็คเทียน เกิดอยากชมดอกไม้ขึ้นมา จึงออกคำสั่งให้ดอกไม้บานโดยพร้อมเพียงกัน มีแค่ดอกโบตั๋นเท่านั้น ที่ไม่ยอมบาน เนื่องจากเห็นว่าไม่ถึงฤดูกาล เมื่อดอกโบตั๋นไม่ยอมบาน พระนางฯ ก็โกรธมาก สั่งเผาอุทยาน แล้วให้ถอนรากถอนโคนดอกโบตั๋น เอาไปทิ้งที่เขาเป่ยหมาง ในเมืองลั่วหยาง
แต่ไม่คิดว่าโบตั๋นจะปลูกได้ดีที่นี่ ลั่วหยางก็เลยกลายเป็นแหล่งเพาะปลูกโบตั๋นที่สำคัญไป และจากสาเหตุที่โดนเผา จึงกลายเป็นที่มาว่าทำไมต้นโบตั๋นจึงแห้งและมีสีเข้มเหมืองถูกไฟเผา
พันธุ์ดอกโบตั๋น ซึ่งมีหลักๆ 9 สี เช่น ดำ แดง เหลือง เขียว ขาว ม่วง ฯลฯ มีจำนวนมากถึงกว่า 1,100 พันธุ์ คิดเป็นจำนวนกว่า 40 ล้านต้น ในจำนวนนี้ที่สามารถเข้าชมได้คิดเป็นพื้นที่กว่า 4,000 โหม่ว มีจำนวนกว่า 10 ล้านต้น
โบตั๋นที่เขียวที่สุดคือ พันธุ์ เขียวเมล็ดถั่ว (สีใกล้เคียงกับเขียวใบไม้)
โบตั๋นที่ดำที่สุดคือพันธุ์ หยกดำมงกุฎ (สีม่วงเข้มจนออกดำ)
โบตั๋นที่มีกลีบดอกมากที่สุดคือพันธุ์ ม่วงสกุลเว่ย (ราว 600-700 กลีบ)
โบตั๋นที่แดงที่สุดคือพันธุ์ ลูกกลอนทองหลอมอัคคี (สีแดงเหมือนธงชาติจีน)
โบตั๋นที่ขาวที่สุดคือพันธุ์ ขาวแสงรัตติกาล
โบตั๋นที่สีออกฟ้าที่สุดคือพันธุ์หยกหลานเถียน (สีขาวอมฟ้า)
โบตั๋นพันธุ์สีสลับที่ดีสุดคือพันธุ์ สองสาวพี่น้อง (ในหนึ่งดอกมีสองสี)
(ข้อมูลจาก โลกแห่งการท่องเที่ยว)
ชมดอกโบตั๋น งามกันไปแล้ว แต่จริงๆ ในสวนยังมีดอกไม้อื่นๆ ให้ชมกันอีกมากด้วยคะ
ติดตามชมตอนหน้า เที่ยวเจิ้งโจว ตอน ไปศาลไคฟง คาราวะท่านเปาบุ้นจิ้น (ท่านเปาฯ หน้าดำจริงหรือ)
ความเดิมตอนที่แล้ว เที่ยวลั่วหยาง 1 ใน 7 อดีตราชธานีของแผ่นดินจีน ตอนมรดกโลก "ถ้ำผาหลงเหมิน"
Create Date : 08 พฤษภาคม 2555 |
Last Update : 8 พฤษภาคม 2555 11:56:39 น. |
|
5 comments
|
Counter : 12644 Pageviews. |
|
|