"Rule No.1 is never lose money. Rule No.2 is never forget rule number one.", Warren Buffett
Group Blog
 
All Blogs
 
Basic trading strategy

Basic trading strategy


1. รู้นิสัยตัวเอง

หาตัวเองให้พบให้เร็วที่สุดแล้วอย่าโกหกตัวเอง ยิ่งพบเร็วยิ่งเสียน้อย

คนเราเล่นหุ้นสั้นยาวไม่เหมือนกัน บางคนวันนึงซื้อขายหลายรอบ บางคนซื้อแล้วเก็บไว้เป็นปี ให้พวกนึงไปเล่นอีกแบบนึงก็คงทรมานใจตาย หาความสนุกอะไรกับการเล่นหุ้นไม่ได้ เพราะฉะนั้นขอให้หาตัวเองให้เจอเร็วๆว่าตนเองถนัดแบบใด

1.1 สำหรับคนเล่นสั้นมากๆหรือพวก day trader ต้องยอมรับความจริงว่าเสี่ยงมากเช่นกัน มันเป็นวิธีเทรดที่ยากที่สุด เรียนรู้เพื่อเอาชนะมันได้ยากที่สุด ถ้าเปลี่ยนตัวเองไม่ได้ก็ต้องมาศึกษาเรื่อง technical analysis อย่างหนักที่สุด เอาให้แม่น เอาให้ advance เลย ไม่มีทางอื่นสำหรับคนเล่นแบบนี้ เมื่อรู้กราฟทะลุปรุโปร่งแล้วจึงมาหัด swing trade strategy วันนึงหุ้นมันจะสวิงได้ 2-4 รอบ ต้องเรียนรู้ที่จะจับจังหวะมันให้ได้ ต้องเรียนรู้ว่าเมื่อไหร่ควรหยุด เมื่อไหร่ถึงจะมีโอกาสสู้ชนะ ยิ่งเล่นสั้นยิ่งต้องใช้ความอดกลั้นสูงอย่างที่สุด มีวินัยอย่างที่สุด

สำหรับ day trader

- ห้ามเล่นมั่ว
- ห้ามเสี่ยง
- เวลาพลาดแล้วหลงจังหวะสวิงของหุ้น ต้องหยุดแล้วถอยออกมาตั้งหลัก อ่านเกมส์ให้ขาดก่อนจึงจะกลับเข้าไปใหม่ได้ ห้ามหน้ามืดตามัวคิดเอาคืนเป็นอันขาด เวลาได้ก็ห้ามหลงระเริงลำพองใจ

ถ้าทำตามนี้ไม่ได้ ห้ามเดย์เทรด ทำไปก็เท่ากับเอาเงินไปยกให้เจ้าเปล่าๆ

และถึงที่สุดก็ต้องยอมรับชะตาชีวิตตนเองว่าโดยรวมแล้วเราจะได้น้อยกว่าชาวบ้าน คนที่เดย์เทรดเก่งๆแล้วอยู่ได้ ไม่ใช่เพราะเขาได้เยอะ แต่เป็นเพราะเขาเสียน้อย เวลาเสียเขารู้จักที่จะหยุดยั้งไม่ให้เสียมากได้ เพราะธรรมชาติเดย์เทรด ต่อให้เป็นมือดีๆ ตอดกินได้สิบทีถึงเสียทีนึง แต่ในทีที่เสียถ้าพลาดกลับตัวไม่ทันล่ะจะเสียหนักมากมายจนคืนไอ้ที่กินมาได้ไปจนหมด เพราะฉะนั้นคนที่อยู่ได้คือคนที่เวลาเสียแล้วเสียไม่หนัก อาศัยหากินตอดจ้าวได้ไปวันๆ

ถ้าคุณเล่นสั้น แต่ได้สลับเสีย คุณไม่ใช่เดย์เทรดเดอร์ ผมแนะนำให้คุณไปเล่นป๊อกเด้ง ...ชีวิตจะเลวร้ายน้อยลง


1.2 พวกเล่นสั้นหรือเล่นตามรอบ - กลุ่มนี้ก็ต้องแม่นในเทคนิคัลเช่นกัน อย่างน้อยก็ต้องดูเทรนด์ให้เป็น ดูออกว่าช่วงไหนเทรนด์เข้าไม่เข้า ธรรมชาติหุ้นมันจะวิ่งเป็นรอบๆ ถ้าเอารอบเล็กรอบนึงก็ประมาณ 2-4 สัปดาห์ แล้วจะมีพักปรับฐานซักประมาณครึ่งนึง(ของทั้งระยะทางและเวลาที่มันวิ่งมา) แล้วค่อยวิ่งต่อ มันจะวิ่งไปได้อย่างนี้ไม่ค่อยจะมีเกิน 3-4 รอบ แล้วก็ซึมยาวรอจนกว่าจะมือะไรใหม่ๆมาเปลี่ยนพื้นฐาน ถ้าเปลี่ยนเป็นดีขึ้นก็วิ่งต่อ ถ้าเปลี่ยนเป็นแย่ลงก็กลับเป็นเทรนด์ลง ซึ่งก็จะลงไปในลักษณะคล้ายๆกับตอนขึ้นคือลงเป็นรอบๆเช่นกัน

รอบนึงหุ้นส่วนใหญ่มันจะวิ่งได้ 10-20% ปรับฐาน 5-10% โดยทั่วๆไปตลาดมันจะออกมาประมาณนี้ยกเว้นมีเหตุผิดปกติอะไรมาผสมโรง เพราะฉะนั้นเป้าหมายที่คนเล่นรอบตั้งเป้าได้คือได้กำไรรอบนึง 10% ซึ่งก็จะอยู่ที่ประมาณเดือนนึง ปีหนึ่งๆจะมีอย่างนี้โดยเฉลี่ยแล้วแค่ 3-6 เดือน ฉะนั้นเป้าหมายที่ practical คือกำไรปีละ 30% ดูเหมือนเล่นแบบนี้จะง่ายที่สุดและปลอดภัย แต่ส่วนใหญ่กลายเป็นไม่...เพราะ

- ไปฝืนเทรนด์ ถ้ารักจะเล่นรอบต้องยึดเทรนด์เป็นหลัก ห้ามฝืน ห้ามสู้ในเวลาที่ไม่ควรสู้ ถ้าพลาดแล้วต้องถอยฉากออกมาตั้งหลักทันที ห้ามดื้อ ห้ามอมหุ้น เวลาที่เล่นได้คือเวลาที่หุ้นวิ่งเท่านั้น พอมันปรับฐาน-ขาย พอวิ่งต่อ-ซื้อ พอมันปรับฐาน-ขาย พอมันลง-ถือเงินสด อย่างนี้ไปเรื่อยๆ เล่นอย่างนี้จะเสี่ยงน้อยที่สุด อย่าไปทะลึ่งสู้ตอนมันปรับฐาน อย่าสู้กับเทรนด์ลง(อันนี้ไม่นับพวกเล่นอย่างอื่นนะ) ถ้าไม่แน่ใจว่าตอนนี้เทรนด์อะไรให้กำเงินสด อย่าเพิ่งไปยุ่ง หุ้นน่ะไม่ใช่มะม่วง มันมีให้เราซื้อเสมอ

- เล่นเร็วไป ยังอ่านไม่ออก ยังไม่แน่ใจว่าอะไรเป็นอะไรก็ไปทะลึ่งซื้อซะแล้ว เวลาขายก็ดันรีบขาย เสี่ยงทั้งทีแทนที่จะกินคำโตกลายเป็นต้องมาตอดเล็ดตอดน้อย แล้วพอพลาดไอ้ที่ได้มาก็หายหมด อันนี้เป็นปัญหาที่เจอบ่อยที่สุดของมือใหม่

- เล่นช้าไป อันนี้มักจะเจอตอนหุ้นปรับตัว ก็ต้องกลับไปที่เทรนด์อีกนั่นแหละ ดูให้ออก ถ้าดูไม่ออกก็เอากำไรไว้ก่อน อย่าไปหวังลมๆแล้งๆว่าเดี๋ยวพรุ่งนี้ก็คงขึ้น เล่นหุ้นไม่ใช่แทงหวย มันอยู่ที่เราไม่ได้อยู่ที่โคนต้นไม้

เล่นรอบปกติจึงอยู่ที่รอบละ 2-4 สัปดาห์ เดือนนึงจะกลับมากำเงินสดหรือบางคนใช้วิธีปรับพอร์ต(ในกรณีพอร์ตใหญ่มากๆ)แค่ครั้งสองครั้ง ปีๆนึงบางทีก็ถือหุ้นแค่ครึ่งปื ไอ้พวกที่(ตรากตรำทน)ถือหุ้นได้ทั้งกะปีสีกะชาติหรือซื้อๆขายๆมันเรื่อยเปื่อยทุกวันนั้นจึงไม่ใช่พวกเล่นรอบ

พวกนี้จัดได้อยู่ในกลุ่มเดียว ...คือเล่นมั่ว

1.3 พวกถือยาว ยาวเป็นหลายๆปีนะ ไม่ใช่ถือมาแค่เดือนสองเดือนแล้วมาบอกว่ายาวแล้ว...ไอ้บร้า

กลุ่มนี้ต้องศึกษา vi ครับ ผมไม่ค่อยถนัดเล่นแบบนี้ รู้อย่างเดียวแต่ว่าเล่นวิธีนี้เป็นวิธีที่ได้เงินเป็นกอบเป็นกำที่สุด


2. เปลี่ยนนิสัยตัวเอง

หลังจากรู้นิสัยตัวเองแล้ว ถ้าพบว่านิสัยนั้นมันเสี่ยงเกินไป มันทำให้เราเสียหาย ก็ให้ฝึกฝนเปลี่ยนซะ อย่างนิสัยเล่นสั้นๆ ผมเชื่อว่าพวกเดย์เทรดเดอร์นี่ที่เป็นอย่างนั้นเพราะถนัดอย่างนั้นจริงๆนี่มีน้อยมาก ไอ้ที่จะเล่นมันจนเชี่ยวชาญใช้เป็นอาชีพได้คงมีไม่เท่าไหร่ ส่วนใหญ่พวกเดย์เทรดเดอร์ที่ผมเจอคือพวกนิสัยเสียซะมากกว่า

รู้ว่าเสียแล้วก็แก้ไขซะ แก้ไม่ได้ก็ควรเลิก ย้ายบ้านไปอยู่ชายแดนเขมร เข้าบ่อนทุกวันชีวิตยังอาจจะดีกว่า ถ้าเลิกไม่ได้ก็ให้ทำใจรับสภาพซะว่าเราจะเอาเงินมาถลุงกับไอ้นิสัยเสียๆของเรานี่ได้อีกเยอะ

แล้วก็อย่าได้ดูถูกอาซิ่มที่เช้ามาก็ไปเล่นตามห้องค้า จิ่มโน่นจิ้มนี่ไปเรื่อยทั้งวัน ผมเคยเจอมาแล้ว ป้าทั่นเปิดกราฟที 5 หน้าต่าง ตอดจ้าวมันได้ทุกวัน วันละ 2-3 พัน พอได้ครบก็เลิก ไม่มีเล่นต่อ บอกจะไปซื้อกับข้าว ...โคตรมหาเทพปลอมตัวมาในร่างยัยซิ้ม


3. เทคนิคัลคือการเล่นกับจังหวะเวลา

เราซื้อเมื่อควรซื้อ ขายเมื่อควรขาย ราคาเท่าไหร่ไม่เกี่ยวเลยครับ กำไรก็ดี ไม่กำไรก็ดี (แต่ขาดทุนนั้นไม่ค่อยจะดี) ถ้าระบบเราถูกต้อง ผลดีมันจะตามมาเอง จากประสบการณ์ผมแบ่งคนเล่นเทคนิคัลเป็น 3 พวก พวกแรกคือดูแท่งเทียน(รวมทั้งไอ้เส้นทั้งหลายที่แปลงมาจากมัน) สองคือพวกดูกระแสเงิน สามคือพวกดูคลื่น ทั้งหมดจะซื้อเมื่อตอนหุ้นกำลังจะขึ้น ย้ำตามอีกดอกตอนมันยืนยันการขึ้นแล้ว ส่วนอีกดอกเก็บไว้เผื่อเหลือเผื่อขาด จะใช้ตามไม้สุดท้ายหรือใช้แก้สถานการณ์ยังไงก็ตามแต่ ทั้งหมดล้วนเล่นกับการกลับตัวเข้าเทรนด์ เวลาซื้อขายไม่มีใครสนราคา ถ้ามันควรซื้อ แพงก็ซื้อ ถ้ามันควรขาย ถูกก็ขาย

ผมไม่เคยเห็นคนเล่นเทคนิคคนไหนบอกเราจะซื้อหุ้นตรงราคานี้เพราะมันถูกแล้ว แล้วจะไปขายตรงนั้นเพราะได้ราคาดี หุ้นนะไม่ใช่ปลาสลิด...บร้า

เล่นหุ้น...ห้ามเดาราคาเอาเองว่ามันควรเท่าโน้นเท่านี้เป็นอันขาด ผมเห็นใครเดาราคาผมรู้เลยไอ้นี่มั่ว(อันนี้ไม่เกี่ยวกับแนวต้านแนวรับนะครับ) หลักๆของการซื้อขายเลยคือ

- ซื้อเมื่อหุ้นขึ้น ยิ่งขึ้น ยิ่งมั่นใจว่าขึ้นยิ่งซื้อ (เฉลี่ยซื้อขาขึ้น) คนที่เล่นซื้อตอนมันลงนี่คือคนเล่นมั่ว ยิ่งลงยิ่งถัวเฉลี่ยซื้อขาลง แล้วก็ติดหุ้น ก๊ากกกกกกกกกก

- ขายตอนมันเริ่มลง มั่นใจว่าลงแน่ยิ่งต้องขายให้หมด (เฉลี่ยขายขาลง) ผมเห็นแมงเม่าชอบทำตรงข้าม คือไปขายตอนมันขึ้น ขายแล้วก็มาบ่นว่าทำไมชั้นเป็นหมูอู๊ดๆ ...ก็หมูเอง เดินลงหม้อเอง ไม่ได้มีใครเค้าเอาปืนไปจ่อเร้ย

- ผิดจังหวะ ให้เปลี่ยนทันที ถ้ารู้ว่าพลาดต้องยอมทันที อย่าดื้อ ผมมีนิสัยเสียอยู่อย่าง คือซื้อแล้วต้องเขียว เขียวเท่านั้น ซื้อแล้วดันแดง แม้แต่ช่องเดียวผมก็ขาย เวลาขาย ขายแล้วต้องลง ถ้าเราขายแล้วมันดันขึ้นต่อผมตามซื้อ แพงกว่าเดิมก็ซื้อ ผมถือคติพอร์ตผมห้ามมีสีแดง ...เกลียดมาก ผมถือว่านี่เป็นการฝึกตัวเองอย่างหนึ่ง เหมือนนักกีฬาเล่นแล้วต้องชนะ ฝึกให้เคยชินกับการเล่นเพื่อการชนะ ไม่ใช่แดงแจ๋ทั้งพอร์ตมันทุกวี่ทุกวันจนหดหู่และเคยชินกับการแพ้ ...ไม่ดีอย่าทำ

มือใหม่อาจจะไม่ต้องเขี้ยวขนาดผมก็ได้ แต่ควรฝึก ฝึกอย่างนี้จนเราเคยชินกับจังหวะของหุ้น ต่อไปถ้าซื้อทีไรก็เขียว ขายทีไรมันก็ลงต่อ เป็นอย่างนี้ซักอย่างน้อย 4 ครั้งใน 5 ครั้งจึงจะถือว่าเริ่มใช้ได้

เทรดหุ้นทุกครั้งคือความเสี่ยง เพราะฉะนั้นเสี่ยงทั้งทีแล้วต้องได้ให้คุ้ม อย่าไปยอมมันง่ายๆ สู้ๆ

- สำหรับคนที่ชอบอ้างว่าไม่ขายไม่ขาดทุนนั้นคือคนเสียสติ

ไอ้แดงๆที่มันอยู่ในพอร์ตคุณนั้นน่ะคุณเอาเงินซื้อมามั้ย หรือเอาหอยขมไปแลกมา ถ้ามันเป็นเงินแล้วมันจะไม่ขาดทุนได้ยังไง แน่จริงคุณก็เอาไปขายให้มันไม่ขาดทุนให้ดูหน่อยดิ ...จะบ้าเรอะ ขาดทุนอยู่ทนโท่แทนที่จะเอาเงินไปต่อกำไรจากตัวอื่นมาชดเชยที่ขาดทุน กลับมาปล่อยเงินจมปลักอยู่กับหุ้นเน่าๆที่หาอนาคตอะไรไม่ได้ แล้วก็มาอ้างว่าเงินเย็น ไม่ต้องรีบใช้

ไม่กล้าขาย ดื้อไม่ยอมรับความจริง ...มันก็แค่นั้น ถ้าเย็นจริงก็เอาเงินที่จมอยู่ในพอร์ตเน่าๆทั้งหลายนั่นมาให้ยืมหน่อยดิ แล้วเดี๋ยวตอนคืนจะไปซื้อมันกลับมาคืนให้ ...เอาปะ รักนักก้อ เอิ๊กกก


4. ความมั่นใจคือพื้นฐานของการทำกำไร

เมื่อซื้อ ต้องมั่นใจซื้อ

เมื่อขาย ต้องมั่นใจขาย

ไม่ใช่กล้าๆกลัวๆซื้อ ตาลีตาลานขาย ตัดสินใจกับเงินก้อนล่ะเป็นหมื่นเป็นแสนด้วยอารมณ์โลภหรือกลัวมันถูกมั้ยละนั่น ถ้าครั้งไหนที่คุณจะคีย์ซื้อคีย์ขายแล้วยังมีอาการตื่นเต้น ยังมีใจเต้นตุ๊บๆ มีเหงื่อซืมฝ่ามือ ก็ให้ถอยออกมาตั้งสติ ถามตัวเองนี่กรูกำลังลงทุนหรือกำลังจั่วไพ่กันแน่ฟระ

...จะบ้าเรอะ จะซื้อจักรยานให้ลูกซักคันยังดูแล้วดูอีก หาร้านที่มันถูกๆ บริการหลังการขายดี นี่จะซื้อหุ้นตัวนึงอย่างน้อยก็ต้องมี 2-3 หมื่น ดันหลับหูหลับตาจิ้ม จิ้มแล้วบางทียังมีมาภาวนานะ ได้ดีไม่ได้ดี ...ไม่เอา cancel ดีฝ่า ขายแล้วยังมีอาการทุรนทุราย ...ชั้นทำถูกรึป่าวนี่

นี่มันเสี่ยงเซียมซีแล้ว ...ไม่ใช่เทรดหุ้น ลองสังเกตุตัวเองดูดิ ว่าเวลาที่เราเทรดแบบนั้น สติสตังเราแจ่มใสอ่านตลาดออก 100% รึป่าว เล่นแบบนั้นเรามักได้หรือมักเสีย ...คนเล่นหุ้นเป็นน่ะ เขาชัวร์ ชัวร์ก่อนเทรด เทรดอย่างมั่นๆ ฟันกำไรนิ่มๆ ขาดทุนก็จำไว้ ...ก็เท่านั้น เอิ๊กกก

เราสังเกตุกับตัวเอง ทุกครั้งที่เราเทรด ถ้าเรามั่นใจ เรากำไรเกือบทุกครั้ง ถ้าเราไม่มั่นใจ ผลคือ 50:50 เราจึงได้บทเรียนจำขึ้นขมองเลย

...ไม่มั่นใจ ห้ามเทรด


5. การจัดการเงิน สำคัญไม่น้อยกว่าการอ่านตลาดออก

ทีนี้ความมั่นใจมันจะมีได้มันก็ขึ้นอยู่กับความเชื่อมั่นในตัวเองว่าเรารับมือได้ทุกสถานการณ์มั้ย ถ้าเราแทงแบบหมดหน้าตัก เกิดผิดพลาดขึ้นมา เราเอาอยู่รึเปล่า เหตุผลนึงที่คนเล่นหุ้นเป็นเขาเทรดอย่างมั่นใจมาก เพราะเขามีกลยุทธในการเทรด ไม่ใช่แทงได้เสีย...ได้เสีย แล้วก็มีสิทธิเดินใส่เกงลิงตัวเดียวกลับบ้าน ...เล่นอย่างนั้นมันจะเอาความมั่นใจมาจากไหน (ยกเว้นคุณเมายา)

เบสิคเลยคือแบ่งเงินเป็น 3 ก้อน มีทัพหน้า ทัพกลาง ทัพหลัง ทัพหน้าใช้โจมตี ทัพกลางใช้กระหน่ำเลยเวลาได้เปรียบ ทัพหลังใช้หนุนเพื่อชัยชนะเบ็ดเสร็จหรือใช้แก้ไขสถานการณ์เผื่อบางสิ่งไม่เป็นไปตามแผน อย่างน้อยจึงต้องมี 3 ทัพ ไม่ใช่ทุ่มตีมันทีเดียวหมดทั้งตัว เกิดพลาดมาอะไรจะเหลือ ...ใช่ปะ

อันนี้คือพื้นฐานของ DSM ซึ่งเราไม่จำเป็นต้องทำถึงขนาดนั้นก็ได้ แต่ก็ไม่ใช่ไปแบ่งยิบย่อยเกินอย่างที่หลายคนเข้าใจผิดนะ การเฉลี่ยซื้อ เฉลี่ยขายไม่ได้หมายความให้คุณซื้อทีนึง 10 ตัว เผื่อกำไร 7 ขาดทุน 3 ...อันนั้นคือเหวี่ยงแหมั่วแล้ว เล่นไปทั้งชาติก็ไม่ได้กำไรเป็นน้ำเป็นเนื้อ สำหรับปอดเล็กๆ มีหุ้นแค่ 2-3 ตัวก็พอ(อย่างมากไม่ควรเกิน 5) ขอให้อ่านให้ขาดว่าตัวไหนเป็นอย่างไร อยู่ในระยะไหน

แล้วพอร์ตแค่ไหนล่ะถึงจะถือว่าเล็ก ต่ำล้านผมถือว่าเล็ก ให้เล่นง่ายๆไว้ก่อน เกินกว่านั้นจึงควรมีระบบจัดการซับซ้อนขึ้นไปอีกระดับ(สำหรับคนเล่นปลอดภัย อาจต้องเริ่ม hedging) แล้วเล็กสุดที่พอจะเล่นได้ควรจะแค่ไหน ...จริงๆแค่ไหนก็เล่นได้แหละ แต่ถ้าคิดจากค่าคอมขั้นต่ำวันละ 50 แล้วเราอยากแบ่งพอร์ตออกเป็น 3 ทัพดังกล่าว เทรดทีละทัพไปกลับใน 1 วันไม่ควรจะต่ำกว่าสามหมื่นสาม(ไม่งั้นเสียดายค่าคอม) ทัพนึงก็หมื่นเจ็ด ดังนั้นอย่างน้อยพอร์ตเล็กสุดจึงควรจะอยู่ที่ 5 หมื่น น้อยกว่านี้เล่นแล้วอึดอัด ...เสียเปรียบเค้าเกินไป จะเล่นหุ้นควรมีเงินเย็นเก็บเท่านี้ในการเริ่มจ้า

ที่มา แท็กซี่นิรนาม@pantip.com/สินธร


Create Date : 02 ตุลาคม 2553
Last Update : 2 ตุลาคม 2553 14:37:18 น. 0 comments
Counter : 504 Pageviews.

ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
  *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 

nat_v
Location :


[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed

ผู้ติดตามบล็อก : 2 คน [?]




ถ้าชอบ blog นี้อย่าลืม Subscribe RSS Feed
ผมนะครับ จะพยายาม update ให้บ่อยมากที่สุด

เครื่องที่ใช้ Test: iPhone 3Gs / iTouch 2G
ไม่ Jail Break
Friends' blogs
[Add nat_v's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.