BlogGang.com : : frank3119 - ลาก่อน ร็อบบี้ ฟาวเลอร์

Health Engineer Sport Club

Group Blog

All Blogs

ลาก่อน ร็อบบี้ ฟาวเลอร์

ลาก่อน ร็อบบี้ ฟาวเลอร์

... ด้วยเท้าซ้ายธรรมชาติของเขานั่นแหละที่ยิงประตูระเบิดเถิดเทิง

จนได้รับฉายาว่า "ก็อด" ผู้ซึ่งประทานความสุขให้กับเหล่าสาวก "เดอะ ค็อป"

"ก็อด" หากจะแปลความหมายในภาคภาษาอังกฤษไม่ต้องมีซับไตเติ้ล ก็คือ "พระเจ้า" ซึ่งเป็นผู้ที่ประทานความคุ้มครองให้กับมนุษย์บนโลกใบนี้ ซึ่งพระผู้เป็นเจ้า ย่อมมีความหมายสำหรับคนเราเป็นอย่างมาก

เช่นเดียวกับ "ก็อด" ตามแบบฉบับของแฟนบอล "เดอะ ค็อป" ซึ่งพวกเขาได้มอบฉายานี้ให้กับดาวยิงซ้ายธรรมชาติที่มีนามว่า ร็อบบี้ ฟาวเลอร์ เด็กหนุ่มท้องถิ่น ที่ได้เลื่อนชั้นขึ้นมาเล่นในทีมชุดใหญ่ตั้งแต่วันที่ 13 มกราคม 1993 และด้วยเท้าซ้ายธรรมชาติของเขานั่นแหละที่ยิงประตูระเบิดเถิดเทิง จนได้รับฉายาว่า "ก็อด" ผู้ซึ่งประทานความสุขให้กับเหล่าสาวก "เดอะ ค็อป" และด้วยรางวัล นักเตะดาวรุ่งยอดเยี่ยมของสมาคมนักฟุตบอลอาชีพ หรือ พีเอฟเอ 2 ปีติดต่อกันเมื่อปี 1995-1996 น่าจะการันตีความสามารถของเด็กหนุ่มคนนี้ได้เป็นอย่างดีว่าฉายานี้ไม่ได้มาเพราะ โชคช่วย

หลังจากที่อยู่กับทีมมานานหลายปี ฟาวลอร์ มีปัญหาเรื่องฟอร์มการเล่นจนต้องอำลาสโมสรในปี 2001 ในยุคของกุนซือ เชราร์ อุลลิเย่ร์ ซึ่งทำให้หมดยุคของดาวยิงที่ชื่อว่า ฟาวเลอร์ ซึ่งในเวลานั้นหลายคนก็รู้สึกเสียใจที่เห็นดาวยิงระดับตำนานอย่างเขาต้องอำลาทีมไป แต่ก็เป็นชีพจรของชีวิตนักเตะทุกคนที่ย่อมมีการเปลี่ยนแปลงตามเส้นทางของตัวเอง ไม่ว่าจะยิ่งใหญ่เพียงไรก็ตาม และที่สำคัญช่วงนั้น ลิเวอร์พูล ยังมีนักเตะที่สามารถทดแทน ฟาวเลอร์ ได้เป็นอย่างดีนั่นก็คือ เซนต์ ไมเคิ่ล โอเว่น ด้วย

จาก ลิเวอร์พูล ไปอยู่ ลีดส์ และไป แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ฟาวเลอร์ ก็มีชีวิตค้าแข้งตามที่ควรจะเป็นตามที่สโมสรที่ตัวเองสังกัด ลีดส์ มีปัญหาเรื่องการเงิน จนต้องขายเขาออกไปอยู่กับทีม แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ซึ่งในทีม "เรือใบสีฟ้า" ฟาวเลอร์ ก็มีปัญหาอาการบาดเจ็บเล่นงาน จนส่งผลกระทบต่อฟอร์มการเล่นในสนามไปในไปที่สุด ซึ่งมีข่าวหลายครั้งว่าเจ้าตัวอาจจะขอแขวนสตั๊ด แต่ก็ได้ เควิน คีแกน และ สจ๊วร์ต เพียร์ซ กล่อมให้เขาลงเล่นต่อไป โดยในเวลานั้นหลายคนคิดว่า ฟาวเลอร์ อาจจะลงเล่นกับทีม แมนฯซิตี้ อีกไม่กี่ปีก่อนจะแขวนสตั๊ด

แต่อย่างไรก็ตาม หลังจากที่ ลิเวอร์พูล มีปัญหานักเตะได้รับบาดเจ็บหลายคนในช่วงฤดูกาล 2005-2006 รวมทั้งมีปัญหาปืนฝืดด้วยนั้น ราฟาเอล เบนิเตซ กุนซือมากแท็คติค ก็เลยสร้างความประหลาดใจด้วยการกระชากนักเตะขวัญใจของพวกเขา กลับคืนสู่ถิ่น แอนฟิลด์ เมื่อเดือนมกราคมปี 2006 ชนิดที่หลายคนมองตากันปริบๆ ว่าคิดถูกแล้วเหรอกับการเสี่ยงดึงนักเตะที่อาจจะหมดสภาพไปแล้ว

แต่จากผลงาน 5 ประตูในการลงสนามในเกมลีก 14 นัด ทำให้ ฟาวเลอร์ ได้รับการต่อสัญญาออกไปอีก 1 ปี หลังจากที่เขามีสัญญาเฉพาะสิ้นสุดฤดูกาล 2006 เท่านั้น

แม้จะได้รับสัญญาแค่ 1 ปี แต่ ฟาวเลอร์ ยินดีที่จะอยู่กับทีมที่เค้ารักมาโดยตลอด

ซีซั่น 2006-2007 ลิเวอร์พูล ไปดึงตัว 2 ดาวยิงมาร่วมทีม คือ เคร็ก เบลลามี่และ เดิร์ก เค้าท์ ซึ่งทำให้โอกาสได้ลงสนามลดลงไปโดยปริยาย เพราะนั่นย่อมหมายความว่า เขาจะต้องเป็นกองหน้าตัวเลือกที่ 4 ของทีม

อย่างไรก็ตาม ฟาวเลอร์ ก็ยังคงทำหน้าที่ของตัวเอง ด้วยการยิงไปทั้งหมด 7 ประตู จากการลงสนามไป 16 นัดในทุกรายการ

แต่ก็ยังไม่เพียงพอที่จะได้รับสัญญาฉบับใหม่จากทีม ลิเวอร์พูล เพราะ เบนิเตซ ตัดสินใจไม่ให้ต่อสัญญาเพราะ พวกเขาได้ไปคว้าตัว อังเดร โวโรนิน ดาวยิงทีมชาติยูเครน มาจากสโมสร ไบเออร์ เลเวอร์คูเซ่น ในฤดูกาลหน้า ซึ่งจะว่าไปแล้วก็เป็นเรื่องที่สมเหตุสมผลอยู่พอสมควรหากคำนึงถึงสภาพร่างกายและฟอร์มการเล่นของเขาในฤดูกาลนี้

หลังทราบข่าวว่า ตัวเองจะไม่ได้รับสัญญาฉบับใหม่ ฟาวเลอร์ ก็พร้อมที่จะน้อมรับและหวังทำผลงานเต็มที่ก่อนอำลาทีม ลิเวอร์พูล ไปหลังจบซีซั่นนี้

ฟาวเลอร์ วัย 32 ปี กล่าวว่า เขาต้องการโชว์ฟอร์มได้อย่างยอดเยี่ยมในเกมสุดท้ายของศึกพรีเมียร์ชิพ อังกฤษ ที่พบกับ ชาร์ลตัน เพื่อช่วยให้ทีมจบฤดูกาลในอันดับที่ 3 จากนั้นก็จะเตรียมตัวลงเตะในเกมยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก รอบชิงชนะเลิศ ซึ่งเขาหวังว่าจะได้มีส่วนร่วมกับเกมนี้ด้วย และเขาก็ไม่อยากจะให้อะไรมารบกวนสมาธิของเขากับการได้ลงเล่นเกมสำคัญแบบนี้

ขณะเดียวกัน ฟาวเลอร์ ยอมรับว่า เขารู้สึกเป็นเกียรติอย่างยิ่งที่จะได้อำลาแฟนบอลที่สนาม แอนฟิลด์ เพราะเขารู้สึกเจ็บปวดอย่างมากที่ไม่ได้กล่าวอำลาแฟนบอลตอนที่ย้ายออกจากทีมเมื่อปี 2001 พร้อมกับระบุว่า เขาอยากจะขอบคุณแฟนบอลที่ปฏิบัติต่อเขาอย่างยอดเยี่ยมมาโดยตลอดและเขาจะไม่ลืมกำลังใจที่มีกับเขาอย่างแน่นอน และเขาก็หวังว่าจะอำลาทีม ลิเวอร์พูล ได้ด้วยการทำประตูได้รวมทั้งพาทีมคว้าถ้วยยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก ซึ่งจะเป็นการปิดฉากฤดูกาลอย่างสมบูรณ์แบบ

ส่วน เบนิเตซ เผยว่า ฟาวเลอร์ เข้าใจดีถึงสถานการณ์และการตัดสินใจของเขาที่ต้องปล่อยตัว ออกจากทีมไป

ฟาวเลอร์ ได้ลงเล่นเป็นตัวจริงในเกมที่เสมอกับ ชาร์ลตัน แอธเลติก 2-2 ในเกมสุดท้ายของศึกพรีเมียร์ชิพ อังกฤษ ที่สนาม แอนฟิลด์ และที่สำคัญเขาได้รับหน้าที่เป็นกัปตันทีม แทนที่ของ สตีเว่น เจอร์ราร์ด เจ้าของตำแหน่งตัวจริงที่ลงเล่นในเกมดังกล่าวด้วย

แต่เป็นเรื่องที่น่าเสียดายเมื่อ ฟาวเลอร์ ได้ลงเล่น 88 นาทีแล้ว และพลาดโอกาสที่จะทำประตูต่อหน้าแฟนบอลตัวเอง เมื่อทีมมาได้จุดโทษในอีก 2 นาทีต่อมา หลังจากที่ ฟาวเลอร์ โดนเปลี่ยนตัวออก ซึ่งหากเขายังอยู่ในสนามอาจจะได้ยิงจุดโทษอันเป็นหน้าที่ที่มักจะได้รับอยู่เป็นประจำหากได้ลงเล่นในฤดูกาลนี้

ซึ่งเรื่องนี้ เบนิเตซ ก็รู้สึกเสียดายอยู่เหมือนกัน

โดย กุนซือชาวสเปน ได้เปิดใจว่า พวกเขาต้องการยกย่อง ฟาวเลอร์ และเป็นเรื่องที่ดีมากที่นักเตะระดับตำนานอย่าง ฟาวเลอร์ จะได้กล่าวคำอำลาต่อหน้าแฟนบอล ลิเวอร์พูล และเป็นเรื่องที่ยอดเยี่ยมที่กองเชียร์ได้ปรบมือให้กำลังใจ ฟาวเลอร์ และเขารู้สึกเสียดายที่ไม่ได้ทำประตูต่อหน้าแฟนบอล "เดอะ ค็อป" หลังโดนเปลี่ยนตัวออกจากสนาม ก่อนที่ทีมจะได้จุดโทษ พร้อมกับระบุว่า เขาตัดสินใจถอด ฟาวเลอร์ ออกจากสนามเพราะต้องการให้ ฟาวเลอร์ ได้รับการยืนปรบมือส่งท้ายจากกองเชียร์ในสนาม

แม้หลายคนจะรู้สึกเสียดายที่ ฟาวเลอร์ ไม่ได้ยิงประตูก่อนอำลาทีมไปก็ตาม แต่ยังมีอีกหนึ่งเกมที่มีความสำคัญต่อทั้งเขาและทุกคนที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับทีม ลิเวอร์พูล นั่นก็คือเกมยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก นัดชิงชนะเลิศ กับ เอซี มิลาน ในวันพุธที่ 23 พฤษภาคมนี้ ที่โอลิมปิก สเตเดี้ยม ในกรุงเอเธนส์ ประเทศกรีซ ซึ่งแม้เขาจะทราบดีว่า ไม่ได้ลงเล่นเป็นตัวจริงแน่นอน แต่หากได้ลงเล่นและมีส่วนร่วมกับทีมไม่กี่นาที และพาทีมคว้าถ้วยใบหูใหญ่ได้เป็นสมัยที่6 ได้แล้ว บางทีเขาอาจจะดีใจสุดๆแล้ว เพราะจะเป็นการอำลาทีมอย่างสมบูรณ์แบบของดาวยิงเจ้าของฉายา "ก็อด" คนนี้

STEVIEJENG

(ดีเจ.จากคลื่นวิทยุเอฟเอ็ม 99 MHz.)

STEVIEJENG@SANOOK.COM