กรรมฐาน > Meditation
Group Blog
 
All Blogs
 
วิญญาณเด็กชุดม่อฮ่อมมาเตือนให้ไปทำกรรมฐาน

  เกิดขึ้นเมื่อ ๓ เดือนก่อนที่จะตัดสินใจเขียนเรื่องนี้ คือราวๆเดือนตุลาคม ๒๕๕๑  ไปนอนบ้านที่ สระบุรี (สระบุรีมีประวัติว่าเป็นเมืองคนยวน ที่ไทยเกณฑ์มารบในสมัยอยุธยาและตั้งถิ่นฐานที่สระบุรีในปัจจุบัน)  บ้านที่นอนก็ไม่ได้มานอนบ่อยๆหรอก ส่วนใหญ่คนอื่นเขาสังเกตว่า อรมาบ้านนี้ ดูจะรู้สึกเพลีย ไม่สบาย ง่วงนอน  แล้วก็นอนผวา   



คืนนั้น จำเป็นต้องนอนที่บ้านนั่น ความฝันก็เริ่มขึ้น เด็กผู้ชาย  ๘ - ๙ ขวบ ทรงผมตัดเกรียนแบบเด็กประถม หน้าตาจิ้มลิ้ม แบบผู้หญิงดูเพลินตาดี พอมองดูชุด เด็กชาย  คนนี้ใส่ชุดม่อฮ่อม สีน้ำเงินเข้ม แบบแขนสั้น เด็กคนนี้มองหน้าเรา แล้วเดินไปนั่งที่ศาลาท่าน้ำซึ่งมีเก้าอี้ไม้ยาว ที่เห็นทั่วไปตามศาลาท่าน้ำในสมัยโบราณ  เด็กคนนี้ตัวเล็ก จึงต้องเขย่งเท้า กระโดดขึ้นไปนั่งบนเก้าอี้พร้อมกับยกขาข้างนึง  ขึ้นมากอดเข่าไว้ ขาอีกข้างก็แกว่งไปมาเล่น 


เราว่า " เป็นเด็กเป็นเล็ก เอาขายกขึ้นมาแบบนั่น ไม่เหมาะนะลูก" (เราเรียกอย่างเอ็นดู)

เด็กชุดม่อฮ่อม ได้แต่ยิ้ม อยู่ตรงนั่น เท้าข้างนั่นก็ยังแกว่งไปมา ทุกอย่างเลือนลางลง  


เราตื่น  เล่าให้คนบ้านนั่นฟัง เพราะหน้าตาเด็กดันไปเหมือนรูปภาพเด็ก ๘ - ๙ ขวบ ที่ตั้งไว้ ที่บ้านนั่นซึ่งเหมือนแค่หน้าตา แต่ต่างกันที เด็กม่อฮ่อมเป็นเด็กผู้ชาย แต่เด็กในภาพเป็นเด็กผู้หญิง  เล่าแล้วก็ผ่านไปไม่ติดใจอะไร



เจอกันครั้งที่ ๒ >>>



เดือนนี้ซึ่ง คือ ต้นเดือนมกราคม ๒๕๕๒  ไปนอนบ้านนั่นอีกครั้ง ก่อนขับรถกลับมาเพชรบุรี ไหว้พระแล้วก็นอน  เราลืมเรื่องเด็กชุดม่อฮ่อมไปแล้ว



ความฝันเริ่มต้นขึ้นอีก เราในฝันกำลังนอนอยู่ในห้องนอนของบ้านหลังนั่น  เด็กม่อฮ่อมเปิดประตูห้องนอนเข้ามา

พูดด้วยเสียงร่าเริงแบบเด็กที่ดีใจ “กลับมาหาแล้วเหรอ...เย้” 


เค้าส่งยิ้มให้ กึ่งเดิน กึ่งวิ่ง เข้ามาหา อย่างดีใจที่ได้กลับมาเจอกันอีก เค้าเดินอ้อมมายืนค้ำหัวเรา จ้องมองเราชั่วอึดใจ ไม่พูดอะไร เราสบตากัน  แล้วเด็กม่อฮ่อมก็อ้อมลงมาทรุดตัวลงนั่งอย่างรวดเร็ว นั่งใกล้ๆ ไหล่ซ้ายของเรา  เรายังนอนอยู่ตรงนั่นต่อไม่ขยับตัว คุยกันแบบนั้น


เราแค่เงยหน้าขึ้นคุยกับเขาด้วยการหันไปมองทางไหล่ซ้ายของเรา เด็กม่อฮ่อมนั่งท่าเดิม ชันเข่าขึ้นมากอดไว้ข้างเดียว พูดคุยกันอย่างสนิทสนม


เด็กม่อฮ่อม " สรุปว่าจะไปทำกรรมฐานไหม ไปวันไหน วางแผนลงตัวหรือยัง?"

เรา " อืม  กะว่า จะต้องรอให้ได้ขายกุ้งก่อน ถึงจะรู้วันแน่นอน " ในฝันนั่น เรามีท่าเทลังเล ว่าอาจจะไม่ไป (ทั้งที่ในความจริง  เราวางแผนไปเรียบร้อยแล้ว ไม่ได้กำลังลังเลใจ หรือ กำลัง ชั่งใจว่าจะไปดี หรือไม่ไปดี )


เด็กม่อฮ่อม " ก็เอาแบบนี้ซิ   ขายกุ้งเสร็จแล้วก็ไปวัดทำกรรมฐานเลยนะ แล้วค่อยไปไหว้พระธาตุพนม "


เขาช่วย วางแผนการเดินทาง งานเสร็จวันนี้ ก็ไปได้เลย เก็บของรอไว้ก่อน พอออกศีล ก็ไปโน้นต่อได้ เรารู้สึกสบายใจขึ้น ตกลงตามที่เด็กม่อฮ่อมแนะนำ

เรา " ได้ เอาตามนั่นนะ"  ตรงคำว่า "นะ"  ก็มีคนแตะไหล่ขวา (เพื่อปลุกเราตามที่เราสั่งไว้ให้ปลุก ๗ โมงเช้า) เพราะประตูอยู่ทางขวา ด้านซ้ายที่เด็กม่อฮ่อมนั่งอยู่มันเป็นผนังห้อง เราลืมตาขึ้น หันไปตอบคนเดินมาปลุก " ค่ะ"


เราเงยหน้าขึ้นมองเด็กม่อฮ่อมที่นั่งอยู่ทางไหล่ซ้าย   อ้าวไปไหนแล้ว  รวบรวมสติ ก็อ้าวเมื่อกี้ฝันหรอกเหรอ ยังไม่กล้าเล่าให้เจ้าของบ้านฟัง จนขับรถกลับมาถึงเพชรบุรี ก็โทรไปเล่า ว่าเด็กม่อฮ่อมมาหาอีกแล้ว



ปริศนาที่เด็กม่อฮ่อมบอกไม่หมด >>>





         การไปปฏิบัติธรรมครั้งที่ ๑๒ ของเรา วันที่ ๒๕ ถึง ๒๗ มกราคม ๒๕๕๒ เป็นไปตามที่ได้ตกลงกับเด็กม่อฮ่อมไว้ในการเจอกันในฝันครั้งที่ ๒ ขายกุ้งเสร็จตอนเย็น เก็บกระเป๋าขับรถกลับสระบุรี เพราะเช้าจะไปตักบาตรตอนเช้าที่วัดแพะโคก เพราะเป็นวันพระ ก่อนจะเดินทางไปทำกรรมฐานที่วัดอัมพวัน จ. สิงห์บุรี  แฟนเราไปปฏิบัติกรรมฐานด้วย ขอเรียกแบบเคยชินว่า “เฮีย” เฮียไปปฏิบัติเป็นครั้งที่ ๒


ใน ๓ วัน มีวันที่ ๒๖  มกราคม ช่วงเช้า เราทำไม่ได้ ใจไม่สงบเลย เพราะ ช่วงลงนั่งสมาธิ เรามองเห็นคนที่มาหาเรื่องเฮียที่บ้าน หลังที่นอนแล้วฝันถึงเด็กม่อฮ่อม   มีคนมาหาเรื่องเฮียก่อนจะขับรถไปปฏิบัติกรรมฐาน  เราก็อยู่ตรงนั้น กำลังเก็บของขึ้นรถ มัน เป็นผู้ชายขี้ยา ขอโทษนะ ที่ต้องใช้คำว่า "กุ๊ย" เจ้านี้โดนจ้างวานให้มาหาเรื่องน่ะ พอดีเฮียมีเรื่องกับคนข้างบ้าน ก่อนหน้าจะไปวัด ๒ - ๓ วัน



        พอเราเห็นเจ้ากุ๊ยนี่ ในกรรมฐาน ใจเราโกรธมาก ในใจคิดเลย " เกลียดมัน มันทำบาปกับคนทำกรรมฐาน มันไม่เจริญแน่ " พอคิดแบบนี้ อาฆาตแบบนี้ ก็กำหนด โกรธหนอ ช่างมันหนอ แล้วสงสัยตัวเอง ทำไมต้องโมโหมากมายขนาดนี้ ใจเริ่มไม่สงบ  พยายามกลับมากำหนด พองยุบต่อ แต่ ไม่เกิน ๕ นาที หน้าเจ้ากุ๊ยคนนี้กลับมาใหม่ ภาพมันยืนอยู่หน้าร้าน  ความโกรธขอเรากลับมาอีก  พยายามกำหนดรู้เท่าทันปัจจุบัน จนครบ ๓ ชม. จบการปฏิบัติช่วงเช้า ได้แต่ถอนหายใจ ทำไมเช้านี้ปฏิบัติไม่ได้



        ช่วงบ่ายวันเดียวกัน ปฏิบัติได้ จิตดิ่ง สงบ จน ครบ ๓ ชม. ก่อนจะเริ่มปฏิบัติช่วงค่ำ  เรานั่งคุยกะเฮีย เรื่องการปฏิบัติ นั่งได้ไหม ความอดทน ต่อ เวทนา


เฮียบอกว่า "เฮียเห็นไอ้คนที่มีหาเรื่อง คนนั่นในกรรมฐานช่วงบ่าย "


เราก็บอกว่า "อรก็เห็นเจ้ากุ๊ยนั่นช่วงเช้า ใจอรไม่สงบเลย ไม่รู้ทำไมถึงได้ไปโมโหมันนักหนาไม่รู้"


เฮีย " พอจบรอบบ่าย  เหมือนแม่ชีพรรณทิพย์ ท่านรู้ ท่านก็เตือนขึ้นมาลอย ก่อนปล่อยให้พัก ว่า คนทำกรรมฐาน อย่าไปอาฆาตใครนะ เฮียก็เลยอโหสิกรรม เห็นมันก็คิดว่า จะไม่อาฆาตแค้น ถ้าเป็นสมัยก่อน มันคงได้โดนกระทืบตายไปแล้ว"


เรา " อ๋อ ตอนที่ท่านพูดตอนนั้น นั่นเอง ท่านคงเตือนเราล่ะเฮีย ดีจังเลยเนอะ "


แม่ชีพรรณทิพย์ ท่านมักจะตอบคำถามอะไรที่เรากำลังคิดอยู่ในใจพอดีเลย แบบนี้ประจำ เรานับถือท่านมาก ท่านเป็นคนสอนพระกรรมฐานในเรา สมัยเมื่อหลายปีโน้น แทบจะตัวต่อตัวเลย





        ออกศีล กลับไปสระบุรี ตอนบ่าย แวะไปบ้านเฮีย (หลังเดียวกันที่เราเจอเด็กม่อฮ่อม) จอดรถปุบ เฮียเดินลงมาเปิดประตู ปรากฏว่า มีเศษแก้วสีชา แบบขวดเบียร์ หล่นให้เห็นเล็กน้อย ในร่องประตู และบางส่วนกระเด็นเข้ามาอยู่ในบ้าน แต่มีการเก็บกวาด เอาละซิ งานเข้า ใครล่ะมันเอาขวดมาปาใส่บ้านเรา
เฮียเดินไปหาคู่กรณี ซึ่งเฮียเคยเอ่ย ว่า เฮียไม่ได้อยากมีเรื่องกับใคร อะไรที่ผ่านมาถึงไม่ผิด ก็ขอโทษเขาไปแล้ว



ป้าคู่กรณี ออกมาโวยวาย เชิง ป้าไม่รู้ไม่เห็น " มีคืนนึง ป้าได้ยินเสียงของแตก คิดว่า หนุ่มเป็นคนทำแตก"


ก็ตอนขับรถออกไปทำกรรมฐาน ก็ยังบอกป้านี่ว่า เราจะไม่อยู่กันหลายวัน ไปนอนวัด ยังมีหน้ามาโกหกว่า คิดว่าอยู่ ตึกพาณิชย์ชิดกัน ขนาดพูดกระซิบข้างบ้านยังได้ยินนี่นะ จะไม่รู้เลยว่า บ้านเราไม่มีคนอยู่


เราพูด " เฮีย ทำไมมีรอยเก็บกวาดล่ะ เศษแก้วเหลือน้อย แต่ก็เหลือมากพอให้ดูออกว่ามีคนปาขวดเบียร์ใส่บ้านเราอย่างชัดเจนนะ"


ป้ามหาภัย " เดี๋ยวนะ เดี๋ยวนะ ป้าจะเล่าให้ฟัง  ป้าไม่รู้ไม่เห็น ไม่ได้ยินอะไรเลย " แล้วก็พูดจา ซ้ำๆเดิมว่าเธอไม่รู้ไม่เห็น  ร้อนรนชัดเจน ตบท้ายว่า " ถ้าเป็นไอ้คนไม่เต็ม ที่ป้าเอ็นดูคนนั้น อย่าไปเอาเรื่องมันเลยนะ"


เฮียสั่งให้เราขึ้นไปนอนพักข้างบนก่อน เพราะเห็นเราใจเสียน่ะ เรานอนเล่นดูทีวี ก็นอนไม่หลับ เดินลงมาหาเฮียที่ทำงานอยู่ข้างล่าง (ที่จริงเฮียโทรคุยกับตำรวจ เพื่อนของเฮีย)


เราบอกเฮียว่า “ทำไมป้ามหาภัย ไม่ต้องการให้เราไปเอาเรื่องไอ้กุ๊ยนั่น ทั้งที่เราไม่รู้ว่าใครกันแน่เป็นคนปาขวดใส่ เพราะถ้าเป็นมันจริง ป้าจะร้อนรนทำไม”



คำตอบ "กลัวการซัดทอดน่ะซิ" เมื่อเราคิดได้แบบนั่น เราก็เดินไปหน้าประตูร้าน มือยังถือไม้เบสบอล ค่อยๆก้มหัวลงหน้าแนบพื้น เรามองเห็นเศษแก้วเป็นชิ้นเล็กๆ ส่องประกายอยู่ ที่ข้างประตูฝั่งติดกะบ้านป้ามหาภัย บ่งบอกชัดเจนว่า เคยมีเศษแก้วตกอยู่ตรงนั้น  เราบอกเฮีย


เฮียเดินไปคุยกับป้ามหาภัย ว่า “ป้าสั่งให้เจ้ากุ๊ยนั่นมาหาเรื่องผมใช่ไหม ผมบอกแล้วนะว่าผมไม่ได้มีอะไร”


ป้ารีบเดินออกมา  ว่า “โอ๊ย ป้าแค่บอกมันว่า บ้านนี้มากล่าวหาป้า ไม่ได้สั่งให้ทำไรมากกว่านั่น มันไม่เต็มเต็ง อย่าไม่เอาเรื่องมันเลย”


เรา " ถ้ามีตำรวจมาสอบปากคำป้า ก็อย่าตกใจนะค่ะ เพราะ เมื่อกี้ก้มดูเห็นประกายเศษแก้วตกอยู่ตรงริมประตูด้านติดกะบ้านป้าเยอะ (พร้อมชี้นิ้วกวาดให้เห็น) "


ป้า " โอ้ย   ลูกสาวป้าเป็นคนกวาดให้เอง แล้วก็พล่ามต่อ"  

เรา คิดในใจ เอ๊ยที่เราฟังไรตกหล่นไปในรอบแรกที่คุยกะป้าป่าววะ ตอนแรกที่ถามป้า ว่าเราเห็นรอยเก็บกวาดหลักฐานออก บอกไม่รู้ไม่เห็น ได้ยินแต่เสียง คราวนี้ หางโผล่จนได้  ดั๊นบอกออกมาเองว่า ลูกสาวกวาด เศษแก้วให้



เรา " งั้นป้าก็เห็นคนปา ซิค่ะ"

ป้า " ไม่เห็นหรอก"

เรา " แบบนี้มีการปิดบังหลักฐาน  คงต้องรีบไปแจ้งความไว้ก่อน"

ป้า เดินใส่ชุดกระโจมอก มาผลักอกเรา จิกนิ้วจนเรารู้สึกเจ็บ พร้อมพูดว่า " ใจเย็นซิหนู" มันแสดงออกชัดเจนว่า จะไม่ให้เราไปแจ้งความ

เฮียกะเราขับรถไปข้างนอกพอกลับมา ป้าก็รีบออกมาพูดว่า ลูกสาวกวาดให้ ราวๆ ๓ รอบ พอตำรวจมาตอนเย็น ซึ่งก็คือเพื่อนเฮียนั่นเอง


คุณตำรวจเดินไปถามป้ามหาภัยว่า บ้านไอ้คนที่ปาอยู่ไหน ป้าก็เริ่มพูดซ้ำเดิมอีก  แล้วก็พูดว่าเป็นญาติกับตำรวจคนโน้นนี่ไปเรื่อย แต่ตำรวจก็บอกว่า รู้จักกันเป็นรุ่นพี่น่ะ สนิทกันดี เป็นเรา พอเค้าถามว่า บ้านคนปา เราจะตอบก่อน ยังไม่รู้เลยใครปา แต่ป้าแกชัดเจนมาก ว่า ยอมรับว่าไอ้กุ๊ยนั่นปา ทั้งที่ ปฏิเสธตลอดว่า ไม่รู้ไม่เห็น แถม ช็อตเด็ด  ป้าแกเพิ่มอีกว่า

"ลูกสาว กะลูกชาย เป็นคนกวาดเศษแก้วให้ ด้วยน้ำตาเลย กลัวจะเข้าใจว่าเราทำ "  เราก็โห เพิ่มลูกชายเข้าไปอีก 


เราคุยกะเฮีย


เรา " รู้ไหมว่ามันปาขวดใส่บ้านวันไหน "


เฮีย " วันที่เราเห็นมันในกรรมฐาน ที่อรเห็นมันช่วงเช้า เฮียเห็นมันช่วงบ่าย"


เรา " ใช่ คิดเหมือนกันเลย มิน่า ล่ะ อรถึงได้โกรธจัดมาก จนอยากสาปแช่งมัน"
ย้อนกลับไป


ถ้าเรากะเฮียไม่ได้ไปทำกรรมฐาน ตามที่เด็กม่อฮ่อมบอกไว้ ว่า "ไปทำกรรมฐานทันทีหลังจากขายกุ้งเสร็จ"


เฮียคงมีเรื่องกับไอ้กุ๊ยนั่นแน่ และไม่รู้จะรุนแรงแค่ไหน ไอ้นั่นน่ากลัว ออกแนวขี้ยา    เด็กม่อฮ่อมคงรู้แล้วว่าจะเกิดเรื่องที่บ้านนี้ เค้าคงเป็นห่วงเฮีย ถึงมาบอกผ่านเราแทน


เรานึกถึงคำที่แม่เราบอก ว่า เด็กคนนั้นนั่งกอดเข่าข้างเดียว โบราณเค้าถือ เขาว่า มันแปลว่า เด็กคนนั้นกังวล ไม่สบายใจ


ตรงนี้เอง ที่ทำให้เราเข้าใจเด็กม่อฮ่อมแล้ว เขาหาทางให้ไม่ต้องอยู่บ้านซะ แล้วตอนอยู่วัด จำไม่ได้ว่า ทำกรรมฐานช่วงเวลาไหน ก็เห็นเด็กม่อฮ่อม ยืนอยู่ เราบอกออกไปด้วยจิตว่า มาอยู่ใกล้ๆนะ จะแผ่บุญกุศลไปให้ ....


ขอบคุณในน้ำใจของหนูม่อฮ่อมมากจ๊ะ
อย่างไรซะ เราคิดว่า  ความอาฆาต พยาบาท มันไม่ดีหรอก อโหสิกรรมให้นะ





Free TextEditor


Create Date : 26 พฤศจิกายน 2552
Last Update : 18 กันยายน 2554 11:33:21 น. 12 comments
Counter : 547 Pageviews.

 
คุยกับเด็กม่อฮ่อมเป็นตุเป็นตะเลย จิตมั่นคงดีจริงๆ


โดย: oddy.freebird วันที่: 26 พฤศจิกายน 2552 เวลา:20:02:52 น.  

 
เด็กคนนี้ น่ารักดีค่ะ

อีกอย่างเค้าพยายามเตือน ให้เราเลี่ยงอันตราย แบบอ้อมๆ คิดว่าคงเป็นเด็กยวน (เชียงแสน ) ในสมัยโน้นน่ะค่ะ สังเกตจากการแต่งตัวน่ะค่ะ

อาจจะเป็นเจ้าที่ บ้านหลังนั่น อรคิดเอาเองนะค่ะ เพราะเฮียเค้าเป็นคนเชื้อสาย เชียงแสน แท้ๆ


โดย: อร (Aorn_N ) วันที่: 26 พฤศจิกายน 2552 เวลา:20:40:37 น.  

 
Happy Birthday
ฮาเฮสุขสันต์ ยิ้มได้ทั้งวันสุขสันต์รื่นรมย์
กราบตักคุรแม่บอกแกว่ารัก
ขอบคุรยิ่งนักที่เป็นพยานรักให้แม่


โดย: chabori วันที่: 11 ธันวาคม 2552 เวลา:12:19:10 น.  

 
ขอบคุณค่ะ

วันเกิด อยู่กะ พ่อแม่ค่ะ

ตักบาตรด้วยกัน

รักกั รักกันน่ะค่ะ


โดย: อร (Aorn_N ) วันที่: 11 ธันวาคม 2552 เวลา:20:55:58 น.  

 
ขอบคุณสำหรับคำอวยพรค่ะ ดีจังค่ะ อายุยังน้อยก็สนใจ
ปฏิบัติ


โดย: engo (engo ) วันที่: 17 ธันวาคม 2552 เวลา:22:47:25 น.  

 
ขอบคุณสำหรับคำอวยพรนะคะ
ขอให้มีความสุขค่ะ
Merry chirstmas and happy new years......kaaa


โดย: kea (kearaly ) วันที่: 22 ธันวาคม 2552 เวลา:17:01:17 น.  

 
ขอบคุณสำหรับคำอวยพรนะคะ ^^


โดย: ยิ้มปริศนา วันที่: 22 ธันวาคม 2552 เวลา:17:09:13 น.  

 
ขอบคุณค่ะขอให้มีความสุขนะคะ


โดย: หลักไมล์ IP: 124.122.97.16 วันที่: 22 ธันวาคม 2552 เวลา:17:09:40 น.  

 
ขอบคุณสำหรับคำอวยพรคะ

ขอให้มีความสุขเช่นเดียวกันคะ



ดอกไม้ - Hi5 กราฟฟิคสำหรับคอมเมนต์
ดอกไม้ - Hi5 กราฟฟิคสำหรับคอมเมนต์



โดย: เข็มพิษ (หยกม่วง ) วันที่: 23 ธันวาคม 2552 เวลา:9:45:51 น.  

 
ตอนแรก กะว่าเข้ามาอ่าน ๆ เป็บ ๆ ไม่ต้องใส่ใจอะไรมากมาย
แต่พออ่านแล้ว รู้สึกชอบครับ
เขียน ได้ดีมากเลยครับ เพิ่มเป็น friend link แล้วด้วย



โดย: clubp_mark วันที่: 17 มกราคม 2553 เวลา:0:44:36 น.  

 
ขอบคุณมากค่ะ อรเล่น เจ้า bloggang ไม่ค่อยเป็นค่ะ ต้องการเผยแผ่พระศาสนา น่ะค่ะ

อยากให้คนสนใจกรรมฐานมากขึ้น ขอบคุณที่เข้ามาอ่านนะค่ะ


โดย: อร (Aorn_N ) วันที่: 17 มกราคม 2553 เวลา:9:02:29 น.  

 
เข้ามาศึกษาอ่ะนะครับ กำลังอยู่ในช่วงที่กรรมฐานยังไม่ดีพอ
ขอบคุณมากที่นำมาเล่าให้ฟัง ได้แรงบรรดาลใจมากมาย


โดย: เสกสรร IP: 202.176.138.162 วันที่: 4 ตุลาคม 2553 เวลา:10:07:16 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

Aorn_N
Location :
เพชรบุรี Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 6 คน [?]




Ciao, io sono Aorn. mi piace il molto scuba diving.

เราอร KU 57 , Fisheries 48 ค่ะ เกิด 1978 ค่ะ จะเรียก พี่ เรียก ป้า ก็ตามใจค่ะ อิอิ

ชอบและ สนใจ เป็นพิเศษ กรรมฐาน ปฏิบัติมาตั้งแต่จนปี ๒๕๔๑ ถึง ปัจจุบัน

กีฬาที่ชอบ ดำน้ำ scuba diving , ขี่ม้า

ภาพยนตร์ในใจ Spirited away ( 2001 Japanese animated film written and directed by Hayao Miyazaki)

นักเขียนที่ประทับใจ S.P. Somtow


แวะทักทายได้ที่ http://hatcheryorn.multiply.com

ตาม link ด้านล่างนะค่ะ
New Comments
Friends' blogs
[Add Aorn_N's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.