อย่าหลงเชื่อ อาหารเสริมรักษาต้อตา ใช้เวลา 1-2 เดือนก็ทำให้ตาบอดได้


จักษุแพทย์เตือนโฆษณาวิตามินต่างๆรักษาโรคตาได้ทุกโรคไม่เป็นความจริง

เข้าข่ายโฆษณาชวนเชื่อ หลงใช้เพิ่มโอกาสโรครุนแรงขึ้น ถึงขั้นตาบอด

อย่าหลงเชื่อ อาหารเสริมรักษาต้อตา thaihealth

ผศ.นพ.ศักดิ์ชัย วงศกิตติรักษ์ หัวหน้าภาควิชาจักษุวิทยา

คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์

กล่าวถึงกรณีที่มีการขายอาหารเสริมยี่ห้อหนึ่งนำเข้าจากต่างประเทศ

อ้างว่าช่วยบำรุงสายตา สามารถบรรเทาปัญหาการมองเห็นจากภาวะต้อหิน ต้อเนื้อ ต้อลม

ต้อกระจกหายได้หลังรับประทานอาหารเสริมดังกล่าวตั้งแต่ 3 วันขึ้นไป โดยมีครูเพลงชื่อดังร่วมโฆษณาว่า

โรคตาแต่ละชนิดมีแนวทางการรักษาที่แตกต่างกัน

หากเป็นปัญหาสายตายผิดปกติต้องสวมแว่นสายตา หรือทำเลสิก

ถ้าเป็นต้อกระจกต้องผ่าตัดต้อกระจก

หากเป็นต้อหินก็ต้องให้ยาลดความดันลูกตา

ไม่สามารถใช้วิตามินกินแล้วบอกว่ารักษาทุกโรคได้ วิตามินหรืออาหารเสริมที่ใช้ทางตาใช้ได้ในบางกรณี

ส่วนใหญ่ที่มีการขายในปัจจุบันมักมีส่วนประกอบของสารลูทีน และซีแซนทีน เป็นกลุ่มวิตามิน ซึ่งมีการศึกษาที่

พิสูจน์ว่าได้ประโยชน์เฉพาะผู้ป่วยจอประสาทตาเสื่อมในผู้สูงอายุบางประเภทที่ได้รับการวินิจฉัยจากจักษุแพทย์ก่อน

จึงจะสามารถใช้ยาได้ 

ดังนั้นการนำวิตามินต่างๆ มาโฆษณาว่ารักษาโรคตาได้ทุกโรคนั้นไม่เป็นความจริง

เป็นการโฆษณาชวนเชื่อ

“นี่เป็นการโฆษณาเกินจริง และไม่สามารถใช้เพื่อการรักษาได้ ถ้าไปเชื่อแล้วกินแค่อาหารเสริมเหล่านั้น จะทำให้เกิดอันตราย ขาดโอกาสในการรักษาที่ถูกต้อง ทำให้โรครุนแรงขึ้นจนถึงขั้นตาบอดได้ เช่น ถ้าเป็นต้อเนื้อก็จะลุกลามจนบังการมองเห็น ถ้าเป็นต้อกระจกก็จะทำให้อาการรุนแรงเกิดผลแทรกซ้อนกลายเป็นต้อหินและตาบอดในที่สุด ยิ่งถ้าเป็นต้อหินอยู่เดิมแล้วไม่ได้รับการรักษาด้วยยาลดความดันลูกตาอาจจะทำให้ตาบอดได้ บางคนอาจจะใช้เวลาเพียง 1-2 เดือนก็ทำให้ตาบอดได้

การที่มีเลขสารบบอย.จะบอกแค่ว่ามีส่วนประกอบอะไร ไม่เป็นอันตรายต่อตาอย่างไรเท่านั้น ขอให้สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา(อย.)ช่วยกวดขันเรื่องการโฆษณาเกินจริงที่อาจจะเข้าข่ายหลอกลวงประชาชนให้เข้าใจผิดด้วย” ผศ.นพ.ศักดิ์ชัย กล่าว

ผศ.นพ.ศักดิ์ชัย กล่าวอีกว่า ยาหรืออาหารเสริมดังกล่าวเป็นการโฆษณาชวนเชื่อ ไม่ได้มีผลต่อการรักษาต้อต่างๆ และไม่แนะนำให้คนทั่วไปซื้อใช้เองเพื่อถนอมดวงตา แต่ขอแนะนำให้เลือกดูแลสุขภาพตาด้วยการหลีกเลี่ยงสิ่งที่เป็นอันตรายต่อดวงตา เช่น ลม ฝุ่น และแสงแดด อาจจะสวมแว่นกันแดด สวมหมวก หรือใช้ร่ม ไม่ใช้สายตามากเกินไปโดยเฉพาะการใช้คอมพิวเตอร์ โทรศัพท์มือถือ ต้องพักสายตาบ้าง ส่วนอาหารที่มีวิตามินเอช่วยบำรุงสายตา อาทิ ผักใบเขียว แครอท เป็นต้น แต่ไม่จำเป็นต้องรับประทานวิตามินเอเสริมก็ได้ เพราะร่างกายไม่ได้ต้องการวิตามินเอมาก แค่รับประทานอาหารให้ครบก็เพียงพอ

สารลูทีน (Lutein) และ ซีแซนทีน (Zeaxanthin) มีความสำคัญต่อดวงตาอย่างไร

การมองเห็นถือเป็นหนึ่งในประสาทสัมผัสที่มีความสำคัญต่อมนุษย์เราเป็นอย่าง ยิ่ง และอวัยวะที่เป็นตัวรับภาพต่างๆ จากภายนอกให้เราได้รับรู้ก็คือดวงตา กลไกในการมองเห็นก็คือ เมื่อมีแสงตกกระทบกับวัตถุ แสงจะสะท้อนเข้าสู่นัยน์ตาเราผ่านกระจกตา รูม่านตา แก้วตา และไปตกที่จอรับภาพตาในลักษณะของภาพหัวกลับแล้วจึงถูกส่งไปแปลเป็นภาพที่เรา มองเห็นจริงในระบบประสาทส่วนท้ายทอย สารอาหารจำเป็นสำหรับดวงตา มีอยู่หลายชนิด ด้วยกัน คือ วิตามินเอ วิตามินซี วิตามินอี รวมถึงสารอาหารที่มีงานวิจัยอย่างกว้างขวางว่ามีประโยชน์กับดวงตาโดยตรงก็ คือ ลูทีน และ ซีแซนทีน

ลูทีน (Lutein) และ ซีแซนทีน (Zeaxanthin)

เป็นสารธรรมชาติที่มีในพืชผักผลไม้หลายชนิด เป็นสารในตระกูลของสารแคโรทีนอยด์ และพบได้ในบริเวณดวงตา โดยเฉพาะตรงบริเวณเลนส์ตาและจอรับภาพตา

ในธรรมชาติแม้จะมีแคโรทีนอยด์ มากกว่า 600 ชนิด แต่มีเพียงสาร 2 ชนิดนี้เท่านั้น ที่พบในจุดรับภาพของจอตา สารทั้งสองชนิดนี้จะทำหน้าที่ช่วยกรองหรือป้องกันรังสีจากแสงแดดที่เป็น อันตรายต่อดวงตา และช่วยปกป้องเซลล์ของจอประสาทตาไม่ให้ถูกทำลาย โดยการลดอนุมูลอิสระ ดังนั้น จึงทำหน้าที่บำรุงตา ทำให้จอตาไม่เสื่อมเร็ว เพราะฉะนั้นใครที่อยากถนอมสายตาไว้ ใช้งานนานๆ ก็ต้องทานผักผลไม้ สีเหลือง และสีเขียวเข้ม

แหล่งที่พบ ลูทีน และ ซีแซนทีน ในธรรมชาตินอกจาก จะพบมากในดอกดาวเรือง และโกจิเบอร์รี่(เก๋ากี้) แล้ว ยังพบใน กะหล่ำ ผักโขม ถั่วลันเตา ต้นอ่อนกะหล่ำดาว ถั่วพิสตาชิโอ บรอกโคลี ข้าวโพด ไข่ แครอท ผักคะน้า ผักบุ้ง ผักปวยเล้ง ผักกาดหอม ผักโขม แตงกวาทั้งเปลือก ซูกินีทั้งเปลือก ถั่วแขก อะโวคาโด มัสตาร์ด ฟักทอง เป็นต้น

การบริโภคพืชผักที่มีลูทีนและชีแซนทีน หรือแม้แต่อาหารสุขภาพที่มีสาระสำคัญนี้ จึงมีประโยชน์อย่างยิ่งต่อสุขภาพของดวงตา มีส่วนช่วยลดความเสี่ยงการเกิดโรคหลายชนิดด้วยกัน ที่สำคัญคือ โรคต้อกระจก และโรคจุดรับภาพเสื่อม

สุดยอดอาหาร ดูแลสุขภาพดวงตา

ดวงตา ก็เป็นอวัยวะหนึ่งที่ต้องการการดูแลเอาใจใส่เช่นเดียวกับอวัยวะอื่นๆของร่างกาย การทานอาหารที่ดีมีประโยชน์จากธรรมชาติช่วยให้คุณมีสุขภาพตาที่แข็งแรง และมีดวงตาที่สดใสไปอีกนานสุขภาพตาดีได้ด้วยอาหารดีมีประโยชน์

  1. ผลแอปริคอท ผลแอปริคอทมันหวาน แคนตาลูป และน้ำเต้านั้น อุดมไปด้วยเบต้าแคโรทีนที่เป็นตัวช่วยชะลอการเสื่อมถอยของเลนส์ตา ช่วยบำรุงสายตา และช่วยในการป้องกันการเกิดโรคต้อกระจก
  2. โกจิเบอร์รี่ (เก๋ากี้) ผลวิจัยในต่างประเทศพบว่า อุดมด้วยแคโรทีนอยด์ และซีเอแซนทีน ช่วยเรื่องการมองเห็น หรือสายตา เพิ่มความสามารถในการมองเห็น รักษาโรคตาบอดกลางคืน โดยเพิ่มประสิทธิภาพการรับภาพ และป้องกันแสง โดยเฉพาะแสงสีน้ำเงิน และสีฟ้า ทำให้ดวงตาเสื่อมช้าลง มักถูกแปรรูปเป็นเครื่องดื่มน้ำผลไม้ ต้มเพื่อดื่มน้ำ และใช้ในเชิงสมุนไพรสำหรับประกอบอาหารด้วย
  3. เสาวรส ผลไม้เปรี้ยวอมหวานมีวิตามินเอสูงมาก ทำให้การมองเห็นชัดเจน นอกจากนั้น ยังพบว่ามีวิตามินซีมากกว่ามะนาว จึงช่วยสร้างภูมิคุ้มกันโรคได้
  4. ผลไม้ตระกูลส้ม วิตามินซีที่พบได้ในผักและผล เช่น ส้ม มะเขือเทศ และพริกหวานนั้น สามารถช่วยลดความเสี่ยงของการเกิดต้อกระจก อีกทั้งช่วยในการไหลเวียนเลือดในดวงตา วิตามินซีในส้มยังสามารถช่วยป้องกันโรคหวัดและนอกจากนี้กากของส้มยังช่วยในเรื่องการขับถ่ายอีกด้วย
  5. ผักเคล/กะหล่ำปลีชนิดสีเขียวเข้ม เคล กะหล่ำปลีชนิดสีเขียวเข้ม ผักขม หัวผักกาดเขียวและบล็อคโครี่นั้น มีคุณประโยชน์คือให้วิตามินเอสูง ช่วยบำรุงสายตาให้มีประกายที่สดใส มีเบต้าแคโรทีน และยังช่วยต้านการเกิดโรคมะเร็ง มีแคลเซียม วิตามินซี และเส้นใยอาหารสามารถป้องกันโลหิตจางได้อีกด้วย
  6. ถั่วสีน้ำตาลแดง ถั่วสีน้ำตาลแดง นั้นเพรียบพร้อมไปด้วยธาตุสังกะสีที่ดีต่อสายตา อีกทั้งวิตามินเอก็เป็นส่วนช่วยปกป้องเยื่อชั้นในของลูกตา
  7. ปลาแซลมอน เนื้อปลาแซลมอนนั้นมีกรดไขมันโอเมก้า 3 และ DHA ที่สามารถช่วยปกป้องจากโรคภัยไข้เจ็บ อีกทั้งโปรตีนในเนื้อปลายังช่วยในเรื่องของโรคตา และยังสามารถช่วยลดอาการตาแห้งได้อีกด้วย
  8. มันเทศ มันเทศเป็นแหล่งเบต้าแคโรทีนชั้นดีที่ช่วยบำรุงสายตา เสริมสร้างภูมิคุ้มกันในร่างกาย อีกทั้งยังมีสารต้านมะเร็งที่สูง ราคาไม่แพงและหาซื้อได้ง่ายมากๆ
  9. ผักคะน้า คะน้ามีลูทีน และ ซีแซนทีน ที่ช่วยบำรุงสายตาสูง รับประทานเป็นประจำจะช่วยลดอาการเสี่ยงของการเกิด โรคต้อกระจก ได้ถึง 20 % โรคกระจกตาเสื่อม (AMD) มะเร็งเต้านมและโรคหลอดเลือดหัวใจอีกด้วย
  10. ผักบุ้ง ผักบุ้งแก้ตาฟาง ลดอาการปวดกระบอกตาในกรณีที่ใช้สายตาเป็นเวลานาน และช่วยบรรเทาอาการตาแห้ง
  11. ฟักทอง ฟักทองช่วยในการมองเห็น ป้องกันเยื่อบุตาแห้ง และกระจกตาเป็นแผล
  12. ผักตำลึง มีเบต้าแคโรทีน และแคโรนอยด์ แก้โรคตามัวตอนกลางคืน

ข้อมูลจาก




Create Date : 11 พฤศจิกายน 2559
Last Update : 11 พฤศจิกายน 2559 17:13:59 น.
Counter : 1632 Pageviews.

1 comments
  
สวัสดีนะจ้ะ เราแวะมาทักทาย สักคิ้ว 6 มิติ ลบรอยสักคิ้วด้วยเลเซอร์ ลบรอยสักคิ้ว Eyebrow Tattoo Removal เพ้นท์คิ้วลายเส้น เพ้นท์คิ้ว 3 มิติ
ให้ใจหายใจ สุขภาพ วิธีลดความอ้วน การดูแลสุขภาพ อาหารเพื่อสุขภาพ ออกกำลังกาย สุขภาพผู้หญิง สุขภาพผู้ชาย สุขภาพจิต โรคและการป้องกัน สมุนไพรไทย ผู้หญิง ศัลยกรรม ความสวยความงาม แม่ตั้งครรภ์ สุขภาพแม่ตั้งครรภ์ พัฒนาการตั้งครรภ์ 40 สัปดาห์ อาหารสำหรับแม่ตั้งครรภ์ โรคขณะตั้งครรภ์ การคลอด หลังคลอด การออกกำลังกาย ทารกแรกเกิด สุขภาพทารกแรกเกิด ผิวทารกแรกเกิด การพัฒนาการของเด็กแรกเกิด การดูแลทารกแรกเกิด โรคและวัคซีนสำหรับเด็กแรกเกิด เลี้ยงลูกด้วยนมแม่ อาหารสำหรับทารก เด็กโต สุขภาพเด็ก ผิวเด็ก การพัฒนาการเด็ก การดูแลเด็ก โรคและวัคซีนเด็ก อาหารสำหรับเด็ก การเล่นและการเรียนรู้ ครอบครัว ชีวิตครอบครัว ปัญหาภายในครอบครัว ความเชื่อ คนโบราณ
โดย: nokyungnakaa วันที่: 21 กุมภาพันธ์ 2560 เวลา:18:14:09 น.
ชื่อ :
Comment :
 *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

salinta
Location :
กรุงเทพฯ  Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 3 คน [?]



หมีชอบกินปลาแซลม่อนที่ว่ายทวนน้ำ...
All Blog