Hamburger Steak


Hamburger Steak นี่จริงๆแล้วไม่ใช่อาหารญี่ปุ่นเลย แต่ดัดแปลงกันมาเรื่อยจนกลายเป็นอาหารฮอตฮิตติดบ้านคนญี่ปุ่นกันไปแล้ว กินกันตั้งแต่เด็กยันคนแก่ มีให้กินทั้งใน family restaurant และร้านอาหารหรูๆ

Hamburger Steak ที่นี่หน้าตาหลากหลายมาก ตั้งแต่กินกันเปล่าๆ โรยแค่เกลือกับพริกไทย หรือไม่ก็ราด tomato sauce บ้าง white sauce บ้าง ราดชีสบ้าง ซอสญี่ปุ่นบ้าง แล้วแต่ปากคนกินมือคนทำว่าชอบกันแบบไหน ก็ปรับเปลี่ยนสูตรกันไปไม่รู้จบ

ตัว Hamburger Steak เนี่ย จริงๆมันก็มีสูตรพื้นฐานของมันอยู่ เราลองแล้วลองอีก ลองผิดลองถูก ครั้งแรกที่ทำนี่แทนที่จะเป็นเนื้อหมูใส่ไข่ แต่หน้าตาดันออกมาเป็นไข่ใส่เนื้อหมูแทน หรือง่ายๆก็คือ ไข่เจียวอย่างหนานั่นเอง 555 พอทำมาแล้ว คนข้างๆก็ต้องรับกรรม กินมันเข้าไป ไม่ทำใหม่หรอก เสียของ

แต่วันนี้ สูตรนี้กินได้จริงๆนะ ^ ^


วัตถุดิบ


เนื้อหมูหรือเนื้อวัวบด 400 กรัม
(ปกติจะใช้ทั้ง 2 อย่างผสมกัน แต่บ้านนี้ชอบกินเนื้อเลยใส่เนื้อมากหน่อย)
หอมใหญ่สับละเอียด 1/2 ลูก
แครอทสับละเอียด 1 หัวเล็ก
เกล็ดขนมปัง 6 ช้อนโต๊ะ
(บางทีก็ใช้ขนมปังแผ่นเนี่ยแหล่ะ ฉีกเป็นชิ้นๆลงไปเลย สูตรคุณแม่สามี)
นม 2 ช้อนโต๊ะ
ไข่ไก่ 1 ฟอง
ชีส (ชีสแผ่นหรือ mix cheese) 4 แผ่น (ตามชอบ)
เกลือ พริกไทย นิดหน่อย
parsley นิดหน่อย


- ทำซอส -

เนย 15 กรัม
ซอสมะเขือเทศ 5 ช้อนโต๊ะ
ไวน์แดง 4 ช้อนโต๊ะ
Worcester sauce 1 ช้อนโต๊ะ

วิธีทำ


1) เอาหัวหอมใหญ่กับแครอทสับละเอียดลงไปผัดๆพอสุก (จริงๆใครอยากกินอะไรก็ใส่ไปเหอะผักเนี่ย ตามใจชอบ + ตามใจปาก)


2) พักไว้ให้หายร้อนนิดหน่อย ไม่งั้นเดี๋ยวมือพอง เอาลงมาผสมกับเนื้อบ´ แล้วก็ขยำๆๆๆๆ




3) ใส่เกล็ดขนมปัง คลุกๆ ใส่ไข่ไก่ โรยเกลือ + พริกไทย จากนั้นก็ขยำเอาให้เต็มที่ ให้เนื้อเนียนเลย แบ่งได้ 4 ก้อน
4) ก่อนทอดก็เอามาโยนๆเหมือนรับลูกบอลให้อากาศเข้าไป ขอบจะได้ไม่แตก ตอนทอดก็กดตรงกลางให้บุ๋มหน่อย ไม่งั้นเดี๋ยวเวลาเนื้อพองตัว ตรงกลางมันจะไม่สุก
5) นำลงทอด ใช้ไฟอ่อน ปิดฝา
6) พอเนื้อสุกทั้ง 2 ¢éางแล้ว (ลองเอาตะเกียบหรือไม้จิ้มฟันจิ้มดู ถ้าผ่านฉลุยก็ถือว่าโอเค) ก็เอาชีส (àราใช้ mix cheese) โรยๆๆๆๆๆๆตามความพอใจ ปิดฝากระทะให้ชีสละลายยยยยยย
7) ระหว่างนั้นก็ทำซอส นำส่วนผสมทั้งหมดตั้งไฟผสมๆๆๆๆ ยกเนื้อใส่จาน ราดซอส โรย parsley เสร็จ!

หน้าตาเป็นแบบนี้เลยค่ะ



ชีสสสสสส ใกล้ๆ




นี่ของคนร่วมโต๊ะ request ว่าขอชีสท่วมๆ เลยได้ท่วมสมใจ





 

Create Date : 11 กันยายน 2552    
Last Update : 24 กันยายน 2552 9:16:06 น.
Counter : 792 Pageviews.  

ไก่ทอดมายองเนส


จริงๆวันนี้ทำออกมา 3 อย่าง แต่ว่าที่เป็นจานหลักก็คงจะเป็นเจ้าไก่ทอดมายองเนสนี่แหล่ะ ทำออกมาหน้าตายังไม่สวยเท่าไหร่ > < ไม่เป็นไร ทำภาพเบลอๆไปละกัน (อ้าว...) 555

ส่วนอีกเมนูนี่... จริงๆแล้วได้ถั่วแระมาเยอะมากกกกกกก ตอนนี้ก็ยังนอนแข็งอยู่ในช่อง freeze เอามาต้มกินก็แล้ว มันก็ดูจะไม่ร่อยหรอลงไปซักที เลยเอามาใส่ข้าวกินมันเลยละกัน

ไม่พูดเยอะ มาดูกันเลยดีกว่าค่ะ

เมนูแรก ไก่ทอดมายองเนส



วัตถุดิบ

เนื้อไก่ (แล้วแต่ชอบเลย จะเอาเนื้ออกหรือเนื้อสะโพกก็ตามใจ) 200 กรัม


เครื่องปรุง


สาเก 1 ช้อนโต๊ะ
โชยุ 1 ช้อนโต๊ะ
พริกไทย เกลือ เล็กน้อย
มายองเนส 3 ช้อนโต๊ะ
Citrus vinegar (ponzu) 2 ช้อนโต๊ะ
ต้นหอมสับ ตามชอบ


วิธีทำ
1) ไก่นี่จะนำไปทอดทั้งชิ้น หรือหั่นพอดีคำก่อนก็ได้ แต่ของเราเอาไปทอดทั้งชิ้นเลย ก่อนทอดก็หมักซะก่อน ด้วยสาเก โชยุ พริกไทย เกลือ ซัก 10 นาทีขึ้นไป
2) จากนั้นก็ตักมายองเนสประมาณ 2 ช้อนโต๊ะลงกระทะ นำไปตั้งไฟให้มายองเนสละลาย
3) นำไก่ที่หมักไว้ลงทอด ไม่ต้องใส่น้ำมัน นำข้างที่ติดมันลงไปก่อน ใช้ไฟค่อนข้างแรงให้พอไก่เริ่มเปลี่ยนสีทั้ง 2 ข้าง จากนั้นก็ลดเป็นไฟอ่อน ปิดฝาทอดต่อไปให้สุกถึงข้างใน
4) พอไก่สุกดีแล้วก็นำมายองเนสที่เหลือกับ Citrus vinegar (ponzu) ลงไปคลุกให้เข้ากัน
5) โรยต้นหอมสับ เสร็จแล้วค่ะ ง่ายๆ

เมนูที่ 2 นี่เลย... แตงกวากับสาหร่าย wakame หมักน้ำส้มสายชู


วัตถุดิบ

แตงกวา 1 ลูก
สาหร่าย wakame 20 กรัม (จริงๆก็กะๆเอาตามชอบ)
ขิงบด เล็กน้อย




เครื่องปรุง

น้ำส้มสายชู 1 ช้อนโต๊ะ
น้ำสต๊อคญี่ปุ่น (dashi) 1 ช้อนโต๊ะ
โชยุ 1 ช้อนโต๊ะ

แตงกวานี่คนญี่ปุ่นนำมาดองมาหมักกันเยอะ จะเอามาฝานบางๆแบบเมนูนี้ หรือหั่น (หัก) เป็นท่อนใหญ่ๆเอาไปคลุกกับเกลือทิ้งไว้ เก็บไว้ทานได้เป็นอาทิตย์
เคล็ดลับของเมนูนี้คือ อย่าทำทิ้งไว้นะคะ หมักแตงกวากับเกลือทิ้งไว้ก่อน แล้วค่อยเอาไปผสมเครื่องปรุงอื่นๆก่อนหน้าที่จะเสิร์ฟ

วิธีทำ
1) นำแตงกวาไปคลุกกับเกลือ ขยำทิ้งไว้ซักพัก พอแตงกวาเริ่มสลดก็บีบเอาน้ำเกลือออก (ทำจำนวนมากแล้วเก็บใส่ตู้เย็นไว้ก็ได้)
2) สาหร่าย wakame เราใช้แบบแห้ง ก็ต้องเอาไปแช่น้ำซะก่อน ถ้าเอาไปแช่ในน้ำร้อนแป๊บเดียวก็คืนตัวแล้วค่ะ
3) นำแตงกวาที่หมักได้กับสาหร่าย wakame มาผสมลงชามเดียวกัน
4) ผสมน้ำส้มสายชู, น้ำสต๊อคญี่ปุ่น (dashi) กับโชยุเข้าด้วยกัน แล้วเทไปในชามสาหร่ายเลยค่ะ
5) ผสมให้เข้ากัน ตักขึ้น ตกแต่งด้วยขิงบดเล็กน้อย ง่ายแสนง่าย....

เมนูที่ 3 วันนี้ทำเยอะจัง > <... ข้าวผสมถั่วแระ


เป็นข้าวไทยคงไม่อร่อย แนะนำให้ใช้ข้าวญี่ปุ่นน่าจะดีกว่านะคะ
แต่เราไม่ได้ทำเต็มสูตร มันต้องใส่อะไรเยอะแยะมากมาย ทำง่ายๆนี่แหล่ะค่ะ

วัตถุดิบ

ข้าวสวยญี่ปุ่น 2 ถ้วย
ถั่วแระ 250 กรัม

เครื่องปรุง

สาเก 1 ช้อนโต๊ะ
โชยุ 1/2 ช้อนชา
เกลือ นิดหน่อย


วิธีทำ
1) นำถั่วแรกไปคลุกกับเกลือ ถูๆให้ขนอ่อนบนเปลือกถั่วแระหลุดไป ทิ้งไว้สักครู่
2) ระหว่างนี้ก็ต้มน้ำให้เดือด ใส่เกลือ นำถั่วแระ (ไม่ต้องล้างเกลือออก) ลงต้ม
3) ต้มประมาณซัก 4 นาทีพอนะคะ เอาขึ้นสะเด็ดน้ำ พักให้เย็น
4) แกะเปลือกออก ถั่วแระนี่จะมีเมือกเขียวๆหุ้มเมล็ดอยู่อีกที ถ้าใครไม่ชอบก็อย่าลืมเอาออกด้วยนะคะ เพราะมันค่อนข้างย่อยยาก แต่ก็เสียเวลาพอดู
5) จากนี้ก็ง่ายแ้ล้วค่ะ เอาเครื่องปรุงทั้งหมดลงคลุกกับข้าว แล้วนำถั่วลงไปคลุกอีกที เสร็จแล้ว

หน้าตาอาหารวันนี้ค่ะ





 

Create Date : 07 กันยายน 2552    
Last Update : 12 กันยายน 2552 11:21:26 น.
Counter : 1275 Pageviews.  

Chikuzen-ni


筑前煮

(Chikuzen-ni)



มีใครรู้จักอาหารจานนี้กันบ้างเอ่ย อาหารญี่ปุ่นที่หาทานไม่ได้ตามร้านอาหาร ทั้งๆที่อร่อยแถมยังมีประโยชน์ต่อสุขภาพอีกต่างหาก

เมนูนี้เป็นเมนูแรกที่คนข้างๆบอกว่าให้ทำให้กินหน่อย เกิดมาอย่าว่าแต่ชื่อ หน้าตาท่าทางมันเป็นยังไงก็ยังไม่รู้จะให้มาทำให้กิน

แต่พอลองทำจริงๆแล้วไม่ยากเลย เราเป็นคนที่ไม่เคยเข้าครัวมาก่อน พอเอาเข้าจริง ลองผิดลองถูก ปรับเปลี่ยนสูตรไปตามที่เราคิดว่า..อร่อย Chikuzen-ni ของจริงก็ยังไม่เคยกิน แค่ได้รับการคอนเฟิร์มจากลิ้นคนข้างๆว่า “อร่อยใช้ได้” ก็เลยอยากเอามาแบ่งปันกัน
คนที่อยู่เมืองไทยอาจจะหาวัตถุดิบยากหน่อย ลองดัดแปลงเอานะคะ

ทำไมถึงเรียกว่า Chikuzen-ni

เนื่องจาก Chikuzen-ni เป็นอาหารพื้นเมืองของจ.ฟุกุโอกะ ในแถบเขตที่เดิมเรียกว่า เขต Chikuzen ส่วน ni มาจากคำว่า niru แปลว่าต้มค่ะ แต่ปัจจุบันอาหารจานนี้ก็ได้กลายมาเป็นอาหารประจำบ้านของชาวญี่ปุ่นไปทั่วประเทศ

วัตถุดิบ


เนื้อไก่ (เนื้อน่อง) 200 กรัม
แครอท 1 หัว
รากบัว 5 ซ.ม.
เห็ดหอม 4 ดอก
หน่อไม้ต้ม 1 หน่อเล็ก
รากโกโบ 15 ซ.ม.
หัวบุก 1/2 ชิ้น
ถั่วแขก หรือถั่วฝักยาว 6 ฝัก

** แต่ที่ทำคราวนี้นี่ไม่ใส่ทั้งรากโกโบและหัวบุกนะคะ ตามใจคนกินเป็นหลัก ส่วนถั่วแขกนี่เนื่องจากมาใส่ทีหลังเลยลืมถ่ายรูปไว้ รูปข้างบนไม่มีสีเขียวเลยดูเหงาๆชอบกลนะเนี่ย > <


เครื่องปรุง

น้ำสต๊อคญี่ปุ่น (dashi) 1.5 ถ้วย
(ถ้าใช้เห็ดหอมแห้งจะเอาน้ำที่ได้จากการแช่เห็ดมารวมด้วยก็ได้)
น้ำตาล 2 ช้อนโต๊ะ
สาเก 2 ช้อนโต๊ะ
โชยุ (ซีอิ๊วญี่ปุ่น) 2 ช้อนโต๊ะ
Mirin 2 ช้อนโต๊ะ


ลงมือทำเลยค่ะ
1) หั่นไก่เป็นชิ้นเล็กๆ หมักเตรียมไว้ (ใส่โชยุกับสาเก สัดส่วนนี่ไม่ได้รวมอยู่ในสูตรข้างต้นนะคะ)
2) หั่นวัตถุดิบอื่นๆเตรียมไว้ให้มีขนาดเท่าๆกัน เวลาสุกจะได้สุกพร้อมๆกัน
* รากบัว หั่นแล้วนำไปแช่ในน้ำผสมน้ำส้มสายชู
* เห็ดหอม ถ้าใช้เห็ดหอมสดก็หั่่นเป็นชิ้นพอดีคำได้เลย แต่ถ้าเป็นเห็ดหอมแห้งให้นำไปแช่ในน้ำก่อนให้นิ่ม เก็บน้ำที่ได้จากการแช่เห็ดหอมไว้
* รากโกโบ ใช้สันมีดขูดผิวออก หั่นพอดีคำ แช่น้ำ
* หัวบุก นำไปลวกก่อนแล้วค่อยนำมาหั่นนะคะ


3) ตั้งกระืทะใส่น้ำมันเล็กน้อย เอาไก่ใส่ (เอาด้านที่เป็นหนังใส่ลงไปก่อน)


4) พอหนังไก่เริ่มสุก เทน้ำมันส่วนเกินออก แล้วใส่วัตถุดิบทั้งหมดลงไป คลุกให้โดนน้ำมันทั่วๆ


5) ใส่น้ำสต๊อคญี่ปุ่น (dashi) กับน้ำที่ได้จากการแช่เห็ดหอมลงไป พอเดือดช้อนฟองออก
6) ใส่น้ำตาล สาเก โชยุ ปิดฝาต้มไฟปานกลางไปประมาณ 20 นาที หรือจนกระทั่งน้ำระเหยไปเหลือเพียง 1/4 จากเดิม
7) ใส่ Mirin เร่งไฟแรง คนให้ทั่ว (เพื่อให้อาหารดูมันมีประกายน่าทาน) ปิดไฟ
8) ถั่วแขกให้ลวกก่อนจะเสิร์ฟ ไม่งั้นถ้าทำทิ้งไว้แล้วเอาไปอุ่นอีกที จะไม่ได้สีเขียวสวยนะคะ
ดึงเส้นใยออกก่อนแล้วนำไปลวกในน้ำเดือด จากนั้นนำลงไปแช่ในน้ำเย็น หั่นเป็นชิ้นเล็กๆ โรยหน้าก่อนเสิร์ฟค่ะ


เสร็จแล้วค่ะ




 

Create Date : 03 กันยายน 2552    
Last Update : 13 กันยายน 2552 21:55:04 น.
Counter : 1114 Pageviews.  

1  2  3  

HappyToBeMe*
Location :
Shizuoka Japan

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 5 คน [?]




เรียนเอกญี่ปุ่น ทำงานบริษัทญี่ปุ่น แต่งงานกับคนญี่ปุ่น มาใช้ชีวิตอยู่ที่ญี่ปุ่น บางช่วงก็เกลียดญี่ปุ่นเข้าไส้ บางช่วงก็รักใจจะขาด ไม่นึกว่าญี่ปุ่นจะมายุ่งเกี่ยวกับชีวิตมากมายขนาดนี้เลยนะเนี่ย

เพื่อการอ่านหน้าบล็อคให้ได้ตามความตั้งใจของจขบ. ลองดาว์นโหลดฟอนต์ดู ที่นี่ เลยค่ะ
ขอขอบคุณคุณ iannnnn มากๆที่สร้างสรรค์ฟอนต์สวยๆให้ได้ใช้กันนะคะ

**สงวนลิขสิทธิ์ ตามพระราชบัญญัติลิขสิทธิ์ พ.ศ. 2539 ห้ามผู้ใดละเมิด ไม่ว่าการลอกเลียน หรือนำส่วนหนึ่งส่วนใดของรูปภาพ และ ข้อความใน blog แห่งนี้ไปใช้ ทั้งโดยเผยแพร่และเพื่อการอ้างอิง โดยไม่ได้รับอนุญาตเป็นลายลักษณ์อักษร จะถูกดำเนินคดี ตามที่กฏหมายบัญญัติไว้สูงสุดนะคะ**

New Comments
Group Blog
 
All Blogs
 
Friends' blogs
[Add HappyToBeMe*'s blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.