Philippines
Chocolate Hills in Bohol Island
ตกบ่ายเรา 2 คนกลับมา Check out กันให้เรียบร้อย จากนั้นก็เรียกแท็กซี่ไปท่าเรือกันเลย แท็กซี่ที่นี่ไม่ค่อยยอมกดมิเตอร์กันเท่าไหร่เลยค่ะ ก่อนขึ้นบอกเลยว่า กดมิเตอร์ด้วยนะ แต่ส่วนใหญ่จะไม่ยอม จะให้เราจ่ายตามราคาที่เค้าบอกท่าเดียว
เรียกแท็กซี่จากหน้าโรงแรม พี่ท่านบอกราคามา 300 เปโซ ....โอ้วไม่...... ไกด์บุ๊คดิชั้นบอกไว้ว่า 50 เปโซเท่านั้นไม่เกินนี้ พี่กะขับรถเที่ยวเดียวแล้วเลิกทำมาหากินไปทั้งวันเลยใช่มั๊ยเนี่ย...
...นี่ขนาดหน้าเป็นสาวฟิลิปปินส์ขนาดนี้ (ไปไหนโดนพ่นตากาล็อกใส่ตลอด ต้องปฏิเสธว่าดิชั้นพูดตากาล็อกไม่ได้... บางคนยังมีหน้ามาถามอีกว่า อ้าว..แล้วยูพูดอะไร พูด Cebuano ได้มั๊ย หรือว่าพูด Ilokano .... คือจะบอกว่า "ดิชั้นไม่ใช่ฟิลิปปินส์!!!!") ...นั่นแหล่ะ ก็ยังโดนโก่งราคา
ยื้อไปยื้อมาในที่สุดก็ยอมกดมิเตอร์ให้ แล้วรู้มั๊ยคะว่าราคามันเท่าไหร่ เรามาถึงที่หมายได้ด้วยราคาแค่ 40 เปโซนิดๆเท่านั้นค่ะ ราคาที่นี่พูดไม่ได้ว่า บวก ไปเท่าไหร่ แต่ต้องบอกว่า คูณ เพิ่มไปเท่าไหร่ซะมากกว่า
พูดถึงเรื่องเงินแล้วก็มีอีกอย่าง คนที่นี่ตั้งแต่แท็กซี่ สามล้อ ยันร้านอาหาร ไม่รู้เป็นอะไรชอบบอกว่าไม่มีตังค์ทอนกันทั้งนั้น หลายครั้งที่พยายามควานหาเศษมาจ่ายให้พอดีให้ได้ แต่ถ้าไม่มีจริงๆก็.....ซวยไป เหอๆ
พี่แท็กซี่ขับมาส่งเราที่ท่าเรือ แต่ก่อนจะเข้าไปยังท่าเรือต้องเสียค่าผ่านด่านซะก่อน 20 เปโซค่ะ อันนี้ไม่รู้เหมือนกันว่า เพราะเอารถเข้าไปเลยต้องจ่ายหรือว่ายังไง
จากตัวเมืองเซบุเราสามารถเดินทางไปเกาะ Bohol ได้หลายทางค่ะ แต่ที่นิยมกันก็คือนั่งเรือไปลงที่เมือง Tagbilaran
แต่จะใช้บริการบริษัทไหนก็ต้องเช็คให้ดีว่าเรือออกจากท่าเรือไหนด้วยนะคะ
หลักๆที่เค้าใช้กันก็จะเป็นเรือของบริษัท Super Cat ออกจากท่าเรือที่ 4 กับเรือของบริษัท Ocean Jet ออกจากท่าเรือที่ 1 ใช้เวลาพอๆกันคือประมาณ 1 ช.ม.ครึ่ง
ขาไปเราใช้ Super Cat กันค่ะ ราคา 500 เปโซ กับ Terminal fee อีก 25 เปโซ (รวมๆแล้วก็ประมาณ 370 บาท)
ขึ้นเรือที่นี่เหมือนนั่งเครื่องบินเลยค่ะ มีเลขที่นั่งตายตัว ผ่านด่าน Security หลายด่านมาก มีน้องหมามาดมจับพิรุธกันอีก แถมบนเรือยังมีสาธิตการใช้ชูชีพเหมือนบนเครื่องไม่มีผิด มีหนังฉายให้ดู เสียอยู่หน่อยก็ตรงที่ไม่มีอาหารเสิร์ฟกับเบาะปรับเอนไม่ได้ (จ่าย 300 แต่จะเอาบริการพันนึง 55)
ถึงแล้วค่ะเมือง Tagbilaran ก่อนจะไปยังจุดหมายของเราในวันนี้ เราให้พี่สามล้อพาเราไปยัง Tourist Information Center ในตัวเมืองกันก่อน
สามล้อที่นี่เป็นมอร์เตอร์ไซค์ทำหลังคาครอบแล้วเพิ่มล้อเข้าไปอีกล้อเท่านั้นค่ะ เพราะฉนั้นถ้ามอร์เตอร์ไซค์คันไหนเครื่องไม่แรงพอ แต่ต้องมารับมือกับผู้โดยสาร 2 คน พร้อมกระเป๋าเดินทางหนักอึ้งอีก 2 ใบ ...ถึงขึ้นขี่ไม่ไปกันเลย ยิ่งช่วงขึ้นเนินนี่ยิ่งสงสารมอร์เตอร์ไซค์มากมาย
พี่สามล้อที่ท่าเรือนี่เรียกเราตั้ง 60 เปโซ แถมจะเปลี่ยนใจไปเรียกคันอื่นก็ไม่ได้ ที่นี่ทำงานกันเป็นทีมค่ะ คันไหนๆที่จอดอยู่ตรงนั้นก็เรียกราคาเดียวกันหมด > <
แถมขับไประหว่างทางยังมีหน้ามาบอกว่า วันนี้ Tourist Information เค้าไม่ทำการนะ มันวันหยุด ยูต้องการจะไปไหนล่ะ เดี๋ยวขับไปส่งให้
เฮ้ย!! ทำไมพี่ไม่บอกซะตั้งแต่ตอนก่อนจะขึ้นรถมาล่ะวะคะ (เริ่มหยาบคาย 55)
...พอเราถามว่าถ้าไป Chocolate Hills คิดเท่าไหร่
....รู้มั๊ยคะว่าเค้าเรียกเท่าไหร่ 3,000 เปโซค่ะ 3,000!!!!! แถมยังมีหน้ามาบอกอีกว่า 3,000 นี่ราคา 2 คนนะ ไม่ใช่ราคาต่อคน ...แล้วมันมีสามล้อแท็กซี่ประเทศไหนเหรอที่คิดราคาต่อหัวน่ะ ไม่ใช่รถเมล์นะพี่ - -"
เราสองคนเลยตัดสินใจว่าถึง Tourist Information จะปิด ก็ขอลงในตัวเมืองเนี่ยแหล่ะ (ปิดจริงรึเปล่าก็ไม่รู้) เพราะดูท่าพี่ท่านช่างขูดเลือดขูดเนื้อเหลือเกิน
"เดี๋ยวไอพายูไปเอง"
"ไม่ เราจะลงที่นี่ !"
"หรือยูอยากได้ที่พักล่ะ นี่ก็เย็นแล้ว แล้วค่อยไป Chocolate Hills วันพรุ่งนี้"
"ไม่ เราจะลงที่นี่ ! เดี๋ยวนี้ ! Stop stop stop STOP!!"
...เฮ้อ..จะรอดมั๊ยเนี่ย
เหมือนหนีเสือปะจระเข้ ลงจากสามล้อ ก็เจอสามล้อเรียกอีก > < แล้วไม่ได้เรียกแค่คันเดียว ทีนี้มากันเป็นสิบ
"ไปไหน... Chocolate Hills ?"
"ไม่ !"
"ไปไหน... Hotel ?"
"ไม่ !"
นั่นคือคำตอบในใจนะคะ... แต่คำพูดที่ออกไปนี่ "No, thank you" พร้อมด้วยรอยยิ้มพิมพ์ใจ ...กลัวโดนรุมไม่ใช่อะไร 55 แถมถ้าเราไม่ทำท่าเป็นศัตรู เรายังจะได้ข้อมูลอะไรดีๆจากคนเหล่านี้อีกด้วย
...เราลองถามคนแถวนั้นดูทั้งแม่ค้า แท็กซี่ สามล้อ ยาม... ไม่มีใครรู้เลยว่าไอ้เจ้า Tourist Information เนี่ยมันอยู่ส่วนไหนของเกาะ นี่ไม่ได้เดินถามนะคะ ถามแค่พี่สามล้อคนเดียวเนี่ยแหล่ะ แต่พี่ท่านตะโกนถามคนทั้งถนนให้ ว่ามีใครรู้จักบ้างมั๊ย 555 แต่คำตอบก็คือ ไม่
เราเลยลองดูตามแผนที่กันเอง ก็ไปเจอกับตึกที่ดูเหมือนจะปิดร้าง ไม่ใช่แค่ปิดทำการ เลยต้องถอดใจ มุ่งหน้าต่อไปยัง Chocolate Hills เลยแล้วกัน
เราเรียกสามล้อจากในตัวเมืองไปยังสถานีรถบัส Dao Bus Terminal ค่ะ ....รู้มั๊ยคะว่าเค้าเรียกเราเท่าไหร่ ....40 เปโซเท่านั้นค่ะ 40 เปโซกับระยะทางที่ไกลมากกกกกก ไกลกว่ามาจากท่าเรือหลายกิโลเลย ตอนลงยังอยากจะเพิ่มตังค์ให้ด้วยซ้ำ
จาก Dao Bus Terminal เราเรียกรถบัสเพื่อนั่งต่อไปยังจุดหมายปลายทางของเรา
ยังไม่ได้จ่ายเงินพี่สามล้อเลย พี่รถบัสก็มายกกระเป๋าเราสองคนขึ้นรถไปแล้วเรียบร้อย
ขึ้นเลยๆ
รอแป๊บ ยังไม่ได้จ่ายตังค์เลย
ขึ้นเลยๆ
...เออ !! รู้แล้ว ...และแน่นอนว่า นั่นคือคำพูดที่คิดอยู่ในใจ แต่ที่หลุดออกไปคือ Just a moment พร้อมด้วยรอยยิ้มพิมพ์ใจเช่นเคย ^ ^
ทีแรกก็นึกว่าเร่งให้เราขึ้นเพราะนานๆจะมีคนต่างชาติหลงมาเข้าปากซักทีรึเปล่า (ส่วนใหญ่คนอื่นเค้าเหมารถตู้ เหมาทัวร์กันไป มีเราสองคนเนี่ยแหล่ะค่ะ ชอบเที่ยวแบบชาวบ้าน ...ประเด็นคือ ไม่มีตังค์ 55)
แต่ดูท่าแล้วไม่ใช่เลยค่ะ พี่คนขับรถแกซิ่งมากกกกก คนยังไม่ลงจากรถดีพี่แกก็ออกตัวซะแล้ว คนขึ้นรถมา...เด็กรถคว้ากระเป๋าหรือไม่ก็สัมภาระของคนนั้นก่อนเลย เจ้าตัวจะได้ใช้ 2 มือจับราวได้ เพราะแค่เหยียบบันไดเท่านั้น รถก็พุ่งพรวด
นึกถึงรถเมล์เล็กบ้านเราไว้ค่ะ อย่างนั้นเลย ระหว่างทางผู้โดยสารเจ้าถิ่นยังมีกรี๊ดบ้างเป็นระยะๆ อย่างกับนั่งเครื่องเล่นในสวนสนุก ...แต่ดิชั้นไม่สนุก นั่งขาจิกมือจับราวขนาดนี้... เครียดนะเนี่ย
แต่ที่แน่ๆเด็กรถดูมีน้ำใจดีค่ะ หาที่นั่งให้ผู้โดยสารตลอด ไม่มีใครต้องยืน แต่พี่คนขับนี่น่าจะเอาดีด้าน Racer ไกด์บุ๊คบอกว่าเราต้องใช้เวลาประมาณ 2 ช.ม.ถึงจะถึง Chocolate Hills ...แต่ด้วยฝีมือของพี่คนขับคนนี้ เราถึงได้ด้วยเวลาเพียง 1 ช.ม.นิดๆเท่านั้น พระเจ้า !!!
ส่วนราคาค่าโดยสารก็อยู่ที่ 55 เปโซต่อคนเท่านั้นค่ะ ...ดีนะที่ไม่หลงไปกับ 3,000 ของเจ้าสามล้อหน้าเลือดนั่น
ถึงแล้วค่ะ ทางเข้า Chocolate Hills จากปากทางต้องนั่งมอเตอร์ไซค์ขึ้นไปด้านบนค่ะ ราคาประมาณ 20 เปโซ (จริงๆมันคงได้ถูกกว่านี้แหล่ะ แต่ไม่รู้ว่าต้องเป็นเท่าไหร่) ขับขึ้นไปประมาณ 5 นาทีก็ถึง แต่ก่อนจะถึง ต้องเสียเงินค่าเข้า Chocolate Hills ก่อน คนละ 50 เปโซ
คืนนี้เราจะพักที่นี่กันค่ะ ในบริเวณนี้มีที่พักแห่งนี้เพียงแห่งเดียว แต่มีห้องพักให้เลือก 3 ราคา 400, 800 และ 1,200 เปโซ
ที่เห็นข้างบนนี่ราคา 1,200 เปโซ (ประมาณ 850 บาท) มีน้ำร้อน น้ำอุ่น อ่างอาบน้ำ แอร์พร้อม ...แต่ตอนแรกเราไม่ได้เข้าพักที่ห้องนี้หรอกนะคะ เราเลือกห้องราคา 800 เปโซ มีทุกอย่างเหมือนห้อง 1,200 ไม่มีก็แต่อ่างอาบน้ำเท่านั้น เป็นแค่ฝักบัวธรรมดา ฟร้อนต์โรงแรมเค้าอธิบายแค่นั้นจริงๆ
แต่พอเปิดห้องเข้าไป เจอกับสภาพที่แบบ..... แย่กว่านี้มีอีกมั๊ย !! ลืมภาพห้องข้างบนไปเลยนะคะ ห้องนี้นี่มุ้งลวดเ็ป็นรูิ แมลงทั้งหลายบินกันให้ว่อน ห้องน้ำล็อคไม่ได้ แถมจะปิดประตูให้สนิทก็ยังทำไม่ได้ ชักโครกมีแต่ตัวโถ แต่ใช้ระบบเอาน้ำราด แต่ถังรองน้ำดันแตก ต้องใช้กระบวยรองจากก๊อกโดยตรง ฝักบัวไหลเท่าฉี่มด โอ้.....พระเจ้า แน่ใจเหรอว่าราคาต่างกันแค่ 400 เปโซ ไม่อยากจะจินตนาการว่าถ้าห้อง 400 เปโซ มันจะแย่ขนาดไหน
ทำใจไม่ได้ค่ะ... เลยขอเขาดูห้อง 1,200 เปโซซะหน่อย จะได้ตัดสินใจถูกว่าจะเอายังไงกันต่อไป ...ก็ได้เจอกับห้องตามรูปด้านบน ช่างต่างกันราวสวรรค์กับนรก ...โชคดีจริงๆที่ไหวตัวทัน
ก่อนจะเย็นย่ำค่ำมืด ไปเดินชมทิวทัศน์ของ Chocolate Hills กันหน่อยดีกว่าค่ะ
ทิวทัศน์สวยงามแปลกตาของเขาทั้งสิ้นพันกว่าลูก ... Chocolate Hills ทำไมถึงเรียกว่า Chocolate Hills... ก็เพราะพอเข้าหน้าแล้ง หญ้าบนเขาจะแห้งกลายเป็นสีน้ำตาล ทำให้มองดูเหมือนช็อกโกแลตยี่ห้อ Kisses นั่นเองค่ะ
กลุ่มเขาเหล่านี้เป็นเขาหินปูนที่มีซากฟอสซิลพวกสาหร่าย หอย ปะการังน้ำตื้นหลงเหลืออยู่เป็นจำนวนมาก แต่ก็ยังไม่รู้ที่มาอย่างแน่ชัดว่าเขาเหล่านี้ถือกำเนิดขึ้นมาได้อย่างไร
ที่นี่มีนักท่องเที่ยวจากต่างแดนไม่มากนัก ส่วนใหญ่จะเป็นเจ้าบ้านชาวฟิลิปปินส์เองซะมากกว่า ร้านอาหารก็มีอยู่ร้านเดียว คือร้านของโรงแรมนั่นแหล่ะ่ค่ะ
มื้อเย็นของเราที่นี่ อาหารส่วนใหญ่หน้าตาก็คล้ายๆอาหารจีน อาหารไทยนี่แหล่ะ แต่รสชาติอาจจะไม่ใช่... ที่ติดใจมากที่สุดก็นี่เลยค่ะ Adobo เนื้อหมู หรือเนื้อไก่ตุ๋น กินมาหลายร้านแล้ว ยังไม่มีพลาด ส่วนอย่างอื่นก็...แค่พอกินได้
บรรยากาศโรแมนติคยามค่ำคืน อากาศดีเลยทีเดียวค่ะ รุ่งเช้า แพลนของเราวันนี้คือจะข้ามไปเกาะ Panglao เกาะเล็กๆทางใต้ของเกาะ Bohol ค่ะ แต่กว่าจะมาถึง Bohol กันได้ นั่งเรือนั่งรถมาไกลซะขนาดนี้ ก็ขอเที่ยวตัวเกาะให้คุ้มกันก่อน
โบสถ์ระหว่างทาง Bilar Church สร้างขึ้นในปี 1831 และบ้านเรือนของชาวบ้านในละแวกนั้นค่ะ
ที่นี่มีบ้านที่ทำด้วยไม้้ไผ่ให้เห็นอยู่ประปรายตลอดทาง บางบ้านสานได้สวยมากกกก ไม่รู้ต้องหลังขดหลังแข็งสานกันกี่วันถึงจะได้เข้าไปอยู่
เรานั่งรถจาก Chocolate Hills มาลงที่ Loboc เพื่อตามหาลิงตาโตที่มีขนาดเล็กที่สุดในโลกค่ะ ลิงขี้อายตาโตตัวนี้ เรียกว่าลิง Tarsier ตอนแรกนึกว่าจะเห็นตัวเป็นๆได้ยาก แต่ที่ไหนได้ ลงรถมาปุ๊บ ถามคนแถวนั้นปั๊บ ก็เจอกับลิงหน้าตาท่าทางสงบเสงี่ยมเจียมเนื้อเจียมตัวเกาะอยู่บนต้นไม้ ที่ไม่มีกรงล้อมรอบ
Tarsier เป็นลิงขี้อายสมคำร่ำลือค่ะ รูปนี่ถ้าถ่ายไกลๆจะหันหน้ามาให้ถ่ายแต่โดยดี แต่ไม่สบตานะคะ พอเอากล้องเข้าไปใกล้ๆจะค่อยๆเบือนหน้าหนี จนในที่สุดคนถ่ายก็หมดความพยายามไปเอง
หลังจากทักทายเจ้าลิงน้อยได้ซักพัก ก็นั่งมอเตอร์ไซค์เข้าไปที่ตัวเมือง Loboc ค่ะ ตอนแรกว่าจะนั่งเรือชมวิวแม่น้ำ Loboc ซักหน่อย แต่พอเอาเข้าจริงไป-กลับ 2 ชั่วโมง ...เลยตัดสินใจหาอาหารกลางวันกินกันแถวนั้น แล้วจะได้มุ่งหน้าออกจากเกาะกันเลย
แม่น้ำ Loboc สีสวยเชียวค่ะ
อาหารมื้อที่อร่อยที่สุดในฟิลิปปินส์ และแน่นอนว่าเป็นมื้อที่แพงที่สุดเช่นกัน ...จากที่นี่ เจ้าของร้านให้กระเป๋าสานมาฟรีหนึ่งใบ ...และแล้วรอยยิ้มพิมพ์ใจก็เป็นผล ^ ^
ระหว่างรอเรียกรถไปยังท่ารถ Dao Bus Terminal ที่นี่มีโบสถ์ที่เก่าแก่เป็นลำดับที่สองของเกาะ Bohol ด้วยค่ะ ชื่อ Loboc Church ของเดิมสร้างขึ้นในปี 1602 แต่ก็พังทลายลง จึงต้องสร้างขึ้นใหม่ในปี 1638
เห็นโบสถ์แล้วชวนให้เดินเข้าไปหามากกกก แต่ว่าแดดมีอิทธิพลในการตัดสินใจมากกว่า แค่ยืนรอรถยังหงุดหงิด จะให้เดินไปดูโบสถ์เนี่ยนะ..... แล้วพอกลับมาก็มานึกเสียดาย > < (รักจะเที่ยวไม่ควรขี้เกียจจริงๆ)
หลังจากรอได้ประมาณครึ่งช.ม.รถบัสที่จะมุ่งหน้าไป Dao Bus Terminal ก็มาถึง รอบนี้ไม่เสียวเหมือนขามา ขับชิลล์ๆเรื่อยๆ สบายใจคนขับ สบายอารมณ์ผู้โดยสารดีค่ะ
พอลงรถบัส เราก็นั่งสามล้อเพื่อต่อไปยังเกาะ Panglao คิดราคาที่ 280 เปโซค่ะ ทีแรกก็คิดว่าแพง (แต่เราไม่มีแรงจะต่อราคา) แต่พอเอาเข้าจริง ไกลได้ใจมากกกกกก ตอนแรกนึกว่าจะโดนพาเอาไปขายซะแล้ว
ถึงแล้วค่ะ Alona Beach เกาะ Panglao ดูรูปทะเลแรกที่ฟิลิปปินส์เรียกน้ำย่อยกันไปก่อนนะคะ ^ ^ |
Create Date : 07 เมษายน 2553 | | |
Last Update : 7 เมษายน 2553 11:12:47 น. |
Counter : 3212 Pageviews. |
| |
|
|
|
|
| |
|
|