Group Blog
 
All blogs
 
ทางออกอันหดหู่ของมนุษยชาติ

นอกจากเรื่อง ชีวิตของกรรมกรและแท็กซี่ที่ผมได้เล่าไปเมื่อวานแล้ว ผมยังได้มีโอกาสได้อ่านงานวิจัยเรื่อง "กระบวนการทำให้เป็นหมอนวด" และ "ชีวิตคนไร้บ้าน" ซึ่งทั้งสองเล่มเป็นงานวิจัยด้านมานุษยวิทยา ซึ่งเน้นแนวทางการวิจัยแบบมีส่วนร่วม (คือผู้ทำวิจัยเข้าไปสังเกตและใช้ชีวิตอยู่กับกลุ่มคนที่ต้องการศึกษาเป็นเวลานาน)

งานวิจัยชิ้นแรกพูดถึงชีวิตหมอนวด ในสถานอาบอบนวดในกรุงเทพแห่งหนึ่ง ในขณะที่งานวิจัยชิ้นที่สองพูดถึงชีวิตของคนจรจัด คนไร้บ้าน แถวสนามหลวง

งานทั้งสองล้วนแต่นำเสนอข้อมูลว่า เพราะเหตุไร จึงมีคนบางกลุ่มต้องตกอยู่ในสภาพถูกกดขี่ข่มเหง และไม่มีโอกาสปีนป่ายข้ามกำแพงแห่งชนชั้น --- ซึ่งคำตอบง่ายๆ ของชนชั้นกลางที่หลายครั้งก็เอาเปรียบและขูดรีดคนเหล่านี้ ก็คือ "เพราะคนเหล่านี้ ด้อยการศึกษา มักง่าย และโง่"

รายงานฉบับนี้ เขียนว่าในประเทศไทยมีโสเภณีในทุกรูปแบบรวมกันราวมากกว่า 2 แสนคน และทำเป็นธุรกิจที่มีรายได้ราว หนึ่งแสนห้าหมื่นล้านบาทต่อปี (ราว 3% ของ gdp)

เมื่อคำนึงถึงว่า ผู้หญิงทุกคนต่างก็มีความฝันที่จะมีชีวิตครอบครัวที่ดี น้อยคนที่จะยอมแลกการให้บริการทางเพศกับเงินตรา หากเธอเหล่านั้นไม่ถูกข้อจำกัดทางสังคมบีบรัด มันจึงช่างขัดแย้งกับสามัญสำนึกว่าคนมากกว่า 2 แสนคน กระทั่งคนจน คนไร้บ้านทั้งหลาย จะมีปัญหามาจาก การด้อยการศึกษา มักง่าย และโง่ เหมือนกันหมด

น่าคิดอยู่ว่า แทนที่จะโทษเรื่องราวต่างๆ ง่ายๆ และปัดสวะให้พ้นไปจากความรับผิดชอบของคนในสังคมร่วมกัน น่าจะคิดว่ามีอะไรผิดปกติในสังคม จึงทำให้เกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นมา?

----


เมื่อมนุษย์ถือกำเนิดขึ้นมา และเริ่มมีจิตสำนึกรับรู้โลกต่างๆ ที่อยู่รอบตัวเราได้ เราก็พบว่าเราอยู่ภายใต้สภาพแวดล้อม เช่น ตึก ราม บ้านช่อง หนังสือ วัฒนธรรม ฯลฯ ที่ถูกสร้างขึ้นจากมนุษย์ผู้มีชีวิตอยู่อาศัยก่อนหน้าเรา และโดยอาศัยความก้าวหน้าทางวิทยาการก็จะเริ่มกลืนทัพสภาพแวดล้อมธรรมชาติมากขึ้นทุกที

นานวันเข้า สภาพแวดล้อมทั้งหลายเหล่านั้น ก็เริ่มมีอิทธิพลเหนือความคิดและครอบงำจิตสำนึกของเรา

แต่อย่างไรก็ตาม, ตัวเราเองเมื่อเข้าใจสภาพแวดล้อมต่างๆ ว่าเป็นเพียง "สิ่งที่ถูกสร้างขึ้น" จากมนุษย์ผู้อื่น เราก็ย่อมสามารถสร้าง "สิ่งแวดล้อมใหม่" ภายใต้จินตภาพของเรา และสภาพแวดล้อมสิ่งที่เราสร้างขึ้นใหม่นั้น ก็จะส่งผลกระทบต่อสามัญสำนึกของ มนุษย์ผู้อื่นได้อีกทอดหนึ่งเช่นกัน (แต่การสร้างสภาพแวดล้อมขึ้นใหม่ ก็มีข้อจำกัดอยู่ว่าอยู่ภายใต้สภาพแวดล้อมแบบเก่า ซึ่งหลายครั้งต้องฟันฝ่า ต่อสู้ เอาชนะกันไป)

นี้คือใจความโดยย่อของ "วัตถุนิยมวิภาษ" (dialectic)

ในพื้นฐานด้านหนึ่ง เมื่ออารยธรรมของมนุษยชาติยังเยาว์วัย พวกเขาอธิบายสิ่งที่ธรรมชาติมีเหนืออิทธิพลของมนุษย์ ไม่ว่าจะเป็น ฟ้าผ่า, ไฟไหม้, แผ่นดินไหว, พายุ, น้ำท่วม, ภูเขาไฟระเบิด ว่าเป็น "สิ่งที่พระผู้เป็นเจ้า" สร้างขึ้น และ "พระเจ้า" นั้นมีตัวตนปรากฎอยู่จริง

ครั้นแล้ว ก็มีมนุษย์อยู่ส่วนน้อย ที่สามารถรวบรวมอำนาจเหนือกลุ่มคน และอ้างอาญาสิทธิ์และความชอบธรรม ว่าได้รับการแต่งตั้งจาก "พระเป็นเจ้า" เขาคนนั้นก็สามารถมีอำนาจเหนือ และครอบงำทั้งสังคม และสถาปนาตนเองเป็นกษัตริย์ ระบบขูดรีดแบบ ไพร่ ทาส ไปจนถึงระบบแบบศักดินา ก็ดำรงอยู่ท่ามกลาง "คำอธิบาย" และ "ความชอบธรรม" เช่นนี้

ตราบจนกระทั่งมีชนชั้นใหม่ สามารถหักโค่นชนชั้นผู้กุมอำนาจเดิม พวกเขาก็จะดัดแปลงสร้างสังคมแบบใหม่ และความชอบธรรมแบบใหม่ ตามจินตภาพของตนเอง ซึ่งแตกต่างไปจากจินตภาพเดิมของชนชั้นนำเก่า ที่กลายเป็นประวัติศาสตร์ไปแล้ว เพื่อดำรงคงการขูดรีดสังคมแบบใหม่ ที่นุ่มเนียนและสุภาพขึ้นกว่าเดิม

"เรื่องเล่า" ในเชิงประวัติศาสตร์ ที่อาศัยพื้นฐานแนวคิดจาก "วัตถุนิยมวิภาษ" ก็เรียกว่าเป็น "วัตถุนิยมประวัติศาสตร์"

สองประการนี้ เป็นอาวุธทางความคิดของเหล่ามาร์กซิสต์ และขับเคลื่อนผู้คน เข้าสู่เพลิงปฏิวัตินับสิบล้านคนทั่วโลก ในช่วงศตวรรษที่ 18 - 19

มาร์กซ์สรุปว่า "ประวัติศาสตร์ของมนุษย์นั้นคือการต่อสู้ เพื่อเปลี่ยนแปลงวิถีการผลิต"

วิถีการผลิตประกอบไปด้วย โครงสร้างส่วนล่าง (คือพลังการผลิตและระบบการขูดรีด --หรือความสัมพันธ์ทางสังคมในการผลิต) และโครงสร้างส่วนบน (เช่นระบบกฎหมาย ระบบการเมือง วัฒนธรรม อุดมการณ์ ที่กำกับโครงสร้างส่วนล่างให้ยอมรับการวิถีผลิต)

วิวัฒนาการทางสังคม เกิดขึ้นเพราะ ความขัดแย้งไม่ลงรอยกันระหว่าง โครงสร้างส่วนล่าง (ซึ่งมักมีพัฒนาการที่รวดเร็วกว่า) และโครงสร้างส่วนบน (ซึ่งมักมีลักษณะสถิตย์กว่า) ความขัดแย้งนี้จะทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงทางสังคมและเปลี่ยนแปลงวิถีการผลิตจากรูปแบบเดิมออกไป

----


เมื่อผมอ่านกระทู้ตามเว็บบอร์ดสำหรับนักเที่ยวกลางคืนหลายแห่ง ซึ่งก็มักจะเป็นการแนะนำกลเม็ดเคล็ดลับ ประสบการณ์เที่ยวกลางคืน สำหรับนักเที่ยวรุ่นใหม่ ทั้งความสุขทางเพศรส (ศัพท์เฉพาะเรียกว่า "ส่งการบ้าน") กลวิธีการเจรจาต่อรอง ไปจนถึง "ราคาค่าตัว" (ศัพท์เฉพาะเรียกว่า "ค่าเสียหาย")

แต่คงจะมีน้อยคนที่ทราบว่าธุรกิจค้าประเวณีของหมอนวด นั้นเป็นธุรกิจนอกกฎหมาย ผู้ใช้บริการอาจไม่ชำระเงินค่าบริการทางเพศนั้นก็ได้ เธอทั้งหลายจึงเสี่ยงต่อการถูกเบี้ยว "ค่าตัว" อยู่ตลอดเวลา (ในงานวิจัย ก็มีกล่าวถึงเรื่องการเบี้ยวค่าตัวไว้ด้วยเช่นกัน)

สังคมยุคใหม่จึงไม่เพียงแต่มีด้านมืด ในแง่ของการ "ขูดรีดกำลังแรงงาน" แต่ยังลุกลามไปถึงการขูดรีด ปลดเปลื้องมนุษย์ลงเป็นเพียง เครื่องมือให้บริการทางเพศอีกด้วย ซึ่งเรื่องเหล่านี้ก็มีความขัดแย้งต่อสถาบันครอบครัวอย่างโรแมนติค คือด้านหนึ่ง "เธอทั้งหลาย" ก็นำเอารายได้จากธุรกิจผิดกฎหมายเหล่านี้ ส่งเสียกลับไปเลี้ยงดูครอบครัวที่ต่างจังหวัด ในขณะที่ "ตัวพวกเธอเอง" ก็คาดหวังการสร้างครอบครัวที่ดีได้น้อยเต็มทน

ความเอารัดเอาเปรียบ และความไม่เท่าเทียมกันของสังคมเหล่านี้ จึงเป็นวัตถุดิบชิ้นงาม ให้ขบวนการเพื่อประชาชนยุคเก่า อย่าง "การเคลื่อนไหวของพรรคคอมมิวนิสต์" ในหลายประเทศเบ่งบานอย่างรวดเร็ว

ทั้งนี้โดยมีจุดมุ่งหมายที่โค่นล้มสังคมที่ขูดรีดกำลังแรงงานและความเป็นมนุษย์เยี่ยงนี้ เพื่อสร้างระบบ "เผด็จการของชนชั้นกรรมาชีพ" เพื่อโค่นล้มชนชั้นปกครองเก่าลง และสร้างสังคมในอุดมคติขึ้น

แต่ก็เป็นเรื่องโชคร้าย, ที่หลังการปฏิวัติของพรรคคอมมิวนิสต์ในหลายประเทศ กลับก่อให้เกิดการเข่นฆ่าประชาชนในชาติเดียวกัน และมิใช่การเปลี่ยนผ่านอย่างสันติ ดังเช่นตัวเลขดังต่อไปนี้


  • ผู้เสียชีวิตจากในโซเวียต (ค.ศ. 1917 - 91) : 62 ล้านคน
  • ผู้เสียชีวิตในช่วงปฏิวัติวัฒนธรรมจีน (ค.ศ. 1949 - ) : 35 ล้านคน
  • ผู้เสียชีวิตในช่วงการปกครองของเขมรแดง (ค.ศ. 1975 - 79) : 2 ล้านคน


มิหนำซ้ำ, ภายหลังการพังทลายของโซเวียต, รัสเซียหันกลับไปเดินตามระบอบทุนนิยมตลาดเสรี และในขณะนี้กลับก้าวเดินไปสู่เส้นทางของการควบคุมอำนาจแบบเบ็ดเสร็จเด็ดขาดโดยกลุ่มข้าราชการเคจีบีซึ่งเรืองอำนาจในสมัยโซเวียตเก่า ที่นับวันยิ่งกระชับอำนาจมั่นคงยิ่งกว่ายุคเดิมที่ผ่านมา

จีน, เวียดนาม ก็เริ่มเดินตามระบบทุนนิยม

คิวบา ประสบปัญหาค่าครองชีพราคาแพง ภาวะเงินเฟ้อ ต้องหารายได้จากการท่องเที่ยว (นักท่องเที่ยวจะแลกเปลี่ยนเงินในอัตราส่วนที่ราวกับถูกโขกสับ)

เกาหลีเหนือ ก็ประสบปัญหาด้านเศรษฐกิจ มีข่าวว่ามีเด็กอดอยากหิวโหย จำนวนมาก จนคิมแดจุงต้องใช้อาวุธนิวเคลียร์ข่มขู่ชาติตะวันตกเพื่อแลกกับการช่วยเหลือจากต่างประเทศ

เหล่านี้, เป็นผลจากการล่มสลายเป็นลูกโซ่ของ อุดมการณ์คอมมิวนิสต์ ที่ประสบความสำเร็จยึดระบอบการปกครองได้ ตามวิถี มาร์กซ์-เลนิน

ดูราวกับเป็นนิยายเศร้า ที่ชีวิตช่างไร้ความหวังอันใดเช่นนั้น.


Create Date : 07 กันยายน 2550
Last Update : 7 กันยายน 2550 19:01:57 น. 0 comments
Counter : 424 Pageviews.

ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
  *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 

ฮันโซ
Location :
กรุงเทพ Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 2 คน [?]




สหายสิกขา Lite version

สหายสิกขาตั้งคำถามกับการเป็นอยู่ของสรรพสิ่งตรงหน้า พร้อมกันนั้นก็เปิดรับแนวคิดของคำตอบในมุมมองที่แตกต่างอย่างเท่าเทียมกัน

สหายสิกขาจะมีความยินดียิ่ง หากคุณได้นำความรู้ที่ได้จุดประกายนี้ไปตีความต่อให้ลึกซึ้งยิ่งๆขึ้น เพราะยิ่งแลกเปลี่ยนยิ่งถกเถียงยิ่งสนทนาก็สามารถแตกประเด็นไปอีกได้มาก

สหายสิกขาต้องการกระตุ้นให้คนอ่านได้คิด และสัมผัสถึงขอบเขตที่ไม่สิ้นสุดแห่งจินตนาการ

พร้อมกันนั้นสหายสิกขา ก็พร้อมอยู่เป็นเพื่อนคู่คิด เพื่อนสนทนา เพื่อจับมือกันเรียนรู้ไปในโลกกว้าง ...ด้วยกัน

CC Developing Nations
Friends' blogs
[Add ฮันโซ's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.