Group Blog
วันวานของหนู
เที่ยวไปตามใจฝัน
ฮานิส กับวันสบายๆ
หน้านี้ขอแม่นะ โชว์ผลงานภาพประทับใจ
ไม่มีอะไรสำคัญสำหรับเจ้า เท่า \"การศึกษา\"
Waldorf Education
ครึ่งหนึ่งของชีวิต
All Blogs
เรื่องของเด็ก ป.1
ดิน...น้ำ...ลม...ไฟ....อะไรที่เจ้าเป็น_Choleric
ดิน...น้ำ...ลม...ไฟ....อะไรที่เจ้าเป็น_Sanguine
ดิน...น้ำ...ลม...ไฟ....อะไรที่เจ้าเป็น_Phlegmetic
"การให้" พลังที่ไม่เคยหมด
ดิน...น้ำ...ลม...ไฟ....อะไรที่เจ้าเป็น_Melancholic
เรื่องนี้ "สวนกระแส"
เรา....หรือใคร.....
แล้วบางสิ่งก็เปลี่ยนไป
ความกลัว.....กับดักของพ่อแม่
จังหวะที่เสียศูนย์ กับบางสิ่งที่สูญเสีย
ห้องสอบ NT ของนักเรียนวอลดอร์ฟ
เรื่องของ "พี่นนท์"
ปลายทางของการศึกษา
งานสีน้ำของหนู
นิทาน : ภาพลักษณ์กับความหมายที่แฝงเร้น
จังหวะนั้น สำคัญฉะนี้
งานหัตถกรรม
ของเล่นของหนู
การศึกษาอันใกล้ของหนู
ไม่ดูทีวี
สำหรับหนู งาน = เล่น และ เล่น = งาน
อารมณ์ของผู้ใหญ่
เลี้ยงลูกอย่าง "วอลดอร์ฟ"
การศึกษาที่แม่คิดว่า..."ผิดทาง"...
เรื่องนี้ "สวนกระแส"
วันนี้แม่อาจจะมาแนววิชาการซักนิดนึง พอดีมีเรื่องจุดประกาย จุดอยู่ทุกวัน นานมาแล้ว ทีแรกแม่ว่าจะไม่เขียนเรื่องนี้ เพราะรู้สึกว่ามัน สวนกระแส มากซักนิด แต่ถ้าไม่ได้เขียนเรื่องนี้ในเร็ววัน blog นี่ก็คงเหมือนขาดอะไรไป..... เอาเป็นว่า เรื่องนี้เป็นเรื่องระหว่างแม่กับลูกแล้วกันนะ ถ้าหนูโตขึ้นแล้วมีคำถามนี้กับแม่ แม่จะบอกให้หนูกลับมาอ่านคำตอบใน blog นี้.....ว่าไปนั่น
มีพ่อแม่จำนวนมากที่เป็นห่วงเรื่องการพัฒนาสมองของลูก พ่อแม่จำนวนมากตั้งคำถามว่า เขาจะทำอย่างไรเพื่อพัฒนาสมองของลูกให้คิดเก่งๆ ต่างสรรหาอุปกรณ์ ของเล่นเสริมพัฒนาการ เสริมเชาน์ ทำให้คิดเก่ง คิดเป็น วิเคราะห์เป็น ซึ่งของที่ว่าเหล่านี้ก็รวมไปถึง เกมส์คอมพิวเตอร์ หรือเกมส์ในรูปแบบอื่นๆ ที่เชื่อกันว่าเป็นเกมส์สำหรับฝึกพัฒนาทักษะด้านความคิด และการวิเคราะห์ แก้ปัญหา......
ฟังดูก็คงไม่ใช่เรื่องเสียหายอะไรที่พ่อแม่จะพยายามสรรหาสิ่งเหล่านี้มาเพิ่มพูน พัฒนาศักยภาพ ทางสมอง ของลูก.......แต่มันก็มีความจริงอยู่ข้อหนึ่งที่สำคัญมาก และแม่ก็เรียนรู้มันมาจากการศึกษาที่โรงเรียนของลูก.....
เด็กเล็กวัย 0-7 ปีนั้น เป็นวัยแห่งการเลียนแบบ เด็กเรียนรู้จากการเลียนแบบ เด็กคิดได้แต่การคิดของเด็กไม่ใช่การคิดในเชิงเหตุผลด้วยตัวเอง การคิดของเด็กเป็นการเลียนแบบการคิดของผู้ใหญ่ที่เขาอยู่ใกล้ สมองเด็กยังไม่พร้อมสำหรับการคิดเชิงเหตุผล มิใช่ว่าเด็กทำไม่ได้ แต่ด้วยความที่ยังไม่ใช่เวลาอันเหมาะสม เขาจะยังทำได้ไม่ดี การที่เราไปพยายามสร้างสถานการณ์ให้เด็กต้องใช้ความคิดในเชิงเหตุผลและตรรกะมากๆนั้น เท่ากับเรากำลังเร่งให้เด็กใช้ศักยภาพที่ยังไม่พร้อม เป็นการกระตุ้นให้เค้าคิดก่อนเวลาอันควร ฉะนั้นเขาจะทำมันได้ในแบบที่ไม่สมบูรณ์ การคิดวิเคราะห์จำเป็นต้องมีพื้นฐานหลายอย่าง ประสบการณ์ชีวิต ความเข้าใจในเรื่องความดี ความเข้าใจในสิ่งต่างๆรอบตัว จึงจะทำให้การคิดนั้นอยู่บนวิจารณญาณที่สมบูรณ์ได้ ซึ่งสิ่งเหล่านี้ล้วนต้องอาศัยเวลา ในขณะที่เรากำลังมุ่งมั่นปั้นแต่งให้เด็กๆต้องอยู่ในสถานการณ์ที่ต้องใช้ความคิด หรือวิเคราะห์นั้น เราก็จะละเลยความสำคัญของสิ่งที่จำเป็นที่สุดในเวลานี้ของเด็กๆ ไป คือ การได้เล่นอิสระ การปลูกฝังระเบียบวินัย การปลูกฝังเรื่องความดี ซึ่งทั้ง 3 สิ่งนี้มีคุณค่ามากมายสำหรับชีวิตเด็กทั้งชีวิต และไม่สามารถบ่มเพาะหรือสร้างได้ดีในช่วงเวลาอื่น หรือเมื่อเขาโตขึ้น
การได้เล่นอิสระ การได้ใช้กล้ามเนื้อ ร่างกาย และจินตนาการที่อิสระ สร้างความสมดุลมากมายแก่มนุษย์ การได้ใช้แขนขาปีนป่าย เป็นผลสืบเนื่องโดยตรงต่อความสามารถในการพูดของเด็ก และความสามารถในการพูดของเด็ก ก็มีผลสืบเนื่องโดยตรงต่อความสามารถในการคิดในเวลาต่อมา เมื่อเราละเลยและไม่ให้ความสำคัญกับการเล่น สิ่งที่ตามมาในระยะยาวคือศักยภาพในการคิดที่ถูกลดทอนเมื่อเข้าสู่วัยรุ่น จินตนาการที่ได้จากการเล่นช่วยพัฒนาให้เด็กมีความคิดสร้างสรรค์ สิ่งนี้พัฒนาได้มากที่สุดในช่วง 7 ปีแรกของชีวิตเช่นกัน เกินไปกว่านี้ก็พัฒนาได้ แต่ไม่มากเท่าช่วงเวลานี้
การปลูกฝังระเบียบวินัย โดยการทำสิ่งต่างๆ ซ้ำๆ เป็นกิจวัตร เช่นการเก็บที่นอนเอง เก็บของใช้ส่วนตัวด้วยตัวเอง ดูแลตัวเอง ฯลฯ สิ่งเหล่านี้สร้างไม่ได้เมื่อเขาโตขึ้น หากแต่ต้องปฏิบัติจนซึมซับเข้าไปอยู่ในตัวเด็ก ระเบียบวินัยคือพื้นฐานของความดี เมื่อเด็กมีวินัย เด็กจะรู้หน้าที่ และสิทธิ์ และสิ่งนี้นำมาซึ่งการปฏิบัติตัวได้อย่างเหมาะสม และไม่ละเมิดผู้อื่น
พ่อแม่ยุคนี้ใช้เวลาที่ควรจะพัฒนาสิ่งเหล่านี้ไปกับการพยายามเพิ่มศักยภาพในการคิดให้ลูก ซึ่งเวลาที่เด็กควรจะเริ่มพัฒนาทักษะในการคิด และ concept อย่างค่อยเป็นค่อยไปคือช่วงอายุ 7-14 ปีและเวลาที่สมควรแก่การใช้ความคิดวิจารณญาณอย่างสมบูรณ์จริงๆ ของเด็กคือช่วงวัย 14 ปี เป็นต้นไป ซึ่งนั่นเป็นเวลาที่เขาได้เก็บเกี่ยวประสบการณ์ ทักษะในการใช้ชีวิตที่จำเป็น การเข้าใจถึงความดี ความงาม จนพร้อมแล้วที่จะนำสิ่งเหล่านี้มาประมวลและวิเคราะห์ด้วยเหตุและผล ด้วยตัวของเขาเอง
การคิดแบบไหนที่แม่พูดถึง ????
การเรียนวิชาการตั้งแต่วัยอนุบาล
การให้เด็กตัดสินใจบางเรื่องเอง เพราะคิดว่านั่นคือการให้ อิสระ
การเสริมทักษะด้วยของเล่นหรือเกมส์ที่เชื่อว่าพัฒนาสมอง
แล้วจะเกิดอะไรขึ้นบ้างถ้าลูกของแม่ต้องใช้ความคิดตั้งแต่เด็ก ????
พลังงานที่จำเป็นสำหรับการสร้างระบบอวัยวะให้สมบูรณ์ถูกนำมาใช้เพื่อการคิด อวัยวะจะขาดความแข็งแรงอย่างที่ควรจะเป็น
หนูคงจะขาดจินตนาการและวิธีคิดที่สร้างสรรค์
หากหนูไม่ได้เล่นปีนป่ายมากพอ หนูอาจมีปัญหาในการทำคณิตศาสตร์ในวันข้างหน้า
ฯลฯ
พ่อแม่จำนวนมาก แบ่งรับแบ่งสู้ ที่จะเชื่อในแนวคิดเช่นนี้ จึงเอามันทั้งสองทาง โดยการให้ทั้งวิชาการ (ส่งเสริมให้ลูกคิด) และจัดหากิจกรรมเพื่อให้ลูกได้ออกกำลัง เพราะคิดว่านั่นคือทางออกที่ดีที่สุด
เราจะไม่มีวันรู้ได้เลย ว่าสิ่งที่เราทำกับลูกนั้นดีจริงหรือไม่ เพราะเมื่อหากลูกประสบความสำเร็จในอนาคต (ในสายตาของพ่อแม่) พ่อแม่ก็จะเกิดความภาคภูมิใจโดยอาจลืมมองอีกด้านหนึ่งว่าเขาอาจก้าวหน้าได้มากกว่านี้หากเดินอีกทาง แต่หากโชคร้ายลูกเกิดไม่ประสบความสำเร็จ (ในสายตาพ่อแม่) เราก็จะกลับมานั่งทบทวนแล้วอาจย้อนคิดว่ามีสิ่งใดผิดพลาดไป ซึ่งนั่นก็คงหาคำตอบไม่ได้.....
วันนี้การที่พ่อแม่ให้ลูกเริ่มใช้ความคิดตั้งแต่วัยเยาว์ จะมีผลต่อลูกใน 2 ประเด็น คือ เป็นผลทำให้เด็กเป็นในบางสิ่งที่ไม่พึงประสงค์ (หรือไม่เป็นในบางสิ่งที่พึงประสงค์) อย่างชัดเจน กับ เป็นผลสกัดกั้นพัฒนาการและศักยภาพที่ควรจะได้เกิดกับลูก ซึ่งประเด็นหลังเราคงไม่สามารถสังเกตเห็นได้ด้วยตาเปล่าในวันนี้ ผลของมันจะสะท้อนออกมาถึงศักยภาพที่ไม่เต็มที่เมื่อเด็กเข้าสู่วัยผู้ใหญ่และต้องใช้ชีวิตของตน
สิ่งที่สำคัญกว่าการเชื่อหรือไม่เชื่อในแนวคิดนี้ คือผู้เป็นพ่อแม่ควรศึกษาให้ถ่องแท้และลึกซึ้งถึง ธรรมชาติของมนุษย์ ธรรมชาติที่แท้จริงของเด็ก รวมถึงธรรมชาติของการเรียนรู้ของมนุษย์ โดยมิได้เพียงเชื่อแค่คำโฆษณาหรือคำบอกเล่าที่ปราศจากการศึกษาให้ชัดเจน เพราะชีวิตของลูก พ่อแม่คือผู้ลิขิต....
Create Date : 05 พฤศจิกายน 2551
Last Update : 6 พฤศจิกายน 2551 22:13:11 น.
7 comments
Counter : 592 Pageviews.
Share
Tweet
มาดูเรื่องสวนกระแสจ้ะ
พี่ยังไม่ได้อ่านนะจ๊ะ อ่านบทความยาว ๆ ต้องนั่งอ่านนาน ๆ จ้ะ จะได้คิดตามได้ด้วย ดูมีหลักการใช่ปล่าว
เดี๋ยวมาใหม่จ้ะ
โดย:
MONROVIA
วันที่: 6 พฤศจิกายน 2551 เวลา:5:25:28 น.
ฟ้อนท์สีดำ กล่องเม้นท์ก็ดำ พิมพ์ขากจังค่ะ จริงๆต้องบอกว่าพิมพ์ไม่เห็นเลยค่ะ ต้องงมๆเอา อิอิ งั้นดี๋ยวมาใหม่น่ะค่ะ
โดย:
มาเรีย ณ ไกลบ้าน
วันที่: 7 พฤศจิกายน 2551 เวลา:0:42:42 น.
ตอนนี้กระแสเน้นการพัฒนาสมองเด็กเยอะมากจริงๆค่ะ
เด็กเล็กต้องไปเรียนนู่นเรียนนี่เยอะแยะมากมาย
ทั้งที่สิ่งสำคัญสำหรับวัยเล็กๆ
คือการได้รับความรัก ความอบอุ่น
ความเอาใจใส่ เวลาใช้กิจกรรมร่วมกันจากพ่อแม่ต่างหาก
มิใช่จากเหล่าบรรดาสถานที่สมมติขึ้นมา
อิอิ ยอมรับว่า สวนกระแสเหมือนกัน
อยากพัฒนาสมอง แบบตามวิถีที่ควรจะเป็น
ด้วยสองมือแม่ มากกว่า
ขอบคุณสำหรับบทความดีๆ ที่ให้ได้ฉุกคิดค่ะ
โดย:
ปลายดินสอ
วันที่: 7 พฤศจิกายน 2551 เวลา:17:31:55 น.
ไปเยี่ยมบล็อคเก่าๆมาค่ะ
ได้อะไรเยอะแยะไปหมดเลยค่ะ
กำลังคิด คิด อยู่ค่ะ
สับสนอยู่บ้างค่ะ
แล้วก้อได้คำตอบสำหรับตัวเองบ้าง
ขอบคุณสำหรับบทความดีๆอีกครั้งค่ะ
แล้วก้อจะขอแอดเป็นเพื่อนด้วยคนนะค่ะ
โดย:
ปลายดินสอ
วันที่: 9 พฤศจิกายน 2551 เวลา:4:11:03 น.
โดย:
มาเรีย ณ ไกลบ้าน
วันที่: 10 พฤศจิกายน 2551 เวลา:15:56:01 น.
มาอ่านเรื่องราวดีๆจ๊า
โดย: ลูกโซ่ IP: 203.150.14.121 วันที่: 20 เมษายน 2552 เวลา:17:18:38 น.
ชอบมากค่ะ ลูกชาย 1.6 ขวบ ตัวเองเพิ่งนึกได้ลูก 1.6 ขวบนะ ใส่อะไรเข้าไปให้ลูกเนี่ย เพิ่งได้อ่าน คุณคือครูคนแรกของลูก
โดย: กุลวรา IP: 119.31.126.141 วันที่: 26 กุมภาพันธ์ 2553 เวลา:12:21:30 น.
ชื่อ :
Comment :
*ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
แม่ของลูกสาว
Location :
[Profile ทั้งหมด]
ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [
?
]
Friends' blogs
แม่ของลูกสาว
หมูเหมียว
ลานศิลป์
kanu_memphis
kateking
พจมารร้าย
wapple
MONROVIA
Orayanee
นางฟ้าตาหวาน
อยากเป็นโปร
นู๋จ๋ายเจ้าขา
แม่น้องแปงแปง
โชคดีที่เกิดมา
สายน้ำกับสายเมฆ
eyewitness
ดวงขวัญ
อนาคินสาว
ปลายดินสอ
Webmaster - BlogGang
[Add แม่ของลูกสาว's blog to your web]
Links
BlogGang.com
Pantip.com
|
PantipMarket.com
|
Pantown.com
| © 2004
BlogGang.com
allrights reserved.
พี่ยังไม่ได้อ่านนะจ๊ะ อ่านบทความยาว ๆ ต้องนั่งอ่านนาน ๆ จ้ะ จะได้คิดตามได้ด้วย ดูมีหลักการใช่ปล่าว
เดี๋ยวมาใหม่จ้ะ