บล็อกอะไรก็ไม่รู้.............เรื่องแทบไม่ซ้ำแนวเลย
 

Love Myth:Chapter1Echo&Narcissusเสียงและเงาของเขาและเธอ

Love Myth:Chapter1


Echo&Narcissusเสียงและเงาของเขาและเธอ 

           กาลครั้งหนึ่ง ณ ดินแดนเชิงเขาโอลิมปัส ยังมีนางอัปสรตนหนึ่งนามว่าEchoซึ่งอาศัยอยู่ที่ป่าของเทพธิดาอาร์เทมิส นางเป็นบริวารคู่ใจของเทพธิดาอาร์เทมิสด้วย จะใช้จะสั่งอะไรก็ได้ดั่งใจ..แต่เสียอย่างเดียว นางEchhoนั้นช่างพูดเหลือหลายถามคำเดียวก็จ้อได้น้ำไหลไฟดับ บางทีก็พูดไม่ถูกกาลเทสะจนทำเอาคนเขาหมั่นใส้ไปตามๆกัน

           แล้ววันหนึ่ง..อันเป็นคราวซวยของนาง เทพซุสผู้เป็นเจ้าแห่งสรวงสวรรค์และเจ้า..ชู้ได้แอบหนีเทพีเฮราชายาจอมโหดเข้ามาเจ๊าะแจ๊ะกับนางอัปสรในป่าที่นางอยู่ โชคดีของนางที่รูปโฉมไม่ได้เป็นที่ต้องตาต้องใจของเทพซุส ไม่งั้นจะซวยกว่าที่จะเล่าต่อไป

           การกระทำของเทพซุสคราวนี้ก็ไม่รอดสายตาของเทพีเฮราไปได้ เทพีเฮราถึงกับทรงลงมาเฉ่งเองเลยทีนี้ พอมาถึงที่ป่าก็พบกับนางEchoที่ถูกทิ้งให้เฝ้าป่าอยู่คนเดียว ตอนแรกเทพีเฮราก็ใจดีเพราะว่าไม่ได้เห็นนางEchoอยู่กับสวามีก็แล้วไปแล้วก็ถามหาเทพซุส  นางEchoก็ตอบคำถามของเทพีเฮราอย่างดี..ดีจนเกินไป ก็เล่นเล่าตั้งแต่ท่านเทพซุสเหาะลงมาอย่างนี้ๆแล้วท่านก็ไปตรงนู้นจากนั้นก็ไปตรงนี้แล้วก็ทำอย่างนี้ทำอย่างนั้น เป็นชั่วโมงแล้วเทพีเฮราก็ยังไม่รู้เลยว่าพระสวามีตอนนี้อยู่ที่ไหน นางEchoช่างไม่รู้อะไรบ้างเลยว่าเทพีเฮราท่านกำลังใจร้อน

            สุดท้ายก่อนจะไปจัดการกับนางพวกกิ๊กขอสาปนางEchoก่อนเหอะ  พูดมากนักใช่ไหม...ฉันขอสาปให้แกต้องพูดซ้ำคำคนอื่นเขาไปตลอดกาล.... แล้วตั้งแต่นั้นพอนางEchoไปคุยกับใครก็โดนหัวเราะเยาะตลอด ท้ายที่สุดนางก็ทนความอับอายไม่ได้ต้องหลบลี้หนีหน้าผู้คนไปอยู่ที่หุบเขาอันห่างไกลผู้คน

           และแล้ว...โชคชะตาก็เล่นตลกกับชีวิตของนางEchoอีกครั้งหนึ่ง เมื่อมีหนุ่มน้อยหน้าใสเด้งขวัญใจสาวๆนามว่าNascissus ก็แอบหลบสาวๆมาเที่ยวเล่นแถวหุบเขาที่นางEchoอยู่พอนางEchoได้เห็นหนุ่มNarcissusก็ตกหลุมรักทันที แต่ก็อายที่จะเข้าไปหาด้วยคำสาปที่ติดตัวอยู่ นางก็เลยได้แต่เดินตามคอยดูอยู่เรื่อยๆพอตามไปๆเรื่อย จนNarcissusก็เริ่มรู้ตัวว่ามีคนตามมา เลยหันไปถาม

           "ใครมา"

           "ใครมา" Narcissusได้ยินเสียงพูดซ้ำคำก็แปลกใจ แต่ก็ถามต่อ

           "ออกมาหาข้าเถิด"

           "ออกมาหาข้าเถิด"  เจอครั้งที่สองก็ชักหงุดหงิด

           "ใครพูดล้อเลียน"

           "ใครพูดล้อเลียน"   คราวนี้Narcissus ก็โมโหไม่อยากอยู่แถวนี้แล้วอุตสาห์หนีพวกนังชะนีมาก้ต้องมาเจอคนบ้าแถวนี้อีก ไปดีกว่าและจะไม่กลับมาที่นี่อีกแล้ว

           ด้านนางEcho พอเห็นNarcissusจากไปเช่นนั้นก้เสียใจมากและก็ตรอมใจจนกลายเป็นหินอยู่ในหุบเขาแห่งนั้นไปตลอดกาล

            แน่นอนว่าคำสาปก็ยังติดตัวนางอยู่ ดังนั้นเวลาเราไปตามหุบเขา เมื่อเราตะโกนออกไปก็จะได้ยินเสียงของนางEchoพูดคำเดียวกับเราตอบกลับมา..

          ส่วนนายNarcissusก็ยังครองตัวเป็นโสดหักอกสาวๆไปเรื่อยๆ ไม่ยอมรับรักใครเลย แล้วหนึ่งในสาวที่ถูกหักอกเป็นเดือดเป็นแค้นมาก นางได้ไปอ้อนวอนขอเทพธิดาแห่งความมพยาบาทให้ช่วยสาปNarcissusให้ที เทพธิดาแห่งความพยาบาทก็ช่างเมตตา...ได้เลย..จัดให้

          นายNarcissusนี่อยากไม่รักใครนักใช่ไหม โลกนี้ไม่มีใครดีนอกจากตัวเองนักใช่ไหม....โอเค เดี๋ยวนาบจะได้พบรักแท้

          แล้ววันหนึ่งNarcissusก็ออกท่องเที่ยวตามป่าเขาไปตามปกติ พอเหนื่อยนักก็นั่งพักริมสระน้ำขอกินน้ำกินท่าลูบเนื้อลูบตัวหน่อย แล้วพอเขาได้เห็นเงาตัวเองในน้ำ...คำสาปก็แสดงผล โอ๊ะโอ...คนในสระน้ำนี่เป็นใครทำไมช่างหน้าตาดีอย่างนี้..ยิ่งดุก็ยิ่งงาม..ยิ่งงามก็ยิ่งรักปักใจจนNarcissusไม่อาจฝืนใจเงยหน้าขึ้นมาได้ สุดท้ายร่างกายของเขาก็กลายเป็นกิ่งก้านใบดอกติดตรึงอยู่ตรงนั้นจนตาย แต่ต้นดอกไม้ที่กำเนิดขึ้นจากตัวเขาก็ยังคงงอกงามอยู่จนทุกวันนี้และจะขึ้นอยู่ตามริมน้ำและที่ชื้นแฉะเท่านั้น และดอกไม้ชนิดนั้นก็มีนามว่าNarcissus

*จบ รักคนอ่าน..อีกแล้ว


Free TextEditor




 

Create Date : 30 พฤษภาคม 2551    
Last Update : 30 พฤษภาคม 2551 17:15:05 น.
Counter : 550 Pageviews.  

พระเจ้าควางเกโทมหาราชแห่งโคคูรยอ (ทัมด็อก)

พระเจ้าควางเกโทมหาราชแห่งโคคูรยอ (พศ.917-956) ครองราชย์ พศ.934-956




 


 นอกจากนั้นในพศ.942อาณาจักรชิลลา ได้ยอมตกลงให้โคคูรยอเข้ามาช่วยป้องกันการรุกรานจากอาณาจักร พระเจ้าควางเกโททรงยึดเมืองหลวงของแพกเจ(ปัจจุบันคือกรุงโซล)ได้และปกครองแพกเจอย่างเมืองขึ้น  กล่าวกันว่าการรวมดินแดนอย่างไม่ควบคุมมากนักเช่นนี้ก็คือการรวบรวบสามอาณาจักรอย่างแท้จริงเป็นครั้งแรกนั่นเอง ผลงานความสำเร็จของพระองค์ได้ถูกบันทึกไว้ที่ศิลาจารึกพระเจ้าควางเกโท ซึ่งสร้างขึ้นในปี พศ.957 ประดิษฐาน ณ สุสานของพระองค์ ที่เมืองจี๋อัน ชายแดนจีน-เกาหลีเหนือ (กุกแนซอง)


 การประสูติและประวัติเบื้องหลัง


ในตอนที่พระเจ้าควางเกโทประสูติอาณาจักรโคคูรยอยังไม่มีอำนาจอย่างที่เคยเป็นมา ก่อนที่พระองค์จะประสูติพระเจ้าคึนโชโกแห่งแพกเจได้ยกทัพมายึดป้อมใหญ่สองป้อมของโคคูรยอในเปียงยางและยังทำการทารุณกรรมพระเจ้าโกกุกวอน พระเจ้าโซวอริมซึ่งสืบราชสมบัติต่อภายหลังจากพระเจ้าโกกุกวอนสิ้นพระชนม์ ในพศ.914 ทรงมีนโยบายโดดเดี่ยวตนเองในทางการเมืองระหว่างประเทศเพื่อที่จะสร้างอาณาจักรให้เข้มแข็งขึ้นมาใหม่หลังจากถุกแพกเจรุกราน พระเจ้าโกกุกยังซึ้งครองราชย์ต่อมากยังทรงดำเนินนโยบายเช่นเดียวกันเพื่อระดมกำลังฟื้นฟูอาณาจักรให้แข็งแกร่งอีกครั้ง พระเจ้าควางเกโทได้ขึ้นครองราชย์ต่อจากพระบิดาที่สิ้นพระชนม์ในปีพศ.934 ทันที่ที่ขึ้นครองราชย์ทรงให้ขนามพระนามพระองค์ว่าพระเจ้ายองนัก เป็นการยืนยันองค์เองว่าเสมอเทียมพระราชจาแห่งจีนและแพกเจ และต่อมาพระองค์ก็ได้ทรงฟื้นฟูกำลังพลหน่วยอาชาและกองทัพเรือขึ้นมา กำลังพลเหล่านี้ก้ได้ถูกนำมาร่วมรบในสงครามระหว่างแพกเจในปี พศ.935


 ในปี พศ.935 พระเจ้าควางเกโททรงนำทัพหน่วยอาชา 50000 คนบุกแพกเจยึดได้ 10 เมืองตามแนวเขตชายแดน ทำให้คู่ต่อสู้-พระเจ้าอาชินแห้งแพกเจโกรธแค้นเป็นอันมากและเตรียมแผนการตอบโต้กลับแต่แผนการล้มเหลวดดยถูกโคคูรยอเอาชนะได้ในปี พศ.936 พระเจ้าอาชินเข้าตีโคคูรยออีกครั้งในปี พศ.937 แต่ก็พ่ายแพ้อีก หลังจากได้พ่ายแพ้มาดังกล่าวการเมืองภายในแพกเจก็เริ่มแตกแยก พระเจ้าอาชินไม่เป็นที่ยอมรับในการฐานะผู้นำประเทศ พระเจ้าอาชินพ่ายแพ้ต่แพกเจอีกครั้งใน พศ.938 ทำให้ต้องถอยร่นเข้าไปทางฝั่งแม่น้ำฮันและตั้งเมืองหลวงใหม่ในดินแดนซึ่งปัจจุบันคือทางตอนใต้ของกรุงโซล


 การพิชิตดินแดนทางเหนือ


 ในปี พศ.937 ระหว่างที่รบกับแพกเจพระเจ้าควางเกโททรงนำทัพไปตีได้เมืองเล็กๆชื่อพีรยอซึ่งตั้งอยู่ตอนกลางของดินแดนแมนจูเรีย ที่ตั้งที่แท้จริงไม่ทราบแน่ชัดแต่คาดว่าไม่ไกลจากแม่น้ำซงหัว พศ.946 เยี่ยนบุกข้ามแม่น้ำเหลียวมารุกรานโคคูรยอแต่ก็พ่ายแพ้แก่ทัพพระเจ้าควางเกโท พระเจ้าควางเกโทเข้าตีเสียนเป่ยและเอาชนะเผ่าคิตันด้วย พศ.951 ได้ทรงให้โกวุนผู้ที่สืบเชื้อสายมาจากราชวงศ์โคคูรยอที่ถูกจับเป็นเชลยปกครองเยี่ยนแทน โคคูรยอปกครองดินแดนเหลียวหนิง(เหลียวตง) จนถึงสมัยราชวงศ์ถังจึงถูกยึดดินแดนไปหมด พศ.953 พระเจ้าควางเกโท ยึดพูยอซึ่งกองกำลังเทียบหน่วยอาชามิได้เลยจนต้องยอมแพ้ ต่อมาก็ทรงบุกยึด 64 ป้อม และกว่า 1400 หมู่บ้าน รวมทั้งยังยึดเผ่ามาลกัลและไอนูไว้ได้ด้วย


 พิชิตดินแดนทางใต้


 พศ.943 อาณาจักรชิลลาได้ขอร้องให้โคคูรยอช่วยปกป้องจากการรุกรานของกองกำลังพันธมิตรของญี่ปุ่น แพกเจตะวันตก และ กายา และในปีเดียวกันนั้นพระเจ้าควางเกโทก็ได้ตกลงส่งกองกำลัง 50000 นายไปเอาชนะ ทัพทหารม้าญี่ปุ่นและกายาได้และทำให้ชิลลายอมรับอำนาจของโคคูรยอ พศ.944 พระเจ้าควางเกโทส่งพระเจ้าชิลซองกลับชิลลาไปปกครองประเทศขณะทรงยกทัพไปตีดินแดนทางเหนือแต่อย่างไรก็ยังคงไว้ซึ่งอำนาจเหนือชิลลา


 การสิ้นพระชนม์และสิ่งสืบทอด


พระเจ้าควางเกโททรงสิ้นพระชนม์จากการประชวรในปี 956 พระชนมายุ 39 พรรษา โดยทรงครองราชย์เป็นเวลา 22 ปี ด้วยชัยชนะของจึงทำให้เป็นช่วงเวลาที่รุ่งเรื่องยุคหนึ่งในประวัติศาสตร์เกาหลีสืบต่อมากว่า 200 ปี โดยไม่มียุคไหนอีกแล้วที่อาณาจักรจะกว้างใหญ่เท่านี้ ในปัจจุบัน พระเจ้าควางเกโททรงได้รับการยกย่องเป็น 1 ใน 2 มหาราชของเกาหลี (อีกพระองค์หนึ่งคือพระเจ้าเซจงแห่งราชวงศ์โชซอน)


 


 

ทรงเป็นพระราชาองค์ที่ 19 แห่งโคคูรยอ อาณาจักรใหญ่ที่สุดทางเหนือในยุคสามอาณาจักรของเกาหลี  คำแปลพระนามที่๔กขนานนามใหม่ภายหลังการสิ้นพระชนม์ของพระองค์ คือ “พระราชาผู้ยิ่งใหญ่ที่สุดผู้ขยายดินแดนให้กว้างใหญ่และนำมาซึ่งความสงบสุขและปลอดภัย(พระศพถูกฝังไว้ ณ กุกแนซอง) บางครั้งพระนามได้ย่อเป็น โฮแทวัง หรือ แทวัง พระองค์ทรงให้เรียกรัชสมัยของพระองค์ว่า “ยองนัก”(สันติสุข) และทรงขนามพระนามพระองค์เองว่า “พระเจ้ายองนักผู้ยิ่งใหญ่”    ภายใต้การปกครองของพระองค์ อาณาจักรโคคูรยอได้กลับขึ้นมามีอำนาจอีกครั้งในภูมิภาคเอเชียตะวันออก สืบต่อเป็นเวลาราว 2 ศตวรรษหลังจากที่พระองค์ได้สิ้นพระชนม์ โคคูรยอได้ปกครองดินแดนระหว่างแม่น้ำเฮยหลงเจียง(Amur)และแม่น้ำฮัน ( 2/3ของพื้นที่เกาหลีปัจจุบัน,ดินแดนแมนจูเรีย พื้นที่ประเทศรัสเซียบริเวณที่ติดทะเลและมองโกเลียชั้นใน)



Free TextEditor




 

Create Date : 29 พฤษภาคม 2551    
Last Update : 29 พฤษภาคม 2551 12:18:05 น.
Counter : 5889 Pageviews.  

บทThe Legend-แทวังซาชินกิ-ตอนจบที่ไม่มีให้เห็นในละคร


         นี่เป็นร่างแรกของบทที่เขียนโดยคุณซงจีนาก่อนที่จะต้องเปลี่ยนไปเพราะป๋าบาดเจ็บค่ะ ขอบคุณคุณซงจีนาที่ลงไว่ที่บล็อก ขอบคุณคุณGaulsan ที่แปลจากภาษาเกาหลีเป็อังกฤฤษให้อ่านที่soompi และอันนี้ข้าพเจ้าก็แปลจากภาษาอังกฤษเอง เคยแปลลงที่popcornไว้แต่คราวนนั้นแปลแบบลวกๆมากๆมาคราวนร้เลยขอแก้ไขดัดแปลงใหม่ให้อ่านรู้เรื่องขึ้นอีกนิด ขอแก้ตัวค่ะ


---------------------------------------------------------------------------------------------------


         ร่างของคีฮาลอยขึ้นไปบนอากาศและกำลังจะกลายร่างเป็นหงส์ไฟดำ ความมืดมิดปกคลุมไปทั่ว ด้านชอโรและจูมูจียังคงต่อสู้กับศัตรู ส่วนทางแท่นบูชาซูจีนีก็เข้ามาอุ้มอาจิ๊กหนีไปจากที่นั่น แต่ขณะนั้น เลือดหยดน้อยของเด็กก็หยดลงบนแท่นบูชา แทบจะทันใดหลังจากนนั้นเปลวเพลิงก็ลุกโชนโชติช่วงออกจากร่างของคีฮาเปลวไฟเผาผลาญไปรอบบริเวณ  ด้านทัมด็อกเข้าก็รีบมาโอบร่างซูจีนีและอาจิ๊กเพื่อเอาร่างกายของตนปกป้องทั้งสองไว้ ขณะเดียวกันเขาก็หันไปมองที่คีฮาซึ่งตอนนี้ไม่รับรู้อะไรทั้งสิ้น เมื่อเห็นว่าทั้งสองปลอดภัยดีแล้วทัมด็อกก็หันมาพุ่งดาบเข้าแทงแดจังโร อีกฝ่ายใช้ฝ่ามือเปล่ารับดาบไว้ได้ ทั้งคู่ต้องยื้อกันอยู่นานจนกระทั่งดาบได้หักสะบั้น ส่วนหนึ่งกระเด็นมาถูกที่อกของทัมด็อก


      ขณะนั้นเลือดของอาจิกไหลไปถึงสัญลักษณ์เสือขาวและทำให้สัญลักษณ์เปล่งแสงขึ้น จูมูจีได้นิ่งไปในชั่วขณะนั้นจนศัตรูถือโอกาสพุ่งเข้าแทงแต่ดาบกลับหักไป เมื่อจูมูจีกลับมาได้สติก็หันกลับไปซัดอีกฝ่ายกระเด็นไป


      แล้วเลือดของอาจิ๊กก็ไหลไปต้องสัญลักษณ์มังกรฟ้าจนสัญลักษณ์ได้เปล่งแสงสว่าง ขณะที่ชอโรได้กวัดแกว่งทวนต่อสู้กับศัตรู ทำให้พวกศัตรูถูกพลังโจมตีจนสิ้นชีพราวกลับใบไม้ต้องลมพายุร่วง


      เมื่อเลือดไปถึงสัญลักษณ์ฮยอนมูสัญลักษณ์นั้นก็เปล่งแสงเช่นเดียวกัน และในที่สุดเลือดก็ต้องยังสัญลักษณ์หัวใจหงส์ไฟ แต่ปรากฏว่าหัวใจหงส์ไฟกลับมิได้เปล่งแสงขึ้น หากแต่ด้านคันธนูศักดิ์สิทธิ์ที่อยู่กับทัมด็อกนั้นเปล่งแสงจ้าออกมา ทัมด็อกรู้ว่าปรากฏอาวุธที่สามารถจัดการอีกฝ่ายได้แล้ว แดจังโรเองก้รู้ดีว่าวาระสุดท้ายของตนได้ไกล้มาถึง กระนั้นก็พยายามจะหันหลังถอยหนี ทว่ามิอาจจะหลีกเลี่ยงความตายได้อีกแล้วเมื่อทัมด้อกง้างธนูขึ้นและแผลงศรเล็งไปยังหัวใจของแดจังโร มันยังพยามป้องกันตัวแต่ก็ไม่เป็นผล ทันทีที่ลูกธนูพุ่งเข้าปักกลางหน้าอกควันสีดำก็พุ่งขึ้นมาและพริบตาที่ทัมด็อกยิงลูกธนูไปอีกครั้งเดียวร่างของปีศาจร้ายก็สลายไปในอากาศเหลือทิ้งไว้เพียงชุดที่สวมใส่เท่านั้น เมื่อภารกิจเสร็จไปอย่างหนึ่งแล้วทัมด็อกก็หันมาจัดการปัญหาที่สำคัญยิ่งกว่านั้นต่อไป เขาพยามพูดกับคีฮาซึ่งยังคงหลับตานิ่งอย่างไร้อย่างไร้ซึ่งสติสัมปชัญญะ


              “คีฮา...ได้โปรด..หยุดได้ไหม..หยุดเสียก่อน....” 


               คีฮามิได้ตอบ ขณะเดียวกันศรศักดิ์สิทธ์ก็ปรากฏพร้อมลูกศรเหมือนบังคับให้ทัมด็อกตัดสินใช้ใช้มันยุติปัญหา เขาเองต้องยกศรขึ้นง้าง แต่ในที่สุดก็มิอาจทำใจยิงศรออกไปได้ ซูจีนีมองภาพนั้นอย่างผิดหวังเธอไม่อาจปล่อยให้เหตุการณ์ณ์เลวร้ายไปกว่านี้


              “ได้โปรด..ฝ่าบาทต้องหยุดนางเสีย มิฉะนั้นมันจะสายเกินแก้” เธอตะโกน 


               ทัมด็อกได้ยินแล้วก็หันมามองนางก่อนเอ่ยวาจา ไม่เพียงแต่เพื่อจะบอกกับทุกคน ณ ที่นั้น แต่ที่สำคัญคือ กับสวรรค์เบื้องบน  “นี่หรือคือหน้าที่ของข้าที่ต้องรับมาจากสองพันปีก่อน..ตามหาสิ่งวิเศษสัญลักษณ์แห่งเทพทั้งสี่เพื่อพิสูจน์ว่าตนเองคือราชาแห่งจูชินโดยที่ผู้คนมากมายต้องสละชีวิต..รวมทั้งแม่ของลูกข้าด้วยใช้ไหม”


              “โลกนี้กำลังจะมอดไหม้สูญสิ้นไปเพราะนาง ทำไมไม่หยุดนางเสียก่อนที่นางจะทำเรื่องเลวร้ายนั้น” ซูจีนีขัดจังหวะ ทัมด็อกได้แต่หันมายิ้มให้นางแล้วก็ก้าวเข้าไปหาคีฮา


              “ความผิดนี้ข้าขอเป็นคนรับเอง..คีฮา..ข้าก็ผิดที่ไม่เชื่อเจ้า สวรรค์โปรดจงรับรู้ ธรรมชาติมนุษย์นั้นมีความสำนึกรู้ผิดชอบและเรียนรู้ในสิ่งต่างๆได้เอง ขณะนี้ข้าเองก็รู้แล้วว่าข้าควรต้องทำอะไร” ว่าแล้วทัมด็อกก็ใช้สองมือหักศรทิ้งเสีย “คีฮา..เจ้ารับรู้หรือไม่ ตอนนี้เบื้องกำลังถามเราว่า มนุษย์เราจะเป็นฝ่ายเลือกทางเดินเองหรือต้องการให้สวรค์มากำหนดให้” ตอนนั้นเองศรศักดิ์สิทธิ์ก็สลายไปและคีฮาก็ได้ลืมตาขึ้นมามองทัมด็อก


             “มนุษย์เท่านั้นที่มีสิทธิเลือกชีวิตของตนเองไม่ใช่สวรรค์ คำตอบนี้แหละคือภารกิจที่แท้ของราชา” ทัมด็อกสรุปอย่างมาดมั่นแม้ว่ากำลังเริ่มเจ็บปวดที่หัวใจขึ้นมา


            แล้วสัญลักษณ์แห่งสี่เทพก็ได้สลายไปทีละอย่าง เริ่มจากสัญลักษณ์เสือขาวส่งผลให้จูมูจีซึ่งเป็นผู้พิทักษ์กระอักเลือดล้มลงไปต่อหน้าต่อตาชอโร กระนั้นจูมูจีก็พยามประคองกายลุกขึ้น ต่อจากนั้นสัญลักษณ์มังกรฟ้าก็สูญสลายตามไปชอโรมิอาจเคลื่อนไหวได้จนถูกพวกพรรคอัคคีทำร้ายเขาที่แขนจนทวนคู่กายหลุดมือ เมื่อสัญลักษณ์ฮยอนมูแหลกสลายฮยอนโกก็สิ้นสติเช่นเดียวกัน ด้านทัมด็อกนั้นเริ่มกระอักเลือดและก็มีเลือดไหลจากส่วนอื่นๆด้วย ซูจีนีรู้ว่าการที่สัญลักษณ์ถูกทำลายจะทำให้เขาต้องสิ้นชีวิตไปด้วย เธอไม่มีวันยอมให้เกิดเรื่องเศร้าเช่นนี้จึงรีบร้องบอกคีฮาซึ่งคิดว่าเป็นความหวังเดียว 


           “ท่านพี่ เรายอมให้สัญลักษณ์ถูกทำลายไม่ได้ ไม่เช่นนั้นฝ่าบาทต้องสิ้นพระชนม์ โปรดหยุดเขา หยุดทำแบบนี้” 


         ด้านทัมด็อกก็เอ่ยขึ้น “ข้าตอบกับสววรค์ไปแล้ว ข้าคืนพลังแห่งสวรรค์ไปและจะขอคืนพลังแห่งหงส์ไฟไปด้วย แล้วพวกเจ้าจะต้องปลอดภัย” ว่าจบเขาก็ทรุดลงไป 


          คีฮามองซูจีนีอย่างเสียใจและส่งกระแสเสียงที่มีเพียงสองพี่น้องที่สื่อสารกันได้ 


          “น้องพี่ ช่วยพี่ดับไฟที่เถิด พี่อยากให้ไฟดับลงเสียที”


           จากนั้นสัญลักษณืหัวใจหัวใจหงส์ไฟก็ได้เปล่งแสงขึ้นแล้วลอยเข้าสู่ฝ่ามือซูจินี สายลมพัดรอบสัญลักษณ์นั้น ซูจินีรับหัวใจหงส์ไฟไว้แล้วกุมมันไว้ที่หน้าอกด้วยพลันระลึกได้ถึงวิธีการควบคุมหัวใจหงส์ไฟที่เทพฮวานุงได้ถ่ายทอดให้เมื่อชาติที่แล้ว ร่างกายของซูจินีเปล่งแสง เพลิงกำลังจะดับลง และเกิดลำแสงแผ่คลุมร่างทัมต๊อกช่วยฟื้นร่างกายจากอาการบาดเจ็บ ฝ่ายคีฮานั้นได้หันมายิ้มให้กับลูกชายที่นอนหลับอยู่ที่ตักของซูจีนีและประสานสายตากับทัมต็อกเป็นครั้งสุดท้ายก่อนเพลิงจะลุกโชติช่วงขึ้นเผาผลาญร่างของเธอจนสลายไป ทัมด็อกได้แต่ยืนมองความว่างเปล่า ซูจีนีและอาจิ๊กที่เพิ่งฟื้นเนื่องจากแสงที่ส่องจ้าต่างหันมองทัมด็อก สัญลักษณ์หัวใจหงส์ไฟที่อยู่ในมือของซูจีนียังคงสภาพเดิม


        ที่อีกด้านหน้าของอาบูลานซา ชอโร ฮยอนโก และจูมูจีที่กลับคืนสติดีแล้วรวมทั้งคนอื่นๆต่างก็หยุดต่อสู้และหันมามองยังแสงอันเจิดจ้าของดวงอาทิตย์ที่ปรากฏขึ้นอีกครั้ง ท้องฟ้าแจ่มใสไร้ซึ่งเมฆหมอกอันมืดมนอีกแล้ว


                         ------------------------------------------------------


      ณ เมืองกุกแน ที่ตลาดบรรดาพ่อค้าแม่ค้าและชาวบ้านต่างเดินขวักไขว่ขายของจับจ่ายกันอย่างคึกคัก ตามประสาประชาชนที่มีความสุขเพราะบ้านเมืองสงบร่มเย็น  ชอโรก็จ่ายตลาดอยู่ท่ามกลางผู้คนเหล่านั้นโดยจูมูจีพยามตามมาท้าต่อสู้โดยพุ่งเข้ากระแทกตัวใส่อีกฝ่ายแต่ชอโรซึ่งไม่อยากสู้โยนตะกร้าที่ถือมาใส่จูมูจีแล้วถือโอกาสหลบไปขณะที่จูมูจีมัวแต่รับตะกร้า   ที่ค่ายทหาร เหล่าทหารกำลังจัดการแข่งขันกันดื่มเหล้าระหว่างฝ่ายพลธนูกับทหารหน่วยอื่นๆ ทุกคนต่างส่งเสียงเชียร์ผู้เข้าแข่งขันกันอื้อึงไปทั่วบริเวณมีแต่ขวดเหล้าเปล่ากองระเกะระกะ และในที่สุดฝ่ายพลธนูก็ได้โห่ร้องดีใจเมื่อพวกตนเป็นฝ่ายตนดื่มหล้าได้หมดก่อนและหน่วยอื่นก็ต่างยอมแพ้ ตัวแทนของพวกเขาที่เข้าแข่งขันนั้นก็มิใช่ใคร หัวหน้าของพวกเขา...ซูจีนี ที่ได้ทุบอกแสดงชัยชนะเสมอ   ที่ลานฝึกของวังหลวง รัชทายาทคอรยอนองค์น้อยกำลังฝึกการต่อสู้ด้วยดาบกับพระบิดาคือพระเจ้าควางเกโทนั่นเอง ที่ข้างลานฝึกก็ยังมีแม่ทัพโคอูชุงกำลังเฝ้ามองทั้งเจ้านายทั้งสองที่ตนเองได้ดูแลมาตลอด มองไปแม่ทัพชราก็เอาแต่ยิ้มย่างภาคภูมิใจ


 ข้อความในศิลาจารึกพระเจ้าควางเกโดนั้นบันทึกไว้ว่าพระนามของกษัตริย์องค์ที่ 19 แห่งอาณาจักรโคคูรยอคือ พระเจ้าควางเกโดมหาราช  ความหมายของพระนามก็คือ พระมหากษัตริย์ผู้ยิ่งใหญ่ผู้ทรงแผ่ขยายดินแดนไปอย่างกว้างใหญ่ไพศาล ผู้ทรงนำมาซึ่งสันติ และทรงเป็นที่รักของปวงชนพระราชาทรงเป็นผู้ปกครองที่ดี ดียิ่งกว่าการรบ น้ำพระทัยของพระองคืเป็นที่รับรู้ถึงสวรรค์ พระราชอำนาจแผ่ไปถึงสี่สมุทร ปวงชนสามารถ สามารถทำการงาน ดำรงชีวิตตั้งถิ่นฐาได้นอย่างสงบสุข แผ่นดินมั่งคั่ง ประชาชนสุขใจ พืชผลอุดมสมบูรณ์
           
สิ่งที่พระราชาทรงหวังคือสันติภาพที่ขอให้ยืนนานไปสักชั่วศตวรรษหนึ่ง หลังจากนั้นคงต้องให้ขึ้นอยู่กับคนยุคต่อไป


           ใช่ล่ะ,สันติภาพนั้นคงอยู่สืบต่อไปประมาณสองร้อยปี... 


           ค.ศ.668  อาณาจักรโคคูรยอต้องล่มสลายจากการโจมตีของอาณาจักรชิลลาที่อาศัยกำลังจากจีนที่ปกครองโดยราชวงศ์ถัง ทหารจีนได้เผาทำลายบันทึกทั้งหมดที่พบ ดังนั้นหลักฐานต่างๆเกี่ยวกับอาณาจักรโคคูยอจึงเหลือมาถึงปัจจุบันน้อยมาก จะคงอยู่ก็เพียงแต่ศิลาจารึกพระเจ้าควางเกโทที่สร้างขึ้นประดิษฐานไว้เหนือสุสุสานของพระองค์ที่กุกแนซอง หรือ ปัจจุบันก็คือ มณฑลจี๋หลิน ประเทศจีน ที่ชาวเกาหลีต่างนิยมเดินทางไปเยี่ยมชมเพื่อระลึกถึงพระราชาผู้ยิ่งใหญ่ของพวกเขา 


          ณ ยุคปัจจุบันที่สนามบินนานาชาติอินชอน ประเทศเกาหลีใต้ ที่ผู้คนมากมายต่างมาเพื่อเดินทางไปยังจุดหมายต่างๆที่ต้องการ ส่วนหนึ่งนั้นก็ต้องการเดินทางไปยังประเทศจีน อย่างน้อยก็สองกลุ่ม กลุ่มหนึ่งที่มากันแค่สองคนเป็นอาจารย์หนุ่มใหญ่ท่าทางซุ่มซ่ามกับลูกศิษย์สาวน้อยจอมซุกซน ทั้งสองดูคล้ายกับฮยนอนโกและซูจีนีในอดีตไม่มีผิด 


 “มีศิลาจารึกแท่งเดียวที่บันทึกเรื่องนั้นจริงๆเหรออาจารย์” สาวน้อยตั้งคำถาม


             “เมื่อตอนที่ราชวงศ์ถังรุกรานบันทึกประวัติศาสตร์โคคูรยอถูกเผา ประวัติศาสตร์นับร้อยเรื่องจึงสูญหายไป...” อาจารย์เกริ่นขึ้นเพื่ออธิบายความเป็นมาแต่ฝ่ายลูกศิษย์ใจร้อนจึงวิ่งเข้าไปร่วมฟังที่มัคคุเทศน์ของกลุ่มคนที่จะไปเที่ยวยังที่เดียวกันกำลังเล่าเรื่องศิลาจารึกนั้นอยู่ 


            “เราจะเดินทางไปที่เมืองชิบัน(จี๋หลิน)ในวันที่สาม ชิบัน คือ เมืองหลวงที่สามของอาณาจักรโคคูรยอ ซึ่งเดิมชื่อเมืองกุกแน และที่นั่นมีศิลาจารึกของพระเจ้าควางเกโทประดิษฐานอยู่ เราจะไปเยี่ยมชมศิลาจารึกกัน”  


            ฟังแล้วเจ้าลูกศิษย์ก็วิ่งมาบอกกับอาจารย์ “นี่ๆ ที่เขาพูดใช่อันเดียวกันกับที่อาจารย์จะให้ไปดูรึเปล่า” เธอกระซิบแล้วแต่อาจารย์ก็ยังทำท่าจุ๊ปากกำชับให้เบาๆ ฝ่ายมัคคุเทศก์ที่อยู่กับกลุ่มนักท่องเที่ยวก็พูดต่อ


            “ทุกท่านห้ามแตะต้องและกรุณาอย่าถ่ายรูปศิลาจารึกด้วย”


            ถึงตอนนี้สาวน้อยก็แปลกใจเป็นอย่างมากแล้วก็สงสัยมากจนสงบปากสงบคำไม่ได้เลย “ทำไมเล่า เธอร้อง  ไม่ให้จับ ไม่ให้ถ่ายรูปแล้วจะมีประโยชน์อะไรในเมื่อไม่มีอะไรจะเก็บไว้เป็นที่ระลึก ฝ่ายอาจารย์ต้องรีบไปป้องปากเธอไว้แทบไม่ทัน 


            อีกด้านหนึ่งของสนามบินที่มีผู้คนมากมายไม่แพ้บริเวณอื่น ท่ามกลางผู้คนยังมีชายคนหนึ่งเดินสะพายกระเป๋าออกไป ใบหน้าของเขาดูราวกับชอโรเจ้าป้อมกวานมีในอดีตแต่ต่างที่ผมของเขาตัดสั้นอย่างผู้ชายสมัยใหม่ทั่วไป ด้านนอกตรงจุดจอดรถแท็กซี่หรูคันหนึ่งก็มีคนขับเป็นชายหนุ่มในชุดสูทที่มีใบหน้าละม้ายกับยอนโฮเก....  


            ท่ามกลางผู้คนที่เดินผ่านมาและผ่านไป ใครจะรู้ว่าเมื่อกว่าพันปีผ่านไป เหล่าเทพทั้งสี่รวมทั้งพระราชาผู้ยิ่งใหญ่นั้นได้กลับมาแล้วและอยู่ข้างๆพวกคุณโดยที่คุณไม่รู้ตัว




Free TextEditor




 

Create Date : 22 พฤษภาคม 2551    
Last Update : 11 มิถุนายน 2551 10:42:46 น.
Counter : 1625 Pageviews.  

1  2  3  
 
 

thippy56_
Location :


[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed

ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




[Add thippy56_'s blog to your web]

 
pantip.com pantipmarket.com pantown.com
pantip.com pantipmarket.com pantown.com