All Blog
สาวไฮเปอร์หัวใจติส ตอนสิบห้าจุดสอง (ท้ารับปีใหม่)
*.:。✿* D *.:。✿*゚¨゚✎ * *.:。✿* D *.:。✿*゚¨゚✎*.:。✿* D *.:。✿*゚¨゚✎ *✿* D *.:。✿*゚¨゚✎ *

สวัสดีปีใหม่ 2555
ตื่นเช้ามา ท้องฟ้าสดใส
ค่ำคืนคราคร่ำเสียงประทัดก้องไกล
ประกาศไว้ว่า...2555...ฟ้าใหม่ดีกว่าเดิม






ขอให้สำลักความสุข
ขอให้ทุกข์กระเด็น
ขอให้เห็นรอยยิ้ม
ขอให้อิ่มความรัก
ขอให้หนักเงินหนักทอง
ขอให้มองฟ้าสวย
ขอให้รวยความฝัน
ขอให้มั่นความดี
ขอให้มีแรงใจ
ขอให้ทุกท่านสดใส
สบายกายสบายใจ
ตลอดปี สุขสันต์วันปีใหม่เทอญ

*.:。✿* D *.:。✿*゚¨゚✎ * *.:。✿* D *.:。✿*゚¨゚✎*.:。✿* D *.:。✿*゚¨゚✎ *✿* D *.:。✿*゚¨゚✎ *





*.:。✿* D *.:。✿*゚¨゚✎ * *.:。✿* D *.:。✿*゚¨゚✎*.:。✿* D *.:。✿*゚¨゚✎ *✿* D *.:。✿*゚¨゚✎ *

อยากทำลิงค์ให้นะคะ ท่านใดที่เข้ามาอ่าน ติสสิบห้าจุดสอง ต้องกลับไปอ่านติสสิบห้า (ซ่าส์ส่งท้าย) ของปี 2554 นะคะ ไม่งั้นท่านจะพลาดตอนหวาน ๆ สำคัญไปคะ....


。✿*゚¨゚✎ *ติสสิบห้าจุดสอง (ท้ารับปีใหม่)✿*゚¨゚✎ *


เหตุการณ์เมื่อครู่ผ่านไป ภายในใจของสองหนุ่มสาวอบอวลด้วยสายหมอกที่แตกต่างกันไป เก็จพรหมไม่ปฏิเสธใจตัวเองเลยว่าตอนนี้ทรวงอกที่เต้นไหวนั้นมันอ่อนหวานละมุนจนอยากจะกกกอดร่างอรชรนุ่มนิ่มนั้นเอาไว้เนิ่นนาน เขามั่นใจขึ้นทุกวันว่าคิดอย่างไรกับหญิงสาวตรงหน้านี้ ความรู้สึกส่งให้สายตาที่ทอดมองร่างบางทั้งรักและเอ็นดูอย่างล้นใจ หากเพียงแค่ติสสาวหันมาดูก็จะรับรู้ได้ทันที ส่วนพู่กันนั้นเล่าหมอกกลางใจของเธอเวลานี้กลับเป็นสีทึมเทาไม่ชัดเจนและว้าวุ่นสับสน สถานภาพระหว่างเธอกับเก็จพรหมดูจะคลุมเครือ เพราะประโยคที่บอกกับเธอก่อนหน้านี้ว่า...ขอให้คิดว่าเขาเป็นเพื่อน ...เพื่อนเรอะ ทำไมเพื่อนต้องทำตาซึ้งตลอดเวลา ทำทีว่าห่วงใยอาทรเสมอ ยิ่งมาอยู่ใกล้ๆแบบนี้ทำไมต้องอ่อนโยนและอบอุ่น...มันทำใจเธอแกว่งไกวนี่นา... เหตุการณ์ตะกี้ทำเอาใจเธอเต้นรัว ลมหายใจอุ่น ๆ คางสากสัมผัสกับซีกแก้มยังรู้สึกระคายผิวหน้าอยู่ไม่หายเพียงแค่คิดถึงหน้ายังเห่อร้อนจนอยากเทน้ำจากขวดลูบให้หายร้อน ...มันคือความคิดเท่านั้นแค่เหลือบตามองคนข้าง ๆ เธอยังไม่กล้า......ภาพของทั้งสองหนุ่มสาวนั่งเงียบงันปล่อยกระแสความคิดไปคนละทาง ไม่ต่างจากคู่รักกำลังนั่งทอดอารมณ์อย่างสุขและสงบ แม้ร่างสูงของเปรโตเดินเข้าไปหาสองหนุ่มสาวยังไม่มีใครรู้สึกตัว

“มาอยู่กันที่นี่เอง”
“อ้าวเบรโต รู้ได้ไงว่าเราอยู่ที่นี่”
พู่กันเงยหน้ายิ้มทักหนุ่มผมเหลืองอย่างโล่งใจที่ไม่ต้องทนอึดอัดกับบรรยากาศอึมครึมนั้น
“ผมตามกลิ่นมา”
เบรโตพูดขำขันเคล้าหัวเราะฟังแล้วรื่นหูสำหรับพู่กัน แต่ไม่ใช่สำหรับหนุ่มอีกคนอย่างแน่นอน
“กลิ่นคงแรง”
น้ำเสียงเยาะจากเจ้าพ่อรีสอร์ทที่ก้มหัวทักทายหนุ่มผู้มาใหม่
“อืมมม เบรโต นี่คือคุณพรหม คุณพรหมเป็นเออ..นายจ้างของฉัน”
พู่กันไม่เข้าใจตัวเองเหมือนกันว่าทำไมต้องแนะนำไปแบบนั้น ความจริงมันก็ไม่ผิดหรอกที่บอกว่าเก็จพรหม เป็นนายจ้างเพราะในสัญญาที่พี่หนูนาให้มาคนที่ต้องเซ็นต์สัญญาร่วมนั้นเป็นเขาจริงๆ
“ยินดีได้รู้จักครับ”
เบรโตยื่นมือให้เก็จพรหม
“เช่นกันครับ”
สองหนุ่มจับมือกันแล้วหันไปพร้อมกันมองร่างบางกำลังเดินไปเก็บอุปกรณ์วาดรูป เพื่อเปิดโอกาสให้ชายหนุ่มทั้งสองสนทนากันตามสบาย
“ผมเพิ่งทราบว่าเธอมาที่นี่ด้วยเหตุผลอะไร”
เบรโตเอ่ยขึ้นโดยใช้พู่กันเป็นหัวข้อสนทนา หลังจากเงียบไปชั่วครู่
“เธอบอกคุณอย่างนั้นเหรอ”
เก็จพรหมถามสายตายังคงปักอยู่ที่ร่างบาง
“วันนั้นผมเห็นเธอขึ้นเวทีรับรางวัลนะสิฮะ”
เบรโตตอบน้ำเสียงรื่นรมย์ทอดสายตาอ่อนหวานส่งไปที่สาวเอเชียแม้ละสายตากลับมาที่คู่สนทนายังทันเห็นร่องรอยค้างคา

“ขอโทษนะครับ คุณรู้จักเธอได้อย่างไรกัน”
เก็จพรหมพยักหน้า เงียบไปชั่วครู่ ก่อนจะส่งคำถามให้ที่ค้างคาใจ
“มันเป็นเรื่องพรหมลิขิต”
เบรโตเน้นปลายเสียงอย่างตั้งใจ
“ยังไง?”
เก็จพหรมเงยขึ้นจ้องหน้าหล่อเหลาอย่างไม่เข้าใจคำตอบนั้น
“คนสองคนอยู่กันคนละซีกโลก มาเจอกันมิใช่ชะตาลิขิตอีกเหรอครับ”
“ยังไงก็ไม่เห็นจะเกี่ยวกับพรหมลิขิต”
เก็จพรหมสูดลมหายใจลึกๆ บอกตัวเองให้อดทน รู้สึกไม่ชอบหน้าหนุ่มคนนี้มากกว่าเดิม
“เกี่ยวสิ ชะตาส่งให้ผมช่วยเหลือเธอนับตั้งแต่วันแรกที่เราพบกัน”
เบรโตตอบด้วยความมั่นใจว่าเขากับพู่กันเป็นเรื่องของโชคชะตา แววตาที่ส่งสบตาคมเข้มเหมือนประกาศศึกไปในตัวว่าเขาสนใจติสสาวเช่นกัน
“ช่วยเหลือ? ช่วยเหลือยังไง”
คิ้วเข้มขมวดไม่เข้าใจคำพูดของหนุ่มผมเหลือง ว่าไปช่วยเหลือพู่กันตรงไหน
“ถ้าผมบอกคุณ พู่กันคงไม่ชอบใจแน่ ๆครับ”

เบรโตขยิบตาให้เก็จพรหม จงใจหยุดคำตอบให้หนุ่มหน้าเข้มตรงหน้าค้นหาคำตอบแทน เป็นเวลาเดียวกันกับร่างบางเดินตรงมาทางสองหนุ่ม ในมือถือเฟรมงานและขาตั้งไม้ บอกให้สองหนุ่มรู้ว่าเธอกำลังจะออกจากสวนสาธารณะแห่งนี้

“พู่เสร็จแล้วคะคุณพรหม จะกลับกันหรือยังคะ”
“ผมช่วยถือ พู่จะไปไหนต่อ?”
เก็จพรหมปรับสีหน้าฝืนยิ้มและเอื้อมหยิบอุปกรณ์วาดภาพจากมือติสสาว
“คะ พู่นัดพี่แก้วว่าเราจะไปช๊อปปิ้งประสาผู้หญิงกันนะสิคะ”
พู่กันยิ้มกว้างเมื่อเห็นแววตาเก็จพรหมเปลี่ยนหลังจากได้คำตอบ แล้วหันไปคุยกับเบรโตที่ยืนมองรูปภาพที่เสร็จสมบูรณ์ในมือของเธอ
“เบรโต ฉันจะกลับที่พักแล้ว ถ้ามีโอกาสคงได้เจอกันอีกนะ”
“โอเค แล้วผมจะโทรหาคุณนะ พู่กัน”

เบรโตมองดูสองหนุ่มสาวเอเชียเดินเคียงคู่กลับไปทางเดิม เขามองความรู้สึกผู้ชายด้วยกันออกแม้ว่าชายหนุ่มจะไม่แสดงออกนอกหน้าก็ตาม มากไปกว่านั้นเค้าก็เห็นรอยหวานในแววตายามที่พู่กันมองดูชายคนนั้นด้วยเช่นกัน ที่ผ่านมาเขารู้ว่ามาทีหลังแต่นับจากนี้ระหว่างเขากับหนุ่มเอเชียถือเสมอกัน เสียงกร้าวคำรามอยู่ในลำคอพอๆกับสายตาแน่วแน่

“เธอจะต้องเป็นของฉันคนเดียวเท่านั้น ฉันสัญญา”


*.:。✿* D *.:。✿*゚¨゚✎ * *.:。✿* D *.:。✿*゚¨゚✎*.:。✿* D *.:。✿*゚¨゚✎ *✿* D *.:。✿*゚¨


สองสาวเดินเข้าออกตามร้านรวงต่างๆในใจกลางเมืองฟลอเร็นซ์ ดูเหมือนว่าคนที่ช๊อปหนักคงเป็นเก็จแก้ว เธอจับจ่ายซื้อของชิ้นเล็กชิ้นน้อยอย่างสนุกสนาน ในขณะที่ติสสาวถนัดดูและเป็นที่ปรึกษามากกว่าซื้อ เหตุผลง่ายคือไม่โดนใจและราคาสูงเกินไป

“พู่ว่าที่เมืองไทยสวยกว่านี้เยอะ แถมราคาห่างกันหลายสิบเท่า”

ถึงกระนั้นไม่วายควักเงินซื้อมาหลายชิ้นสำหรับคนที่อยู่เมืองไทยเช่นกัน มีเหตุผลที่คนฟังต้องอมยิ้มขำ
“มันเป็นสิ่งเดียวที่ยืนยันว่าพู่มาถึงอิตาลี ไม่งั้นไม่ได้ตังค์พู่ชัวร์”
“สวยไหมพู่ แบบนี้พี่หนูนาเขาชอบหรือเปล่า”

เก็จแก้วชี้ชวนให้พู่กันดูหินเล็กๆหลากสีร้อยเป็นพวง ติสสาวชะโงกดูก่อนเงยหน้าส่งยิ้มแหยพี่สาวเก็จพรหม
“พู่ว่าพี่หนูนาไม่ใส่แน่ๆ คะ เท่าที่สังเกตพี่หนูนาชอบแบบชิ้นโต ๆ เดี่ยวๆ ชีบอกว่ามันเป็นกอบเป็นกำดี”

พู่กันเลียนเสียงเพื่อนรุ่นพี่ที่เคารพได้ไม่ผิดเพี้ยนเรียกเสียงหัวเราะของเก็จแก้ว เธอเริ่มเชื่อแล้วว่าพู่กันเป็นเด็กรุ่นน้องที่หนูนารักนักรักหนาเพราะความน่ารักและเป็นธรรมชาตินั่นเอง
“งั้นต้องชิ้นนี้น่ะสิ”

เก็จแก้วหยิบหินสีเม็ดใหญ่ที่ร้อยเรียงกันอย่างเหมาะเจาะ ขอเชื่อความเห็นของติสสาวเพราะทั้งคู่เซอร์พอๆกัน พู่กันหันกลับไปดูสิ่งของที่สนใจอยู่ก่อนหน้านี้ ปากอิ่มเม้มเหมือนใช้ความคิด ระหว่างที่ยกกล้องเพื่อเก็บภาพ พลันสายตาเหลือบไปเจอสีหน้าไม่พอใจแววตามึนตึงของพนักงานขายที่มองเธอเขม็งติสสาวมองตามสายตาของเขาไปที่ข้างกระจกป้ายติดหราเอาไว้ “ห้ามถ่ายรูป” พู่กันยิ้มแหยพยักหน้าขอโทษขอโพยที่ไม่รู้ “ผู้ไม่รู้คือผู้ไม่ผิด” เธอคิด ก่อนจะรีบเดินห่างของสิ่งนั้นด้วยความเสียดาย ในใจแอบคิดไว้ว่า ถ้ามีโอกาสวนกลับมาอาจจะซื้อไว้เป็นที่ระลึกของตัวเอง เพราะเป็นความคิดแผลงๆของเธอตั้งแต่เรียนปีหนึ่งแล้วเอง เมื่อคิดมาถึงจุดนี้ แววตาติสสาวไหวระริกถูกใจกับความคิดนี้เป็นที่สุด....

“พี่แก้วคะ พรุ่งนี้พู่ไม่เข้าไปในงานนะคะ”
พู่กันเอ่ยขึ้นขณะอยู่บนแท๊กซี่ขากลับที่พัก
“นัดกับพี่พรหมไปไหนหรือจ๊ะ”
เก็จแก้วถามยิ้มๆคิดว่าน้องชายคงนัดพาหญิงสาวเที่ยว
“เปล่าคะ”
พู่กันซ่อนยิ้ม “เธอจะบอกได้ไงว่าเธอมีนัดกับผู้ชายอื่นที่ไม่ใช่เก็จพรหม”
“อ้าวเหรอ ..เอ..บอกได้ไหมจ๊ะว่าพู่จะไปทำอะไรที่ไหน”
ผู้เกิดก่อนยั้งคำพูดว่ากับใครเอาไว้ตามมารยาทที่พึงมี
“อ๋อได้คะ คือพู่มีเดทกับชายหนุ่มที่หล่อที่สุดในเมืองนี้คะ”
พู่กันห่อไหล่พูดอาย ๆ หน้าแดงเรื่อตาลอยเมื่อนึกถึงชายหนุ่มที่เธออ้างอิง
“อะไรกัน พู่มาไม่กี่วันมีหนุ่มหล่อที่สุดมาจีบแล้วหรือเนี่ย”
เก็จแก้วหยอกรุ่นน้องเพื่อนรักด้วยการทำตาโตล้อเลียน ทั้งๆที่ในใจเริ่มห่วงน้องชายตัวเอง
“ปิดเป็นความลับหน่อยนะคะ พู่เขินคะพี่”
พู่กันหัวเราะเสียงใส ใบหน้าแลดูอ่อนเยาว์
“ไม่มีปัญหา ยังไงก็ระวังตัวหน่อยล่ะกัน เออ พี่จะถามพู่อยู่เหมือนกันว่า วันก่อนพู่ไปเจออะไรแย่ๆในเมืองนี้มาใช่ไหม จำได้ว่าฟังน้ำเสียงพู่แย่มาก ”
“เป็นความซวยซ้ำซวยซ้อนของพู่เองคะพี่แก้ว”

พู่กันเล่าเหตุการณ์วันที่เจอเบรโตให้เก็จแก้วฟังอย่างละเอียด แม้ว่าจะเป็นเรื่องเข้าใจผิดก็ตามแต่น้ำเสียงระหว่างที่เล่าช่วงเวลาที่ฟังดูเลวร้ายที่สุดของผู้หญิงต่างแดนเผชิญอยู่ น้ำเสียงนั้นยังสั่นครือเหมือนเหตุการณ์นั้นเพิ่งเกิดขึ้นไม่นาน เก็จแก้วพยักหน้าเข้าใจติสสาว แม้จะรู้สึกแปลก ๆ ที่ในโลกนี้มีคนใจดีพยายามคืนของที่เจ้าของลืมและแสดงอย่างชัดเจนว่าหวาดกลัว แทนการนำสิ่งของนั้นไปให้ตำรวจท่องเที่ยวเพื่อตามหาเจ้าของอีกที ความจริงแล้วไม่ยากเย็นที่จะหาเจ้าของเพราะหลักฐานแสดงตัวตนก็อยู่ในเป้แล้ว แค่เอาไปให้กงศุลหรือตรวจคนเข้าเมืองก็รู้แล้วว่าหาเจ้าของได้ที่ไหน....

*.:。✿* D *.:。✿*゚¨゚✎ * *.:。✿* D *.:。✿*゚¨゚✎*.:。✿* D *.:。✿*゚¨゚✎ *✿* D *.:。✿*゚¨

“Thank you very much we will serve the best"

เก็จพรหมยืนมองพี่สาวจับมือกับเอเยนต์หลังจากมีการเจรจาอยู่เกือบชั่วโมง และเขาก็เชื่อว่าเก็จแก้วทำสำเร็จเอาเอเยนต์รายนี้อยู่ ร่างสูงเดินเข้าหาเก็จแก้วที่กำลังเก็บเอกสารใส่แฟ้ม หญิงสาวดูไม่ประหลาดใจที่เห็นน้องชายตัวดีเดินตรงมาด้วยหัวคิ้วขมวดมุ่น คำถามน่ะเธอรู้แล้วแต่คำตอบที่จะให้นี่สิเธอจนปัญญาจริงๆ

“พรหมมาก็ดีแล้ว นี่จ๊ะสัญญาระหว่างเอเยนต์เจ้าใหม่”
“พี่แก้วฮะ พู่โทรมาหรือยังครับ”
น้องชายตัวดีถามไปอีกทางตามคาดหมาย
“เปล่านี่จ๊ะ”
เสียงราบเรียบเหมือนคำตอบ
“อ๊าวแล้วพี่ไม่ เออ..เป็นห่วงเหรอฮะ”
เก็จพรหมโพล่งถามทันควัน
“ไม่ล่ะจ๊ะ เมื่อวานพู่บอกพี่แล้วว่าไม่มาวันนี้จ๊ะ”
เก็จแก้วทำทีก้มหน้าดูเอกสารอื่นขณะที่ตอบน้องชาย
“พู่เค้าว่ายังไงล่ะฮะ”
เสียงขุ่นคลั๊กจนต้องแอบซ่อนยิ้ม กลั้นขำเมื่อนึกถึงสีหน้าน้องชายเมื่อได้คำตอบจากเธอ
“อ๋อ เค้าบอกพี่ว่ามีเดทกับหนุ่มหล่อ”
“อะ..อะไรนะฮะ?”
เก็จพรหมทำหน้าตื่น ในใจนึกไพล่ไปถึงเบรโต ที่เจอกันเมื่อวาน
“อุ๊ยตาย พี่ลืมไปว่าพี่สัญญากับพู่กันว่าจะปิดเรื่องนี้ให้เป็นความลับ ตายแล้วยังไงพรหมช่วยปิดให้พี่อีกทอดแล้วกันนะจ๊ะน้องรัก”

เก็จแก้วทำเสียงตกใจอุทานออกมาที่เผลอบอก พลางลอบสังเกตุสีหน้าไม่สู้ดีของน้องชายของเธอ มันเป็นความรู้สึกขำเล็ก ๆ ที่เธอมีโอกาสทำให้น้องชายคนเก่งของเธอฟอร์มตกขนาดนี้ ทั้งๆที่ผ่านมาไม่เคยหลุดให้เห็น ความจริงเธอได้คำตอบแล้วว่าชายหนุ่มคนที่พู่กันนัดหมายนั่นคือใคร คนที่เฉลยก็หาใช่ใคร นอกเสียจากหนูนาเพื่อนสุดเลิฟของเธอนั่นเอง

สีหน้าเก็จพรหมบึ้ง เขาเข้าใจว่าคนที่พู่กันออกเดทด้วยต้องใช่เบรโตชัวร์ หลังจากกระแทกตัวนั่งเบาะหนาอย่างไม่สบอารมณ์ นิ้วเรียวยาวเคาะโต๊ะอย่างใช้ความคิด หนุ่มต่างชาติคนนั้นประกาศอย่างชัดแจ้งว่าสนใจพู่กัน คำพูดที่ทิ้งท้ายให้คิดเมื่อวานยังก้องอยู่ในหัวมันสร้างความขุ่นมัวในใจเขานับแต่นั้นมา เพราะมัวแต่หมกมุ่นอยู่กับความคิดไม่ได้สังเกตุว่ามีร่างสูงใหญ่เดินใกล้เข้ามา จนกระทั่งได้ยินเสียงทักทายเจ้าพ่อรีสอร์ทจึงได้เงยหน้ามองด้วยสายตาประหลาดใจมากมาย

“สวัสดีครับ”
“สวัสดีเบรโต คุณมาทำอะไรที่นี่”
เก็จพรหมยิงคำถามทันทีแทบไม่ต้องคิด
“ผมมาหาพู่กันนะสิ เธออยู่ไหม”
หนุ่มผมเหลืองหล่อเหลาเหมือนดาราตอบแต่สอดส่ายสายตาหาคนที่พูดถึง
“อ้าว ผมนึก..”

เก็จพรหมยั้งคำพูดไว้แค่นั้น สมองทำงานเร็วรี่ ถ้าพู่กันนัดกับหนุ่มคนนี้คงไม่มาถามตอนนี้หรอก แล้วพู่กันนัดกับหนุ่มหล่อคนไหนอีก ....ยังมีหนุ่มคนไหนอีกที่เจ้าหล่อนรู้จักและออกเดทด้วย

“ที่โรงแรมบอกว่าเธอออกไปตั้งแต่เช้า ผมก็นึกว่าเธอจะอยู่ในงาน”

เบรโตตอบน้ำเสียงราบเรียบ ตาสีฟ้าแกมเขียวหรี่มองดูนายจ้างของพู่กันอย่างไม่เข้าใจเพราะก่อนมาเห็นสีหน้าติดบึ้ง ต่อด้วยมองเขาแบบไม่เชื่อสายตาทันทีที่เห็นเขาแล้วตอนนี้กลับนิ่งขรึมจนดูไม่ออกว่ากำลังคิดอะไรอยู่

“พู่เค้าไปทำธุระ คงเย็นถึงจะกลับมา”
น้ำเสียงเรียบตอบด้วยสีหน้าเป็นปกติ
“งั้นฝากบอกเธอด้วยว่าผมมาหา”

เบรโตค้อมศีรษะให้ผู้ผ่านสารสีหน้ายิ้มแย้มก่อนขอตัวกลับ การปรากฏตัวของเบรโตมิได้ลบอารมณ์ขุ่นมัวออกจากหัวของเก็จพรหมแม้แต่น้อย เก็จพรหมหันไปมองพี่สาวของตัวเอง เขาเพิ่งสังเกตุว่าเก็จแก้วดูไม่แสดงอาการเดือดเนื้อร้อนใจกับการเดทของพู่กันแม้แต่น้อย คนอย่างเก็จแก้วถ้าลงได้รับมอบหมายให้ดูแลติสสาวแล้วไม่มีทางเป็นไปได้ว่าเธอจะทำตัวปกติเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น....

“พี่แก้วรู้ใช่ไหมฮะว่าพู่เค้านัดใคร”
“อ้าวไม่ใช่กับฝรั่งหนุ่มคนตะกี้หรอกเหรอ”
เก็จแก้วทำหน้าเหรอหรา
“ถ้าใช่มันคงไม่มาถามหาพู่ถึงที่นี่หรอกฮะ”
เก็จพรหมพูดเสียงรอดไรฟัน
“เหรอ....งั้นพู่นัดกับใครกันนะ”
เก็จแก้วลากเสียงกวนๆ
“พี่แก้วรู้ดี บอกผมมาเถอะ”
หน้าเข้มเริ่มขรึมจัดหรี่ตามองรอยยิ้มพราวทั่วใบหน้าของพี่สาว
“บอกง่าย ๆ มันก็ยังไงอยู่สิ เอ..พรหมมีอะไรแลกเปลี่ยนล่ะจ๊ะ”
ข้อแลกเปลี่ยนที่เก็จพรหมรู้ดีว่าหมายถึงอะไร เสียงอึกอักในลำคอพลางยืดตัวตั้งตรง
“ผมเป็นห่วงพู่ ..เออ..เกิดไอ้หนุ่มหล่อที่สุดคนนั้นเกิดทำอะไรมิดีมิร้ายกับพู่ขึ้นมา”
“เป็นไปไม่ได้จ๊ะ พี่เชื่อใจหนุ่มคนนั้นมากกว่าเชื่อพรหมอีกรู้ไหม”
เก็จแก้วเน้นเสียงยืนยันอย่างมั่นใจเป็นที่สุด จนผู้เป็นน้องชายต้องหรี่ตามองอย่างสงสัยกว่าเดิม
“พี่แก้วเคยเห็น...มันมาแล้ว?”
“แน่น้อน ขนาดพี่ยังเคลิ้มเลย ยังนึกไม่ออกเหมือนกันว่าตอนนี้พู่กันก็คงไม่ต่างจากพี่ชัวร์”
เก็จพรหมตีหน้ามึนเมื่อเห็นพี่สาวคนเดียวของเขาทำตาฝันหวานยามที่พูดถึงคนที่พู่กันออกเดทด้วย
“มันเป็นใครฮะ”
เสียงริษยาออกมาทำเอาเก็จแก้วกลั้นขำเอาไว้ไม่อยู่ เสียงขลุกขลักในลำคอคล้ายสำลัก ก่อนที่เธอจะเค้นถามเพื่อให้ได้สิ่งที่ต้องการ

“แล้วพรหมว่าไงล่ะจ๊ะ”

....มาลุ้นกันนะคะว่าพู่กันนัดกับใครเอาไว้เอ่ย....ตอนหน้า




Create Date : 01 มกราคม 2555
Last Update : 2 มกราคม 2555 8:36:45 น.
Counter : 1197 Pageviews.

8 comment
สาวไฮเปอร์หัวใจติส - ติสสิบห้า (ซ่าส่งท้าย)
ขอส่งท้ายปีเก่า
ทิ้งความเศร้า ปล่อยความเหงา ให้หมดไป
ต้อนรับความสุข ร่ำรวย สวยสุขใส
ขออวยชัยให้ทุกท่านโชคดีตลอดปีมะโรงเทอญ


*.:。✿* D *.:。✿*゚¨゚✎ * *.:。✿* D *.:。✿*゚¨゚✎*.:。✿* D *.:。✿*゚¨゚✎ *✿* D *.:。✿*゚¨゚✎ *

แม่หนูยิมปั่นให้ได้ตอนส่งท้ายปีเก่า 2554
ดังนั้นติสบทสิบห้าจะมีสองตอน (ตอนซ่าส์ส่งท้าย)
และจะปั่นเพื่อต้อนรับปี 2555 ตอนนี้ชื่อว่า (ท้ารับปีใหม่)
ก็จะหวานส่งท้ายและรับปีใหม่เลยคะ
ปีนี้แม่หนูยิมก็คงต้องขอขอบคุณแรงใจทุกท่านที่เข้ามาอ่านบทนิยายของแม่หนูยิมนะคะ ใครที่เม้นท์ให้ก็ดีใจและขอบคุณมากคะ ส่วนที่ไม่เม้นท์ก็เข้าใจว่ายังไม่โดนใจก็อาจเป็นไปได้
สำหรับท่านที่แม่หนูยิมขอบคุณมาณ ที่นี่ในห้องนิยาย ข้อความที่เม้นท์ให้ทำให้ผลงานที่ออกมาดีเสมอเพราะอยากให้เค้าเม้นท์ให้อีก ขอขอบคุณ พี่ตุ้ย (ดอยสะเก็ต) คุณวี (โสดในซอย) พี่พันวัต (panwat) หนูฝน (rainy ) แม่อาเดียว (ปันฝัน) คุณ Jee คุณ Vee พี่ฟาร์ go far far และท่านอื่นๆ อีกมากมายนะคะ

*.:。✿* D *.:。✿*゚¨゚✎ * *.:。✿* D *.:。✿*゚¨゚✎*.:。✿* D *.:。✿*゚¨゚✎ *✿* D *.:。✿*゚¨゚✎ *




*.:。✿* D *.:。✿*゚¨゚✎ * *.:。✿* D *.:。✿*゚¨゚✎*.:。✿* D *.:。✿*゚¨゚✎ *✿* D *.:。✿*゚¨゚✎ *

*.:。✿* D *.:。✿*゚¨゚✎ติสสิบห้า (ซ่าส์ส่งท้าย)*✿* D *.:。✿*゚¨゚✎ *



*.:。✿* D *.:。✿*゚¨゚✎ * *.:。✿* D *.:。✿*゚¨゚✎*.:。✿* D *.:。✿*゚¨゚✎ *✿* D *.:。✿*゚¨゚✎ *

อาร์ทตัวแม่วางจานสีและพู่กันบนโต๊ะเล็กๆ ร่างบางถอยหลังเล็กน้อยและเอียงคอมองดูผลงานของตัวเองหลังจากที่ใช้เวลาเกือบครึ่งค่อนคืน นิ้วเรียวเล็กไถคางแหลมไปมาอย่างครุ่นคิด มันยังไม่เสร็จสมบูรณ์ พรุ่งนี้เธอจะให้ภาพบนแผ่นเฟรมมีชีวิตชีวาอย่างแน่นอน ติสสาวหาวปากกว้างโดยไม่ปิดปากติดๆ กัน ดวงตาเริ่มปรือปรอยพอๆกับสมองดูมืดตื้อ พู่กันเหยียดสุดลำแขนไปข้างหน้าพร้อมบิดตัวไปมาขับไล่อาการเมื่อยขบ

“มันกี่โมงกี่ยามแล้วเนี่ย”

เสียงงึมงัมชิดริมปากอิ่ม มือน้อยทุบเบา ๆ ที่ต้นคอและท้ายทอย เดินกระปลกกระเปลี้ยไปที่เตียงกว้าง หยิบนาฬิกาที่หัวเตียงส่องดูเวลา เข็มสั้นเลยเลขสามนิด ๆ บอกให้รู้ถึงการทำงานที่แสนยาวนาน

“โอยยยย...ตาลืมไม่ขึ้นแล้วตรู ( เริ่มต้นหาวยาวอีกครั้ง) พรุ่งนี้ค่อยว่ากันอีกที”

พู่กันคลานต้วมเตี้ยมขึ้นเตียงสอดตัวเข้าในผ้าห่มหนา ร่างกายของหญิงสาวแทบปิดสวิทไปทันทีโดยไม่รู้ตัวเลยว่ามีแขกไม่ได้รับเชิญก้าวเข้ามาในห้องหลังจากที่เธอหลับไปเพียงไม่นาน สายตาคมกริบจ้องมองหน้าหวานนิ่ง ลมหายใจสม่ำเสมอบ่งบอกให้รู้ว่าหญิงสาวหลับลึกจริงๆ มือหนายกขึ้นกดปุ่มบันทึกถ่ายใบหน้าเนียนกำลังหลับตาพริ้มด้วยแสงอินฟาเรด อุปกรณ์ชนิดนี้ใช้ในทางการทหารหรือพวกผู้ก่อการร้ายใช้สำหรับการจู่โจมข้าศึกมิให้ไหวตัวทัน แต่มันถูกนำมาใช้กับสตรีที่ไม่มีพิษสงแม้แต่น้อย กล้องในมือมิได้บันทึกภาพแค่ร่างที่นอนอยู่บนเตียงเท่านั้นหากแต่ข้าวของทุกชิ้นในห้องได้ถูกบันทึกไว้เช่นกัน ก่อนออกจากห้องร่างสูงใหญ่เดินเข้าชิดขอบเตียงกว้างก้มต่ำลงมองดวงหน้าหวานเหมือนเด็กน้อยหลับแสนสบาย มือใหญ่เอื้อมไล้แก้มนุ่มจรดริมฝีปากอิ่มช้าและเบามือ ติสสาวส่ายหน้าประท้วงประหนึ่งมีอะไรรบกวนการนอน เสียงงึมงำนั้นทำให้มุมปากหยักยกอย่างถูกใจจากผู้บุกรุก แววตาที่มองมิได้เป็นผู้ประสงค์ร้ายต่อหญิงสาวแม้แต่น้อยเป็นสายตาขรึมปวดร้าวและสับสน เขาเดินถอยห่างออกจากเตียงและเดินออกจากห้องไปโดยไม่แตะเข้าของในห้องแม้แต่ชิ้นเดียว

*.:。✿* D *.:。✿*゚¨゚✎ * *.:。✿* D *.:。✿*゚¨゚✎*.:。✿* D *.:。✿*゚¨゚✎ *✿* D *.:。✿*゚¨゚✎ *


“พู่กันยังไม่โทรมาหาพี่เลยพรหม”
เก็จแก้วเอ่ยขึ้นกับน้องชาย
“คงทำธุระหรือไม่ก็ไปเดินเล่นแถวดูโอโม (Duomo) มั้งครับ”
เก็จพรหมให้เหตุผล
“แต่พู่เค้าจะโทรหาพี่ทุกวัน”

เก็จแก้วบอกด้วยสีหน้ากังวล เพราะพู่กันปฏิบัติตามคำสั่งของหนูนาเพื่อนรักเป็นอย่างดี ....“ แกจะไปไหนให้บอกพี่เก็จแก้วก่อนนะไอ้พู่ ฉันฝากแกไว้ในความดูแลของพี่เขา อีกอย่างพี่เขาจะได้ไม่ห่วง เข้าใจที่พูดใช่ไหมแก”.....และติสสาวไม่เคยทำให้ผิดหวังเช่นกัน

“รออีกสักพักดีกว่ามั้งฮะ เผื่อพู่อยู่ระหว่างเดินทางมาที่นี่ฮะพี่”
เก็จพรหมเหลือบมองดูประตูเข้างาน ในใจเริ่มเป็นห่วงติสสาวขึ้นมาเช่นกัน

ร่างสูงยืนหน้าห้องของติสสาว หลังจากทนอยู่ในงานไม่ไหว เพราะรู้ว่าคงไม่มีสมาธิทำงาน ถ้ายังไม่รู้ว่าทำไมพู่กันถึงยังไม่เข้ามาในงาน ยิ่งเก็จแก้วออกอาการห่วงใยหลังจากไม่สามารถติดต่อติสสาว โทรเข้าห้องไม่มีคนรับสาย เขาจำได้ว่าเมื่อวานหลังจากกลับจากจัตุรัสซิกนอเรียแล้ว หญิงสาวเป็นคนบอกกับเขาเองว่าจะเริ่มลงมือทำงานทันที และยิ่งรู้สึกห่วงเมื่อเก็จแก้วบอกว่าพู่กันไม่ได้ติดต่อเหมือนเคย

ยิ่งแปลกใจเมื่อสอบถามพนักงานตรงส่วนหน้าของโรงแรมทราบว่าพู่กันไม่ได้ฝากกุญแจเอาไว้แปลว่าหญิงสาวยังไม่ได้ออกจากห้องพัก สาเหตุนี้เองทำให้เขามาหยุดยืนอยู่หน้าห้องของเธอ ชายหนุ่มเคาะประตูแต่กลับไม่มีเสียงตอบจากในห้อง เก็จพรหมลองบิดลูกบิดประตู เขาต้องแปลกใจคำรบสองเพราะประตูห้องไม่ได้ล๊อก คิ้วเข้มขมวดไม่คิดว่าคนในห้องจะนอนหรือรีบออกไปไหนจนลืมล๊อกห้อง ร่างสูงตัดสินใจเปิดประตูและเดินเข้าไปในห้อง กลางห้องบนเตียงใหญ่มีร่างบางยังนอนหลับซุกตัวอยู่ในผ้าห่ม เจ้าพ่อรีสอร์ทเดินจนชิดเตียงใหญ่ เมื่อก้มดูดวงหน้าเนียนกำลังหลับสนิท แพขนตาหนากระจาย มุมปากหยักขึ้นเหมือนกำลังฝันดี หนุ่มหน้าเข้มส่ายหน้านึกไม่ออกเขาควรจะโมโหหรือขันเจ้าหล่อนดีกันนะกับเรื่องที่หญิงสาวแสนจะขี้เซา แถมยังเผอเรอลืมล๊อกประตูห้องตลอดทั้งคืนอีก แล้วดูสิเจ้าหล่อนไม่รู้ตัวเสียด้วยซ้ำว่ามีคนยืนอยู่ในห้องและจ้องขณะที่หลับ ตาเข้มกระพริบเมื่อเห็นร่างใต้ผ้าห่มมีการเคลื่อนไหว ร่างสูงถอยออกมายืนชิดหน้าต่าง และต้องอ้าปากหวอเมื่อผ้าห่มถูกตลบขึ้นอย่างรีบเร่ง เขาเห็นร่างบางอยู่ในชุดกางเกงขาสั้นกุดเสื้อยืดคอกลมสภาพที่เรียกว่าน่าจะปลดระวางได้แล้ว หญิงสาวเดินงัวเงียไปหยิบผ้าเช็ดตัวมือบางยีผมกระเซิงเข้าห้องน้ำ ชายหนุ่มกลั้นขำและบอกตัวเองให้รีบออกจากห้องก่อนที่เจ้าของห้องจะรู้ตัว แน่นอนว่าคราวนี้เจ้าหล่อนคงจะไม่ยอมเชื่อถือเขาเป็นครั้งที่สองอย่างแน่นอน

ครึ่งชั่วโมงผ่านไปหลังจากที่เก็จพรหมรอและคำนวณเวลาว่าพู่กันน่าจะทำธุระส่วนตัวเสร็จแล้ว ชายหนุ่มจึงโทรหาหญิงสาวที่ห้องเป็นเวลาเดียวกันที่พู่กันกำลังเดินออกจากห้องพอดี

“พู่คะ”
ติสสาวคิดว่าพี่เก็จแก้วโทรมา
“ผมโทรมารบกวนพู่หรือเปล่า”
“เปล่าคะ พู่กำลังออกห้องไปทานข้าว”
“พู่รอผมที่ห้องนะ เดี๋ยวผมไปรับ”
เป็นคำสั่งกรายๆติดปลายเสียง
“คุณพรหมอยู่ไหนคะตอนนี้”
ติสสาวรีบถาม
“ทำไมฮะ”
เสียงห้วนถามกลับเพราะคิดว่าติสสาวมีนัดกับใคร
“ก็ถ้าอยู่ในงาน อย่าเสียเวลาเลยคะ พู่หาอะไรทานแถวโรงแรมก็ได้คะ”
พู่กันอธิบายเสียงอ่อน
“ผมอยู่ที่ห้อง รอผมนะครับ”
“คะ”
เสียงเล็กแข็งขึ้นเล็กน้อยรู้สึกฉิวที่ฟังดูคล้ายว่าเก็จพรหมบังคับให้รอ

เสียงเคาะประตูหลังจากที่ชายหนุ่มวางสายไม่ถึงนาที พู่กันทำหน้ามุ่ยเมื่อเห็นร่างสูงยืนรออยู่หน้าห้อง “สั่งยันเลย” หญิงสาวคิดโดยที่ไม่รู้ตัวเองเลยว่า ถ้าก้องภพปฏิบัติต่อเธอแบบนี้ป่านนี้คงได้ทะเลาะกันให้แตกดับไปข้างหนึ่งแล้ว ทั้งสองเดินเข้าร้านอาหารที่ห่างจากที่พักเพียงไม่กี่คูหาเป็นอาหารเช้าง่าย ๆแต่อร่อยสำหรับคนที่ตื่นสายและกำลังหิวโหยหญิงสาวกินจนลืมความขุ่นข้องหมองใจต่อชายหนุ่ม

เก็จพรหมจิบกาแฟนั่งมองดูใบหน้าหวานเอาแต่สนใจอาหารตรงหน้าด้วยสายตาที่เขาเองก็ไม่รู้ตัวว่าเปิดเผยอะไรต่อมิอะไรไปมากมาย พู่กันวางแก้วน้ำแล้วมองหน้าคนตรงข้ามที่นั่งเงียบมาตลอดมี บางอย่างในแววตาเข้มทำให้พู่กันเผลอมองลึกเข้าไปอย่างค้นหา พอรู้สึกตัวจึงรีบระบายยิ้มแก้ขวยเมื่อเห็นชายหนุ่มเลิกคิ้วถามกลับมา

“หน้าผมมีอะไรติดเหรอพู่”
“ปละเปล่าคะ คือพู่แค่แปลกใจ”
“แปลกใจเรื่องอะไรฮะ”
“ไม่มีอะไรคะ ว่าแต่ทำไมไม่อยู่ที่งานล่ะคะ”
พู่กันไม่ตอบแต่ถามกลับอย่างข้องใจ
“พี่แก้วไล่ให้ผมมาดูพู่ เห็นไม่โทรหา”
เก็จพรหมอ้างธุระพี่สาว
“อ๋อพู่ทำงานเพลินไปหน่อย กว่าจะได้นอนก็ตีสามเศษๆแล้วคะ”
“เลยตื่นสาย”
“ประมาณนั้นคะ”
พู่กันยิ้มเขิน
“วันนี้พู่มีแพลนหรือเปล่า”
เสียงทุ้มถามขึ้น
“อืมม ไม่มีคะ งานพู่ยังไม่เสร็จ นี่ก็คิดว่าจะไปทำต่อให้เสร็จคะ”
พู่กันตอบตามตรง
“ผมมีที่สงบและบรรยากาศดีแนะนำ รับรองพู่ถูกใจ”
“มีด้วยเหรอคะ”
“พู่สนใจหรือเปล่า”
เก็จพรหมอดกระเซ้าไม่ได้เมื่อเห็นแววตาไหวระริกของติสสาว
“เรารีบไปกันคะ พู่อยากเห็นแล้ว”
พู่กันอมยิ้มเมื่อเห็นแววตาขี้เล่นของเก็จพรหม ความอบอุ่นอยู่รอบๆตัว ทำให้สายตาที่มองชายหนุ่มไม่ต่างจากความรู้สึกของเจ้าของมากนัก

*.:。✿* D *.:。✿*゚¨゚✎ * *.:。✿* D *.:。✿*゚¨゚✎*.:。✿* D *.:。✿*゚¨゚✎ *✿* D *.:。✿*゚¨゚✎ *

ลานกว้างของสวนสาธารณะที่พู่กันใช้เป็นสถานที่ทำงาน เก็จพรหมปูเสื่อใต้ต้นไม้สูงแผ่กิ่งสาขาครึ้มบังเงาแสงตะวันที่แทบจะไม่เห็น สายลมพัดแผ่ว เวลานี้ค่อนข้างปลอดคนเพราะนักท่องเที่ยวมุ่งไปดูศิลปะตามโบสถ์หรือพิพิธภัณฑ์มากกว่า พู่กันหยิบเฟรมงานที่ไม่เสร็จมาทำต่อ กางขาตั้งในพื้นเรียบที่หาได้ไม่ยากนัก ใส่เฟรม ผสมสีกับน้ำบนโต๊ะแล้วเอาอุปกรณ์วาดภาพที่ซื้อมาใหม่มาวางข้าง ๆ เฟรม ก่อนที่จะเริ่มต้นทำงาน ติสสาวหันไปดูคนแนะนำสถานที่กำลังนั่งมองการทำงานของเธออยู่เงียบ ๆ เธอเริ่มคุ้นเคยกับสายตาที่มองอยู่ขณะนี้จึงส่งยิ้มให้พลางทรุดนั่งข้างชายหนุ่ม

“คุณพรหมคงเบื่อแย่”
พู่กันพูดอย่างเกรงใจ
“ใครบอกล่ะ การได้นั่งเงียบๆความคิดแล่นดีทีเดียวครับ”
“งั้นเหรอคะ สำหรับพู่ให้นั่งเฉยๆทำไม่ได้หรอกคะคงต้องควักกระดาษดินสอมาขีดๆเขียนๆ ต้องหาอะไรทำคะ ไม่งั้นประสาทถามหา”
“อีกนานไหมครับถึงจะเสร็จ”
เก็จพรหมถามติสสาวสายตาจับจ้องภาพที่ยังไม่เสร็จ
“ไม่นานหรอกคะ”

พู่กันตอบยิ้มๆก่อนลุกเดินไปที่เฟรมงาน ถือเป็นการสิ้นสุดของการสนทนาโดยเก็จพรหมยังนั่งมองดูร่างบางทำงานเงียบ ๆได้สักพักอากาศเย็นสบาย ทำให้เจ้าพ่อรีสอร์ทเริ่มเลื้อยตัวนอนเหยียดยาวและผลอยหลับไปในที่สุด

เมื่ออยู่ในโลกของตัวเองพู่กันตัดทุกอย่างออกไป บรรยากาศโล่งโปร่งสบายเป็นสิ่งที่เธอชอบมากและยิ่งถ้าได้วาดรูปเงียบ ๆ จะในที่สว่างหรือค่ำคืนสงบในทุกช่วงเวลานั้นมันจะทำให้พลังสร้างสรรค์ของอาร์ทตัวแม่พุ่งขึ้นถึงขีดสุด ผลที่ออกมาคือมักจะวาดรูปสวย ๆ ดี ๆเสมอมา ปลายพู่กันถูกดึงห่างจากเฟรมงาน เจ้าของผลงานยืนมองด้วยสีหน้าพึงพอใจ เสียงถอนหายใจยาวออกมาครั้งแรก

“เสร็จซักที”

ติสสาวยิ้มอย่างพึงพอใจก่อนจะหันไปตำแหน่งของเจ้าพ่อรีสอร์ทนั่งอยู่แล้วต้องกระพริบตาเมื่อเห็นร่างสูงโปร่งนอนโดยใช้เป้ของเธอหนุนต่างหมอน ใบหน้าคมสันยามหลับแลดูอ่อนเยาว์คิ้วเข้มดกหนาวางบนตำแหน่งเหมาะเจาะ พู่กันมองแผงอกที่เธอเคยอิงซบนั้นขยับขึ้นลงสม่ำเสมอด้วยความรู้สึกแปลก ๆ อดไม่ได้ที่จะเดินเข้าใกล้เพื่อเช็คว่าชายหนุ่มหลับจริงหรือไม่ เสียงกรนเบาๆยืนยันให้ติสสาวยิ้มกว้าง ความคิดแผลงๆผ่านแว๊บเข้ามา ร่างบางขยับเข้าใกล้ร่างสูงที่นอนสบาย พู่กันใช้ต้นหญ้าเขี่ยที่ใบหูเบาๆโดยมีมือหนายกปัดอย่างรำคาญ หญิงสาวกลั้นขำมือบางป้องปากอิ่มกั้นเสียงหัวเราะ เมื่อเห็นอาการนอยขณะหลับอย่างถูกใจความคิดแผลงๆนึกสนุกอยากสลับข้างบ้าง ร่างอรชรโน้มตัวข้ามร่างสูงไปอีกฝั่ง มองเผินๆจากภายนอกมองผ่านเข้ามาจะคิดว่า คู่หนุ่มสาวกำลังพลอดรักกันอยู่อย่างดูดดื่ม ฝ่ายหญิงกำลังคร่อมตัวอยู่เหนือร่างฝ่ายชายเอาไว้ ขณะที่ถอยกลับมาตำแหน่งเดิม พู่กันลงน้ำหนักบนมือโดยไม่รู้ว่าใต้เสื่อเป็นพื้นต่างระดับหลุมลึกพอควรทำให้ร่างบางถลาซบหน้าลงบนแก้มสากของคนนอนหลับเพลินๆอย่างจัง

“อุ๊ย...ว๊าย”

พร้อมๆกับเสียงอุทานพู่กันร้อนไปทั้งหน้าและตัวเลยทีเดียวเมื่ออ้อมแขนแข็งแรงกอดกระชับร่างนุ่มนิ่มเอาไว้แน่น จากที่เคยอยู่ข้างบนเพียงเสี้ยววินาทีพู่กันถูกพลิกตัวอยู่ใต้ร่างหนาโดยมีอกอุ่นทาบทับ ใบหน้าคมสันก้มต่ำมองดูหน้าหวานที่แดงก่ำต่อตาทั้งหวาดหวั่นและตกใจกับสิ่งที่คาดไม่ถึง

“คุณพรหม ปล่อยพู่ก่อนคะ”
“แกล้งคนนอนหลับบาปนะครับ”
“พู่เปล่า...ก็ได้ๆ นิดเดียวคะ”

พู่กันเถียงครั้นใบหน้าชายหนุ่มก้มเข้ามาใกล้หญิงสาวพูดระล่ำระลักพร้อมกับยันอกชายหนุ่มเอาไว้ แววตาคนเพิ่งตื่นไม่เห็นงัวเงียจนเธอชักสงสัย ร่างบางดิ้นขลุกขลักภายใต้ร่างแข็งแรงสร้างความรู้สึกดีอย่างประหลาด แววตาที่มองดวงหน้าหวานมันหวานซึ้งความรู้สึกที่เก็บกักเอาไว้เริ่มเอาไว้ไม่อยู่ เก็จพรหมไม่รู้เลยว่าสายตาที่ใช้มองติสสาวนั้นชัดเจนจนคนที่ต่อตาด้วยรู้สึกตามนั้น

“แบบนี้ควรได้รับโทษไหมฮะ”

เสียงนุ่มทุ้มที่มีให้ตลอดมา ดูหวานซึ้งกว่าเดิมจนหัวใจติสสาวเต้นแรงและกลัวว่าคนที่อยู่ด้านบนจะได้ยิน พู่กันส่ายหน้าหมดแรงขืน นึกตำหนิตัวเองที่เล่นอะไรไม่เข้าท่าจนตกอยู่ในสถานการณ์แบบนี้ ปากนั้นกลับตอบด้วยเสียงแทบไม่ยินอย่างอ้อนวอน

“ปล่อยพู่นะคะ”
“พู่ไม่อยากรู้หรือว่าโทษนั้นคืออะไร”
สุ้มเสียงพร่าไหว ใบหน้าเข้มก้มต่ำลงมาเรื่อยๆจนลมหายใจรินรดกันและกัน
“ไม่อยากรู้ ปล่อยพู่เสียทีเถอะคะ”
ติสสาวพยายามทำเสียงเกรี้ยวกราดทั้งๆที่เสียงที่เปล่งนั้นแทบจะไม่เล็ดลอดออกมา ทำไมเธอจะไม่รู้ว่าอะไรกำลังจะเกิดขึ้นในไม่ช้านี้
“เร็ว ๆ สิไอ้พู่ คิด ๆ สิ”
สมองซีกที่เหลืออยู่น้อยนิดคิดอย่างเร็วรี่ที่จะเอาตัวรอดในสถานการณ์แบบนี้
“แต่ผมอยากให้พู่รู้นี่ว่าโทษที่พู่ควรได้รับมันคืออะไร”

เสียงที่หวานทุ้มจนหัวใจคนฟังแทบละลายและเต้นระรัวเมื่อหน้าคมเข้มเคลื่อนต่ำจนจมูกได้กลิ่นแก้มหอมและยืนยันความนุ่มด้วยการกดจมูกเข้าคลุกเคล้าเรือนหน้าสวยแต่ก่อนที่ปากบางอิ่มจะถูกพิสูจน์ความหวานด้วยริมฝีปากร้อนรุ่ม มือบางได้แทรกขวางเอาไว้อย่างเฉียดฉิว ตาเข้มจ้าจัดต่อตาหวานที่ตระหนกแปรเปลี่ยนเป็นพราวระยับทั้งเสียดายและขันไหวพริบการเอาตัวรอดของติสสาว

*.:。✿* D *.:。✿*゚¨゚✎ * *.:。✿* D *.:。✿*゚¨゚✎*.:。✿* D *.:。✿*゚¨゚✎ *✿* D *.:。✿*゚¨




Create Date : 31 ธันวาคม 2554
Last Update : 2 มกราคม 2555 8:16:02 น.
Counter : 652 Pageviews.

9 comment
สาวไฮเปอร์หัวใจติส : ติสสิบสี่
*.:。✿* D *.:。✿*゚¨゚✎ * *.:。✿* D *.:。✿*゚¨゚✎*.:。✿* D *.:。✿*゚¨゚✎ *✿* D *.:。✿*゚¨゚✎ *




*.:。✿* D *.:。✿*゚¨゚✎ * *.:。✿* D *.:。✿*゚¨゚✎*.:。✿* D *.:。✿*゚¨゚✎ *✿* D *.:。✿*゚¨゚✎ *

*.:。✿* D *.:。✿*゚¨゚✎ติสสิบสี่ ✎ *✿* D *.:。✿*゚¨゚✎ *


เก็จพรหมออกจากงานแสดงโรดโชว์เดินเรื่อยเปื่อยมาถึงสวนสาธารณะ ตลอดทางเจ้าพ่อรีสอร์ทเฝ้าถามตัวเองถึงสาเหตุอะไรที่จู่ๆทำให้เขารู้สึกหงุดหงิด เพราะสายตาของหนุ่มผมเหลืองนั่นหรือเปล่า มันเป็นสายตาที่ผู้ชายด้วยกันมองออกว่ากำลังคิดอะไรอยู่ หรือเพราะรอยยิ้มเสียงหัวเราะของพู่กันกันแน่

“นายคนนั้นชอบพู่กันอย่างแน่นอน แล้วพู่ล่ะ.........”

เก็จพรหมยั้งความคิดไว้แค่นั้น ร่างสูงยืนล้วงกระเป๋ากางเกงมองดูสายน้ำที่พวยพุ่งออกจากรูปปั้นกามเทพหนุ่มรูปงาม สายตาเข้มไต่ขึ้นฟ้าและทอดยาวสู่ขอบฟ้า แรงบีบอัดในใจทำให้เห็นฟ้าหม่นไม่สดใสแลดูขมุกขมัว แม้ว่าจะพยายามสูดอากาศเข้าปอดลึกๆแต่ว่าไม่เต็มสักทีราวกับว่าอยู่ที่แคบอากาศมีเพียงน้อยนิด ณ ปลายฟ้ามีหน้าหวานกำลังยิ้มแจ่มใสซ้อนทาบขึ้นมาแววตาเข้มหม่นแสงรู้สึกหนักอึ้งจนต้องยกมือทุบเบาๆที่ท้ายทอยสลายความรู้สึกที่ไม่มีตัวตน คำพูดสุดท้ายของเก็จแก้วก้องอยู่ในหัว ““เอามันแค่พอดี จะได้ไม่น่าเกลียดนะจ๊ะน้องรัก” เข้ามาทำให้ใบหน้าคมสันกระตุกยิ้มเฝื่อนๆให้กับอากาศ ก่อนถามตัวเองกับอารมณ์ฉิวที่ผ่านไป

“แกเป็นอะไรไปวะไอ้พรหม แกไม่เคยที่จะควบคุมตัวเองไม่ได้นี่หว่า”

เก็จพรหมก่นด่าตัวเองพร้อมๆกับสลัดศีรษะขับไล่บางอย่างในหัวออก หัวใจที่หนักอึ้งดื้อดึงไม่เบาทำลมหายใจขาดห้วงสั้นยาว ขณะที่ชายหนุ่มควบคุมอารมณ์ด้วยการถอนหายใจออกช้า ๆ เสียงโทรศัพท์ดังขึ้น หมายเลขที่โชว์หน้าจอเป็นของพี่สาวคนดีของเขานั่นเอง

“ฮะพี่แก้ว” เสียงขรึมขานรับหลังกดรับ
“อยู่ไหนน่ะเรา จู่ๆก็เดินออกไปซะงั้น”
เสียงเก็จแก้วแว่วเข้ามาในสาย
“ผมแค่ออกมาหาอากาศดีๆเข้าปอด”
เก็จพรหมพูดความจริงกึ่งหนึ่งกับเก็จแก้ว
“ถ้าอากาศดีๆมันเต็มปอดก็รีบกลับมาได้แล้ว”
น้ำเสียงอ่อนลง รู้สึกเห็นใจน้องชายเหมือนกัน
“ครับพี่”
เก็จพรหมอยากเขกกบาลตัวเองที่ทำตัวแย่ให้พี่สาวตามเหมือนเด็กๆ
“อ้อพี่อยากจะบอกว่าสิ่งที่เราเห็นอาจจะไม่ใช่อย่างที่เรารู้สึก”

เก็จแก้วให้สติน้องชายเสียงก่อนวางสาย เธอรู้ว่าเขาเข้าใจความหมายนั้นดี ....เหตุการณ์เมื่อครู่นี้เธอเห็นตลอดและวิเคราะห์ว่าสองคนนั่นงงเหมือนกันจู่ๆก็ถูกน้องชายพ่นอารมณ์ใส่ บ่อยครั้งที่เห็นติสสาวหันไปที่ทางเข้าออกของงานหลังจากคนก่อเหตุสุมไฟไร้ควันแล้วออกจากงาน

เพียงไม่นานเธอเห็นเจ้าน้องชายตัวดีกลับมาพร้อมกล่องอาหารและน้ำดื่ม “ทางออกที่สวยหรู” เก็จแก้วคิด สายตาเข้มผ่านมาที่พี่สาวคิ้วเข้มเต้นไหวสีหน้าระรื่นผิดกับชั่วโมงก่อนหน้าลิบลับ อดกระแทกค้อนเจ้าน้องชายตัวดีไปหนึ่งทีแล้วหันไปยิ้มกับลูกค้าที่เข้ามาขอข้อมูลที่พักและบริการ

ร่างบางอยู่ในโลกของตัวเอง นั่งทำงานเงียบๆตัดโลกรอบข้างออกไปไม่รู้แม้กระทั่งว่าร่างสูงยืนอยู่ข้างตัวแล้วก็ตามนิ้วเรียวเล็กยังคงทำงานตลอดเวลา มีเพียงนางแบบกับแผ่นเฟรมเท่านั้นที่เธอสนใจ เจ้าพ่อรีสอร์ทไม่อยากรบกวนสมาธิหญิงสาวเดินเลี่ยงไปที่กลุ่มของผู้จัดการหนุ่มของกระบี่และสมุย ทั้งคู่กำลังให้ข้อมูลกับสาวๆกลุ่มใหญ่ หน้าตาดีเป็นใบเบิกทางสาวๆในกลุ่มต่างแย่งกันพูดแลดูครึกครื้นขึ้นมาพริบตา

เสียงหัวเราะและแย่งชิงกันสนทนาเริ่มดังขึ้นเรื่อยๆจนติสสาวต้องเงยหน้ามองดูที่มาของเสียงคิ้วคมเลิกขึ้นเมื่อเห็นร่างสูงรวมกลุ่มที่มาต้นตอสมาธิเธอกระจาย "ยังดีนะที่วาดเสร็จแล้วเหลือแต่ลงสี ค่อยทำตอนกลางคืนก็แล้วกัน" ตาคมหวานตวัดขึ้นมองด้านหลังร่างสูงของเก็จพรหมอีกครั้งอดค่อนขอดในใจไม่ได้

“มาเมื่อไหร่กันนะทีตะกี้ทำหน้าหงิกใส่เธอ ทีตอนนี้ทำหน้าระรื่นกับสาวๆ เชอะ”

ติสสาวเริ่มหงุดหงิดไม่มีสาเหตุ มือบางวางดินสอแล้วปัดเส้นผมที่เคลียแก้มลวกๆให้พ้นทางระบายอารมณ์ขุ่นมัว มองหาล่ามคนสำคัญไม่รู้หายตัวไปไหน “ทีนี้ตูจะพูดกับมาดามยังไงวะเนี่ย” พู่กันคิดเซ็งอยู่ในใจ ตามด้วยพ่นลมหายใจดังๆอย่างลืมตัว

“เป็นอะไรพู่”

เสียงคุ้นเคยดังขึ้น ตาคมหวานเหลือบดูหน้าคมสัน แปลกใจเล็กน้อยที่เห็นชายหนุ่มมาอยู่ข้างตัวตั้งแต่เมื่อไหร่กันนะ ปากบางเม้มในใจเพ้อว่าเขามาจะไม้ไหนอีกล่ะเนี่ย ..ตะกี้พูดด้วยหนอยทำเชิดใส่ตอนนี้มาพูดดีด้วย ปรับตัวไม่ทันจริง ๆ......

“เสร็จแล้วหรือครับ”
เก็จพรหมถามย้ำค้อมตัวมองดูหน้าสาวติสอย่างง้องอน และมันก็ได้ผล
“อืมม เสร็จแล้ว เหลือแต่ลงสี...คะ”
เสียงเล็กๆตอบแบบไม่มั่นใจ ปักสายตาอยู่แผ่นเฟรมไม่คลาดคลา
“แล้วพู่มองหาอะไรอยู่ ให้ผมช่วยไหม”
เก็จพรหมเสนอตัวเป็นผู้ช่วยติสสาว
“ได้ก็ดีคะ พู่อยากบอกมาดามว่า วันนี้วาดพอแล้ว”
พู่กันตอบหลังจากวางแผ่นเฟรมลงส่งยิ้มให้กับมาดามที่ยังนั่งในท่าเดิมไม่ยอมสบตาคนตัวสูง
“แบบนี้เสร็จแล้ว?”
เจ้าพ่อรีสอร์ททำหน้างงตามองดูภาพวาดแล้วมองดูหน้าหวานติดบึ้งไม่หายซักที
“ไม่เสร็จหรอก ต้องไปหาซื้อสีก่อน..คะ”
ท้ายเสียงอ่อนลง เหลือบตามองดูใบหน้าเข้มที่ทอดมองเธอด้วยสายตาที่ไม่ค่อยอยากต่อตาด้วยแม้แต่น้อย
“ผมจัดการเอง”

เก็จพรหมพยักหน้าเข้าใจแล้วเดินไปคุยกับมาดาม ฝ่ายนั้นคงเข้าใจเพราะพยักหน้าส่งยิ้มมาให้ติสสาว พู่กันรีบเดินเข้าไปสมทบทันที ติสสาวยกมือไหว้แสดงการขอบคุณมาดาม

“ขอบคุณมากเลยนะคะ” พู่กันกล่าวขอบคุณเป็นภาษาอังกฤษ
“เธอบอกว่า ขอบคุณที่สละเวลา”

เก็จพรหมแปลอีกที พลางค้อมศีรษะตามไปอีกที มาดามพยักหน้าพูดตอบยืดยาวเป็นภาษาที่พู่กันไม่เข้าใจแต่คิดว่าคงสอบถามเรื่องรูปหลังจากร่างสูงคุยหลายนาที ระหว่างนั้นติสสาวทำการถ่ายชุดที่มาดามสวมเพื่อเป็นแบบลงสีต่อไป ทั้งคู่มองตามมาดามที่เดินจากไปโดยมีเสียงถอนหายใจของพู่กันอย่างสบายใจตามมา

“คุณพรหมพู่ขอบคุณมากคะ วาดเสร็จแล้ว ยังพอมีเวลาพอไปเลือกสีมาลงคืนนี้"

ประโยคหลังหญิงสาวพูดกับตัวเอง ก่อนจะทรุดตัวลงเก็บอุปกรณ์ ด้วยความที่รีบร้อน ทำให้ตาพร่าขณะที่ลุกขึ้นอย่างเร็วจนทรงตัวไปอยู่ร่างบางเซไปข้างหน้าโชคดีมีมือหนาคว้าเอวบางไว้ทันก่อนล้มลง

“อุ๊ย”
“โอเคนะพู่ สงสัยลุกยืนกระทันหัน”

เสียงทุ้มเจือความห่วงใยไว้เต็มเปี่ยม มือหนาคลายจากเอวบางเมื่อหญิงสาวยืนมั่นคง

“ขอบคุณคะ คุณพรหมคะรบกวนบอกพี่แก้วด้วยว่าพู่จะออกไปดูของนะคะ”

พู่กันฝากลาเก็จแก้วกับชายหนุ่ม ทำท่าจะก้าวจากไปแต่เก็จพรหมกลับดึงแขนเล็กเอาไว้ น้ำเสียงที่พูดกับติสสาวนั้นขรึมจัด

“ไปคนเดียวได้ไง พู่นั่งรอผมตรงนี้อย่าเพิ่งไปไหนนะครับ เดี๋ยวผมกลับมา”
“แต่พู่”
“พู่ฮะ รอผมอยู่ตรงนี้นะครับ”

เก็จพรหมยืนยันคำเดิมพร้อมกับกดไหล่บางให้นั่งเก้าอี้รอเขา ร่างสูงสาวเท้ายาว ๆ ไปหาเก็จแก้วและกลับมาหาติสสาวหลังจากคุยกับพี่สาวไม่กี่นาที เก็จแก้วหันมองพู่กันเธอส่งยิ้มและโบกมือให้ ร่างสูงเดินกลับมาหาคนหน้างอเพราะถูกสั่งให้นั่งอยู่กับที่นั่นเอง

“เราไปกันเถอะครับพู่”
“คะ?” ติสสาวเงยหน้ามองใบหน้าเข้มขรึมอย่างงง
“ผมไปขอลากิจกับพี่แก้วมา ว่าจะพาพู่ไปซื้อสี เข้าใจหรือยัง” เก็จพรหมอธิบายขำๆ
“ไม่เข้าใจคะ” ติสสาวฉุนเล็กน้อยจนเสียงพูดฟังดูหงุดหงิด
“อ๊าวทำไมงั้นล่ะครับ”
เก็จพรหมโคลงศีรษะเจอมุขนี้ของติสสาวเข้า
“พู่ไม่ได้ชวนคุณพรหมไปด้วยนะคะ”
พู่กันแย้งหน้าเง้าเมื่อเห็นแววตาพราวฉ่ำล้อเลียน
“ผมเต็มใจ ไม่ต้องชวนหรอก และเสนอตัวไปกับพู่เอง ไปกันเถอะ ถ้าช้าเดี๋ยวจะตกรถไฟ ต้องรออีกเป็นชั่วโมงนะพู่”

เก็จพรหมไม่พูดเปล่าฉุดมือบางรั้งให้เดินตามส่วนมืออีกข้างหนึ่งแย่งของที่อยู่ในมือพู่กันไปถือเสียเอง ติสสาวทำได้แค่รีบเดินตามแรงฉุดใจเต้นแรงและนึกไม่ออกว่าอาการหงุดหงิดเธอหายไปตั้งแต่เมื่อไหร่กัน อุปกรณ์งานเขียนของพู่กันถูกนำไปเก็บไว้บนรถของเก็จแก้ว "เดี๋ยวจะถืออีกเยอะ" เจ้าพ่อรีสอร์ทให้เหตุผล พาหนะที่นำสองหนุ่มสาวไปย่านการค้าคือรถรางแทนที่จะเป็นรถไฟตามที่ชายหนุ่มบอกตั้งแต่แรก

“จะพาพู่ไปไหนคะ” พู่กันอดถามจุดหมายที่จะไปไม่ได้
“จัตุรัสซิกนอเรีย (Piazza della Signoria) เป็นตลาดอยู่ใจกลางฟลอเร็นซ์นี่เองฮะ”
“เราเดินไปไม่ดีกว่าหรือคะ น่าสนุกดีออก” พู่กันเสนอความเห็น
“ไม่ได้หรอกพู่ฟังดูไม่ไกลแต่พอควร ถนนที่นี่ไม่เหมือนบ้านเราเท้าระบมพอดี พู่เห็นไหมรถราก็เยอะดูนั่นมอเตอร์ไซค์วิ่งกันแบบนี้อันตราย สู้นั่งรถไปดูข้างทางเพลินๆแบบนี้ไม่เหนื่อยด้วย เก็บแรงเอาไว้เดินดูของที่จัตุรัสดีกว่าฮะ” เก็จพรหมยกมือชี้ชวนประกอบคำอธิบาย
“ฟังแล้วคุณพรหมดูคุ้นเคยกับที่นี่มากพอดูเลยนะคะ”
พู่กันหันหน้าคุยกับชายหนุ่มอย่างตั้งใจเป็นครั้งแรก
“ผมเคยฝึกงานการโรงแรมที่อิตาลี่อยู่พักหนึ่งฮะ และมาเที่ยวเมืองนี้กับเพื่อนบ่อยๆ”
“กำลังคิดอยู่เชียวว่าทำไมคุณพรหมถึงพูดอิตาเลี่ยนได้คล่องปรื๋อเหมือนเจ้าของภาษา เพราะอย่างนี้นี่เอง”
พู่กันยกมือป้องปากหัวเราะขันกับความคิดตัวเอง
“แต่ก็คงไม่เก่งเท่าเพื่อนของพู่หรอก”
เก็จพรหมพูดน้ำเสียงเรียบแววตาเข้มมองคนตรงหน้าคล้ายรอคำตอบ
“เพื่อน? คุณพรหมหมายถึงใครคะ”
พู่กันนิ่วหน้างงกับคำถามของเก็จพรหม
“ก็หนุ่มคนที่ผมเจอก่อนหน้านี้ไงฮะ”
“อ๋อ เบรโต เค้าไม่ใช่เพื่อนของพู่หรอกคะ แค่คนรู้จักเท่านั้นเอง”

น้ำเสียงเรื่อยๆของติสสาวบวกกับแววตาซื่อเมื่อพูดถึงหนุ่มต่างชาติที่รู้จักโดยบังเอิญ

พู่กันจัดลำดับหนุ่มผมเหลืองตาสีฟ้าแกมเขียวไว้แค่คนรู้จัก ทั้งๆ ที่ดูแววตาและท่าทางเจ้าหนุ่มนั่นไม่คิดอยากจะเป็นแค่นั้นเลย เจ้าพ่อหนุ่มคิดขณะมองดวงหน้าหวานและสังเกตุเห็นรอยเปื้อนของฝุ่นดินสอตั้งแต่ปลายคางจรดถึงหู หน้าคมเข้มก้มลงซ่อนยิ้ม หลังจากได้ยินคำตอบสั้นๆของพู่กันเรียกอารมณ์รื่นรมย์กลับมา เมื่อเห็นเก็จพรหมเงียบพู่กันกลับรู้สึกไม่สบายใจกับคำถามไม่มีปี่มีขลุ่ยนั้นขึ้นมาจึงเผลอมองหน้าที่ก้มต่ำด้วยแววตาว้าวุ่น เมื่อตาเข้มเงยสบสานตาหวานกะทันหัน คนจ้องมองอยู่ก่อนแล้วทำหน้าไม่ถูกสีแดงเรื่อฉาบไล้บนเรือนหน้าหวาน เหมือนมีแรงดึงดูดตากลมโตคู่สวยไม่อาจหลบตาคมเข้มตามใจปรารถนา ได้แต่นั่งนิ่งใจเต้นระบำเมื่อใบหน้าของเก็จพรหมเคลื่อนเข้ามาใกล้ ความเงียบคืบคลานในใจทั้งคู่เสียงจอแจของผู้คนรอบข้างแทบไม่ได้ยิน ใจของติสสาวระอุอีกครั้งเหมือนเหตุการณ์คืนวันฝนตก เพียงแต่วันนี้เธอรู้สึกตาพร่าจนอยากพักสายตา แสนจะขัดเขินกับสายตาคมซึ้งที่ใกล้เช้ามาจนต้องหลบเร้นด้วยการปิดตาพริ้ม อีกใจหนึ่ง..เหมือนรอคอยอะไรบางอย่าง...มันคืออะไรกันนะที่เธอคอย...สัมผัสแผ่วบนคางเรียวลากไล้แผ่วเบาจรดติ่งหู เสียงทุ้มเบาๆฟังดูกำลังหยอกเย้าจนต้องรีบลืมตาตื่น......

“เปื้อนดินสอ สมเป็นจิตรกรเลยพู่”
“อะ..อะไรนะคะ”

ตากลมโตกระพริบไหว ขวยเขินเสียเหลือเกินเมื่อตาเข้มยิ้มใส่ตาเธอมันใกล้จนเห็นความวาววับส่งสบกัน นิ้วเรียวยาวแข็งแรงยังคงไล้เบาๆ ความร้อนคืบคลานทั่วหน้าลงไปถึงลำคอและทรวงอก ติสสาวไม่รู้ตัวสักนิดว่าในแววตากลมโตนั้นหวานไม่แพ้อีกฝ่าย เนื้อตัวนิ่งงันแต่ใจกลับเต้นแรงเมื่อรู้ถึงความคิดของตัวเอง...เหตุการณ์ตะกี้นี้เธอคิดว่าเขาจะจูบเธอ....บ้า..ชักจะไปกันใหญ่แล้ว..พู่กันเธอกำลังคิดอะไร...

เมื่อหลุดออกจากสถานีรถราง เก็จพรหมพาพู่กันเดินมาถึงจุดหมายเบื้องหน้า จัตุรัสซิกนอเรีย มีลักษณะเป็นรูปตัว L รอบๆจัตุรัสเต็มไปด้วยตึกเก่าแก่คงงานศิลป์ไว้ครบ มีทั้งแกลเลอรี่ และตึกอาคารเก่าแก่ หาใช่ตลาดหรือห้างสรรพสินค้าอย่างที่เข้าใจ ก่อนมาพู่กันเก็บข้อมูลไว้เพียบแต่พอมาเห็นจริงๆ ไม่ได้เหมือนอักษรที่ผ่านตา ที่นี่ล้วนแล้วทำให้ตื่นตาเวลามองไปทางไหน นี่นะหรือคือสิ่งปลูกสร้างที่เคยเป็นวังเก่าถึง 6 วังจึงไม่แปลกเลยว่าจะเลิศล้ำค่างานศิลป์ พู่กันเดินแทบไม่ดูเท้าตัวเองคอยหันซ้ายขวาเหมือนเด็กบ้านนอกเข้ากรุงไม่มีผิด ไม่รู้ตัวเสียด้วยซ้ำว่ามือน้อยถูกจับจูงเอาไว้ตลอดเวลา

ร้านที่เก็จพรหมพาเข้าไปหน้าร้านเหมือนจะเป็นร้านรวงเล็ก ๆ พอเดินเข้าไปในตัวร้านติสสาวถึงกับอ้าปากค้างเพราะความหลากหลายของสินค้าที่เธอเห็นแล้วใจฟูฟ่องคับอก ร่างบางนิ่งขึงตาโตอยู่กลางร้าน มือน้อยถูกปล่อยให้เป็นอิสระเช่นกัน สีหน้าเจ้าพ่อรีสอร์ทพึงพอใจเมื่อเห็นแววตาไหวระริกกับสิ่งที่ชื่นชอบ ติสสาวเหมือนคนหลงทางมีอาการตื่นเต้นทั้งสีหน้าและท่าทาง เสียงนุ่มอยู่ชิดริมหู...

“ร้านนี้เป็นร้านจำหน่ายอุปกรณ์งานศิลปะที่ใหญ่ที่สุดในฟลอเร็นซ์ พู่เลือกได้ตามใจชอบเลยฮะ”

พู่กันพยักหน้าหงึกๆตาโตยังจับจ้องอยู่กับบรรดาพู่กันและเหล่าหลากสี เรื่องแบรนด์และประเภทไม่ต้องพูดถึงมีให้เลือกมากมายถูกจัดวางอยู่บนชั้นวางสินค้าด้วยสีหน้าชื่นชมรอยยิ้มแต้มบนเรือนหน้าสวยตลอด มือบางสอดเข้ากับมือหนาบีบแน่นอย่างลืมตัว ใครจะไม่ชื่นชอบล่ะแต่ละชั้นอัดแน่นล้วนล่อตาให้อยากหยิบฉวยให้เป็นเจ้าของ

“คุณพรหม มันสวยลานตาไปหมด เลือกไม่ถูกแล้วช่วยพู่ตัดสินใจหน่อยสิ”
ติสสาวกระซิบกระซาบคนร่างสูงต้องก้มหน้ามาฟัง

“โธ่พู่ นี่ครับตะกร้าอยากจะได้อะไรเลือกดูและหยิบได้ตามใจชอบเลยฮะ”

เก็จพรหมก้มดูมือบางประสานกับมือเขาครั้งที่สองแล้วที่พู่กันลืมตัว ตาคมเข้มทอดมองหน้าหวานที่เอาแต่จับจ้องของในร้านราวกับเห็นเพชรพลอยของมีค่า ส่ายหน้าขำ เชื่อเจ้าหล่อนเลย คอยดูเถอะพอรู้ตัวคงได้เด้งห่างเขาแทบไม่ทัน……

ไม่ไกลจากร้านที่พู่กันกำลังสนุกสนานกับการหยิบสินค้าใส่ตะกร้า ในร้านฝั่งตรงข้ามมีใครอีกคนกำลังยืนมองอยู่ บุหรี่ในมือถูกบดลงบนที่เขี่ยบุหรี่ ถ้าสังเกตุสักนิดพอจะรู้ว่าบุหรี่ที่เพิ่งดับไปเป็นมวนที่เท่าไหร่แล้วไม่รู้ เพราะคนสูบอยู่ในอาการครุ่นคิด คิ้วเข้มขมวดมุ่นปากบางคล้ายสตรีเม้มแน่นดั่งว่ากำลังหัวเสียอะไรนักหนา มือใหญ่กำแน่นจนเห็นเส้นเอ็นชัดเจนบ่อยครั้งที่เจ้าของกระแทกลงบนขอบหน้าต่างจนแดง ดูเหมือนจะไม่ได้สนใจความเจ็บปวดนั้น รูปหน้าหล่อเหลาเครียดขึ้งแววตาเคยสดใสเป็นนิจยามอยู่ต่อหน้าเธอผู้นั้นกลับขุ่นคลั๊กโดยที่เจ้าของไม่รู้ตัวแม้แต่น้อยเพราะมัวแต่จ้องภาพคู่หนุ่มสาวชาวเอเชียจูงมือกันตลอดเวลา......เสียงโทรศัพท์ดังขึ้นนิ้วเรียวยาวทำหน้าที่กดอัตโนมัติโดยไม่มองดูเลขหมายที่โทรเข้ามา น้ำเสียงบ่งบอกว่าถูกกวนอารมณ์

“อะไร?”
“เสียงแบบนี้แปลว่ากำลังโกรธใช่ไหม”

ปลายสายกรอกเสียงหัวเราะกลับมาเหมือนกำลังถูกใจกับอารมณ์ของคนรับสาย
“ครับพี่”
เสียงทอดอ่อนลงหลังจากนิ่งขึงไปเกือบสิบวินาที

“ใครนะที่ทำให้น้องชายพี่อารมณ์ขุ่นได้ คงไม่ใช่สาวๆอย่างแน่นอนเพราะเธอเหล่านั้นจะทำให้น้องของพี่สุขหรรษามากกว่า”
น้ำเสียงรื่นรมย์เหมือนรู้จักชายหนุ่มดีกว่าใคร

“พี่มีธุระอะไรหรือเปล่าถึงได้โทรมา”
เบรโตถามทั้งๆที่รู้คำตอบเพราะเขาไม่อยากตอบกะทู้ของพี่ชายนั่นเอง

“หึ หึ หึ เป็นไปตามแผนหรือเปล่า”
เสียงหัวเราะแว่วมาแต่คนฟังรู้ว่าสีหน้าคนถามในตอนนี้จริงจังแค่ไหน
“ครับ”
“อาทิตย์หน้าคงได้ข่าวดีนะเบรโต”
“ไม่ได้ครับพี่”
“ทำไม”
“ผมต้องการเวลามากกว่านี้”
“เหลือเชื่อมากน้องพี่”
เสียงแปลกใจทักมา แน่ล่ะหัวคิ้วคนพูดคงชนกันอยู่แน่นอน
“เธอไม่เหมือนทุกคนที่ผ่านมา”
“.....นานแค่ไหน?”
ปลายสายเงียบไปชั่วครู่ก่อนจะถามเสียงเข้มกลับมา
“สองเดือนครับพี่”

“นานไปฉันให้แค่หนึ่งเดือน ไม่งั้นให้เนลโลจัดการ”
น้ำเสียงเด็ดขาดจนคนฟังขบกรามในขณะที่สายตากลับหม่นแสงเมื่อมองไปร้านที่มีติสสาวยืนรอพนักงานของร้านรับชำระค่าสินค้า

“ผมจะพยายามครับพี่”

ปลายสายตัดสัญญานไปแล้วแต่เบรโตกลับถือหูค้าง “เนลโล” ชื่อนี้ทำให้หัวใจของเขาหนาวและร้อนสลับกันความกังวลใจแล่นเข้ามาจับขั้วหัวใจ เสียงหัวเราะคิกคักแว่วมาข้างๆโต๊ะที่นั่งอยู่ ดวงตาสีฟ้าแกมเขียวเข้มคมหันไปตามเสียง สองสตรีกำลังนั่งมองและหันไปกระซิบกระซาบกันพลางหัวเราะต่อกระซิกกัน เบรโตก้มหัวพองามส่งยิ้มให้ ตามคาดสองสาวลุกเดินมายังที่โต๊ะที่หนุ่มหล่อตาคมนั่งอยู่

“จะรังเกียจไหมคะถ้าจะขอนั่งด้วย”
“ผมคงบ้าแน่ๆถ้าปฏิเสธสาวสวยถึงสองคน”

เสียงนุ่มพริ้วสายตาลุ่มลึกสีหน้าคนถูกจ้องแดงระเรื่อ นิ้วเรียวยาวเคาะโต๊ะเป็นจังหวะเหมือนชั่งใจ สายตาเข้มเหลือบมองเข้าไปในร้านฝั่งตรงข้ามบัดนี้ไม่มีร่างบางของติสสาวอยู่แล้ว เปลือกตาหลุบลงริมฝีปากบางเหยียดเป็นเส้นตรงเหมือนสลัดบางอย่างทิ้งไป ดังนั้นเมื่อเงยหน้าแววตาที่มีชีวิตชีวาหวนกลับคืนมาอีกครั้ง

“ดื่มไหมครับ?”
“ถ้าคุณจะกรุณา”

สองสาวตอบพร้อมกัน เบรโตยกมือส่งสัญญานเมื่อพนักงานของร้านเดินมาถึงชายหนุ่มหันมองหน้าสองสาวสายตายั่วเย้าขณะที่พูดกับพนักงานชาย

“ขอเครื่องดื่มราคาแพงที่สุดสำหรับสุภาพสตรีทั้งสองด้วย”

ผลที่ตามมาคือสองสาวตาโตหันไปหัวเราะให้กัน โดยหารู้ไม่ว่าสายตาราชสีห์กำลังจ้องตะครุบเหยื่อ ยิ้มแสยะอยู่มุมปากบางคนเหมาะแค่เหล้าไม่กี่เหรียญแต่กับบางคนต้องแค่ไหนกันนะ...หนุ่มผมเหลืองมองดูน้ำสีใสในแก้วแววตายิ้มเยาะ....สำหรับขนมหวานที่นำมาเสริฟถึงที่ไม่จำเป็นต้องคิดนานเพราะรู้ว่าปลายทางมันอยู่ที่ใด......


*.:。✿* D *.:。✿*゚¨゚✎ * *.:。✿* D *.:。✿*゚¨゚✎*.:。✿* D *.:。✿*゚¨゚✎ *✿* D *.:。✿*゚¨゚✎ *






Create Date : 26 ธันวาคม 2554
Last Update : 26 ธันวาคม 2554 17:23:54 น.
Counter : 783 Pageviews.

9 comment
สาวไฮเปอร์หัวใจติส - ติสลักกี้(13)
ต่อมหึงได้ทำงานซะที อิอิ
เมื่อชายหนุ่มหน้าตาดี มาเจาะแจะกับคนที่เราหมายปอง
แล้วอะไรจะเกิดขึ้น มาดูกันคะว่า คนที่มีบุคคลิกนิ่งๆอย่างเก็จพรหม
จะแสดงอาการหึงแบบไหนเอ่ย

*.:。✿* D *.:。✿*゚¨゚✎ * *.:。✿* D *.:。✿*゚¨゚✎*.:。✿* D *.:。✿*゚¨゚✎ *✿* D *.:。✿*゚¨゚✎ *




*.:。✿* D *.:。✿*゚¨゚✎ * *.:。✿* D *.:。✿*゚¨゚✎*.:。✿* D *.:。✿*゚¨゚✎ *✿* D *.:。✿*゚¨゚✎ *

* *.:。✿* D *.:。✿*ติสลักกี้นัมเบอร์* *.:。✿* D *.:。✿*


ร่างสูงใหญ่ยืนมองดูตัวเองผ่านกระจกเงา บนร่างกายที่มีเพียงผ้าขนหนูเกาะหมิ่นเหม่พันเอวเท่านั้น ชายหนุ่มในกระจกหน้าตาหล่อเหลา เครื่องหน้าล้วนลงตัวดึงดูดให้เพศตรงข้ามให้แวะเวียนผูกสัมพันธ์ เขาจ้องลึกเข้าไปในดวงตาคมสีฟ้าแกมเขียวนั้นไม่เคยเลยที่หญิงคนใดจะไม่เขินอายยามที่ได้สบตา ริมฝีปากบางเหมือนสตรียามที่ยิ้มหัวและคลุกเคล้าอารมณ์หวามทุกคนล้วนยินยอมอย่างเต็มใจ มุมปากหยักยิ้มเมื่อนึกถึงการเดินทางเล็กๆไม่กี่ชั่วโมงที่ผ่านมา ผ่านผู้หญิงมาก็มากแต่ไม่เคยตรึงใจเท่าสาวเอเชียคนนี้ “พู่กัน” ผู้หญิงหน้าตาสวยสะอาด ผิวสีน้ำผึ้ง ตากลมโตมีเขี้ยวและลักยิ้มที่มุมปาก ยามพูดคุย ยิ้มและหัวเราะทุกอย่างเป็นธรรมชาติไม่แต่งปรุง ตัวเขาพลอยสบายใจไม่ต้องสงวนท่าทีแต่อย่างใด คำพูดเพียงไม่กี่คำของหญิงสาวสามารถให้เขานำมาขบคิด....
“ทำไมคุณถึงชอบศิลปะ ผู้หญิงส่วนมากชอบแฟชั่น”

เบรโตเอ่ยถามเมื่อเห็นมือเล็กง่วนอยู่กับการสเก็ตภาพวิวริมฝั่งแม่น้ำอาร์โนแทนการถ่ายรูปเพราะแบตหมดจากการใช้งานไปก่อนหน้านี้ ดวงหน้าหวานเงยขึ้นส่งยิ้มเก๋ให้โต้ตอบกลับมาด้วยคำถามแทน

“ก่อนที่ฉันจะตอบ แล้วคุณล่ะชอบอะไร”
“ผมเหรอ ชอบผู้หญิงสวย”
หนุ่มผมเหลืองเลิกคิ้วยิ้มกว้างตอบยียวนกลับเช่นกัน ติสสาวพยักหน้าหงึกๆ
“เบสิคคะ แล้วเรื่องอื่นล่ะคะ”
“รูปร่างเป๊ะ ผิวพรรณดี”

เบรโตเคาะคางคิดกลั้นขำขลุกขลักในลำคอตอบก่อนยักคิ้วให้สาวนัยน์ตาโต พู่กันถอนใจยาวปัดสายตาไปตามสายน้ำพูดโดยเรียบ ๆ ติดซีเรียสปลายเสียง

“ต้องเฟอร์เฟกว่างั้นเหอะ แต่ไม่เกี่ยวอะไรกับที่ถามไป ตอบให้ตรงประเด็นสิคุณ”
“ผมล้อเล่น ผมชอบงานบริการ ถ้าลูกค้าพึงพอใจนั่นคือความสำเร็จของผม”
ร่างสูงใหญ่ค้อมหัวลงเฉลยเสียงอ่อนเมื่อเห็นท่าทีมึนตึง
“เหมือนกัน ถ้ารูปที่ฉันวาดขายได้นั่นคือความสำเร็จของฉัน แฟชั่นเป็นสิ่งที่ฉันไม่ถนัดมันอาจทำให้ฉันล้มเหลียวเพราะฉันไม่ได้เกิดมาเพื่อสิ่งนี้ งานศิลปะที่เกิดจากความรักศรัทธา และเชื่อมั่น เป็นพลังที่จะส่งเสริมงานที่ทำออกมาดีที่สุดและจะไม่ท้อถอยหากว่ามันไม่ดีพอในสายตาผู้อื่น”

ตาคมเข้มสีสวยจ้าขึ้นเมื่อได้ยินติสสาวตอบช้าๆแต่ชัดถ้อยชัดคำ เข้าใจว่าไม่ใช่ภาษาแม่ของเจ้าหล่อน แต่มันสื่อให้เขารู้จักหญิงสาวได้มากกว่าเดิม
เบรโตพาดผ้าขนหนูตรงขอบเก้าอี้หยิบเสื้อคลุมสีขาวมาสวมแทน เดินไปหยิบมือถือกดออกขณะที่รอสายร่างสูงตรงไปเปิดมินิบาร์หยิบกระป๋องเบียร์มาเปิดแล้วยกดื่ม ปลายสายส่งเสียงด้วยสำเนียงที่ไม่ใช่ภาษาอังกฤษอย่างยืดยาวเหมือนกำลังรอโทรศัพท์จากชายหนุ่มอยู่แล้ว เสียงค่อนข้างขรึมของเบรโตตอบสั้นๆ ก่อนจะตัดสายทิ้ง

“ครับพี่”

*.:。✿* D *.:。✿*゚¨゚✎ * *.:。✿* D *.:。✿*゚¨゚✎*.:。✿* D *.:。✿*゚¨゚✎ *✿* D *.:。✿*゚¨゚✎ *


พู่กันออกจากห้องสายอีกตามเคยวันนี้เพราะเมื่อคืนกว่าจะได้นอนเกือบเที่ยงคืนเธอต้องอาบน้ำสระผมอีกครั้ง เธอกลัวเจอโรคหวัดแบบไม่รับเชิญ ถึงแม้ไม่เจอฝนเต็ม ๆ แต่ระหว่างทางที่วิ่งกลับมาที่พักมีเม็ดฝนปรอย ๆ ตลอดทางเช่นกัน ส่วนเก็จพรหมไม่ต้องพูดถึงเปียกไปทั้งตัว
“สงสัยไปอยู่ในงานหมดแล้ว”

พู่กันคิดพลางขึ้นรถตรงไปที่งานโรดโชว์ เมื่อถึงงานเธอเห็นเก็จแก้วยืนคุยอยู่กับเอเยนต์ ถัดไปเป็นผู้จัดการฝ่ายการตลาดของสมุยและกระบี่กำลังวุ่นวายอยู่เช่นกัน ไร้ร่างสูงคุ้นตาติสสาวเดินเข้าไปในคอกของอาคาเดียกรุ๊ปมองดูการทำงานของทีมงานเงียบ ๆ วันนี้เธอตั้งใจจะมาช่วยงานและคุยเรื่องสัญญาที่เก็จแก้วเอ่ยไว้เมื่อวาน เก็จแก้วหันมาหยิบเอกสารเลิกคิ้วดูสาวติสกำลังนั่งขัดสะหมาดอยู่กับพื้นกำลังจัดเรียงโบรชัวร์ลงในโฟวเดอร์ไว้แจกผู้เข้าชมงาน

“อ้าวพู่มาตั่งแต่เมื่อไหร่ วันนี้ธุรกิจไปได้สวย ยุ่งๆแบบนี้พี่ชอบ”
“นั่นสิคะ พู่เห็นยุ่งกันทุกคนเลย”
พู่กันพูดพลางกวาดสายตาหาใครสักคน เก็จแก้วมองตามแล้วตอบคำถามแววตาสงสัยนั้น
“นี่ก็ขาดไปคนหนึ่งนะ โทรมาตะกี้บอกว่าไม่สบาย เสียงเหมือนติดหวัดสงสัยเมื่อคืนไปตากฝนมาแหงม ๆ เลย”
“ ? ”
ติสสาวเงียบเก็บความวูบไหวไว้ใต้แพขนตาหนา “เป็นอะไรมากหรือเปล่านะ” คิดในใจแต่ปากยังคงปิดสนิท
“ไม่รู้กินข้าวหรือยัง แถมกินยายากเสียด้วยสิรายนี้”
เก็จแก้วลอบมองดูสาวติส รีบปัดสายตาไปอีกทางเมื่อตาคมหวานเงยขึ้นมอง
“เมื่อคืนหลังจากทานข้าวเราเดินไปดูบรรยากาศริมน้ำอาร์โนคะพี่ เผอิญขากลับฝนตกหนัก ดูเหมือนว่าคุณพรหมเปียกทั้งตัว”
ติสสาวพูดตามจริง แววห่วงใยวูบไหวในตาคู่สวย เพราะเขาเอาตัวบังฝนให้เธอจนป่วย เหตุผลแค่นี้จริงๆ พู่กันบอกตัวเอง
“กะแล้วเชียวที่แท้ทำตัวเป็นพระเอกนี่เอง”
เก็จแก้วบ่นในใจ แต่ปากกลับหัวเราะขำถือเป็นเรื่องปกติให้ติสสาวหายกังวล
“น้องชายพี่หัวแข็ง เป็นเดี๋ยวเดียวก็หาย พู่อย่าไปสนใจเลย ว่าแต่วันนี้มีแพลนไปเที่ยวที่ไหนหรือเปล่าจ๊ะ เอแต่งตัวแบบนี้ดูท่าจะไปไม่ไกลนะ”

เก็จแก้วเอียงคอดูชุดกระโปรงที่ติสสาวใส่ กระโปรงยาวถึงเข่าสวมทับกางเกงเลคกิ้งเสื้อที่ใส่ไม่หนามากนักเหมาะที่จะอยู่ในโดมมากกว่าออกไปเจออากาศหนาวข้างนอก พู่กันระบายยิ้มอ่อนหวานก้มหน้าเขินสายตาเพื่อนพี่หนูนา

“พู่มาอาสาเป็นเด็กใส่โฟเดอร์ให้พี่หนูนาโดยเฉพาะเลยคะวันนี้”
“อ๋อ ดีเลยจ๊ะ วันนี้พี่เฮงตั้งแต่เปิดบูทแล้ว ดูสิยุ่งกันหมด เอแล้วใครจะไปดูน้องชายพี่ล่ะเนี่ย เป็นอะไรมากหรือเปล่าก็ไม่รู้สิ พี่จะปลีกตัวก็ไม่ได้น่าเกลียดอะ”

เก็จแก้วบ่นพึมพัมไม่อยากทิ้งงานแต่เป็นห่วงเก็จพรหมนอนป่วยที่โรงแรม อาร์ทตัวแม่เม้มปากอย่างชั่งใจ ก้มดูโปรชัวร์ในมือแล้วตัดสินใจอาสาไปแทน เพราะเค้าดูแลเธอจนล้มป่วยหรอกนะ พู่กันแก้ต่างเหตุผลที่ไปดูอาการของเก็จพรหม
“เดี๋ยวพู่ไปดูให้คะ”
“จะดีเหรอจ๊ะ พี่เกรงใจ พี่ว่าปล่อยไว้อย่างนั้นเถอะ โตแล้วคงหาอะไรทานเองล่ะ ถ้าไม่ห่วงตัวเองก็ไม่ต้องกินยา ช่างหัวแล้วกันพี่ว่า”
“ไม่ได้สิคะ พู่เป็นต้นเหตุให้คุณพรหมล้มป่วย เพราะถ้าไม่บังฝนให้พู่คงไม่นอนเจ็บที่ห้องแบบนี้หรอกคะ”
“ถ้างั้นพี่ฝากด้วยนะพู่”
“เออ..พู่ไปเลยนะคะ”

เก็จแก้วมองตามหลังบางแล้วส่ายหน้าทำไมเธอจะมองไม่ออกว่า ติสสาวนั้นมีความห่วงใยต่อน้องชายสุดที่รักแค่ไหน เธอหวังว่าการเป็นสะพานเชื่อมให้ทั้งคู่มีโอกาสได้ใกล้ชิดกันและเปิดเผยความรู้สึกต่อกันในดินแดนโรแมนติกแห่งนี้

*.:。✿* D *.:。✿*゚¨゚✎ * *.:。✿* D *.:。✿*゚¨゚✎*.:。✿* D *.:。✿*゚¨゚✎ *✿* D *.:。✿*゚¨゚✎ *

ร่างสูงนอนซมอยู่บนเตียง เสียงไอเป็นระยะเพราะระคายคอ หลังจากขึ้นห้องแล้ว ตอนนั้นแค่รู้สึกหนักและมึนหัว หลังจากที่อาบน้ำเรียบร้อยแล้วยังไม่ทันทานยาดักคงหลับไปเสียก่อน ครั้นพอตื่นตอนเช้าอาการปวดเมื่อยตัวและปวดหัวจนไม่อยากลุกจากที่นอน ความจริงวันนี้เขามีแพลนจะพาพู่กันเที่ยวแต่กลับมาป่วยเสียก่อน ป่านนี้หญิงสาวคงอยู่ในงานหรือไม่ก็ออกเที่ยวตามปกติเพราะเจ้าหล่อนหลงไหลงานศิลปะขนาดนั้นคงตื่นตาตื่นใจกับปฏิมากรรมในเมืองนี้ไม่มีเบื่อแน่นอน

“ก๊อก ๆ ๆ”
เสียงเคาะประตูดังอยู่ที่หน้าห้อง เก็จพรหมผงกหัวที่หนักอึ้งขึ้นด้วยความยากลำบาก
“สงสัยพี่แก้ว”
เสียงแหบพึมพัมในลำคอ พยุงตัวลุกจากเตียงเดินโผเผไปเปิดประตู คนที่ยืนรอหาใช่เก็จแก้วตามที่คิดไม่แต่เป็นคนหน้าหวานยืนรอ และทันเห็นความห่วงใยฉาบไล้ในตากลมโตก่อนจะเลือนหาย
“พู่เหรอฮะ มีอะไรหรือเปล่า”
เสียงแหบทักเบา ๆ ใบหน้าคมสันก้มนิด ๆ เส้นผมปรกดวงตาจึงมองไม่เห็นแววตาเต้นไหวของเจ้าพ่อรีสอร์ทเมื่อเห็นหญิงสาวยืนอยู่หน้าห้อง

“พู่..เออ..นี่คะเอาอาหารมาส่งแทนพี่แก้ว”

พู่กันชูถุงใส่กล่องอาหารที่เธอแวะซื้อก่อนจะเข้าที่พักคิดว่ายังไงเก็จพรหมคงจะยังไม่มีอะไรตกถึงท้องตามประสาคนป่วย ไม่วายอ้างชื่อเก็จแก้วเป็นใบเบิกทางการมาเยี่ยมในครั้งนี้

“ความจริงผมหากินเองได้...พู่ไม่น่าลำบากเลย”
“ไม่ลำบากเลยคะ รอพู่แป๊บเดียวนะคะขอพู่เตรียมอาหารใส่จานให้คะ”

ไม่พูดเปล่า ติสสาวแทรกตัวเองเดินเข้าไปในห้องจัดการกล่องอาหารใส่ถาดนำมาให้เจ้าของห้องที่นั่งอยู่ตรงโต๊ะมุมหน้าต่างมองดูร่างบางเงียบๆ

“ทานอะไรก่อนนะคะ จะได้ทานยาคะ”
“ผม..ผม..ยังไม่หิว” เจ้าพ่อหนุ่มเริ่มต้นไออีกครั้ง
“ไม่ได้คะ นอกจากทานอาหารเสร็จแล้วต่อด้วยทานยาคะ อะ.. อย่าบอกนะคะว่าคุณพรหมเป็นพวกกลัวยาขึ้นสมอง”

หน้าตาติสสาวจริงจังพอๆ กับเสียง พร้อมกับเลื่อนอาหารตรงหน้าชายหนุ่ม ตากลมโตจ้องมองเขม็งจนคนป่วยเริ่มปอดเหลือบตาเข้มมองเหมือนเด็กน้อยถูกบังคับให้กินของที่ไม่ชอบ เสียงไอโขลก ๆหนักขึ้นเรื่อย ๆ จนพู่กันต้องลุกเดินไปกดน้ำร้อนให้ชายหนุ่มจิบ

“จิบนิดหนึ่งนะคะ เป็นเพราะยืนบังฝนให้พู่คุณพรหมเลยเป็นแบบนี้”
น้ำเสียงรู้สึกผิดออกมาจากริมฝีปากบางอิ่ม สายตายังมองดูใบหน้าสีเข้มกว่าปกติ
“ไม่ใช่หรอกฮะ ร่างกายผมปรับตัวไม่ทันมากกว่าฮะ”
“เอาเถอะคะไม่ใช่เวลามาเถียงว่าสาเหตุคืออะไร ตอนนี้ทานอาหารก่อนนะคะ เดี๋ยวจะได้ทานยา”
“ขอบใจฮะ”

เจ้าพ่อรีสอร์ทก้มหน้าจัดการกับอาหารที่แทบจะไม่รู้รสชาดอะไร ทานได้ไม่กี่คำมือหนาวางช้อนลงเริ่มต้นไออีกหน พู่กันยื่นน้ำร้อนให้ ตากลมโตหลุบมองดูอาหารแทบจะไม่พร่อง ปากบางเม้มก่อนจะหยิบจานอาหารขึ้นถือแล้วตักอาหารพอคำยื่นชิดปากคนป่วย ตาเข้มวาบคาดไม่ถึงว่าติสสาวจะป้อนอาหารถึงปาก เหลือบตาปรือปรอยเห็นหญิงสาวพยักหน้าส่งสายตาแน่วแน่ว่าจะเขาต้องทานอาหารที่เธอป้อนให้ห้ามบิดพริ้ว

“ทานนะคะ จะได้หายไว ๆ”
เสียงหวานพลิ้วพยายามหลอกล่อให้คนป่วยยินยอม ตาคมหวานอ่อนแสงเหมือนให้กำลังใจ
“ครับ”

เพียงไม่นานพู่กันมองอาหารในจานหมดเกลี้ยงอย่างพึงพอใจ ใต้แพขนตาหนาไม่ได้แสดงอาการอะไรให้คนป่วยเห็นเพราะมันกระพริบไหวคล้ายปีกผีเสื้อจับจ้องอยู่บนจาน มือบางหยิบยาเม็ดยื่นให้ชายหนุ่ม ยาทั้งหมดถูกกลืนลงคอด้วยความยากลำบาก ตามคำบอกเล่าของเก็จแก้วไม่ผิดเพี้ยนเรื่องขยาดยาของเขา พู่กันก้มหน้าซ่อนยิ้มเมื่อเห็นสีหน้าผะอืดผะอมของคนป่วย

“เก่งมากคะ ข้าวหมดจาน ทานยาเรียบร้อยแล้ว เชิญขึ้นเตียงคะ”

พู่กันยิ้มปัดมืออย่างยินดีก้มเก็บจานเพื่อนำไปล้าง เก็จพรหมท้วงเสียงพร่าแหบ อยากเอื้อมมือไปดึงแขนบางเอาไว้แต่ต้องหักห้ามใจเมื่อรู้ว่าไม่ควร

“ดะ เดี๋ยวก่อนสิพู่ คุยกันก่อน”
“ค่อยคุยคะ พักผ่อนก่อนนะคะ จะได้หายไว ๆ”
พู่กันวางมือจากจานโต้ตอบทันควันนึกหมั่นไส้คนอยากจ้อทั้งที่ตาปรือริบรี่
“พู่จะกลับเลยหรือฮะ”
เก็จพรหมอดถามตามคำสั่งของหัวใจไม่ได้
“คะคิดว่าพอล้างจานเสร็จ ทำไมเหรอคะ”
ติสสาวจ้องหน้าคนคนป่วยคิ้วคมขมวดไม่เข้าใจคำถาม
“ผมอยากให้พู่อยู่จนผมหลับ”

เสียงแหบพร่านั้นติดอ้อนจนพยาบาลจำเป็นอมยิ้มขำคนป่วย นี่ขนาดไม่สบายนะปากยังพูดให้เคลิ้มได้ ติสสาวคิดเอ็ดอึงในใจ ในระหว่างที่กำลังอึ้งเพราะหาคำตอบให้ตัวเองไม่ได้ มือร้อนผ่าวเอื้อมแตะแขนเรียวร้องขอ “นี่เพราะเขาเคยดูแลเธอหรอกนะ” อาร์ทตัวแม่ให้เหตุผลกับใจที่อ่อนแรง

“นอนเถอะคะ เดี๋ยวพู่จะเช็ดตัวให้”

แพคเก็จที่เสนอทำให้ร่างสูงเดินไปที่เตียงโดยไม่ต้องสั่งเป็นคำรบสอง รอยยิ้มมุมปากและแววตาทอหวานบนใบหน้าแดงเรื่อจากพิษไข้แลดูน่าหมั่นไส้ หากแต่ติสสาวไม่มีโอกาสได้เห็นเพราะมัวแต่เก็บจาน เมื่อกลับออกมาอีกครั้งคนตัวโตสิ้นฤทธิ์เพราะยาที่ทานเข้าไป พู่กันยืนมองใบหน้าเข้มกำลังหลับสนิท ติสสาวส่ายหน้าระอากับคนอยากจ้อแต่สังขารไม่อำนวย นี่ถ้ามิใช่เพราะป่วยและอำนาจของยาที่จัดให้นึกไม่ออกเหมือนกันว่าคนป่วยจะอยู่ในลักษณะไหน พู่กันอดที่จะเอื้อมใช้หลังมือแตะที่หน้าผากรับรู้ถึงความร้อนผ่าวแม้จะมีเหงื่อที่เริ่มผุดขึ้นมาให้เห็น ร่างบางยืนลังเลชั่วครู่ หมุนตัวเดินกลับเข้าห้องน้ำอีกครั้ง ออกมาพร้อมกับภาชนะใส่น้ำผสมโคโลญจน์และผ้าขนหนูผืนเล็ก ติสสาวตลบผ้าห่มลงครึ่งตัวจับแขนคนป่วยไว้นอกผ้าห่มลงมือเช็ดตามใบหน้าลำคอและแขนทั้งสองข้าง ตลอดเวลาที่หญิงสาววุ่นวายกับร่างกายของเจ้าพ่อรีสอร์ทนั้นเสียงครางงึมงัมผ่านลำคอเหมือนลูกเสืองัวเงีย เรียกรอยยิ้มบนใบหน้าติสสาวได้ตลอดเวลา หลังจากเช็ดตัวให้กับคนป่วยร่างบางยืนเอียงคอดูคนป่วยที่ยังหลับอย่างสบายตัว วิญญาณติสกำลังเข้าสิงหญิงสาวอีกครั้ง พู่กันล้วงเอากระดาษร้อยปอนด์ออกจากเป้ตามด้วยยกเก้าอี้มาข้างเตียงโดยหันพนักเก้าอี้เข้าหาเตียงแล้วนั่งคร่อมเก้าอี้เพื่อง่ายต่อการสเก็ทรูปแทนการกดชัตเตอร์จะได้ไม่รบกวนคนกำลังนอน ....


*.:。✿* D *.:。✿*゚¨゚✎ * *.:。✿* D *.:。✿*゚¨゚✎*.:。✿* D *.:。✿*゚¨゚✎ *✿* D *.:。✿*゚¨゚✎ *


“อ้าวคุณพรหม หายดีแล้วหรือครับ”
“ค่อยยังชั่วแล้วฮะ”

ณัฐกร ผู้จัดการฝ่ายการตลาดในเครือสมุยถามเก็จพรหมเมื่อเห็นชายหนุ่มเดินเข้าในคอกของอาคาเดียกรุ๊ป ใบหน้ายังคงซีดอยู่บ้างแต่แววตากลับไหวระริกจนคนถามต้องมองให้แน่ใจอีกครั้ง สายตาของเก็จพรหมพุ่งตรงไปยังร่างบางที่ยืนคุยกับทีมผู้จัดงานที่เริ่มคุ้นเคยกับติสสาว คิ้วเข้มขมวดเมื่อเห็นหนุ่มต่างชาติเอื้อมไปจับมือติสสาวยกขึ้นก่อนที่ทั้งคู่จะหัวเราะกันอย่างสนิทสนม อารมณ์แปลกๆเริ่มพลุ่งพล่านขึ้นมาจนระงับไม่อยู่ขณะที่กำลังจะก้าวเท้าตรงไปยังคนทั้งคู่ต้องชะงักเมื่อได้ยินเสียงทักจากด้านหลัง

“พรหมช่วยดูเอกสารว่าชุดนี้ใช้ได้หรือยัง”
“ฮะ พี่แก้ว”

เอกสารที่เก็จแก้วให้ดูคือสัญญาที่จะคุยกับพู่กันนั่นเอง เก็จพรหมเงยหน้าดูพี่สาวไม่เข้าใจเจตนา ก่อนจะหันกลับไปที่เดิมแต่ไร้ร่างติสสาว ตาเข้มกวาดมองไปทั่วเหมือนกับว่าหญิงสาวได้ออกจากโดมแห่งนี้ไปแล้ว เสียงถอนลมหายใจหนักของน้องชายทำให้เก็จแก้วมองอย่างพิจารณาจนต้องสะกิดให้กลับมาแล้วบุ้ยปากให้ดูมุมที่ชายหนุ่มไม่สนใจจะมองดู ทำให้หน้าเข้มระบายยิ้มออกได้เมื่อเห็นหญิงสาวกำลังยืนคุยอยู่กับหญิงวัยกลางคนดูท่าจะลำบากเพราะมีออกท่าทางประกอบคำพูดอยู่ตลอดเวลา เสียงผ่อนลมหายใจออกอย่างช้าๆพร้อมกับโคลงศีรษะขำตัวเอง

“พรหมคนเก่าของพี่หายไปไหนจ๊ะ”
“คือ ผม...”
“เอามันแค่พอดีดีกว่านะ จะได้ไม่น่าเกลียดนะจ๊ะน้องรัก”

เก็จแก้วกล่าวยิ้มๆสัพยอกน้องชาย แล้วหันหลังไปจุดที่ติสสาวกำลังพยายามสื่อสารกับหญิงวัยกลางคนนางแต่งตัวพื้นบ้านนี่คงจะโดนตาโดนใจอารมณ์ติสของพู่กันเข้าแน่ ๆ และดูเหมือนว่าจะไม่ได้ผลคงสื่อกันคนละภาษา เป็นไปตามที่เก็จแก้วคิดไว้ไม่ผิดพู่กันใช้ภาษาอังกฤษสื่อสารแต่มาดามผู้นั้นถนัดใช้ภาษาท้องถิ่น ขณะที่ทั้งคู่กำลังเข้าตาจนมีเสียงแทรกมาช่วยได้ทันเวลา

“มาดามครับสาวเอเชียคนนี้จะขอให้คุณเป็นแบบให้เธอวาดเธอบอกว่าชุดที่คุณใส่สวยโดยเฉพาะหน้าตาของมาดามช่างโดดเด่นจนเธอประทับใจมากก็เลยอยากได้มาดามเป็นแบบให้จะได้ไหม”

พู่กันส่งสายตาขอบคุณเบรโตที่มาช่วยได้ทันเวลาแม้ว่าชายหนุ่มจะตอกไข่ใส่อาหารล่อให้มาดามมาติดกับเสียมากมาย

“อย่างนี้นี่เอง เธอชอบชุดฉันใช่ไหม ได้สิฉันยินดีเป็นแบบให้วาดโดยไม่คิดค่าเสียเวลาเลย.”
หญิงสูงวัยพูดด้วยความเอ็นดูติสสาว ใครจะไม่ชอบล่ะถูกหนุ่มหน้าตาดีชม
“ขอบใจมากเบรโต นี่ฉันกำลังคิดว่าฉันต้องยอมแพ้เสียแล้วสิ แค่ภาษาอังกฤษก็งูๆปลาๆแล้วนี่เป็นอะไรที่ฉันลืมคิดไปจริงๆ”
“ไม่เป็นไรพู่กัน ถือว่าวันนี้ฉันทำหน้าที่ล่ามดีไหม”
“ดี..ดีมากด้วยสิคุณ”
พู่กันปรบมือเบาๆรู้สึกโชคดีที่ได้ทำในสิ่งที่ต้องการจริง ๆ

“อ้าวพู่ตะกี้เห็นกำลังมีปัญหาอยู่มิใช่เหรอจ๊ะ”

เก็จแก้วเดินมาถึงปากถามแต่สายตามองดูฝรั่งหน้าหล่อเหมือนดารายืนเคียงคู่ติสสาวมองดูแล้วน่าจะรู้จักกันมาก่อน
“คะพี่แก้วเผอิญ เบรโตเค้ามาช่วยได้ทันเวลาคะ”
พู่กันตอบเก็จแก้วด้วยสีหน้าโล่งอก
“งั้นหรือจ๊ะ คิดว่ากำลังจะมาเป็นตัวช่วยนะเนี่ย”
“ขอบคุณคะพี่แก้ว นายคนนี้ ภาษาเปะเลยคะ อะ..ลืมแนะนำ เบรโตนี่ มิสเก็จแก้วเธอเป็นเจ้าของอาคาเดียกรุ๊ป บูทอยู่ตรงนั้น พี่แก้วคะนี่คือเบรโต บอกตรงๆว่าพู่รู้จักเค้าโดยบังเอิญไม่กี่วันมานี้เองคะ” พู่กันบอกเพื่อนรักพี่หนูนาตามตรง
“ยินดีที่ได้รู้จักครับมิสเก็จแก้ว”
เบรโตยกมือขึ้นหมายจับมือหญิงสาว แต่เก็จแก้วเลือกที่จะยกมือไหว้เป็นการทำความเคารพแทน
“เช่นกันคะ งั้นพี่ไปดูแลบูทต่อแล้วกัน ถ้าต้องการความช่วยเหลือบอกมาแล้วกันนะจ๊ะ”
“ขอบคุณคะ งั้นดีเลยคะพู่ขอใช้บิวบอร์ดของอาคาเดียกรุ๊ปให้นางแบบของพู่ใช้เป็นฉากได้ไหมคะ”
“เอาสิเดี๋ยวพี่จะให้เด็ก ๆ เค้าหาเก้าอี้มาเตรียมไว้ให้เลยแล้วกัน”
“ขอบคุณคะพี่ เบรโตคุณช่วยบอกมาดามให้เค้าไปนั่งเก้าตรงฉากโน้นหน่อยสิ ฉันอยากจะวาดรูปเค้าร่วมกับฉากทะเลนั่น”

เบรโตหันไปพูดกับมาดามด้วยภาษาท้องถิ่น พร้อมกับรวบอุปกรณ์งานเขียนของพู่กันอย่างถือวิสาสะซึ่งติสสาวเองนิ่วหน้าแปลกใจว่าหนุ่มหล่อดูจะรู้งานอย่างเต็มใจเสียเหลือเกิน เป็นเวลาเดียวกันที่เก็จพรหมเดินไปสังเกตการณ์บูทเพื่อนบ้านทั้งคู่จึงยังไม่เจอกัน พู่กันทำงานอย่างตั้งใจเมื่อไหร่ที่หญิงสาวเข้าโหมดอาร์ทตัวแม่ เหมือนจะตัดขาดคนรอบข้างออกไปคงเหลือแต่แบบที่วาดและแผ่นเฟรมเท่านั้น เธอไม่รู้เสียด้วยซ้ำว่าเก็จพรหมได้เดินเข้ามาหยุดยืนอยู่ข้างๆตัวตั่งแต่เมื่อไหร่และยืนดูหนุ่มชาวต่างชาติรูปหล่อท่าทางสนิทสนมกับพู่กันด้วยความรู้สึกพลุ่งพล่าน พู่กันขึ้นโครงลายเส้นจนเป็นรูปร่างหญิงสาวจึงเงยหน้ามองดูนางแบบด้วยรอยยิ้มอ่อนโยน ก่อนจะหันไปคุยกับเบรโตด้วยน้ำเสียงโทนเดียวกัน

“เบรโต รบกวนคุณบอกนางแบบให้หน่อยสิว่าฉันพักเบรกสิบนาทีเค้าจะได้เข้าห้องน้ำ เดี๋ยวฉันจะไปหาเครื่องดื่มให้เอง”
“ไม่เป็นไรคุณนั่งเฉยๆ เดี๋ยวผมจัดการให้เอง นี่มันถิ่นผมนะ”
“เกรงใจคุณจัง แต่ก็ขอฝากด้วยละกันคะ”
พู่กันยิ้มตาหยีเมื่อได้รับความช่วยเหลือของเบรโต
“ไม่มีปัญหา สำหรับคุณแล้วยินดีบริการเต็มที่”

เบรโตยกมือแตะขมับขยิบตาฉ่ำใส่พู่กันคล้ายล้อเลียน เรียกเสียงหัวเราะจากติสสาวซึ่งไม่ได้คิดอะไรมากไปกว่าขำท่าทางทะเล้นประจำตัวของเขา ร่างบางหันกลับไปอีกด้านเพื่อเปลี่ยนดินสอเจอเข้ากับสายตาเข้มดุของเก็จพรหมที่จ้องอยู่ก่อนแล้ว ติสสาวไม่ทันได้เอะใจจึงส่งยิ้มหวานทักทายทั้งดีใจที่เห็นชายหนุ่มอาการดีขึ้นจนมาที่งานได้แล้ว

“คุณพรหมหายดีแล้วเหรอคะ”
“?”

หน้าคมเข้มเรียบเฉยไม่มียิ้มหัวซ้ำยังเบือนหนีเหมือนไม่ได้ยินคำทักทาย ทำเอาติสสาวรู้สึกเก้อ แต่ด้วยยังคิดว่าเสียงอาจหายเพราะคืนที่ผ่านมาชายหนุ่มไอตลอดทั้งคืน ร่างบางเผลอแสดงความห่วงใยด้วยการยกมือแตะแก้มสากเบา ๆ ร่างสูงขยับออกห่างทันทีทำให้พู่กันรู้สึกผิดสังเกต แรกนั้นดูเหมือนจะไม่เข้าใจและต่อมาคือความน้อยใจกับสิ่งที่เก็จพรหมตอบรับความห่วงใยของเธอด้วยความหมางเมิน ปากบางเม้มแววตาหม่นลงและพยายามปรับสีหน้าให้ปกติ ติสสาวกวาดตาดูรอบ ๆเมื่อเห็นว่าทุกคนต่างติดงานกันอยู่จึงรู้สึกโล่งใจ ตากลมโตเหลือบมองดูหน้าคมเข้มอีกครั้งโดยหวังจะได้เห็นรอยยิ้มอบอุ่นเหมือนเคยแต่ชายหนุ่มยังคงมีสีหน้ามึนตึงเช่นเดิม ทีแรกพู่กันเหมือนจะชวนคุยต่อแต่รู้สึกนอยย์เมื่อเก็จพรหมดูจะไม่สนใจแม้แต่จะมองหน้าจึงเก็บคำพูดไว้แค่ริมฝีปาก พร้อมกับพยายามเก็บลมหายใจให้คงที่ไม่งั้นจะทำงานตรงหน้าไม่ได้ เมื่อเบรโตกลับมาพร้อมอาหารและเครื่องดื่มติสสาวฉีกยิ้มหันไปสนใจคนที่ยิ้มแป้นแร้นแทน

“เอ้านี่ผมซื้อมาฝากคุณด้วย ผมรู้ว่าคุณชอบน้ำดื่มแร่ สองขวดสำหรับคุณโดยเฉพาะ”
“ขอบใจมากเบรโต คุณช่วยถามนางแบบฉันหน่อยสิว่าพร้อมหรือยัง”
“ครับคนสวย”

เบรโตค้อมตัวลงไม่วายส่งตาเจ้าชู้ให้ พู่กันไม่ทันได้เห็นเพราะละสายตามาที่เฟรมภาพร่างเสียก่อน แต่คนตัวสูงอีกคนนี่สิเห็นไปเต็มๆ สันกรามถูกขบนูนขึ้นมา เสียงคำรามออกจากลำคอทิ้งปริศนาให้คนฟังภาษาไทยออกต้องครุ่นคิดอย่างงุนงง มองดูร่างสูงเดินจากไป ส่วนเบรโตยกไหล่แบมือกลางอากาศให้ทราบว่าไม่เข้าใจความหมายนั้นเลย

“เลี่ยนซะไม่มี”

*.:。✿* D *.:。✿*゚¨゚✎ * *.:。✿* D *.:。✿*゚¨゚✎*.:。✿* D *.:。✿*゚¨゚✎ *✿* D *.:。✿*゚¨゚✎ *





Create Date : 19 ธันวาคม 2554
Last Update : 19 ธันวาคม 2554 13:52:46 น.
Counter : 1554 Pageviews.

4 comment
สาวไฮเปอร์หัวใจติส - ติสสิบสอง
กลับมาพร้อมกับความหวานคะ
แม่หนูยิมใส่ตัวละครตัวสำคัญคู่แข่งของพระเอกเข้าไป
ยังไงเอาใจช่วยเจ้าพ่อรีสอร์ท ทำคะแนนจีบนางเอกให้สำเร็จนะคะ


*.:。✿* D *.:。✿*゚¨゚✎ * *.:。✿* D *.:。✿*゚¨゚✎*.:。✿* D *.:。✿*゚¨゚✎ *✿* D *.:。✿*゚¨゚✎ *




*.:。✿* D *.:。✿*゚¨゚✎ * *.:。✿* D *.:。✿*゚¨゚✎*.:。✿* D *.:。✿*゚¨゚✎ *✿* D *.:。✿*゚¨゚✎ *

D *.:。✿*゚¨゚✎ * ติสสิบสอง D *.:。✿*゚¨゚✎ *




เช้าแรกของติสสาวที่รู้สึกไม่อยากออกไปไหน ปกติตื่นแล้วหญิงสาวจะเดินเตร็ดเตร่ใกล้ๆแถวที่พักแต่เช้านี้เธอเลือกที่แช่ตัวอยู่บนเตียงเหตุผลหลักคือไม่อยากเจอหน้าเก็จพรหม มันช่วยไม่ได้ที่เธอจะรู้สึกอับอายขายขี้หน้าที่ถูกเขาปล้นจูบแบบไม่รู้เนื้อรู้ตัว แถมชายหนุ่มยังพูดให้ใจแกว่งตลอดคืนกับความหมายที่พยายามตีความให้แตก พู่กันยังคงนอนเลื้อยอยู่บนเตียงตาจับจ้องนาฬิกาบนผนังห้อง แม้รู้ว่ายังไงก็ต้องเจอเขาแต่ก็ขอเจอให้ช้าที่สุดดีกว่า ถ้าวันนี้เธอไม่ขึ้นเวทีรับรางวัลป่านนี้เธอคงอยู่แถวพิพิธภัณฑ์หรือไม่ก็โบสถ์เพื่อดูศิลปะตามเรื่องตามราว ในที่สุดติสสาวตัดสินใจลุกขึ้นเมื่อดูเวลาแล้วคิดว่าทุกคนน่าจะออกไปที่ศูนย์ประชุมกันหมด พู่กันเดินออกจากห้องลงไปที่แผนกต้อนรับเพื่อคืนคีย์การ์ด ก่อนที่ร่างบางจะเดินออกจากล็อบบี้ เสียงทุ้มทักมาจากโต๊ะด้านข้างเสียงแสนคุ้นเคยทำให้ใจอาร์ทตัวแม่กระเด็นกระดอนทีเดียวเธอไม่กล้าแม้แต่จะหันไปตามเสียง ทำได้แต่ยืนแข็งทื่อและไม่รู้จะตีสีหน้าอย่างไรถึงจะดีในเวลานี้

“พู่ทำไมถึงลงมาช้าจังฮะ”
“......” ไร้เสียงตอบจากติสสาว
“เท้ายังระบมอยู่หรือเปล่า หายป่วยหรือยัง”

เก็จพรหมถือวิสาสะจับแขนเล็ก ตัวไม่ร้อน ชายหนุ่มนึกแปลกใจสัมผัสได้ว่าคนตรงหน้าไม่ปกติเนื้อตัวดูเกร็งถามก็ไม่ตอบจึงเดินไปยืนตรงหน้าสาวติส พบว่าหน้าสวยคมแดงก่ำ ตาโตวาววับกำลังเบิกขยายพวงแก้มแดงปลั่งแค่นี้ก็พอดูออกว่าพู่กันกำลังเขินอยู่นั่นเอง
“พู่กันคนเก่าหายไปไหน”
ชายหนุ่มพูดเย้าจ้องหน้าคมขำอย่างเอ็นดู
“ใครจะหน้าด้านเหมือนคุณล่ะ ไม่สะเทือนเอาเสียเลย”

ติสสาวติสแตกตวาดกลับทันที ตาคมแฉลบผ่านหน้าชายหนุ่มโดยเร็ว เจ้าพ่อรีสอร์ทกลั้นขำเมื่อเห็นหน้าคมขำนั้นแดงก่ำลงไปถึงลำคอ ก้าวเท้ายาวๆนำหน้าเขาไปโดยเร็ว นี่คือผลพวงจากเมื่อคืนสินะ ชายหนุ่มคิด

“ใครบอกคุณล่ะว่าผมไม่สะเทือน”
เก็จพรหมพูดขึ้นเมื่อตามหญิงสาวทัน ตาเข้มเหลือบแลดูหน้าเนียนบัดนี้เม้มปากบางจนรู้สึกกลัวกลีบปากจะช้ำเอาได้
“นี่คุณไม่ต้องพูดต่อก็ได้”
เขมิกากัดฟันตอบสบตาเข้มแว๊บเดียวแล้วเมินไปทางอื่น
“ความจริงผม...”
นายหัวรีสอร์ทลากเสียงยั่วอย่างอารมณ์ดี
“นี่คุณ!”
ติสสาวถลึงตาใส่เก็จพรหมอย่างลืมตัว พอรู้ตัวว่าเสียทีเข้าอย่างจังจึงหยุดเดินทันที
“เอาล่ะๆ พู่ผมขอโทษแล้วไง เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นมันเป็นเรื่องบังเอิญไม่มีใครตั้งใจให้เกิดขึ้นหรอก เราไปกันเถอะ นี่ก็สายมากแล้ว”

เก็จพรหมยอมอ่อนข้อให้สาวติสเพราะรู้สึกว่าตัวเขารุกมากไป สายตาเข้มที่มองมาทำให้พู่กันยืนเชิดหน้านิ่งแม้แววตาจะหวาดระแวงบ้าง หนุ่มสาวเคียงคู่กันไปศูนย์ประชุม ทันทีที่หลุดเข้าไปในที่แห่งนั้น นายหัวรีสอร์ทเปลี่ยนบุคคลิกเป็นคนละคน ทำให้พู่กันโล่งอกและผ่อนคลายไม่รู้สึกเกร็งจิตใจเริ่มกลับเป็นปกติ กล้องตัวเล็กๆในมือถูกยกขึ้นถ่ายในมุมที่น่าสนใจไปเรื่อย ๆ บ่อยครั้งที่จับภาพร่างสูงหน้าตาคมเข้มกำลังอยู่ในอริยบทต่างๆผ่านเลนส์โดยที่เจ้าตัวไม่รู้ ทั้งตั้งใจและไม่ตั้งใจของช่างภาพฝีมือสมัครเล่น บรรยากาศงานวันนี้ครึกครื้นมีกิจกรรมหลากหลายบนเวทีโดยเฉพาะช่วงเวลาแจกรางวัลสำหรับผู้โชคดีจะได้ห้องพักฟรีเป็นช่วงที่บรรดานักล่ารางวัลต่างชื่นชอบ ขณะที่พู่กันกำลังลุ้นว่าใครจะเป็นผู้โชคดี เก็จแก้วปลีกตัวเดินเข้ามาเตือนติสสาวว่าใกล้จะถึงเวลาขึ้นไปรับรางวัลจากตัวแทนผู้จัดงานในช่วงต่อไป

“พู่เตรียมตัวไว้นะ ช่วงต่อไปเป็นการมอบรางวัลแล้ว”
“คะพี่แก้ว พู่ตื่นเต้นจัง”
ติสสาวยิ้มตาหยีปนเขินให้เพื่อนรักพี่หนูนา
“สูดลมหายใจลึก ๆ ทุกอย่างจะดีเองจ๊ะ”
เก็จแก้วแนะนำติสสาวอย่างเห็นใจ
“คะพี่แก้ว”
พู่กันพยักหน้าพร้อมกับปฏิบัติตามคำแนะนำอย่างเต็มใจ
“เท้าเป็นไงบ้างหายระบมบ้างหรือยัง” เก็จแก้วชวนคุย
“ค่อยยังชั่วแล้วคะ”
พู่กันก้มหน้าตอบซ่อนแววตาวูบไหวเอาไว้ใต้แพขนตาหนา
“ดีแล้วล่ะ ต่อไปจะไปไหนก็ระวังหน่อยล่ะกัน ดีนะที่เป็นแค่ผิวถนนถ้าเป็นคนล่ะแย่เลย”
“คะพี่”

สาวติสเหลือบขึ้นมองตอบด้วยน้ำเสียงเบาบางอยู่ในลำคอ กวาดสายตาไปรอบๆ ก่อนจะเจอสายตาเข้มที่มองมา ก่อนจะละสายตามองไปบนเวที ที่มีพิธีกรหนุ่มกำลังประกาศเชิญให้ผู้เข้าร่วมประกวดภาพวาดของสมาคมทั้งสามรางวัล ในรายชื่อนั้นมีรายนามที่ประกาศนั้นมีชื่อของหญิงสาวรวมอยู่ด้วย พู่กันมือเย็นเฉียบเพราะยังตื่นเต้นไม่หาย เธอรับกำลังใจผ่านรอยยิ้มจากเก็จแก้ว ตาคมหวานแฉลบไปที่ร่างสูงที่ยืนอีกมุมหนึ่งของงานเธอเห็นใบหน้าคมสันก้มเล็กน้อยหญิงสาวสูดอากาศเข้าปอดแล้วก้าวขึ้นบนเวที ผู้ประกาศหนุ่มเกริ่นจุดประสงค์ของการประกวดและรางวัลของผู้ที่ชนะเลิศทั้งสามรางวัลนั้นรองอันดับ1 อันดับ 2 และรางวัลชนะเลิศ พิธีกรหนุ่มกล่าวเชิญผู้มอบรางวัลขึ้นเวทีตามด้วยมอบรางวัลให้แก่ผู้ชนะเลิศ ร่างสูงสมาร์ทของนายหัวหนุ่มเจ้าของรีสอร์ทอาคาเดียกรุ๊ปเดินขึ้นไปทันทีที่ขานชื่อ พู่กันกระพริบตาแววตาหม่นแวบหนึ่งก่อนจะเลือนหายไป หลังจากรับรางวัลเสร็จแล้วพู่กันเดินลงเวทีด้วยความรู้สึกไม่ถูกว่าเธอตื่นเต้นหรือกำลังมึนงงอะไรบางอย่างกันแน่

“ดีใจด้วยครับคุณพู่ เพิ่งทราบว่าคนเก่งอยู่ใกล้ๆ นี่เอง”
ณัฐกรเข้ามาแสดงความยินดีกับพู่กันสายตาทึ่งและเปลี่ยนไปจากเดิม
“ขอบคุณคะ อย่าถึงขนาดนั้นเลยคะ”พู่กันพูดมีรอยยิ้มบางๆแต้มอยู่
“เป็นไงล่ะหายตื่นเต้นหรือยังจ๊ะพู่” เก็จแก้วกระเซ้าติสสาวยิ้มๆ
“ไม่เลยคะพี่ ดูสิคะ มือพู่ยังเย็นไม่หายเลย”

พู่กันยืนยันด้วยการจับแขนเก็จแก้ว สายตาขอบคุณความอาทรของรุ่นพี่สาวก่อนจะเหลือบขึ้นไปดูร่างสูงบนเวทีอีกครั้งที่ยังยืนคุยอยู่กับพิธีกร

“เดี๋ยวพี่พรหมลงมาคงจะคุยเรื่องเซ็นต์สัญญากับพู่ต่อ อย่าเพิ่งไปไหนล่ะ”
เก็จแก้วมองตามแล้วเอ่ยเมื่อเห็นแววตากังวลของติสสาวยามที่จับจ้องเก็จพรหม ในขณะที่เจ้าน้องชายตัวดีมองตามทุกฝีก้าวโดยไม่รู้ตัว
“พู่กำลังคิดว่าจะไปโบสถ์วันนี้ เมื่อวานไปสำรวจมาแล้ว น่าสนใจมากเลยคะ”

สีหน้าพู่กันเปลี่ยนไปเล็กน้อยขณะตอบ ตายังเหลือบดูบนเวทีด้วยสายตากระวนกระวาย เธอยังไม่พร้อมที่จะเผชิญหน้าเขาเวลานี้ ตาดำขลับหลุบลงดูรองเท้าผ้าใบคู่เก่ง ปากบางเม้มอย่างชั่งใจ สายตาตวัดขึ้นเวทีอีกครั้งเมื่อเห็นว่าร่างสูงกำลังเดินลงจากเวที พู่กันจึงหันไปคุยกับเก็จแก้วอย่างรีบร้อน

“พี่แก้ว พู่ขอตัวก่อน เจอกันตอนเย็นนะคะ”
“อ้าวนั่นพู่จะไปไหน”

เก็จแก้วอ้าปากท้วงถามแต่ไม่ทันเพราะร่างบางเดินลิ่วออกไปก่อนที่ร่างสูงจะเดินมาถึง คิ้วเข้มขมวดเมื่อเห็นร่างบางระหงเดินห่างออกไป

“เค้าจะรีบไปไหนฮะพี่แก้ว”
“บอกว่าจะโบสถ์จ๊ะ ดูสิอยากไปจนฉุดไม่อยู่เลย ”
เก็จแก้วส่ายหน้ามองตามหลังติสสาว
“อาจจะไม่ใช่อย่างที่คิดนะสิ”
เก็จพรหมพูดเสียงต่ำชิดริมฝีปาก สายตาคมกล้ามองออกไปด้วยหลากหลายความรู้สึก
“พรหมพูดอะไรนะ อะไรคิดนะ”
เก็จแก้วถามน้องชายที่มีสีหน้ายุ่งยาก สายตาเจิดจ้ามองตามหลังบางที่ออกไปจากโดมของงานไกลทุกที
“เปล่าฮะ เออตะกี้คุยค้าง พี่บอกว่าพู่มีไอเดียยังไงนะฮะ”

นายหัวหนุ่มเปลี่ยนเรื่องคุยหันไปพยักหน้าให้ผู้จัดการฝ่ายการตลาดของกระบี่และสมุยรีสอร์ทเข้ามาแจม สีหน้ายามที่ได้ฟังพี่สาวให้ข้อมูลแล้วนิ่งจนดูไม่ออกว่าผู้อำนวยการหนุ่มคิดอะไรอยู่


*.:。✿* D *.:。✿*゚¨゚✎ * *.:。✿* D *.:。✿*゚¨゚✎*.:。✿* D *.:。✿*゚¨゚✎ *✿* D *.:。✿*゚¨゚✎ *


หลังจากหลุดออกจากโดมของงานแสดงการท่องเที่ยวและที่พักแล้ว พู่กันผ่อนระดับเท้าเป็นปกติ วันนี้เธอสวมรองเท้าคู่เดิมแต่เลือกที่จะสวมถุงเท้าข้างในหนาขึ้นเพื่อลดแรงเสียดจากข้างนอก ที่สำคัญเธอเดินยกเท้าให้สูงขึ้นจะได้ไม่สะดุดเหมือนวันที่ผ่านมา และวันนี้เธอเลือกที่จะใช้ neck pouch เรียกอีกอย่างว่ากระเป๋าคล้องคอแทน ใส่เงินพอซื้อของกิน ค่าห้องน้ำสาธารณะ และค่าผ่านประตู โดยเลือกที่จะเก็บพาสปอร์ตไว้ที่ห้องพัก ส่วนเครื่องประดับติดตัวมีแค่นาฬิกาเรือนจ้อย และกล้องดิจิตอลตัวเล็กเท่านั้น เธอมั่นใจว่าวันนี้จะไม่มีเหตุการณ์อะไรทำให้หวาดผวาอย่างเมื่อวานแน่นอน

โบสถ์ที่พู่กันพูดถึงนั่นคือ Duomo - Santa Maria del Fiore โบสถ์แห่งนี้ตกแต่งด้วยหินอ่อนสามสี ชมพู ขาว และ เขียว เมื่อไปถึงต้องต่อแถวเข้าไปเพราะเป็นช่วงที่มีนักท่องเที่ยวมาเยือนเยอะมาก กว่าจะหลุดเข้าไปในตัวโดมได้ทำเอาแข้งขาแข็งทีเดียว แต่อาร์ทตัวแม่ไม่สนใจเพราะกำลังตื่นตาตื่นใจอยู่กับกระจกสีข้างในโดม ครั้นพอจะยกกล้องถ่ายมีมือมาสะกิดพร้อมกับเสียงเตือนข้างตัวเป็นภาษาอังกฤษ

“เค้าห้ามถ่ายรูป”
“จริงหรือนี่ ขอบคุณมากที่เตือน อ๊าว...คุณ”
พู่กันอุทานเมื่อหันไปขอบคุณคนเตือนซึ่งกำลังยิ้มรอคำทักทายอยู่ก่อนแล้ว
“สวัสดีครับ เจอกันอีกแล้ว”
เบรโต้ยกมือลูบท้ายทอยเขินเมื่อเห็นแววตากลมโตนั้นมองด้วยความประหลาดใจเมื่อเห็นเขา
“คุณก็มาเหมือนกันเหรอ”
เป็นคำถามเบสิกมาก ในความคิดของอาร์ทตัวแม่
“เหมือนคุณนั่นแหละ คุณมาคนเดียวเหรอฮะ”
เบรโตถามเมื่อหันมองไปรอบๆแล้วไม่เจอคนเอเชียแม้แต่คนเดียว
“ประมาณนั้นคะ”
“งั้นผมขอแจมทริปนี้กับคุณด้วยแล้วกันนะ”

ตาเขียวเข้มมองดูดวงหน้าหวานรอคำตอบขณะที่เสนอตัวร่วมทัศนาสถานที่กับหญิงสาว พู่กันนิ่วหน้าแล้วหัวเราะออกมาเบา ๆ ขำที่ชายหนุ่มพูดเสมือนเธอเป็นไกด์นำเที่ยวไม่ปาน

“นี่คุณ ฉันเป็นแค่นักหลงทางไม่ใช่ไกด์เข้าใจไว้ด้วย”
“ไม่ผิดกับผมหรอก เอาเป็นอันว่ามีเพื่อนดีกว่าเที่ยวคนเดียวก็แล้วกัน”

ใบหน้าอันหล่อเหลาเข้าขั้นพระเอกขยิบตาให้สาวติส และทั้งคู่ต่างพากันเดินสำรวจโบสถ์อย่างละเอียดลออ ในเมื่อถ่ายรูปไม่ได้มีหรืออาร์ทตัวแม่อย่างพู่กันจะยอมแพ้ เธอดึงกระดาษร้อยปอน์ดเล่มเล็กกับดินสอออกมาสะเกตภาพในส่วนที่สนใจโดยมีหนุ่มต่างชาติร่างสูงโย่งยืนเคียงข้างสังเกตการทำงานของหญิงสาวโดยไม่รบกวนแต่อย่างใด หลังจากทั้งสองเดินดูรอบๆ โบสถ์และขึ้นหอคอยดูบรรยายกาศรอบๆเมืองฟรอเร็นท์ พู่กันตระหนักได้ว่าเบรโต้เป็นคนร่าเริง พูดคุยสนุก ความจริงแล้วก็ใช่ว่าจะเข้าใจทั้งหมดที่ชายหนุ่มพูดหรอก บ่อยครั้งที่ทำเป็นเนียนๆไปกับชายหนุ่ม

“คุณเป็นนักท่องเที่ยวเหรอ”
พู่กันเอ่ยถามขณะนั่งรออาหารจากบริกร ตาคมหวานมองหน้าชายหนุ่มอย่างไม่เชื่อถือ
“ก็ไม่เชิง ผมมาเยี่ยมญาติที่เมืองนี้ คุณมาที่นี่ครั้งแรกเหรอ”
เบรโตเปลี่ยนเรื่องโดยถามพู่กันแทน
“ใช่คะ ฉันมาธุระก็ถือโอกาสมาเที่ยวด้วย ดินแดนในฝันที่อยากมาถือเป็นโชคดีที่ได้มาเหยียบ”

พู่กันตอบตามจริงคลี่ยิ้มโชว์ลักยิ้มข้างมุมปากนัยน์ตาทอฝัน สายตาเข้มมองอย่างเผลอไผล เขาถูกใจผู้หญิงตรงหน้าเขามากทีเดียว ทั้งหน้าตาผิวพรรณและบุคลิกสบาย ๆ ชายหนุ่มถอนหายใจช้าๆไม่ให้เป็นที่ผิดสังเกต ละสายตาจากวงหน้าหวานมองขึ้นสูงเหมือนกำลังเก็บงำอะไรบางอย่าง

“เมื่อวานผมทำให้คุณตกใจต้องขอโทษด้วย”
“ฉันเองก็สติแตกด้วยเหมือนกัน แต่ยังไงก็ต้องขอบคุณนายจริงๆนะ ยังนึกไม่ออกว่าจะไปตามหากระเป๋าได้จากที่ไหนเพราะฉันลืมไปเลย”
ติสสาวส่ายหน้าสายตามองตอบอย่างขอบคุณ ส่งยิ้มน้อย ๆให้ชายหนุ่มอย่างจริงใจ
“แล้วคุณจะกลับเมื่อไหร่”
“อาทิตย์หน้าคะ”

บทสนทนาบนโต๊ะหยุดไปพักใหญ่เมื่ออาหารจานด่วนของทั้งสองมาถึง และลงมือจัดการอย่างหิวโหย พู่กันไม่อาจรู้เลยว่าขณะที่เธอสนใจอาหารบนจานสายตาคมปลาบของเบรโต้จ้องมองบ่อยครั้ง

“คุณจะไปไหนต่อ”

เบรโต้ถามขึ้นเมื่อเห็นน้ำในแก้วถูกยกขึ้นดื่มจนหมดวางลง สาวติสยกข้อมือดูนาฬิกา ในใจบอกตัวเองว่ายังมีเวลาอีกสามชั่วโมงที่จะกลับเข้าที่พัก

“ฉันยังไม่มีแพลน แต่กำลังคิดว่าจะกลับไปริมแม่น้ำอาร์โน เหมือนเมื่อวาน”
“เราไปที่ ลานปิแอสซ่า (Piazza della Signoria) กันดีกว่าไหมที่นั่นถึงจะเป็นลานโล่ง ๆ แต่ประติมากรรมเยอะมากเลยคุณน่าจะชอบนะ”

หนุ่มต่างชาติสังเกตแววตาของสาวเอเชียแล้วยิ้มอย่างพึงใจเมื่อเห็นตากลมโตเบิกกว้างบอกถึงสนใจทันทีที่ได้ยิน ยิ่งเห็นหน้าหวานพยักหน้าขึ้นลงนั้นต้องกลั้นขำเอาไว้ไม่ได้ ผู้หญิงคนนี้มีอะไรให้เขารู้สึกสดชื่นอย่างประหลาดไม่ต้องวางมาดหรือสงวนท่าทีเหมือนที่ผ่านมา

“งั้นเราไปกันเลยดีไหมคะ”
“ฮะ ฮะ ฮะ เดี๋ยวก่อนสิครับ”
ใบหน้าอันหล่อเหลามีเสน่ห์มากขึ้นเมื่อปล่อยเสียงหัวเราะออกมาด้วยเสียงดัง พู่กันทำหน้าเหรอหราก้มมองดูตัวเองว่าทำเปิ่นอะไรเอาไว้บ้าง
“ฉัน ทำอะไรตลกเหรอคะ”
ติสสาวยกมือจับผมไม่มั่นใจตัวเองเมื่อเห็นอาการขำของหนุ่มต่างชาติ
“ไปตอนนี้รับรองถูกตำรวจจับฐานกินแล้วหนีชัวร์เลยฮะ”
“อุ๊ยตายจริงด้วย”

พู่กันตาโตอุทานเป็นภาษาไทยออกมา ก่อนยกมือป้องปากปล่อยหัวเราะกิ๊กขำความเปิ่นของตัวเองไม่ได้ ทำเอาหนุ่มหล่อตาสีฟ้าเกือบเขียวนั้นมองอย่างเผลอไผล สายตาลุ่มลึกมองสบตาคมหวานทำเอาพู่กันทำตัวไม่ถูกเหมือนกันสาวติสหยุดหัวเราะเบนสายตาไปทิศอื่นที่ไม่มีสายตาแปลกๆ ของหนุ่มต่างชาติ “ใครจะไม่เขินบ้างล่ะมีคนหล่อๆมาทำตาหวานฉ่ำใส่ตัวเอง” อาร์ทตัวแม่คิดในใจ

“ตอนนี้เราไปกันได้แล้ว”

เบรโตเอ่ยปากชวนหญิงสาวหลังจากจัดการค่าอาหารเรียบร้อยแล้ว พู่กันหยิบเงินแชร์ค่าอาหาร แต่ถูกปฏิเสธทำให้หญิงสาวยืนอยู่กับที่ไม่ขยับตัวตามชายหนุ่มที่เดินออกไปก่อนหารู้ไม่ว่ากำลังถูกพู่กันแสดงอาการติสแตกใส่จึงเดินกลับมาที่โต๊ะอีกครั้ง เมื่อเห็นพู่กันยื่นเงินให้หนุ่มต่างชาติถึงกับแบมือกลางอากาศยอมแพ้รับค่าอาหารจากหญิงสาวแต่โดยดี


*.:。✿* D *.:。✿*゚¨゚✎ * *.:。✿* D *.:。✿*゚¨゚✎*.:。✿* D *.:。✿*゚¨゚✎ *✿* D *.:。✿*゚¨゚✎ *


ร่างสูงเดินวนเวียนอยู่หน้าเคาท์เตอร์ส่วนหน้าของโรงแรม พู่กันยังไม่กลับเพราะกุญแจยังคงฝากไว้กับแผนกต้อนรับ ตลอดวันเก็จพรหมรู้ว่าจิตใจเขาไม่ได้อยู่ที่งานมันได้ลอยตามไปกับแม่สาวติสแต่ความรับผิดชอบต้องมาก่อน พองานจวนจะเลิกจึงได้ขอตัวเก็จแก้วหวังจะได้พบพู่กันที่ห้องพัก แต่ครั้นพอสอบถามพนักงานต้อนรับจึงรู้ว่าหญิงสาวยังไม่กลับเข้าที่พัก พู่กันไม่มีโทรศัพท์จึงไม่สามารถติดต่อได้แล้วนี่เขาจะไปตามหาเจ้าหล่อนที่ไหนกัน นายหัวหนุ่มเหลือบดูเวลาบนผนังแล้วตัดสินใจขึ้นห้องพักขณะที่กำลังขึ้นลิฟกลับขึ้นห้องไปแล้วอาร์ทตัวแม่ที่เขารอกำลังเดินเข้าประตูโรงแรมและเดินมาที่เคาท์เตอร์ขอรับกุญแจเช่นกัน เขาและเธอคลาดกันเพียงไม่กี่นาที….

หลังจากชำระร่างกายเรียบร้อยแล้วพู่กันเดินออกจากห้องพักเพื่อหาอะไรใส่ท้อง เวลาบนข้อมือบอกให้เธอรู้ว่าตอนนี้พี่เก็จแก้วและทีมงานน่าจะกลับมาแล้ว เพียงแต่ว่าเธอไม่อยากโทรไปรบกวนเพราะเห็นใจว่าคงจะเหนื่อยจากงาน อีกอย่างเธอเองก็ไม่ได้ช่วยอะไรมากมายจึงคิดว่าควรหาอะไรทานด้วยตัวเองดีกว่า ร่างบางเดินไปที่ร้านอาหารริมฟุตบาท ดูเมนูแล้วน่าทาน ขณะที่นั่งรออาหารหญิงสาวได้กดแต่ละรูปในกล้องที่ถ่ายวันนี้ นึกแปลกใจว่ารูปที่เธอถ่ายในโดมงานการท่องเที่ยวและโรงแรมนั้นทำไมมีแต่รูปของเก็จพรหมมากมาย กล้องของเธอเพี้ยนแน่ ๆ อาร์ทตัวแม่โทษกล้องตัวจ้อย ร้อนที่หน้าจนต้องวางกล้องแล้วก็ตบแก้มเบา ๆ ๆ สั่งสอนที่มันกบฏอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน

“เป็นอะไรไปพู่ หนาวเหรอ”

เสียงคุ้นๆทักอยู่ข้างๆ ทำเอาติสสาวเงยขึ้นฉับพลัน คนในกล้องที่ทำให้เธอหน้าเห่อร้อนอยู่ตอนนี้ พู่กันรีบกดปิดกล้องอย่างรวดเร็ว เหลือบตามองคนร่างสูงที่ยังยืนค้ำเธออยู่ ส่งยิ้มแหยๆก่อนเชื้อเชิญให้ชายหนุ่มนั่ง

“นั่งก่อนสิคะ”
“สั่งอะไรทานหรือยังครับ”
เก็จพรหมถามขณะทรุดนั่งตามคำเชิญของหญิงสาว
“นี่คะเมนู พู่เพิ่งออร์เดอร์ไปก่อนหน้านี้”
พู่กันยื่นเมนูให้พร้อมกับชี้รายการให้ชายหนุ่มดู เก็จพรหมพยักหน้าแล้วบอกหญิงสาวสั่งเผื่อเค้าเพิ่ม
“ผมขอชุดเดียวกับพู่ สั่งเพิ่มให้ผมด้วยคนสิครับ”
“คุณพรหมไม่ลองอย่างอื่นหรือคะ”
อาร์ทตัวแม่ถามซ้ำมองหน้าคมสันให้แน่ใจแล้วก็ต้องหน้าแดงเมื่อเห็นแววตาหวานวาววับตอบกลับมาพร้อมกับเสียงนุ่มยืนยันเจตนาเดิม
“ผมอยากทานเหมือนพู่นี่”
“แล้วกัน ไปไม่เป็นเลยทีนี้ เอางั้นก็ได้ เห็นว่าคุณพรหมอยากทานนะเนี่ยพู่เลยสั่งให้ ไม่งั้นพู่คงจะจดลิขสิทธิ์บนโต๊ะนี้มีของพู่คนเดียวเท่านั้น”

ติสสาวพูดแก้เก้อเพราะไม่รู้จะวางตัวให้นิ่งๆยังไงไหวในเมื่อสายตาของหนุ่มหน้าเข้มจับจ้องเธอตลอดเวลา ตลอดวันนี้บางเสี้ยวเวลาใจเธอแปลกๆ แกว่งหาแต่เขาคนนี้เพราะอะไรกันนะ

“วันนี้ไปไหนมาบ้างครับ ถ่ายอะไรมาบ้างผมขอดูหน่อยได้ไหม”
ขณะที่ถามชายหนุ่มทำท่าเอื้อมมือไปหยิบกล้องแต่ช้ากว่าติสสาวที่ตอบรัวเร็วพอๆกับมือที่เก็บกล้องคล้องคอเอาไว้ทันที
“ไม่ได้คะ”

พู่กันเหลือบตามองหน้าคมสัน ใจเต้นแรงคิดอยู่ในใจว่าถ้าให้ดูก็เห็นหมดสิว่าเธอถ่ายรูปเขาในงานเต็มไปหมด แบบนี้เขาจะคิดยังไง สีหน้าของชายหนุ่มตอนนี้ค่อนข้างงงว่าทำไมถึงดูไม่ได้ น่าจะเป็นภาพวิวสวยๆ ของเมืองฟรอเร็นท์ก็เท่านั้นเอง เป็นเวลาเดียวกันกับบริกรนำอาหารมาให้ ชายหนุ่มตัดบทเพื่อรักษาบรรยากาศบนโต๊ะ

“ไม่ได้ก็ไม่เป็นไรฮะ อาหารมาแล้วทานกันดีกว่าฮะ”

บรรยากาศในยามค่ำคืนของเมืองฟรอเร็นท์แสนโรแมนติก บริเวณร้านยวงต่างๆ เปิดไฟสวยงาม เก็จพรหมพาพู่กันเดินไปตามทางเดิน สองสามวันมานี้ติสสาวต้องเดินอย่างมีจุดหมายตลอดทำให้ไม่ได้สังเกตบริเวณรอบตัวเพราะต้องการไปถึงตำแหน่งโดยเร็ว แต่เวลานี้เธอมีคนนำทางเคียงข้าง เขาทำตัวเป็นไกด์ที่ดีพาหญิงสาวลัดเลาะไปตามตัวตึกที่ไม่เคยไปและมาโผล่ที่ริมแม่น้ำอาร์โนเบื้องหน้ามีสะพานข้ามแม่น้ำประดับด้วยไฟมองเห็นคุ้งน้ำตลอดสาย ติสสาวมองด้วยสายตาละเมอไม่รู้ตัวแม้กระทั่งว่ากำลังจับแขนของคนข้างๆ เอาไว้

“สวยอะไรอย่างนี้ พู่เพิ่งรู้ว่ากลางคืนมีชีวิตชีวาก็ตอนนี้แหละคุณพรหม”
“พู่เห็นฝั่งตรงข้ามนั่นไหมที่เป็นลานกว้างมีรูปจำลองรูปปั้นของเดวิดยืนตระหง่าน”
“เห็นคะ นั่นคือลานปิแอสซ่าใช่ไหมคะ” พู่กันอวดภูมิเพราะเพิ่งไปมา
“ถูกต้องฮะและนั่นก็...”

สายตาคมเข้มก้มแขนตัวเองที่มือบางจับไม่ปล่อยขณะที่เขายกขึ้นชี้ เป็นเวลาเดียวกันกับตาคมหวานเหลือบมองดูมือตัวเองถูกยกขึ้นตามสองสายตาสบกันนิ่ง ครั้นพอรู้สึกตัวมองพู่กันรีบปล่อยมือออกจากแขนเพรียวและขยับตัวออกห่างเอ่ยขอโทษนายหัวรีสอร์ทอุบอิบคราวนี้มิใช่แค่ร้อนที่หน้าแต่ทั้งตัวและช่องท้องเธอทีเดียว

“ขะ ขอโทษคะ”
“ไม่เป็นไรเดี๋ยวจับใหม่ก็ได้นะพู่”
เก็จพรหมพูดติดขำลดความขัดเขินให้ติสสาวจนต้องหัวเราะออกมาได้อีก
“โธ่คุณพรหม ล้อพู่ได้อีกนะคะ คือตะกี้มันสวยจนพู่ลืมตัวแหมพอได้ทีก็ ฉึก ฉึก ไม่ปล่อยเลยนะคะ”
“นานๆ จะมีสาวๆ มาแต๊ะอั๊งนี่ฮะเป็นธรรมดา”

เสียงนุ่มพูดสบาย ๆ รู้สึกหายใจโล่งขึ้นเมื่ออาร์ทสาวปล่อยตัวให้เป็นธรรมชาติ เขาได้เลียนรู้แล้วว่าการที่จะผูกสัมพันธ์กับพู่กันควรทำตัวแบบไหนและต้องระวังตัวไม่ให้เผลอใจทำอะไรรุ่มร่ามให้หญิงสาวขีดกรอบตัวเองห่างออกไป

“ตะกี้คุณพรหมจะบอกอะไรพู่คะ”
ติสสาวทวงถามเมื่อนึกขึ้นได้ว่าชายหนุ่มจะพูดอะไรต่อ
“อ๋อ ผมจะบอกว่าฝั่งตรงโน้นคือ Ponte Vecchio เป็นเมืองท่องเที่ยวเหมือนกรุงเทพฯเลยฮะ”
“อืมมม ราตรีนี้ไม่เคยหลับงั้นหรือคะ”
พู่กันพูดเสริมพยักหน้ามองดูรถราวิ่งขวักไขว่และคึกคักเฉกเช่นกรุงเทพของเมืองไทย
“ไม่ผิดหรอกครับ”
“คุณพรหมรู้จักเมืองเหล่านี้ดีจังเหมือนกับเคยมาอยู่เลยนะคะ”
“ผมเคยมาสามสี่ครั้งได้ฮะ”
สายตาเข้มทอดมองไปข้างหน้าทำให้ติสสาวไม่อาจเห็นว่ามันขรึมพอ ๆ กับเสียงตอบ
“ดีจังคะ ส่วนพู่คงจะได้มาแค่ครั้งนี้ครั้งเดียวเท่านั้น”
ติสสาวพูดขำขันที่มีโอกาสมาอย่างเหลือเชื่อว่าจะได้มาย่ำต๊อกในดินแดนที่อาร์ทติสทุกคนฝันอยากจะเยือนสักครั้ง
“คนเราไม่รู้อนาคตตัวเองหรอกพู่”

นายหัวรีสอร์ทละสายตากลับมาดูพู่กันพบว่าหญิงสาวยืนหันหลังให้กับวิวค่ำคืนของเมือง Ponte Vecchio สายตาเธอมองไปยังร้านค้าริมทางที่มีผู้มาใช้บริการสามสี่โต๊ะ ทันใดนั้นสายตาเธอเจออะไรบางอย่างจนต้องเผลอพูดออกมาดัง ๆ

“เอ๊ะ!”
“มีอะไรหรือพู่”

เก็จพรหมถามติสสาวเมื่อเห็นหญิงสาวนิ่วหน้าสงสัย แพขนตาหนากระพริบถี่กวาดสายตาไปทั่วและกลับมาที่จุดเดิม แต่เมื่อไม่เห็นอะไรหญิงสาวสั่นหน้าหัวเราะเบาๆ ออกมา

“ไม่มีอะไรคะ สงสัยตาพู่เบลอๆเห็นอะไรคุ้น ๆคะ ลืมไปว่าตรงนี้พู่มาทุกวัน”
“จริงสิฮะ วันนี้พู่ไปไหนมาบ้างล่ะครับ”
“Duomo คะ”
“อ๋อ ข้างในโดมสวยมากนะ ตะกี้ตอบ ปิแอสซ่า แปลว่าไปมาแล้วสิ เข้าไปข้างใน Museum หรือยังล่ะ”
“ไปมาแล้วคะ เสียดายข้างในเค้าไม่ให้ถ่ายรูป ที่ไหนได้พอเดินออกมาตรงลานเหมือนจริงทุกอย่างก็มีพู่ก็เต็มที่เหมือนกันคะ”

พู่กันพูดเขินๆ เมื่อนึกถึงตัวเองช่างเปิ่นถ่ายรูปปั้นเดวิดทุกช๊อตหน้าหลัง แถมยังไปยืนดูปฏิมากรรมที่ช่างเหมือนจริงเสียเหลือเกินไม่ว่าเส้นเอ็นกล้ามเนื้อ จ้องเอาเป็นเอาตายจนเพื่อนร่วมทริปถึงกับเขินแทนรูปปั้น เก็จพรหมเงยหน้าขึ้นฟ้าเห็นเมฆครึ้มลอยอย่างเร็วเหมือนทำท่าจะตก

“เรากลับกันเถอะพู่ ฝนกำลังจะตกลงมา”
“ไม่จริงหรอกคะ ฟ้ายังโปร่งอยู่เลย อ๊าวจริงด้วยคะ”

ติสสาวค้านแต่พอเงยหน้าขึ้นท้องฟ้าแล้วต้องตกใจเมื่อเห็นเมฆลอยต่ำใกล้เข้ามา แต่ยังไม่ทันถึงไหนฝนก็เทกระหน่ำลงมาจนต้องรีบหลบเข้ามุมตึกพอจะมีกันสาดยื่นออกมาอยู่บ้าง พู่กันถูกจับชิดผนังโดยมีร่างสูงบังฝนไม่ให้สาดถึง

“ฝนหลงฤดู” เสียงทุ้มบอก
“กำลังนึกเชียวคะว่าฝนตกได้ไงทั้งๆที่อากาศหนาวเช่นนี้”

พู่กันพูดเบาอยู่ซอกตึก แม้ตัวไม่เปียกก็จริงแต่เท้าของเธอก็ชุ่มฉ่ำไปจากเม็ดฝนที่สาดเข้ามา พอจะรู้ว่าด้านหลังร่างสูงคงเปียกเพราะเม็ดฝนที่เทกระหน่ำลงมาไม่ขาดสายอย่างแน่นอน

“ลมแรงแบบนี้เดี๋ยวก็ซาฮะ”

เก็จพรหมตอบขณะที่เงยหน้าดูท้องฟ้า ชายหนุ่มปาดเม็ดฝนออกจากหน้า ร่างสูงขยับเข้าชิดติสสาวอย่างไม่ตั้งใจจนได้ไออุ่นของกันและกัน คราวนี้ติสสาวไม่ตอบหางตาเก็จพรหมเห็นใบหน้าคมหวานก้มต่ำ มุมปากหยักยิ้ม ทำไมเขาจะไม่เข้าใจว่าหญิงสาวกำลังคิดอะไรอยู่ ลมหายใจอุ่นรดตรงขมับหูของเธอชิดกับอกซ้ายจนได้ยินเสียงเต้นหัวใจของชายหนุ่มอย่างชัดเจน กลิ่นน้ำหอมผู้ชายที่อยู่ชิดจมูกทำเอาใจติสสาวเต้นแรงผิดปกติ อุบัติเหตุในคืนที่ผ่านมาเข้ามาในความคิดอย่างช่วยไม่ได้ เพียงแต่ครั้งนี้มันไม่เหมือนกันทำให้หญิงสาวรู้สึกเหมือนกำลังจะจมน้ำรอคอยคนมาช่วยเหลือ เธออยากให้ฝนซาและหยุดเร็วๆ จะได้หายใจคล่องขึ้นกว่านี้ กลิ่นแชมพูและแป้งหอมอ่อนๆจากร่างกายของติสสาวกำลังสร้างอิทธิพลให้เจ้าพ่อรีสอร์ทรู้สึกปั่นป่วนอยากจะเผลอใจอีกสักครั้ง พู่กันไม่กล้าที่จะเงยหน้าขึ้นมองและเช่นกันร่างสูงที่ยืนปกป้องสายฝนให้หญิงสาวไม่อาจก้มต่ำเข้าชิดใบหน้าหญิงสาวเพราะเขากลัวว่าจะบังคับใจตัวเองไม่อยู่ถึงเวลานั้นอะไรจะเกิดขึ้นหลังจากที่เหตุการณ์ผ่านได้ แม่สาวติสของเขาคงจะไม่เชื่อใจเขาอีกต่อไปอะไรต่ออะไรคงจะยุ่งยากกว่าเดิม เก็จพรหมได้แต่คิดและทำได้แต่เท้าแขนพิงผนังสะกดความรู้สึกมากมายที่ถั่งโถมเข้าในหัวใจอย่างอดทน แสงฟ้าแลบแปลบปลาบผ่านเข้ามาทำเอาร่างบางกระตุกสั่นเทาซุกหน้าเข้าหาแผงอกแกร่งอย่างไม่ได้ตั้งใจ ร่างสูงขยับให้ชิดมือข้างที่ว่างกอดกระชับเอาไว้ ติสสาวไม่ได้ขัดขืนหากแต่ซบนิ่งกับอกกว้างเพื่อใช้เป็นที่พิงพักมั่นคง ฝ่ามือหนายกลูบกลุ่มผมแผ่วเบาเมื่อร่างบางขยับซุก วงแขนกว้างดูจะกระชับมั่นราวจะปกป้องให้คลายความหวาดกลัว เสียงนุ่มกระซิบแผ่วชิดตรงริมหู ลมหายใจอุ่นรินรดมิได้จาบจ้วงแต่กลับอ่อนหวานและอบอุ่นในความรู้สึกของติสสาว

“ไม่มีอะไรนะพู่แค่ฟ้าแลบเท่านั้น”


*.:。✿* D *.:。✿*゚¨゚✎ * *.:。✿* D *.:。✿*゚¨゚✎*.:。✿* D *.:。✿*゚¨゚✎ *✿* D *.:。✿*゚¨゚✎ *

คะ

Duomo - Santa Maria del Fiore
เครดิต goolgle.co.th

แม่หนูยิมต้องขอบคุณ ป๋ากูลฯ ของพวกเรามากคะที่สามารถเขียนเรื่องนี้ได้เพราะค้นหาจุดขายของเมืองฟรอเร็นท์ ไม่งั้นนางเอกเราคงไม่เที่ยวไกลถึงขนาดนี้ ส่วนตัวผู้เขียนเองไม่เคยไปไกลจากประเทศข้างเคียงของเราเลย อิอิ ติชมได้คะหากท่านใดที่เคยไปมาแล้วแนะนำแม่หนูยิมได้นะคะ ขอเครดิตให้กับ goolgle ของพวกเรา



Create Date : 11 ธันวาคม 2554
Last Update : 11 ธันวาคม 2554 16:44:30 น.
Counter : 703 Pageviews.

5 comment
1  2  3  4  5  6  7  8  

gymstek
Location :
ภูเก็ต  Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 8 คน [?]



>