ความเดิมจากที่แล้ว เก็จพรหมทราบข่าวว่าพู่กันมิได้ออกจากเมืองฟอลเร้นซ์ไปรัสเซียตามคำบอกเล่าของเบรโตแต่อย่างใด........
*.:。✿* D *.:。✿*゚¨゚✎ * *.:。✿* D *.:。✿*゚¨゚
*.:。✿* D *.:。✿*゚¨゚✎ * *.:。✿* D *.:。✿*゚¨゚
*.:。✿* D *.:。✿*゚¨゚✎ * *.:。✿* D *.:。✿*゚¨゚
*.:。✿* D *.:。✿*゚¨゚✎ * *.:。✿* D *.:。✿*゚¨゚
ติสยี่สิบหนึ่ง ต่อ..
......“พู่จ๋า คุณอยู่ที่ไหนที่รัก ความคิดถึงที่มีต่อคุณทำให้ผมทรมานเหลือเกิน ขออย่าให้พวกมันทำร้ายพู่เลย ขอให้คุณพระคุ้มครองพู่ด้วยเถิด ผมยินดีชดใช้ด้วยชิวิต ขอเพียงให้พู่ปลอดภัย”
*.:。✿* D *.:。✿*゚¨゚✎ * *.:。✿* D *.:。✿*゚¨゚✎*.:。✿* D *.:。✿*゚¨゚✎ *✿* D *.:。✿*゚¨゚✎ *
เปลือกตาเริ่มเคลื่อนไหวปีกผีเสื้อกระพือปีกไหวบนผิวแก้มเนียน เริ่มชินตาสำหรับเนลโล สามวันมานี้ผู้หญิงตามใบสั่งของนายป่วยแทบไม่มีสติ เกิดจากบาดแผลที่ติดเชื้อทำให้หญิงสาวมีอาการไข้สูงตลอดเวลา เป็นเหตุให้เนลโลเปลี่ยนแผนนำตัวเธอไปรักษาที่บ้านของญาติของเขาแทนการพาขึ้นเครื่องกลับรัสเซียตามที่ตั้งใจไว้แต่แรก
“อะอืมม คอแห้งจัง”
เสียงแหบเล็ดรอดจากริมฝีปากแห้งเพราะขาดน้ำ เมื่อปรับตาให้เข้ากับแสงที่จ้าผ่านผ้าม่าน พู่กันไต่สายตามองไปรอบ ๆ ห้องถูกตกแต่งด้วยสีสันจัดจ้านแต่มีศิลป์ ก่อนจะวกกลับมาตำแหน่งเดิม ร่างบางพยายามขยับตัวแล้วต้องอุทานเมื่อแขนด้านบาดเจ็บถูกใช้งาน
“เจ็บ ๆ ๆ”
“จะลุกนั่งเหรอ”
เสียงห้าวดังขึ้นเมื่อเห็นคนเจ็บนิ่วหน้า เขาไม่เข้าใจภาษาที่ติสสาวพูด
“อะ ...อ้าว... นายนะเอง”
พู่กันเอ่ยทักเพื่อนชายของเบรโตหัวคิ้วมุ่นเพราะคาใจทำไมชายหนุ่มยังไม่ไปไหน เสียงไม่คุ้นหูดังแว่วเข้ามา เบนความสนใจให้ติสสาวหันตามไปมองออกไปนอกหน้าต่างเงียบไม่พูดอะไรอยู่พักใหญ่เหมือนอยู่ตัวคนเดียวในห้อง เสียงกระแอมปลุกภวังค์ของพู่กันให้ละสายตาหันกลับมามองคนตัวใหญ่ยืนตระหง่านค้ำหัวเธออยู่ แววตาเข้มขุ่นสานสบตากับตากลมโต เขาเห็นบางอย่างในแววตาครุ่นคิดแต่มิได้กล่าวอะไรออกมา อีกครั้งที่วูบไหวเมื่อเนลโลขยับตัวยืนอยู่ที่ปลายเตียง ตากลมโตกวาดมองหาใครคนหนึ่ง เพื่อนชายชาวต่างชาติของเธอนะเอง
“นายไปไหนนะเบรโตปล่อยให้เจ้ายักษ์ปักหลั่นอยู่กับฉันในห้องสองต่อสองได้ไงกัน”
พู่กันคิดขณะตวัดสายตาวาววับมาที่หนุ่มหน้าสวยไม่แพ้เบรโตผิดแต่ตาดุกว่า
ส่วนมัจจุราชหนุ่มตั้งท่ารับ คิดว่า ประเดี๋ยวหญิงไทยผู้นี้ต้องออกงิ้วให้เขาเห็นเหมือนผู้หญิงอื่นๆที่ผ่านมาแน่นอน แต่จนแล้วจนเล่ากลับไม่ได้ยินเสียงแว๊ดเอาแต่ใจหรือกริ๊ดกร๊าดดัดจริตหวาดกลัวเวอร์เกินเหตุออกจากปาก หากมีเครื่องหมายคำถามเนลโลเห็นสายตาเหมือนกวางสาวมองไปรอบห้องด้วยความระแวดระวังภัย ยังมีสติที่จะเงียบมากกว่าโวยวาย มัจจุราชหนุ่มเลิกคิ้วมองและชอบใจกับความนิ่งสยบความกลัว เขาเห็นสายตาหวาดกลัวแวบหนึ่งก่อนเลือนหายไปอย่างรวดเร็ว
“หิวหรือยัง” น้ำเสียงห้วนสั้นถาม
“หิวสิ ฉันมาอยู่ที่นี่ได้ยังไง เบรโตไปไหน ที่นี่ที่ไหนกัน”
พอตั้งสติได้คำถามพลั่งพรูเท่าที่พอจะนึกได้และผันให้เป็นภาษาอังกฤษค่อนข้างไม่แข็งแรงของตัวเอง คนถูกถามขมวดคิ้วสีหน้าดูหมิ่นหญิงสาวตรงหน้าอย่างเปิดเผย
“ก็ไม่ต่างจากผู้หญิงคนอื่นๆ ของนายนั่นแหละ”
เนลโลนึกดูถูกหญิงสาวทั้งสีหน้าและแววตาอย่างชัดเจน
“คอยอยู่นี่เดี๋ยวจะเอาอาหารมาให้”
เสียงห้าวพูดมะนาวไม่มีน้ำก่อนลุกเดินออกจากห้องไป พู่กันย่นจมูกครุ่นคิดขณะที่มองตามหลังคนร่างยักษ์ออกไป
“เหมือนเป็นนักโทษยังไงยังงั้นเรา”
ร่างบางขยับตัวส่องตาลอดออกนอกผ้าม่าน เบ้าตาร้อนผ่าวลำคอตีบตันเหมือนตัวเองอยู่ที่โล่งแต่มืดสนิท ความกลัวแผ่คลุมจิตใจและกลายเป็นความกดดัน ตากลมโตไหวเริ่มมีน้ำใสเอ่อคลอเบ้าก่อนจะไหลล้นอาบแก้มเนียน ทำนบพังจนเสียงสะอื้นเล็ดลอดจากลำคอพร้อมเสียงคร่ำครวญโชคชะตาของตัวเอง
“ที่นี่ต้องไม่ใช่ฟลอเร็นซ์แน่นอน แล้วมันเป็นที่ไหนกันล่ะนี่ เบรโตนายเป็นใครกันแน่ ทำไมนายปล่อยให้ฉันถูกนายคนนี้เอาตัวฉันมา หรือนายเป็นพวกเดียวกันกับมัน นี่ฉันหลงคบคนใจร้ายใช่ไหมเนี่ย โธ่ไอ้พู่แกนะแก อยู่มาได้จนป่านนี้กลับมาถูกหลอกในต่างบ้านต่างเมือง พ่อขาแม่ขาพู่จะทำอย่างไรต่อไปดีคะ ป่านนี้พี่เก็จแก้วมิคิดว่าพู่เหลวไหลทำตัวเถลไถลหนีเที่ยวไม่กลับโรงแรม คุณพรหมล่ะเค้าจะคิดยังไง จะออกติดตามแกยังไงในเมื่อไม่มีใครรู้ว่าแกหายตัวไปกับใครที่ไหน โธ่ไอ้พู่เอ้ยทำไมแกถึงได้เคราะห์ร้ายอะไรขนาดนี้นะ”
เสียงวี๊ดว้ายวิ่งเล่นกันของเด็กๆ ดังแว่วเข้ามาจนสร้างความอยากรู้ว่าสถานที่ที่เธออยู่เป็นที่ใด พู่กันปาดน้ำตาจนแห้งสงบสติอารมณ์ มือบางตลบผ้าห่มและลงจากเตียงไปที่หน้าต่าง แต่แล้วต้องตกใจยิ่งกว่าเดิมเพราะเสื้อผ้าที่เธอสวมไม่ใช่ชุดที่เธอใส่ครั้งสุดท้าย พู่กันทรุดนั่งขอบเตียงอย่างอ่อนแรง
“นี่มันเกิดอะไรขึ้นกับเธอกันแน่ห้องที่เธออยู่ไม่ใช่ห้องพักที่โรงแรม ชุดที่เธอใส่ก็ไม่ใช่ของเธอ มีบางอย่างที่คิดว่าไม่ปกติระหว่างที่เธอไม่รู้สึกตัวแน่แล้วล่ะ”
ลิ้นเล็ก ๆ เลียริมฝีปากที่แห้งเริ่มเป็นเกล็ด น้ำลายเหนียวหนืดจนต้องมองหาน้ำดื่มให้ลดความกระหาย เสียงเปิดประตูอีกครั้ง คนตัวโตเดินถือถาดอาหารเข้ามา พู่กันหันไปสบตาสีน้ำตาลเข้มนั้นไม่หลบซ้ำยังมองด้วยสายตาเชิงคำถามกลับไป
“บ้านนี้มีผู้หญิงไหม”
“อ้าวกินซะจะได้มีแรง”
เนลโลวางถาดอาหารลงบนโต๊ะข้างเตียง
“นายยังไม่ตอบคำถามฉันเลย มีผู้หญิงในบ้านหลังนี้หรือเปล่า?”
พู่กันไม่มองถาดอาหารทั้งๆที่ท้องเริ่มอุทรว่าหิว แต่ความที่อยากฟังคำตอบมีมากพอที่จะให้เลิกใส่ใจกลิ่นหอมเรียกน้ำลายให้สอจนต้องกลืนกลับลงคอ เนลโลยัดสองมือลงในกระเป๋า ขณะยืนพิงกรอบหน้าต่างหันมองสาวไทยอย่างพิจารณา
“มีสิ ถามทำไม”
“เฮ้อ..แล้วไป”
พู่กันพ่นลมหายใจแววตาโล่งใจ ก้มมองถาดอาหารบนโต๊ะอย่างสนใจ ตาดับขลับเหลือบขึ้นมองเนลโลกำลังกอดอกยืนมองเธอไม่วางตาเช่นกัน
“กินเอาแรงก่อนดีกว่า ในหนังนางเอกถูกลักพาตัว มัวแต่โวยวายหิวข้าวไม่มีแรงเอาสมองคิดต่อกรกับคนร้าย คนอย่างไอ้พู่ไม่ขอเป็นแบบนั้นแน่ ๆ”
อาร์ทสาวคิดไกล โดยหารู้ไม่ว่าสิ่งที่เธอคิดเล่น ๆ นั้นเป็นเรื่องจริง
“เออมาดนิ่งแฮะแม่นี่ ท่าทีไม่มีจะกลัว รึว่าเจ้าหล่อนยังไม่หายไข้ หรือไม่ก็ไข้กลับจนไม่มีแรงจะโวยวาย ดูเอาสิกินข้าวเหมือนหิวโซเชียว อดอยากมาจากไหนวะ”
เนลโลนินทาอาร์ทตัวแม่ ที่ตักข้าวเข้าปากเคี้ยวเงียบ ๆ มีเพียงแววตาเท่านั้นที่คอยมองออกนอกหน้าต่างยามที่มีเสียงคุยออกรสชาดของพวกเด็ก ๆ ในขณะที่ระดับการทานอาหารเริ่มแผ่วลง เขารู้ว่าอีกไม่ช้าพู่กันคงอิ่มจึงเดินไปหยิบขวดน้ำกับยาแก้ไข้แก้อักเสบวางไว้ที่โต๊ะข้างเตียงให้หญิงสาว เมื่อพู่กันอิ่มแล้ว พู่กันหยิบน้ำขึ้นดื่มจนหมดแก้วแล้วปาดหลังมือที่ปากอิ่ม
“ยานั่น กินตามไปด้วยสิ”
เนลโลชี้ไปที่ยาในแก้วเซรามิกสีสวย
“เบรโตไปไหน นายจะบอกฉันได้หรือยัง”
พู่กันปรายตามองก่อนถามอย่างที่ใจอยากรู้
“ไม่รู้สิ ฉันไม่เห็นมันตั้งหลายวันแล้ว”
“หลายวัน? นายหมายความว่าไง”
สาวติสทวนเสียงหลง แล้วอึ้งไปชั่วขณะปากบางเม้มคิดหนัก
“หมายความตามนั้น นี่ยาจัดการซะ”
“ที่นี่ไม่ใช่ฟอลเร้นซ์ใช่ไหม”
พู่กันโพล่งถามในขณะที่สายตามองออกนอกหน้าต่างซึ่งบัดนี้เปิดโล่งให้เห็นท้องทะเลสีครามอยู่ไกลลิบ ๆ ๆ
“ก็ไม่ใช่ ...นะสิ”
“กระเป๋าฉันอยู่ไหน”
ตากลมโตกวาดมองหากระเป๋าคู่ชีพ เมื่อไม่เห็นตาคู่กล้าตวัดมองไปยังร่างสูงใหญ่ เนลโลขมวดคิ้วเขากำลังชั่งใจว่าหญิงสาวคนนี้แปลกเอามาก ๆ ทั้งๆที่รู้ว่าตัวเองอยู่ในสถานการณ์ไหนแทนที่จะแหกปากร้องกลับเรียกหากระเป๋าซะงั้น ชายหนุ่มหยักไหล่แบมือหราก่อนเดินออกจากห้องไปทิ้งสายตาขุ่นตามหลังไปด้วย
“นี่ฉันถูกลักพาตัวจริงๆ หรือนี่”
พู่กันครางอยู่ในอก ในใจคร่ำครวญหาพ่อแม่ที่อยู่เมืองไทย และเก็จพรหม ป่านนี้เขามิตกใจและออกตามหาเธอไปทั่วแล้วหรือไงกัน ติสสาวเอื้อมหยิบยาสี่เม็ดเข้าปากตามด้วยน้ำเต็มแก้ว ต่อจากนั้นล้มตัวลงนอน ก่อนที่ฤทธิ์ยาจะทำงาน ติสสาวพูดกับตัวเองอย่างมีสติ
“ รักษาตัวให้หายและทำให้มีชีวิตรอดก่อนดีกว่า ค่อยหาทางหนีแล้วนะกันไอ้พู่ สติเท่านั้นจะช่วยแกปลอดภัย พ่อจ๋าแม่จ๋าคุ้มครองพู่ด้วย คุณพรหมมาช่วยพู่ไว ๆ นะคะ”
*.:。✿* D *.:。✿*゚¨゚✎ * *.:。✿* D *.:。✿*゚¨゚
“พี่เก็บเธอไว้ที่ไหน”
คำถามแรกที่เบรโตเจอหน้าอังวาห์ พี่ชายคนเดียวที่เขามี ในขณะที่สีหน้าของคนถูกถามนั้นมุ่ยไม่สบอารมณ์กับคำถามและสถานการณ์ในเวลานี้ เขาเพิ่งออกจากห้องที่มีแพทย์ประจำตระกูลกำลังตรวจจุมพิตาอยู่ อาการของภรรยาสาวไม่ดีขึ้นจนต้องเรียกหาหมอ ตาสีเดียวกันสองคู่สบกันไม่มีใครคิดหลบ คู่แรกนั้นแฝงรอยหงุดหงิดเอาไว้เต็มเปี่ยม ในขณะอีกคู่ร้อนรนและคาดคั้นอยู่นที
“โหพอมาถึง ก็ถามเลยนะ พักให้หายเหนื่อยก่อนดีไหมน้องชาย”
อังวาห์ยกมือหมายตบบ่าแต่ถูกเบรโตปัดมือทันที สีหน้าบ่งบอกให้รู้ว่าเลือดในตัวกำลังพล่าน
“พี่ให้ไอ้เนลโลเอาพู่กันไว้ที่ไหน ขอร้องล่ะ ผมอยากเจอเธอ”
“ฉันยังไม่เห็นหน้าเนลโลเลยนะ”
“เป็นไปไม่ได้ มันทำร้ายผมแล้วชิงพู่กันมาที่นี่”
เบรโตกระชากเสียงดังขึ้นจนอังวาห์หันกลับไปดูประตูห้องว่าปิดสนิทหรือไม่
“แกเห็นพี่ชายแกเป็นคนพูดปดไปเมื่อไหร่เบรโต”
อังวาห์พูดเสียงขรึม มือเท้าสะเอวสีหน้าถมึงทึง
“มันติดต่อพี่ครั้งสุดท้ายเมื่อไหร่”
เบรโตไม่ยอมวางมือ ตั้งคำถามใหม่
“มันติดต่อพี่กลับมาเมื่อวานว่าขอเลื่อนวันกลับ”
อังวาห์ตอบตามจริง เนลโลโทรหาเขาเมื่อวานบ่ายบอกขออยู่ฟอล์เรนซ์ต่อ ขณะนั้นอาการภรรยาเขายังไม่ดีขึ้นจึงอนุญาต อีกทั้งประวัติเนลโลไม่เคยเถลไถลนอกจากมีธุระจริง ๆ
“โธ่พี่อังวาห์ รู้ไหมมันได้ตัวเธอไป ทำไมพี่ทำกับผมเช่นนี้”
เบรโตโวยวายใส่อังวาห์ทันที
“อ้าวทำไมยังงั้นล่ะเบรโต”
อังวาห์เริ่มออกอาการงงแทนที่ สีหน้าและแววตาของน้องชายคนเดียวของเขาทำให้รู้สึกเอะใจ
“ถ้าพู่กันเป็นอะไรไป ผมจะไม่ให้อภัยพี่เลย”
เบรโตเก็บอาการโมโหไม่อยู่ส่งเสียงดังขึ้นเรื่อย ๆ
“เดี๋ยว ๆ แกกำลังจะบอกฉันว่าเนลโลฉกผู้หญิงคนนั้นไปจากนายใช่ไหม”
“ใช่ ถ้าพี่ไม่สั่งมันจะกล้าทำแบบนั้นกับผมเหรอ”
เบรโตขบเขี้ยวใส่อังวาห์
“โน โน ฉันให้เนลโลตามพี่สะใภ้แกกลับบ้าน”
ผู้เป็นพี่ชายตอบอย่างอารมณ์ดี ที่มือขวาทำงานได้อย่างที่สั่งการ ขณะที่หันมองดูประตูห้องนอนด้วยสายตากังวลเพราะแพทย์ประจำตระกูลเข้าไปอยู่ในนั้นนานแล้ว
“พี่กำลังจะบอกผมว่าไอ้เนลโลมันทำเกินคำสั่งงั้นใช่ไหม”
“ฉันจะไปรู้ใจมันได้ไง ผู้หญิงไทยคนนั้นอาจจะมีใจให้ก็ได้”
อังวาห์สรุปกล่าวหาพู่กันเหมือนหญิงสาวหลายคนที่ผ่านมาที่มีท่าทีชอบเนลโลเพราะหน้าตาก็มีไม่น้อย
“แต่ไม่ใช่พู่กัน”
เบรโตกระชากเสียงใส่ด้วยสีหน้าแดงก่ำเพราะเคืองพี่ชายดูถูกน้ำใจพู่กัน
“นายพูดเหมือนรู้จักหล่อนดี”
“ใช่ผมรู้จักหญิงไทยคนนี้ดี เธอไม่เหมือนผู้หญิงอื่นๆที่ผมเจอ”
เบรโตเน้นน้ำเสียงยามที่เอ่ยถึงพู่กัน
“ดูนายมั่นใจมากอย่างงั้นเชียว”
อังวาห์หรี่ตาสีเดียวกันกับน้องชาย เริ่มสงสัยอะไรบางอย่าง
“มันรายงานพี่หรือเปล่าว่ามันอยู่ที่ไหน”
เบรโตถามด้วยความร้อนใจเขารู้สึกเป็นห่วงความปลอดภัยของพู่กันเพราะเนลโลนั้นโหดเหี้ยม และสามารถฆ่าหญิงสาวหากทำอะไรให้โมโหจนลืมตัว
“ไม่ได้บอกนะ พูดแต่ว่าขออยู่ต่อสักระยะ”
อังวาห์ลูบคาง พยายามนึกถึงคำสั่งการกับมัจจุราชหนุ่มก่อนไปฟลอเร้นซ์
“นี่แปลว่ามันยังอยู่ในฟลอเร้นซ์ มันกำลังทำอะไรกันแน่ไอ้เนลโล”
เบรโตครางระห่ำอยู่ในลำคอ สองหมัดกำแน่นยืนหันรีหันขวางอย่างว้าวุ่นใจ เพราะกว่าเขาจะกลับไปฟลอเร้นซ์อีกครั้งพู่กันอาจจะไม่เหลือลมหายใจให้เขาได้เจอ ถ้าหากเป็นเช่นนั้นเขาจะทำอย่างไร
“อย่าคิดไปก่อน อาจจะไม่เป็นอย่างที่นายคิดก็ได้น้องรัก ฉันสั่งให้ไปรับตัวจูนกลับ แต่จูนกลับมาก่อนมันก็แค่อยากแวะไปหาญาติในเมืองนั้นก็ได้ คิดมากน่า”
อังวาห์บีบไหล่น้องชายเขาเริ่มแน่ใจอะไรบางอย่าง
“จริงสิ ทำไมผมลืมคิดเรื่องนี้ไป เนลโลอยู่ที่นั่นพู่กันกำลังบาดเจ็บ อาจจะไม่กล้าพาขึ้นเครื่องให้ผิดสังเกตุก็ได้ พี่รู้ใช่ไหมว่า บ้านญาติของมันอยู่เมืองไหน”
“จำไม่ได้หรอก มันเคยบอกนานแล้ว เอทำไมเข้าไปนานจังวะ ให้ตรวจร่างกายแค่นี้ทำไมชักช้าจัง”
อังวาห์ไม่ได้สนใจว่าใครจะเป็นอะไรในยามนี้เพราะเป็นห่วงภรรยานั่นเอง สายตาที่มองไปที่ประตูบ่อยครั้งจนผิดสังเกตุทำให้เบรโตนึกขึ้นได้ว่าตั้งแต่มายังไม่เห็นพี่สะใภ้คนสวยของเขาเลย
“พี่มองหาใคร? จูนอยู่ที่ไหน พี่เจอเธอหรือยัง”
เบรโตถามเมื่อนึกขึ้นได้ว่าพี่สะใภ้เดินทางมาก่อนหน้าเขา
“ฮื่อมาถึงสามวันแล้ว ตอนนี้อาหมอตรวจร่างกายอยู่ในห้อง”
“จูนเป็นอะไร พี่ทำร้ายเธอ?”
คำถามคล้ายตำหนิไม่แพ้กับสีหน้าและแววตาขณะถาม
“ฉันไม่ใช่คนเลวขนาดทำร้ายผู้หญิงได้หรอกนะเบรโต”
อังวาห์พูดโดยลืมไปว่าพฤติกรรมของตัวเองไม่ได้ผิดแผกจากที่พูดแม้แต่น้อย
“งั้นหรือที่ผ่านมาพวกผมเป็นฝ่ายผิดทั้งนั้นสินะ”
เบรโตพูดกร้าวยิ้มหมิ่นให้พี่ชายตัวเอง ก่อนที่จะมีเหตุการณ์อะไรตามมาแพทย์ประจำตระกูลเดินหิ้วกระเป๋าออกมาด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม ผิดกับสีหน้าของประมุขของบ้านลิบลับ ทันทีที่เห็นร่างโปร่งถลาเข้าไปจับแขนเขย่าด้วยความร้อนใจทันควัน
“เมียผมเป็นอะไรอาหมอ”
“อ๋อเป็นปกติครับคุณอังวาห์”
อาหมอยิ้มอารีย์ให้เจ้านายหนุ่มเลยไปถึงเบรโตที่ยืนหน้ามู่ทู่อยู่ไม่ไกล เข้าใจว่าสองพี่น้องกำลังเป็นห่วงผู้หญิงคนสำคัญของบ้านอยู่นั่นเอง
“ปกติ? จะปกติได้ยังไง”
อังวาห์เผลอตะคอกใส่หมอวัยกลางคน
“พี่สะใภ้ไม่เป็นอะไรก็ดีแล้ว คงเป็นอาการเจ็ทแลคกระมัง”
เบรโตพูดแทรกขึ้นเมื่อเห็นอาการหลุดเพราะเป็นห่วงภรรยาของอังวาห์
“ก็มีส่วนครับคุณหนู”
“เห็นไหมล่ะ แสดงความเป็นห่วงเกินเหตุไปใช่ไหมครับอาหมอ”
เบรโตส่ายหน้าระอาพี่ชายตัวเองที่นึกอยากจะทำดีใส่พี่สะใภ้ทั้งๆที่เมื่อก่อนทำตัวประชดประชันให้หญิงสาวน้อยใจมาตลอด เป็นสาเหตุให้หนีกลับเมืองไทย
“ครับ ที่สำคัญคุณอังวาห์ต้องดูแลคุณผู้หญิงให้มากกว่าเดิม ระยะนี้ร่างกายและจิตใจจะอ่อนแอถือว่าเป็นเรื่องปกติ”
หมอเก่าแก่ของตระกูลยิ้มเต็มหน้าเสมือนเป็นเรื่องธรรมดา
“มันจะปกติได้ยังไงกัน เมียผมกินไม่ได้ หน้าผมก็ยังเห็นไม่อยากมอง เอาแต่จะอ๊วกใส่ ยังจะบอกปกติอีกเหรอ”
อังวาห์โพล่งน้ำเสียงหงุดหงิดสีหน้าเซ็งสุดขีด
“อืมน่าคิดแฮะ นี่พี่สะใภ้ผมเบื่อหน้าสามีจนผะอืดผะอมเลยหรือนี่ ฮะ ๆ ๆ”
“นี่เบรโต ถ้าไม่พูดก็ไม่ถือว่าเป็นใบ้หรอกนะ”
อังวาห์ทำเสียงฟ่อๆใส่น้องชายที่กำลังกลั้นยิ้มขำเขาอยู่ข้างตัว
“ครับเป็นปกติของคนแพ้ท้องน่ะครับคุณอังวาห์ ช่วงนี้ฮอร์โมนจะสูงกว่าปกติจนร่างกายควบคุมไม่อยู่ ยังไงคุณอังวาห์ควรจะเอาอกเอาใจคุณผู้หญิงให้มาก ๆ นะครับ”
“เห็นไหมล่ะ อาหมอก็บอกว่าฮอร์โมน...แต่เดี๋ยวนะ อาหมอบอกพี่อังวาห์ว่าเป็นปกติของอะไรนะฮะ”
เบรโตทวนคำบอกเล่าของหมออย่างไม่แน่ใจ โดยหันหน้าไปดูพี่ชายที่มีสีหน้าตื่นตะลึง
“อะ..อา หมอพูดอีกทีซะ ตะกี้อาหมา เอ้ย อาหมอพูดอะไรนะ”
อังวาห์ละล่ำละลักถาม ให้แน่ใจกับสิ่งที่ได้ยิน หัวใจเต้นแรง และร้อนวาบทั่วอกขึ้นไปถึงใบหน้าที่เห่อชา
“ก็เป็นอาการปกติของคนกำลังจะมีน้องนะสิครับคุณอังวาห์ ผมขอแสดงความยินดีด้วย ที่จะมีคุณหนูตัวน้อย ๆ สมาชิกใหม่ประจำบ้านครับ”
“ห๋า! อะไรนะอาหมออีกทีสิครับ”
อังวาห์ยิ้มกว้าง ระงับอาการดีใจไม่อยู่ เอื้อมมือใหญ่จับแขนหมอสูงวัยเขย่าจนสั่นไปทั้งตัว
“คุณอังวาห์จะเป็นพ่อคนแล้ว คุณผู้หญิงท้องได้ 6 สัปดาห์ ยังไงผมต้องขอเชิญไปตรวจที่โรงพยาบาลให้มั่นใจอีกครั้ง”
“พี่สะใภ้ท้อง! พี่อังวาห์ผมยินดีด้วยครับ”
เบรโตตื่นเต้นไปพร้อมๆกับพี่ชาย สองพี่น้องหันหน้าจับมือกันแล้วกอดแสดงความยินดี อังวาห์ผละตัวพร้อมกับพูดด้วยความตื่นเต้นและปลื้มใจไปพร้อม ๆกัน ไม่เหลือความเซ็ง เครียดบนใบหน้าหล่อเหลาให้เห็นอีกเลย
“ในที่สุดฉันก็มีน้ำยากับเขาเหมือนกัน ขอบใจอาหมอมาก เบรโตนายเป็นธุระส่งอาหมอไปที่รถแทนพี่ที เดี๋ยวพี่ขอเข้าไปรับขวัญเมียและลูกพี่ก่อน”
“ต่อไปพี่ต้องถนอมน้ำใจพี่สะใภ้ให้มาก และอย่าทำให้กระเทือนไปถึงหลานผมในท้อง”
เบรโตเห็นช่องทางสว่าง และให้คำแนะนำเลยไปถึงจุมพิตาด้วยเช่นกัน
“แน่นอน อะไรจะมาสำคัญเท่าเมียและลูกฉันไม่มีอีกแล้ว โอ้ความรู้สึกนี้ทำไมมันมิราเคิลเสียเหลือเกิน”
อังวาห์ถูมือเดินเข้าไปในห้องส่วนตัวของเขากับภรรยา อย่างร่าเริงและสดชื่นเป็นที่สุด เบรโตมองหน้าหมอประจำตระกูลอย่างขอบคุณ เขาเชื่อว่าข่าวที่ได้รับสดๆร้อนๆ จะทำให้อะไร ๆ ดีขึ้นและมันจะสมานย์ความสัมพันธ์ระหว่างพี่ชายกับจุมพิตาให้ดีขึ้นเพราะมีโซ่คล้องใจได้กำหนดขึ้นแล้วนั่นเอง ร่างสูงโปร่งผายมือให้ผู้สูงวัยอย่างสุภาพ
“เชิญอาหมอครับ”
*.:。✿* D *.:。✿*゚¨゚✎ * *.:。✿* D *.:。✿*゚¨゚
ร่างบางระหงยืนพิงกรอบหน้าต่าง หลังจากตื่นขึ้นมาอีกครั้งคราวนี้ พู่กันรู้สึกร่างกายเริ่มเป็นปรกติ อาการหนาวๆร้อนๆหายไปแม้จะยังปวดตึงบริเวณบาดแผลอยู่บ้าง สายลมที่พัดโกรกเข้ามาในห้องทำให้รู้สึกเย็นสงบอย่างประหลาด เสียงจอแจของเด็ก ๆ หายไป เหลือแต่เสียงเพลงทำนองเร้าใจแต่ไม่เข้าใจบทเพลงที่นักร้องขับร้องออกมา เสียงเปิดปิดประตูมิได้ทำให้อาร์ทสาวตื่นจากภวังค์ เธอกำลังซึมซับอยู่กับทิวทัศน์ไกลลิบๆ หญิงสาวคิดวนไปมาว่า ที่ตรงนี้เธอเห็นมาก่อนใช่หรือเปล่านะ ......
“นี่เธอ คิดจะยืนอยู่ตรงนั้นอีกนานเท่าไหร่”
เสียงห้าวห้วนทำลายความเงียบหลังจากยืนดูร่างบางมองเหม่อออกไปข้างนอก
“นี่คุณมีมารยาทบ้างสิ หัดเคาะประตูก่อนเข้ามาไม่ได้หรือไง”
พู่กันหันกลับมาพูดตำหนิ ด้วยน้ำเสียงเรียบ ตาคมหวานมองเลยไปที่สาวน้อยยืนข้างหลังร่างสูงอย่างสนใจ
“หูเธอมันหนวกมั้ง ฉันเคาะแทบจะทุบประตูห้อง นึกว่านอนขึ้นอืดบนเตียงไปแล้วเสียอีก”
เนลโลพูดหยาบใส่พู่กัน
“ก็ดีนะสิ ฉันจะได้มาหักคอนายเป็นคนแรก”
พู่กันพูดพลางเดินผ่านหน้าร่างสูงใหญ่มาหยุดยืนที่เด็กสาวที่มองเธออยู่เชียวกันด้วยสีหน้าไม่มั่นใจ พู่กันฉีกยิ้มผูกไมตรี เธออยากสร้างมิตรในสถานการณ์ไม่น่าไว้ใจนี้ รอยยิ้มหวานบนดวงหน้าคมขำแบบฉบับสาวยุโรปตอบกลับมา พู่กันใจชื้นขึ้นมาอีกนิด คิดในใจว่า
“เอาล่ะวะ อย่างน้อยมีเพื่อนไว้ข้างตัวสักคน เผื่อฉุกเฉินเธอคนนี้อาจจะช่วยเหลือได้บ้างล่ะ”
“นี่คือ เลญ่า เธอจะมาอยู่เป็นเพื่อนระหว่างที่ฉันไม่อยู่”
“เหรอ นึกว่ามาเฝ้าซะอีก”
พู่กันงึมงัมไม่มองหน้าหล่อเข้มของเนลโล จึงไม่เห็นแววขันแวบแล้วหายอย่างรวดเร็ว ตามด้วยเสียงขลุกขลักในลำคอ พู่กันเอื้อมมือแตะแขนเรียวเล็ก มันบอบบางจนคิดว่าถ้าจับแรง ๆ อาจจะหักได้ สายตากวาดทั่วหน้าอย่างพิจารณา ลักยิ้มสองมุมปากได้เวลาทำงาน ดวงตาหวานผ่านปีกผีเสื้อกระพือไหวนั้น เนลโลเผลอจ้องไม่วางตา ความรู้สึกตกจากที่สูงจนผงะก้าวเท้าไปข้างหลัง ผิวสีน้ำผึ้งอ่อนนั้นแลดูเนียนน่าสัมผัส พู่กันเงยหน้ามองร่างสูงยิงฟันหรือกระแทกใส่เหมือนจะใกล้เคียง
“เธอชื่ออะไร?”
พู่กันถามเป็นภาษาอังกฤษกับเด็กสาว แต่มิได้คำตอบกลับมา
“ชื่อเลญ่า”
เนลโลตอบห้วนสั้นตามแบบฉบับของเขาแทนเด็กสาว
“ชื่อเหมือนตัวละครในทีวีที่แม่ชอบเลย”
พู่กันเผลอพูดภาษาไทยก่อนจะหัวเราะคิก พอรู้ตัวรีบปิดปากทำหน้ามึนใส่ร่างสูง ก่อนจะขยิบตาให้เด็กสาวเลญ่า
“ตะกี้พูดอะไร”
“เปล่า ฉันบอกว่าชื่อเลญ่าน่ารักดี”
“ฉันจะออกไปทำธุระ เลญ่าจะอยู่เป็นเพื่อนเธอในห้องนี้”
เนลโลบอก ก่อนจะทำสัญญลักษณ์มือให้เด็กสาวดู พู่กันมองอย่างแปลกใจ ไม่คิดจะถามเพราะอยากอยู่กับเด็กสาวเพียงลำพังเธอไม่อยากให้ผู้ชายตัวใหญ่อย่างเนลโลมาป้วนเปี้ยนใกล้เธอ
“เชิญ”
“ฉันขอเตือนเธอก่อนนะ กรุณาอย่าซักถามเลญ่าเสียให้ยาก ยังไงเค้าก็จะไม่มีวันตอบคำถามเธอได้อย่างแน่นอน ฮะ ๆ ๆ ”
เสียงหัวเราะดังกึกก้องของเนลโลห่างออกไปเมื่อร่างสูงใหญ่ลับไปพร้อมกับประตูที่ปิดตามหลัง พู่กันหยักไหล่อย่างไม่สนใจ หญิงสาวหันกลับมายิ้มหวานให้กับ เด็กสาวเลญ่า แล้วชวนคุยเพื่อกระชับไมตรี
“ชื่อเลญ่า แปลว่าอะไร”
พู่กันถามเด็กสาวที่ขยันส่งยิ้มอย่างเดียว หลังจากที่พยายามสื่อสารอยู่หลายครั้ง คิ้วบางเลิกแปลกใจ คิดในใจว่า สงสัยสาวน้อยผู้นี้ไม่เข้าใจภาษาอังกฤษที่ไม่แข็งแรงของเธอเป็นแน่ นิ้วเรียวเคาะคาง ภาษาพูดไม่เข้าใจภาษามือก็ได้วะตรู พู่กันเคยเข้าคอร์สภาษามือสำหรับคนพิการทางหูมา เมื่อครั้งออกค่ายพัฒนาสมัยยังเรียนที่มหาลัย ติสสาวเริ่มต้นทักทายด้วยการแนะนำตัวเอง ขณะที่ปากก็ขยับไปด้วย เธอเห็นแวววูบไหวแจ่มชัดในดวงตาคู่สวยหวานซึ้งนั้น ก่อนที่จะตกตะลึงทำเสียงครางฮึ่ม ๆ อยู่ในลำคอเมื่อเด็กสาวเลญ่าทำภาษามือตอบอย่างคล่องแคล่ว
“อ๋อยยยยย อีตาเพื่อนบ้าของนายทำฉันซะแล้วเบรโต”
พู่กันยิ้มแหย ๆส่งให้ก่อนจะสูดลมหายใจเข้าเฮือกใหญ่ตั้งท่าฮึดสู้ เถอะน่าถึงแม้สาวน้อยผู้นี้จะพูดไม่ได้ แต่ภาษามือเธอก็ยังถูไถ ถึงจะได้เรื่องช้าแต่ก็ดีกว่าไม่รู้เลยว่าตอนนี้ตัวเองอยู่ที่ใดของประเทศนี้ ดังนั้นบรรยากาศในห้องระหว่างสองสาวจึงอบอวลไปด้วยกลิ่นไอของการแลกเปลี่ยน
หักมุม.ซะงี้่นแล้วไงต่อ
อยากเดาให้คนเขียนเขียนไม่ถูกแต่อย่าดีกว่าหุหุ