อนามัยโลกรับหวัดสายพันธุ์ใหม่ขยับใกล้เตือนภัยระดับสูงสุด
เอเอฟพี - ไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์2009 ปรากฎเค้ารางเข้าสู่ระยะระบาดไปทั่วโลก ด้วยเชื้อไวรัสเอช1เอ็น1 แสดงสัญญาณว่ากำลังระบาดอย่างยั่งยืนนอกทวีปอเมริกา ขยับเข้าใกล้การยกระดับเตือนภัยสู่ขั้นสูงสุด เจ้าหน้าที่ขององค์การอนามัยโลกระบุเมื่อวันอังคาร(2) ขณะที่ออสเตรเลียพบผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้นเป็นเกือบ 500 คน สูงสุดในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกแซงหน้าญี่ปุ่นไปแล้ว"เราเชื่อว่าเรายังอยู่ในระดับเตือนภัยขั้น 5 แต่ก็เริ่มขยับเข้าใกล้ระดับ 6 แล้ว" เคนจิ ฟูกุดะ รักษาการผู้ช่วยผู้อำนวยการใหญ่องค์การอนามัยโลกกล่าวสิ่งที่ระดับ 6 จะแตกต่างไปจากระดับ 5 ก็คือ การแพร่เชื้อในชุมชนชนิดที่ดำเนินไปอย่างยั่งยืน ได้ปรากฏขึ้นในภูมิภาคที่สองแล้ว นอกเหนือจากภูมิภาคแรกซึ่งในกรณีนี้ได้แก่อเมริกาเหนือ"มันชัดเจนว่าไวรัสยังคงแพร่ระบาดไปยังนานาประเทศ และมีหลายชาติที่ปรากฎถึงการเปลี่ยนแปลงจากผู้ติดเชื้อที่สัมพันธ์กับการเดินทางสู่การแพร่เชื้อในชุมชนมากขึ้นเรื่อยๆ" ฟูกุดะกล่าว"อย่างไรก็ตามเรายังคงต้องรอการแพร่ระบาดอย่างยั่งยืนในชุมชนประเทศเหล่านั้นจริงๆ ดังนั้นผมคิดว่ามันยุติธรรมที่จะบอกว่าพวกเขาอยู่ในช่วงเปลี่ยนผ่านและยังไม่ถึงขั้นนั้น และนั่นคือเหตุผลว่าทำไมเรายังไม่เพิ่มการเตือนภัยสู่ระดับ6" เขากล่าวองค์การอนามัยโลกยืนยันตัวเลขอย่างเป็นทางการว่ามีผู้ติดเชื้อ 18,965 คนใน 64 ประเทศ ในจำนวนนั้นมีผู้เสียชีวิต 117 ราย นับตั้งแต่เชื้อไวรัสเอช1เอ็น1 ปรากฎตัวในสหรัฐฯและเม็กซิโก เมื่อเดือนเมษายนการพิจารณาเปลี่ยนแปลงคำเตือนมีขึ้นขณะที่มีรายงานว่าในแคนาดาพบผู้เสียชีวิตจากไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่เป็นรายที่ 3 ของประเทศ ส่วนในสกอตแลนด์ ผู้ป่วย 2 คนอยู่ในห้องไอซียู ขณะที่อียิปต์ ลักเซมเบิร์ก และออสเตรีย พบผู้ติดเชื้อรายแรกแล้วด้านสเปน ชาติแรกในยุโรปที่ยืนยันพบผู้ติดเชื้อ ในวันอังคาร(2) เปิดเผยว่าพบผู้ติดเชื้อเพิ่มเติมอีก 13 ราย ณ โรงเรียน 3 แห่งในแคว้นมาดริด หนึ่งในนั้นเป็นโรงเรียนอนุบาล ขณะที่องค์การอนามัยโลกเมื่อวันจันทร์(1) ยืนยันยอดรวมผู้ติดเชื้อในสเปนมีทั้งหมด 178 คนส่วน ดาเนียล แอนดรูว์ส รัฐมนตรีสาธารณสุขรัฐวิคตอเรียของออสเตรเลีย กล่าวว่าพบผู้ติดเชื้อในรัฐเพิ่มขึ้นอีก 89 รายในชั่วข้ามคืน โดยยอดรวมของรัฐนี้ขยับขึ้นเป็น 395 คน ทำให้ตัวเลขรวมทั่วทั้งออสเตรเลียตอนนี้พบผู้ติดเชื้อทั้งหมด 496 ราย มากที่สุดเป็นอันดับ 4 ของโลกและมากที่สุดในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกที่มา ASTVผู้จัดการออนไลน์