บ่นไปเรื่อย ก็เรามันคนขี้บ่น
Group Blog
 
All blogs
 

วันสาร์ห่วยๆ

อัพเดตประจำสัปดาห์จ้า เสาร์อาทิตย์นี้ไม่ได้อยู่บ้านเล้ย พอมีเพื่อนแล้วก็ออกเที่ยวใหญ่ เห่อค่ะเห่อ ตอนแรกว่าจะไปแดนซ์วันศุกร์แต่เพื่อน(รุ่นน้อง)ที่จะไปด้วยดันมีเหตุขัดข้องเลยเลื่อนไปวันเสาร์แทน ไอ้เราก็หาชุดซะตั้งนานกะว่าไปคลับที่เมกาทั้งทีเราต้องไม่ให้ขายขี้หน้าค่ะ วันเสาร์บ่ายๆก็ออกจากบ้านไปนัดเจอกันที่โรงเรียน ก็ไปบ้านน้องเค้าก่อนเพราะเค้าต้องทำงานที่ร้านแม่เค้าตอนเย็น อ่ะ ไปก็ไป ก็ไปยืนเก้ๆกังๆซักพักใหญ่ๆพอเริ่มรู้ว่าเค้าทำอะไรกันหลังครัวบ้างก็เริ่มช่วยนั่นนิดช่วยนี่หน่อยเพราะวันเสาร์คนเยอะมากๆ แลกกับอาหารมื้อนึง ฟังดูน่าสงสารเนอะ แต่นังเพื่อนนี่สิ ชีเปลี่ยนแปลงตลอดเวลาค่ะ ต่อมาเลยเปลี่ยนแผนเป็นไปเที่ยวกะลูกพี่ลูกน้องและเพื่อนๆของชี จริงๆเรื่องของเรื่องคือเธอมีกิ๊กอยู่ในกลุ่มนั้นค่ะ อ่ะ ไปก็ไป(อีกรอบ) เอิงไม่เรื่องมากอ่ะ พาไปไหนก็ไปขอให้หนุกละกัน แต่ขอบ่นหน่อยเหอะ นอกจากไม่หนุกแล้วยังน่าเบื่อมากๆอ่ะ เอิงรมณ์เสียมากๆเพราะเพื่อนแต่ละคนของมันนะอายุประมาณ17-18อ่ะ แล้วมันจะเด็กก็ไม่ใช่จะผู้ใหญ่ก็ไม่เชิง สรุปก็เข้าผับไม่ได้อ่ะเพราะเด็กเกิน มันก็เดินกันตามถนนนั่นแหละ จริงๆถ้าเป็นตอนปกติเอิงก็คงรื่นรมย์อยู่อ่ะนะ เพราะอากาศก็โอเคไม่หนาวเกิน แล้วทิวทัศน์st.louisตอนกลางคืนก็สวยดีแม้แสงสีจะแพ้กรุงเทพก็ตาม แต่เอิงเซ็งไปแล้วอ่ะ แมร่งงง บ้าบอคอแตกที่สุด เอิงบอกว่าเอิงหิวจะไปหาไรกินมันก็ยกขบวนกันมาทั้งฝูงประมาณ9คนได้ แล้วก็เดินกันไปเรื่อยๆสรุปกับถามไปถามมาอยู่นั่นแหละว่าจะกินไร คือเอิงอ่ะแค่หิวแล้วก็กินไรก็ได้ แต่มันทำเป็นเรื่องใหญ่โตอ่ะเหมือนเอิงมาขัดขวางทางสนุกของมัน สรุปเดินๆไปเจอฮอตดอกข้างทาง เออ กรูกินนี่ก็ได้วะมันจะได้เลิกถามซักที ประมาณว่าไม่มีจุดหมายไม่รู้จะทำไรอ่ะแค่อยากเดินฆ่าเวลา แถมเดินไปก็แซวคนที่เดินผ่านไปมา พูดจาเสียงดังไร้ซึ่งสกุลรุนชาติไม่มีสมบัติผู้ดีที่สุด เอิงรับไม่ได้มากๆค่ะ ประมาณว่ามันทำไรก็ขัดหูขัดตาไปหมด แต่จะกลับก็กลับไม่ได้เพราะเอิงมารถเพื่อน ครั้นจะให้มันไปส่งกลับบ้านก่อนก็กลัวว่าจะโดนเลิกคบก่อนวัยอันควร เอิงก็อ่ะทนๆไป พยายามเดินห่างๆหวังว่าคนจะไม่รู้ว่าเรามากะมัน แต่ก็ไม่เป็นผลหรอกเพราะที่นี่คนมันไม่ได้พลุกพล่านเหมือนบ้านเรา เดินห่างกันสองเมตรก็ยังรู้ว่ามาด้วยกัน เบื่อมากๆอ่ะ เดินไปก็สงสารตัวเองไปว่าทำไมตรูต้องมาเดินกะอ้ายอีพวกนี้ด้วยเนี่ย แต่ก็ไม่ใช่ว่าวัยรุ่นที่นี่จะเลวร้ายกกันซะหมดนะ เพราะเอิงก็เพิ่งรู้จักอีกลุ่มนี้เป็นกลุ่มแรก แล้วเอิงดูแล้วว่าพวกนี้ออกแนวเด็กมีปัญหาอ่ะ สรุปให้เสร็จสรรพค่ะ เอิงชอบตัดสินคนจากภายนอก555 แล้วมันก็เดินไปเดินมาทำโน่นทำนี่ที่เอิงไม่ได้สนุกด้วยเลยซักกะอย่างจนตีสองอ่ะ แล้วก็กลับบ้าน เอิงนอนค้างที่บ้านเพื่อนเพราะวันอาทิตย์ก็จะไปเจอกะเพื่อนอีกคนนึงกัน เอิงสาบานกะตัวเองเลยว่าจะไม่ยอมไปไหนกะใครง่ายๆอีกแล้วถ้าไม่รู้ว่ามันมีโปรแกรมเป็นยังไงแล้วมีใครไปด้วยบ้าง เอิงไม่ชอบคบคนเด็กกว่าอ่ะ เออ ถ้าเด็กแล้วทำตัวเป็นเด็กมันก็ดีอ่ะนะ หรือเด็กแต่คุยกันได้ก็โอเค แต่นี่อะไรอ่ะ รับไม่ได้ค่ะ ปกติเอิงจะไม่แสดงออกถึงความเบื่อแม้ว่าเอิงจะเบื่อก็ตามเพราะเอิงก็ไม่อยากให้คนที่ไปด้วยเค้ารู้สึกเบื่อตามไปด้วย แต่สำหรับกรณีนี้เอิงไม่สนแล้วอ่ะ ตูเบื่อ ง่วง ไม่หนุก อยากกลับบ้าน เอิงว่ามันคงเกลียดเอิงพอๆกับที่เอิงเกลียดมันอ่ะ ช่างมันฉันไม่แคร์ เจอกันครั้งเดียวโว้ยชาตินี้ สรุปวันเสาร์ผ่านไปแบบไร้ค่าที่สุด รู้อย่างงี้นอนอยู่บ้านดีกว่า อย่างน้อยก็ไม่ต้องมาอารมณ์เสียกับเด็กบ้าพวกนี้ อ่ะ ต่อมาวันอาทิตย์ค่ะ วันนี้เวลาเร็วขึ้นชั่วโมงนึง เค้าเรียกว่า day light saving คือเราต้องปรับนาฬิกาให้เร็วขึ้นชั๋วโมงนึงทั้งประเทศอ่ะ เพราะมันเข้าหน้าสปริงดึ๋งดั๋งแล้วก็จะมืดช้าลง ที่นี่เค้าจะปรับกันปีละสองครั้ง ครั้งนี้แล้วก็อีกครั้งในฤดูอะไรซักอย่างแถวๆปลายปีอ่ะค่ะ วันนี้ก็อย่างที่บอกคือจะไปเจอเพื่อนอีกคนที่เป็นออแพร์ที่ไปเรียนด้วยกันอ่ะแล้วเค้าก็ชวนออแพร์อีกคนที่อยู่ในst.louisไปด้วย กะว่าจะไปกินพิซซ่าหน้าไทยกันในst.louis เตรียมตัวกันตั้งแต่เที่ยงค่ะแต่กว่าจะได้กินก็เกือบหกโมงเย็น เนื่องจากรอกันไปรอกันมา นังพวกเด็กกลุ่มนั้นไปด้วยอีกแล้วอ่ะ เบื่อจริงๆทำไมนังเพื่อนเอิงคนนี้มันต้องกะเตงอีกลุ่มนี้ไปด้วยทุกงานก็ไม่รู้ แถมไม่ได้ถามความสมัครใจกันเลยนะ หรือว่าเรามันแล้ง น้ำใจเองหว่า เออ ยอมรับว่าแล้งน้ำใจก็ได้ ก็คนมันไม่ชอบนี่หน่า แต่ก็ไม่แย่ทำเมื่อคืนเพราะเรามีพวกแล้ว คราวนี้มีเอิงมีคนให้คุยด้วยแล้วทุกอย่างเลยดีขึ้นหน่อย แถมได้กินอาหารไทยยิ่งอารมณ์ดีเขาไปใหญ่ เลยไม่สนใจนังเด็กพวกน้้นค่ะ มันก็ลองกินอาหารพิซซ่าหน้าไทยๆกันดู แต่ไม่ชอบอ่ะทำหน้าตาแปลกๆ เออดี มันไม่กินก็เสร็จพวกเอิง สุดท้ายพวกนั้นก็แยกย้ายไปค่ะ เพราะเค้ามากันเป็นคู่ๆเค้าคงอยากไปกุ๊กกรู๋กันอ่ะ มันก็ไปกินไอติมไรของมันเรื่อย เอิงกะเพื่อนอีกออแพร์ก็แยกไปเดินเล่นตามประสาคนมีอายุค่ะ จริงๆมันก็เหมือนเมื่อคืนอ่ะนะ คือเดินไปเรื่อยยังไม่รู้ว่าจะทำไร แต่ขอให้ได้เดินกะคนที่คุยเรื่องเดียวกันอะไรๆมันก็ดีขึ้นแล้วอ่ะ แล้วพวกเอิงก็ไม่ได้บ้าไปทักคนเดินตามท้องถนนด้วย วันนี้ไปเดินแถวถนนนึงในst.louisอ่ะ ชอบ มีร้านรวงเยอะดีแต่วันอาทิตย์พวกร้านขายของปิดกันหกโมงอ่ะไม่รู้ทำไมเหมือนกัน แล้วก็ไปนั่งกินเค้กกันอย่างสงบๆค่ะเป็นบาร์แต่ก็ไม่ได้ขายเฉพาะเหล้า มีทุกอย่าง ก็คุยกันไปเรื่อยจนถึงเวลาอันสมควรก็ได้กลับบ้าน แต่เนื่องจากรถเพื่อนรุ่นน้องที่นั่งกันมามันแยกไปแล้วอ่า เลยต้องนั่งรถไฟกลับกันเอง ลำบากไปหน่อย นานโคตรๆแต่ก็สนุกดี นั่งรถไฟเป็นแล้วโว้ย ดีใจเอ๊ยดีใจจัง ต้องนั่งมาลงสถานีที่โรงเรียนแล้วก็ขับรถกลับบ้าน เฮ้อ จะไปเที่ยวทีมันต้องทรหดอดทนขนาดนี้เลยนะเนี่ย จบแล้วอ่ะวันหยุดแบบสุขๆเซ็งๆ อาทิตย์หน้าว่าจะไปst.louisกะเพื่อนออแพร์ที่เพิ่งเจอกัน ใจง่ายจังเลยอ่ะ เจอกันแค่วันเดียวก็จะไปกะเค้าซะแล้ว เอาล่ะแล้วจะมาอัพเดตกันอีกทีนะคะ




 

Create Date : 09 มีนาคม 2552    
Last Update : 9 มีนาคม 2552 11:54:50 น.
Counter : 203 Pageviews.  

เย้ ในที่สุดก็มีคนคบ

อัพบล็อกประจำสัปดาห์ค่ะ เมื่อวันเสาร์อาทิตย์ที่ผ่านมาไปช็อปทั้งสองวันเลย ตังค์เติงกระจายหมด เริ่มจากวันเสาร์ไปห้างที่st.louisค่ะ อันที่บอกว่าหรูหราอ่ะ ไปกับโฮสต์มัมและเด็กว. โฮสต์มัมเธอจะไปใช้ตังค์ค่ะ มีเยอะจัดต้องใช้ๆบ้างเดี๋ยวเงินบูด ส่วนนังออแพร์คนนี้เงินไม่มีแต่ก็อยากใช้ ก็เข้าร้านโน้นออกร้านนี้ไปเรื่อยค่ะ สรุปเอิงได้กางเกงมาตั้งตัวนึง ไม่อยากพูดถึงราคาอ่ะ มันชีช้ำดันไปซื้อที่ร้านโปรดโฮสต์มัมสุดไฮโซราคาก็เลยอัพตามความไฮโซ พอๆไม่อยากพูดถึง มันป๊วดใจ๋ เดินได้ไม่นานอ่ะเพราะห้างใกล้ปิดแล้ว แหมก็เล่นไปซะเย็น เอิงรอจนเหงือกแห้ง เสร็จแล้วก็ไปกินอาหารอิตาเลี่ยนกันค่ะ(ไฮโซป่ะหล่ะ) โฮสต์จ่ายตามเคยค่ะ แต่ร้านอาหารที่นี่หรูๆทั้งนั้นเลยนะแต่ราคาก็ไม่ได้ต่างกับร้านทั่วไปเท่าไหร่เลยเพราะว่าร้านธรรมดามันก็แพงพอกัน วันอาทิตย์ไปช็อปต่อกะเพื่อนคนไทยที่เล่าให้ฟังบล็อกที่แล้วอ่ะค่ะ ก็ได้คุยกันมากขึ้น น่ารักดีค่ะนิสัยดีแต่อยู่ไกล๊ไกลอ่ะ ไปหากันทีน้ำมันหมดไปเกือบครึ่งถัง(ไม่ถึงหรอก แต่ก็ใกล้เคียงอ่ะ) ก็ไปมอลล์กันค่ะอันนี้เป็นมอลล์ที่เอิงเคยไปมาแล้ว อันนี้ดีหน่อยไม่ค่อยไฮเท่าไหร่ พอจะซื้อได้มากกว่าหนึ่งตัวหน่อย ได้มาพอเป็นกระสัย เพื่อนๆทีไปด้วยก็น่ารักมาก เห็นเอิงออกแนวไม่รู้เรื่องรู้ราวเค้าก็พาไปร้านโน้นออกร้านนี้กันจนห้างปิด ห้างที่นี่วันอาทิตย์ปิดหกโมงอ่ะ จะรีบปิดไปไหนก็ไม่รู้ เสื้อผ้าที่นี่ก็ใช่ว่าจะสวยเลย เดินไปก็นึกถึงตลาดบ้านเรา สวยกว่าแถมถูกกว่าด้วย ได้เสื้อมาสามตัวราคารวมกันยังไม่ได้ครึ่งของกางเกงตัวเมื่อวานเลยอ่ะ พอๆเลิกเสียดายได้แล้ว ออกจากมอลล์ก็ไปกินข้าวกันที่บ้านเพื่อนค่ะ จริงๆเค้าเด็กกว่าเอิงตั้งหลายปี แหะๆ บ้านเค้าเป็นร้านอาหารไทย โอ้โห เข้าไปในครัวนี่นึกว่าอยู่เมืองไทยอ่ะคนไทยทั้งนั้น เลยได้กินอาหารไทยมื้อใหญ่ อิ่มจังตังค์อยู่ครบ 555 โน่นกว่าจะกลับถึงบ้านปาเข้าไปเที่ยงคืนกว่า บอกแล้วว่าไกล เออ เกือบลืมโม้ วันอาทิตย์ทำข้าวเหนียวสังขยากินด้วยแหละ อร่อยอีกแล้วจ้า เหมือนที่เค้าทำขายกันเลยนะจะบอกให้ แต่ช่วงนี้กะลังควบคุมอาหารอ่ะกินเยอะไม่ได้ ผ่านมาสามวันแล้วยังไม่หมดเลย คนอื่นในบ้านก็คงไม่กล้ากินเพราะดูหน้าตาเละเหลือเกิน(ผ้าขี้ริ้วห่อทองนะยะ) พูดถึงเรื่องลดน้ำหนัก ที่ฮึดมาลดช่วงนี้ก็เพราะได้เจอเพื่อนคนไทยเนี่ยแหละ เพราะปกติอยู่กับฝรั่งเค้าก็บอกว่าเอิงแบบskinny เราก็เชื่อคนง่ายไง ก็พาลคิดไปว่าชั้นเนี่ยskinnyจริงๆ จนลืมไปว่าก่อนมาก็อวบเข้าขั้นแล้วมานี่น้ำหนักขึ้นอีกแล้วแกจะไปเป็นskinnyได้ไง เลยเปลี่ยนใจกลับมาใช้มาตรฐานคนไทยค่ะ เพื่อนเอิงนี่คนนึงก็หุ่นดีสลิมเชียวเพราะเธอทั้งควบคุมอาหารแล้วก็ไปยิมบ่อยๆ อีกคนตัวประมาณเอิงน้ำหนักก็พอๆกันแต่เค้าอึ๋มอ่ะ น้ำหนักไปลงนมเยอะส่วนอื่นก็เลยเล็กกว่าเอิง ไม่เอาอ่ะ ไม่อยากอ้วนอยู่คนเดียว ขอลดให้ได้เท่าน้ำหนักตอนอยู่เมืองไทยก็ยังดีเนอะ อ่ะเสาร์อาทิตย์ผ่านไปอย่างรวดเร็ว วันจันทร์ก็กลับมารบรากันต่อก็เรื่อยๆอ่ะไม่มีไร แต่ช่วงนี้มีแต่เรื่องเสียตังค์อ่ะ เมื่อวานเพิ่งสั่งซื้อทอล์กกิ้งดิกด้วยหวังว่าจะช่วยสร้างบรรยากาศรักการอ่านให้หน่อย วันนี้ก็เพิ่งไปโคห์ลมา (มันเขียนว่า Kohl อ่ะ)เป็นห้างที่ขายแต่เสื้อผ้ารองเท้ากระเป๋า คือแบบน่าเดินสุดๆ อยู่แถวบ้านด้วยผ่านไปผ่านมาบ่อยๆแต่ไม่เคยเข้าเพราะโฮสต์ไม่เคยพูดถึงเอิงเลยนึกว่าไม่มีไร แต่ลืมนึกไปว่าโฮสต์มัมเธอไฮเกินกว่าจะมาเดินห้างบ้านๆค่ะ วันนี้เลยได้ฤกษ์ไปกับแม่โฮสต์มัมขาช็อป โอ๊ย ละลานตาไปหมด ไม่ใช่เสื้อผ้านะ ป้ายเซลส์ตะหาก เห็นป้ายแดงๆเป็นไม่ได้อ่ะ โดนดูดทุกที แต่วันนี้มีเด็กว.ไปเป็นมารผจญอีกแล้วเลยเดินได้ไม่นานเพราะเธอง่วงและหิว ลดถูกๆๆๆมากๆของก็เยอะดีใช้ได้ เอิงดูผ่านๆของก็สวยดีอ่ะค่ะ เสาร์อาทิตย์นี้แหละต้องไปสำรวจให้ละเอียดทุกซอกทุกมุม ตอนแรกเอิงกะจะหารองเท้าส้นสูงอ่ะเพราะศุกร์นี้จะไปแด๊นซ์ค่ะ วะฮ่าฮ่า ในที่สุดก็ได้ไปแล้วโว้ย ไปกะเพื่อนที่บอกว่าเด็กกว่าอ่ะ ไปกันสองคนเองไม่รู้จะเป็นไง เอิงก็แค่อยากรู้ว่าวัยรุ่นที่นี่เค้าเที่ยวกันยังไงเท่านั้นเอง ไปดูเป็นประสบการณ์ค่ะ แต่เอิงก็ไม่หวังไรมากเพราะเพื่อนที่เป็นออแพร์ไทยบอกว่าเค้าเคยไปครั้งนึงแล้วไม่ค่อยชอบเพราะมันไม่เหมือนเมืองไทย นี่ขนาดไม่หวังนะเตรียมเสื้อผ้าเรียบร้อยแล้ว ก็เอิงไม่ค่อยได้เอาเสื้อผ้ามาจากเมืองไทยอ่ะ รองเท้าเอามาสองคู่เอง แต่รองเท้าที่ไปหามาวันนี้มีแต่สูงๆทั้งนั้นเลย ไม่เข้าใจฝรั่งมันก็สูงกันอยู่แล้วจะใส่ให้สูงกันไปไหน คิดดูแล้วใส่ไปคงเดินไม่ได้งั้นไม่ซื้อดีกว่าเลยกลับมายืมโฮสต์มัมค่ะ เดี๋ยวไปเที่ยวกลับมาแล้วจะเล่าให้ฟังนะว่าผับวัยรุ่นจริงๆเค้าเป็นไงเพราะก่อนหน้านี้ไปกับคนแก่ตลอดเลย เออ ลืมเล่า เมื่อวานไปเรียนมาได้เจอออแพร์อีกคนแล้วแต่คนนี้มาจากบอสเนีย น่ารักดีเป็นเด็กๆแต่แหมนั่งไปนั่งมาโดนหนุ่มข้างๆชวนไปเดต(แอบฟังมาค่ะ เค้าไม่ได้เล่าให้ฟังหรอก)ชีเลยลืมเอิงหันไปนัดแนะกะหนุ่มซะงั้น อ่ะ เข้าใจๆ หมดเรื่องเล่าแล้วอ่า เจอกันบล็อกหน้าละกันนะคะ บาย




 

Create Date : 05 มีนาคม 2552    
Last Update : 5 มีนาคม 2552 12:22:07 น.
Counter : 209 Pageviews.  

ขอเล่าเรื่องที่เรียนใหม่หน่อยเหอะ ไม่มีคนให้เมาท์อ่ะ

จริงๆก็ไม่มีไรหรอกแค่อยากเล่า เพราะก็อย่างที่รู้ๆ เอิงไปเจออะไรขอให้ได้พล่ามเถอะแล้วจะสบายใจ ก็เรื่องที่เรียนใหม่ที่ไปอ่ะที่บอกว่ายากๆอ่ะ ตอนนี้เริ่มรู้จักคนมากขึ้นแล้วประมาณสามคน เยอะป่ะ สองในสามเป็นคนไทย 555 ไปไหนมาไหนเราต้องมองหาคนไทยเป็นอย่างแรกค่ะ คนนึงเป็นออแพร์เหมือนกันอายุเท่ากันแถมบ้านอยู่แถวเดียวกันอีกตะหาก(บ้านที่เมืองไทยนะ) อีกคนอายุน้อยกว่ามาอยู่นี่ได้หลายปีแล้วพูดอังกฤษคล่องแต่คงอยากพัฒนาการเขียนอ่ะเลยมาเรียนคอร์สนี้ ได้ฟังกิจวัตรประจำวันของคนที่เป็นออแพร์(ยังไม่ค่อยสนิทอ่ะ ไม่รู้เค้าอยากลงบล็อกป่าวเลยต้องเรียกชื่อย้าวยาวหยั่งงี้)แล้วรู้สึกว่าทำไมมันสบายจังวะ เด็กคนเดียว แถมไปเดย์แคร์ครึ่งวัน แล้วตรูล่ะ เด็กสี่คน(นับเฉพาะที่ต้องดูแลนะ)ไปเดย์แคร์สามชั่วโมงคนนึง ที่เหลืออยู่บ้านวันๆไม่ทำไรเอาแต่กินกะนอน แต่ก็นะ ไม่อยากเปรียบเทียบอ่ะ ของอย่างนี้ได้อย่างเสียอย่าง ว่าแต่เลี้ยงเด็กคนเดียววันละครึ่งวันมันมีข้อเสียตรงไหนวะ พอๆพิมพ์ไปก็อยากร้องไห้ไป วันนี้โดนเด็กว.ฝากรอยข่วนบนใบหน้า ก็รู้นะเด็กมันไม่ตั้งใจ คือมันจะยกมือทำอะไรซักอย่างก็ไม่รู้ รู้แต่ทะเลาะกันอยู่เอิงเลยเหมาเลยละกันว่ามันข่วนหน้าเอิง แถมเด็กว.นี่เป็นเด็กซกมกปล่อยให้เล็บยาว หน้าเป็นแผลยาวประมาณนิ้วนึงได้ ฮือๆ เอิงกะจะรอให้มีคนถามว่าหน้าไปโดนไรมาแล้วจะได้สวมบทนางเอกบอกว่าโดนเล็บน้องว.ค่ะ แต่น้องคงไม่ได้ตั้งใจ ไม่เป็นไรหรอก แต่รอร้อรอก็ไม่มีใครถาม สงสัยหน้าเรามันเยินจัดประมาณว่าถ้าไม่ใช่แผลโดนฟันเลือดตกยางออกก็คงมองไม่เห็นความแตกต่าง ตอนเห็นแผลนะโกรธมากๆๆๆเนื่องด้วยกองไฟมันคุกรุ่นอยู่แล้ว พอมีสะเก็ดไฟเข้าไปหน่อยเพลิงก็ลุกโชติช่วงชัชวาล เอิงเคืองมันมากๆเลยอ่ะ ภายในเวลาสองชั่วโมงรู้สึกเอิงจะบอกมันว่ามันข่วนหน้าเอิงประมาณสามสิบกว่าครั้งได้ เดินไปเจอมันตรงไหนก็จ้องหน้ามันประมาณนาทีนึงแล้วบอกว่า 'You scratched my face'
เฮ้อ แล้วอย่างนี้เด็กมันคงจะรักหรอกนะ เออ ไม่รักก็ไม่ต้องรักวะ ชั้นก็ไม่รักแกเหมือนกันแหละ แบร้ มา กลับมาที่คลาสต่อ แลกเบอร์กันเรียบร้อยแล้วยังไงก็คงเจอกันอีก ส่วนคนที่สามนี่เป็นคนเกาหลีอ่ะ ดูเค้าไม่ค่อยคุยกับใครคงเพราะภาษาเค้าไม่ค่อยดี แต่เอิงเห็นเค้าแต่งตัวน่ารักดีอ่ะหุ่นดีด้วยก็เลยชวนเค้าคุย นั่น เห็นมั้ย มาอยู่นี่รู้จักชวนคนอื่นคุยได้แล้วนะ ก็ได้ความว่าเค้าอายุ21เองอ่ะ แถมมาอยู่นี่คนเดียวด้วย มาได้เดือนนึงแล้ว ไม่รู้จักใครเลยคือไม่มีเพื่อนหรือญาติพี่น้องอยู่ที่นี่มาก่อน เอิงเลยแปลกใจไงว่าแล้วทำไมเค้าเลือกมาอยู่เมืองเล็กๆอย่างนี้ ถึงมาคนเดียวแบบไม่รู้จักใครเลยอย่างน้อยก็น่าจะอยู่เมืองใหญ่ๆ ไม่รู้สิเป็นเอิงก็คงเลือกเมืองที่เอิงพอเคยได้ยินบ้างเช่น นิวยอร์ค แอลเอ ไรประมาณนี้ เอิงก็ถามเค้านะแต่ไม่รู้เค้าไม่เข้าใจคำถามเอิงหรือไม่รู้จะอธิบายยังไง สรุปเอิงก็ยังไม่ได้คำตอบอ่ะ สงสัยหลับตาจิ้มแผนที่มา แล้วเค้ามานี่เพื่อมาเรียนภาษาโดยเฉพาะเลยอ่ะ(แล้วเจ๊มาเรียนคลาสESLฟรีๆเนี่ยนะ) ไม่เข้าใจจริงๆ ไม่ได้ๆต่อมอยากรู้โดนกระตุ้นแล้ว คราวหน้าต้องถามให้รู้เรื่อง เออแล้วเค้าเล่าเรื่องน่าสนใจเรื่องนึง เค้าบอกว่าที่เกาหลีอ่ะคนจะอายุแก่กว่าอายุจริงสองปี เพราะตอนเริ่มเป็นตัวอ่อนในท้องแม่เค้าก็นับเป็นขวบนึงแล้วอ่ะ พอคลอดก็อายุสองขวบพอดี(นับไงหว่า หรือว่าคนเกาหลีท้องนาน12เดือน) แต่ก็นั่นแหละ สรุปว่าพอเกิดมาได้ปีนึงเราก็จะมีอายุปาเข้าไปสามขวบแล้ว รวดเร็วทันใจจริงๆ อย่างนี้ถ้าเราไปเกาหลีก็แก่ขึ้นตั้งสองปี ว้า ปกติก็แก่อยู่แล้วยังจะมาบวกอีกตั้งสองปีหรือนี่ นั่นแหละค่ะ คือสามคนที่เอิงคุยจนรู้ที่ไปที่มาพอจะมาเล่าได้ ส่วนคนอื่นๆก็คุยกันนิดหน่อย แต่เห็นหลายคนเหมือนกันที่แต่งงานกับทหารเมกันตอนเค้าไปประจำที่อื่นแล้วก็เลยย้ายมาอยู่ที่นี่ เพราะเมืองที่เอิงไปเรียนเนี่ยอยู่ใกล้ฐานทัพค่ะเลยมีคนต่างชาติเยอะหน่อย เออ ขอเล่าเรื่องขนมหน่อย คือเมื่อวันเสาร์ว่างจัดเลยอยากทำลูกชุบอ่ะ คือชอบแล้วเห็นมันสวยดีเด็กๆคงชอบ คิดไว้นานแล้วล่ะ ตอนไปร้านเอเชียเลยติดถั่วเขียวมาด้วยถุงนึง แถมฝากโฮสต์ซื้อวุ้นมาแล้วด้วย(คือโฮสต์จ่ายแหละค่ะ) วิธีทำก็เสิร์ชหาในบล็อกแกงค์เนี่ยแหละ วิธีทำพร้อม อุปกรณ์พร้อม เวลาก็มีเหลือเฟือ เลยจัดการซะ คือเอิงสงสัยมาตลอดเลยนะว่าถั่วมันเป็นถั่วเขียวแล้วทำไมลูกชุบมันเป็นสีเหลืองได้ไง งั้นคงต้องทำให้เปลือกมันหลุดออกใช่มั้ย แล้วทำไงล่ะ วิธีทำในบล็อกก็ไม่ได้บอกไว้อ่ะ สงสัยเค้าไว้ให้คนฉลาดทำตามเท่านั้น เอิงก็แช่ถั่วข้ามคืนก็แล้วมันก็ไม่มีทีท่าว่าจะหลุดออก ก็เลยต้มพร้อมกับตั้งความหวังไว้ว่าพอต้มไปซักพักมันคงบวมแล้วเปลือกก็ปริออกมาเอง ก็รอร้อรอ จนถั่วเริ่มนิ่มก็ไม่มีเม็ดไหนปริซักกะเม็ด เมื่อเห็นว่าถั่วคงไม่บวมไปกว่านี้แล้วก็ไม่รู้จะทำไงแล้วอ่ะเลยตักถั่วมาลองขูดๆกับตะแกรงดู เออ มันหลุดว่ะ เพราะตัวถั่วมันนิ่มมันก็ลอดออกตามช่องตะแกรงแต่เปลือกมันเหนียวกว่ามันก็ติดอยู่บนตะแกรงนั่นแหละ นั่นแน่ ค้นพบวิธีด้วยตัวเอง น่าภูมิใจจริงๆ แต่หลังจากทำไปได้สองช้อนชาก็เริ่มเมื่อยพร้อมกับเริ่มคิดได้ว่าถ้ามันลำบากขนาดนี้แล้วคนที่เค้าทำขายเค้าไม่ตั้งราคาลูกละร้อยเลยหรอ ก็เลยเริ่มคิดว่ามันคงไม่ใช่ละม้าง แต่คิดวิธีอื่นไม่ออกแล้วอ่ะ ประกอบกับเด็กคนโตที่ร่วมมือหาวิธีทำด้วยกันในตอนแรกเริ่มฉลาดขึ้นเลยชิ่งไปซะงั้น เอิงก็ไม่ไหวแระ เลยเดินไปหยิบน้ำตาลใส่ลงไปในหม้อถ้วยนึง คนๆๆๆ อ้า เสร็จแล้ว ถั่วเขียวต้มน้ำตาลของเรา คืนนั้นด้วยความอยากรู้ว่าทำผิดตรงไหนเลยพยายามเสิร์ชหาวิธีทำลูกชุบต่อ พล่ามมาตั้งนานใครรู้บ้างเอ่ย อ่ะ เฉลย คือเค้าต้องใช้ถั่วเขียวเลาะเปลือกทำตั้งแต่ต้นแล้วค่ะ สรุปแกทำผิดตั้งแต่ตอนซื้อแล้วล่ะ โง่อีกแล้ว แถมถึกอีกตะหาก ดีนะไม่ทำจนหมดหม้อ อ่ะจบดีกว่า เล่าไปเล่ามาจะเที่ยงคืนแล้วอ่ะ ยังไม่ได้แปรงฟันเลย(ไม่ต้องสงสัย ไม่ได้อาบน้ำค่ะ) 555 ช่วงนี้ขี้เกียจอ่ะ ตื่นมาล้างหน้าแปรงฟันก็พร้อมเริ่มงานได้ ตอนมาใหม่นะ แหม ตื่นล่วงหน้าชั่วโมงนึงเพื่ออาบน้ำแต่งตัวเตรียมพร้อม ตอนนี้ชินกันแล้วไม่ต้องดูดีมาก(อย่าว่าแต่ดูดีเลย ดูได้รึป่าวยังไม่รู้เลยอ่ะ) ตื่นล่วงหน้าห้านาทีอ่ะ สำหรับแปรงฟัน เอาน้ำลูบตา ไม่ล้างหน้าอ่ะเพราะกลัวถ้าล้างแล้วไม่ทาครีมเดี๋ยวหน้าแห้ง(มีการรักสวยรักงามนะคะ) เสร็จแล้วค่ะ เริ่มงานได้ แต่ๆๆๆอย่าหาว่าซกมกนะเพราะพอเด็กๆไปโรงเรียนเอิงก็มาอาบน้ำนะจะบอกให้ แค่ขอเวลานอนนานๆหน่อยได้มั้ยอ่ะ แต่ก็เต็มที่แค่นี้แหละ ไม่สามารถร่นระยะเวลาการแปรงฟันให้สั้นลงได้แล้ว ซกมกเกิ๊น อ่ะไปนอนจริงๆแล้วนะ เจอกันบล็อกหน้าเน่อ




 

Create Date : 27 กุมภาพันธ์ 2552    
Last Update : 27 กุมภาพันธ์ 2552 12:50:12 น.
Counter : 178 Pageviews.  

อ่าว..เพื่อน..ไปไหนกันหมด

วันนี้มีเรื่องใจหายค่ะเลยมาอัพบล็อกขอเล่าหน่อยเหอะ จำเบ๊ตตี้ออแพร์โบลิเวียแถวบ้านเพื่อนคนเดียวที่มีอยู่ของเอิงได้ป่าว วันนี้เพิ่งได้รับอีเมลสดๆร้อนๆจากเค้าว่า ตอนนี้อยู่บ้านที่โบลิเวียแล้วนะ ขอโทษที่ไม่ได้ร่ำลา ตึ่ง...เกิดอะไรขึ้นเนี่ย เอิงถึงกับอึ้งไปเลย ไม่มีสัญญงสัญญาณบอกกันล่วงหน้า เออ ถ้าเหมือนออแพร์บราซิลคนก่อนที่บ่นเหลือเกินว่าอยากไปจากที่นี่เอิงก็ยังพอเข้าใจ แต่นี่อะไรอ่ะ อาทิตย์ก่อนยังเพิ่งไปลงทะเบียนเรียนด้วยกันอยู่เลย แล้วจู่ๆเบ๊ตตี้ก็มาตัดช่องน้อยแต่พอตัวหนีเอิงไปซะแล้ว เมื่อวานเพิ่งไปเจอคลาสเต้นละตินเลยส่งเมลไปชวนมาเรียนด้วยกัน แล้วนี่เอิงก็อดไปล่ะสิ(ที่แท้แกก็ห่วงตัวเองนี่เอง) แต่เอิงสันนิษฐานว่าน่าจะมาจากสาเหตุที่ไม่ใช่เล็กๆนะ เพราะเค้ากลับบ้านไปเลยอ่ะ ไม่มีการรีแมชหรือรออะไรเลย แหม จะมีเรื่องให้มันส์ๆให้เม้าท์รึปล่าวเนี่ย(อุ๊ย เผยธาตุแท้ซะแล้วเรา) แต่จริงๆก็แอบเป็นห่วงนะเพราะไม่รู้ที่บ้านที่โบลิเวียเค้ามีใครเป็นไรรึป่าวเห็นบอกว่าพ่อแก่มากๆแล้วด้วย เฮ้อ ส่งอีเมลไปถามแล้วแต่ก็ไม่รู้จะได้คำตอบเมื่อไหร่เพราะบ้านเค้าไม่มีเน็ตใช้อ่า แล้วถึงเค้าตอบกลับมาแล้วเค้าจะเล่าเรื่องสาเหตุที่กลับบ้านป่าวไม่รู้ (ยังอยากรู้เรื่องชาวบ้านไม่จบไม่สิ้น) โอ๊ย แล้วหยั่งงี้เอิงจะไปเรียนกับใครล่ะเนี่ย เศร้าใจจริงๆมีเพื่อนกะเค้าหนึ่งคนก็ดันหนีกลับบ้านไปซะนี่ พูดไปก็สงสารเค้านะเพราะกลับบ้านแบบฉุกละหุกแบบนี้คงไม่ใช่เรี่องดีแน่ สู้ต่อไปเบ๊ตตี้(อ่ะ เป็นคนดีอีกแล้ว)
มาอัพเดตประจำสัปดาห์กันดีกว่า ไม่มีเรื่องเล่าอ่ะ เสาร์อาทิตย์ไม่ได้ไปไหนเลย แกร่วอยู่บ้าน จริงๆวันอาทิตย์มีมีทติ้งออแพร์ด้วยแหละแต่เอิงไม่ได้ไปอ่ะ คือเค้าไปโยนโบล์วกันแล้วเอิงก็นะ ขอให้เป็นกีฬาเหอะไม่เอาใดๆทั้งสิ้น คิดว่าไปแล้วคงไม่หนุกก็เลยไม่ไปดีกว่าแต่ถ้าไปก็อาจรู้เรื่องเบ๊ตตี้เร็วขึ้นหน่อยก็ได้ แต่รู้ไปก็เท่านั้นอ่ะยังไงๆเค้าก็ไปแล้ว เมื่อคืนวันเสาร์พ่อแม่โฮสต์มัมมาค้างที่บ้านค่ะเพราะโฮสต์มัมออกไปดินเนอร์กะโฮสต์แด็ดฉลองวันเกิด ก็เลยมีปาร์ตี้พิซซ่าเล็กๆกัน คือหาเรื่องกินว่างั้น ฟาดไปสามชิ้นต่อด้วยข้าวหนึ่งจานค่ะ(มื้อเดียวนะนั่น) กินไปก็ดูทีวีไป พอดีมีรายการนึงอยู่ช่องfood networkเค้ามาถ่ายที่ประเทศไทยคอนเซ็ปต์รายการก็ประมาณว่าพิธีกรตระเวนไปกินอาหารแปลกๆตามประเทศต่างๆอ่ะค่ะ อื้อหือ ทั้งเด็กๆทั้งพ่อแม่โฮสต์ ดูกันไปก็อิ๊วอ๊าวกันไป คือรายการเค้ามาเน้นที่การกินแมลงของคนไทยอ่ะ แหม ทำเป็นหยะแหยง แมลงมีโปรตีนมีประโยชน์กว่าจังค์ฟู้ดอีกนะยะ ส่วนวันอาทิตย์ไม่มีไรค่ะอยู่บ้านเหมือนเดิม ทำมัฟฟินชาไทยหลังจากช่วงนี้งดทำขนมมานานเพราะน้ำหนักขึ้นจัด(ได้ข่าวว่าก็ยังคงกินขนมฝีมือคนอื่นอยู่) ทำง่ายอร่อยด้วย ไม่ถึงครึ่งชั่วโมงเลย ตอนคืนวันอาทิตย์มีงานออสการ์ค่ะ โฮสต์มัมเธอเป็นคนติดตามข่าวบันเทิง(โอ๊ย คอเดียวกัน) ก็เลยนั่งดูด้วยกัน ช่วงนี้อะไรๆก็ออสการ์ค่ะถึงจะผ่านไปแล้วแต่รายการทั้งหลายแหล่ก็ยังคงเมาท์เรื่องเครื่องแต่งกายดารากันอีกหลายวัน วันนี้บล็อกสั้นอ่ะ เพราะเสาร์อาทิตย์อยู่บ้าน เฮ้อ พรุ่งนี้ต้องไปเรียนคนเดียว ไม่อยากเลยอ่า ไกลก็ไกล นานก็นาน แถมไม่หนุกอีกตะหาก
หมดเรื่องโม้แล้วแต่มีรูปตอนไปงานตระเวนกินที่ซูลาร์ดเมื่ออาทิตย์ที่แล้วมาค่ะ














 

Create Date : 24 กุมภาพันธ์ 2552    
Last Update : 24 กุมภาพันธ์ 2552 9:56:04 น.
Counter : 165 Pageviews.  

เอารูปเด็กแฝดมาให้ดู

อัพเดตเรื่องเด็กแฝดหน่อย ตอนนี้เริ่มอ้วนท้วนสมบูรณ์ทัดเทียมกับชาวบ้านชาวช่องเค้าแล้วค่ะ ก็เลยไม่ต้องทะนุถนอมกันมากมายแล้ว เริ่มอุ้มแบบเล่นท่าได้ละ 555 ล้อเล่งน่าใครจะไปทำอย่างนั้นกับลูกคนอื่น แต่ก็หายเกร็งแล้วล่ะ สบายมากตอนนี้เปลี่ยนผ้าอ้อมเร็วที่สุดในบ้านเลยล่ะ(ใครรู้บ้างเค้ามีทำสถิติเปลี่ยนผ้าอ้อมป่าวหว่า กะจะไปทำลายสถิติซะหน่อย) แฝดสามคนหน้าตาไม่เหมือนกันซักกะคน เอิงมีคนโปรดด้วยแหละ อ้วนสุดเลย(เฉพาะหน้านะ) หน้าใหญ่ว่างั้น ถ้าดูในรูปก็คนซ้ายอ่ะค่ะ ชอบทำปากจู๋สงสัยอยากโดนจุ๊บแน่เลย แต่คนขวาก็น่ารักนะ ไม่ค่อยร้องชอบทำหน้าตาน่าสงสารประมาณว่าเก็บอารมณ์ไว้อ่ะ ไม่อยากให้ใครเห็นน้ำตา ว่าไปนั่น ส่วนแฝดชายก็น่ารักดีเหมือนกัน หน้าตาตลกๆออกแนวเอลฟ์ ไม่มีรูปมาลงเพราะตอนถ่ายร้องไห้จ้าเลยโดนตัดออกจากเฟรมซะเลย สมน้ำหน้า อดลงบล็อกเลย พอๆ จบเรื่องลูกชาวบ้าน มาเล่าเรื่องตัวเองดีกว่า
จริงๆก็ไม่มีไรหรอกค่ะ แค่ย้ายไปเรียนที่ใหม่แล้วแต่ก็ยังเป็นคอร์สESLเหมือนเดิม หลังจากที่บ่นมานานว่าที่เก่าง้ายง่าย อาจารย์ที่นั่นก็เลยแนะนำให้มาเรียนที่ใหม่เนี่ยแหละ เพิ่งไปมาได้สองครั้ง อื้มมม ยากสมใจนึก เพราะอันนี้จะเน้นแนวแกรมม่าไวยกรณ์เป็นหลักอ่ะค่ะ ประมาณว่าแบบนี้ใส่คอมม่าได้ แต่ถ้าเป็นแบบนี้ต้องใส่เซมิโคล่อน คำนี้ต้องใช้ตัวใหญ่แต่ถ้าใช้อีกแบบต้องเป็นตัวเล็กอะไรเยี่ยงนี้ เยอะแยะมากมาย ไวยากรณ์ภาษาอังกฤษเรียนไม่รู้จบอ่ะ เอิงถามโฮสต์ว่าคนเมกันมีพูดผิดไวยกรณ์บ้างมั้ย โฮสต์บอกว่าก็มีบ้างค่ะ คนที่นี่เรียนไวยากรณ์กันจนจบมหาล้ยอ่ะเพราะมันเยอะจริงๆ กลับมาที่คลาสเอิงต่อ รู้สึกว่าคนในคลาสเก่งกว่าเอิงหมดเลยอ่ะ แงๆรู้สึกอับอาย เวลาอาจารย์ให้แต่งประโยคนะ แต่ละคนงัดดิกมาหาศัพท์ประชันกันสุดฤทธิ์ ส่วนเอิงดิกก็ไม่มี ศัพท์ในหัวก็เก่าเก็บมาตั้งแต่สมัยม.ปลายก็ได้แต่แต่งประโยคบ้านๆอ่ะค่ะ สั้นก็สั้นง่ายก็ง่ายขอโทษนะที่ไม่ได้เป็นตัวแทนชาวไทยที่ดี แถมไปสายตลอดอ่ะ ก็แหม ถามโฮสต์ โฮสต์ก็บอกว่าใกล้ แหมสงสัยใช้หน่วยกิโลแม้วมาวัด ระยะทางประมาณห้าสิบกิโลอ่ะ อย่างเงี้ยแหละแถวนี้มันชนบท อะไรๆก็ไกลเป็นปกติ แถมเอิงไปตอนมืดอ่ะ ไม่เห็นทางเลยเพราะแถวนี้ไม่มีไฟถนนค่ะ ฮือๆกันดารอีกแล้ว ขนาดไปครั้งที่สองแล้วก็ยังตื่นเต้นค่ะ กลัวขับไปชนหลักกิโล(ว่าแต่ที่นี่เค้ามีหลักกิโลด้วยหรอ เอ๊ะ หรือเค้าใช้หลักไมล์)และก็คงจะตื่นเต้นไปเรื่อยๆจนกว่าจะรู้ทางด้วยตัวเอง เพราะทุกวันนี้ไปไหนมาไหนกับจีพีเอสอ่ะ เหมือนคนตาบอดเดินไปเรื่อยๆเดี๋ยวก็มีเสียงบอกให้เลี้ยวซ้ายเลี้ยวขวาทางข้างหน้าก็ไม่รู้เป็นไง เพราะฉะนั้นถ้าเอิงโดนรุมบีบแตรอีกก็ไม่ใช่ความผิดเอิงนะ พูดถึงเรื่องบีบแตร วันนี้โดนอีกแล้วอ่ะ ก็ใครมันจะไปรู้ล่ะว่าต้องรอให้เป็นลูกศรเขียว เอิงเห็นคันข้างหน้ามันไปได้เอิงก็ไปตามเพราะมันก็เป็นไฟเขียวหนิ แล้วมันจะมีทั้งไฟเขียวทั้งลูกศรเขียวทำไมเนี่ยฮะ แต่ยังดีโดนบีบแค่คันเดียวเลยไม่ค่อยเสียใจเท่าไหร่ เออ นึกขึ้นได้มีเรื่องขำๆ(ขำสำหรับเอิงคนเดียวรึป่าวไม่รู้นะ)คือวันแรกที่ไปอ่ะ เอิงไปกับเบ๊ตตี้ตอนเดินๆอยู่ชีก็ไปแอบดูห้องเรียนนึงค่ะ ซึ่งเค้าก็เรียนกันอยู่ วิชาอะไรก็ไม่รู้ด้วย ชีก็บอกเอิงว่า เนี่ยเรามีความคิดดีๆถ้าอาจารย์เค้าไม่เช็คชื่อนะ เราก็แอบไปนั่งเรียนกะเค้าได้ ไม่มีใครรู้หรอก แหมเจ๊ เค้าไม่รู้เลยนะเนี่ย เราสองคนเนี่ยนอกจากจะแปลกหน้าแล้วยังหน้าแปลกอีกตะหาก ห้องเค้าก็เล็กติ๊ดเดียวอยู่ดีๆมีหัวดำๆสองคนเข้าไปเรียนเค้าจะจำไม่ได้เลยหรอ คิดไปด้ายยย เธอก็บอก เออ ลืมไป ขอจบแบบห้วนๆละกัน ง่วงแระ ปิดท้ายด้วยรูปน้องแฝดค่ะ








 

Create Date : 20 กุมภาพันธ์ 2552    
Last Update : 20 กุมภาพันธ์ 2552 12:43:51 น.
Counter : 307 Pageviews.  

1  2  3  4  5  6  7  8  9  

wowerng
Location :


[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed

ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




Friends' blogs
[Add wowerng's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.