บ่นไปเรื่อย ก็เรามันคนขี้บ่น
Group Blog
 
All blogs
 
ทริปล่าสุด ชิคาโกเมืองในฝัน

หายไปนานนนน... ระหว่างนี้มีเรื่องให้บ่นมากมายตามประสาคนหาเรื่องบ่นได้เสมอ แต่มันเยอะเกินไม่รู้จะเล่าตรงไหนดีเลยเปลี่ยนใจมาเล่าเรื่องไปเที่ยวให้ฟังดีกว่า ล่าสุดเอิงไปชิคาโกมา อยู่รัฐเดียวกะบ้านเอิงแหละไม่ไกลมากเลยนั่งรถบัสไป แค่6ชั่วโมงเอ๊ง เล่นเอาตรูดระบมไปตามๆกัน แล้วก็ตามเคยค่ะ ไม่เคยเล้ยที่จะถึงที่หมายแบบราบเรียบปกติธรรมดาเหมือนชาวบ้านเค้าต้องมีเรื่องให้เสียวอยู่เรื่อย แต่คราวนี้ไม่รู้จะโทษความซวยที่ติดตัวมาหรือความฉลาดน้อยก็ไม่ทราบเหมือนกัน อ่ะ จะเล่าให้ฟัง คือรถบัสเนี่ยจะออกจากที่นี่ตีหนึ่งเศษๆแล้วเอิงกะเพื่อนก็ต้องไปถึงสถานีซักตีหนึ่ง อันนี้ตามที่ตั๋วบอกมาอ่ะนะ แล้วเอิงกะเพื่อนอีกคนนึงก็เลยกะไปด้วยกันด้วยการนั่งรถไฟฟ้าจากบ้านนอกคอกนาของเราไปยังสถานีรถบัสในเซ็นต์หลุยส์เพราะไม่อยากขับรถดึกๆแล้วก็จะได้ไม่ต้องเสียค่าที่จอดด้วย ก็นัดกันซะดิบดีเจอกันเที่ยงคืนสิบห้าบนรถไฟนะ เราก็อ่านตารางเวลารถไฟวิ่งอย่างมั่นใจ เอิงไปถึงสถานีก่อนเวลารถไฟมาเกือบชั่วโมงอ่ะคือกลัวตกรถเดี๋ยวอดไปเที่ยวว่างั้น ก็นั่งรออยู่ในรถค่ะ ไม่กล้าออกไปนั่งที่สถานี มันดึกแล้วอ่ะ ระหว่างนั่งรอในรถมีเรื่องหยองๆเกิดขึ้นค่ะ คือเอิงนั่งอ่านหนังสืออยู่แล้วก็เปิดกระจกรถนิดนึงกันตาย เลยได้ยินเสียงเหมือนคนรดน้ำอยู่ใกล้ๆ ด้วยความที่เป็นคนมองโลกในแง่ดีก็ไม่ได้สนใจอะไรคิดว่ามีคนเทน้ำออกจากขวดมั้ง ผ่านไปซักพักก็ยังได้ยินอยู่แถมใกล้ขึ้นด้วยเลยเริ่มสงสัยแล้วว่าขวดอะไรมันใหญ่นักหนาวะเทไม่หมดซักที สงสัยจะเป็นกระติกไม่ใช่แค่ขวด ด้วยความสงสัยเลยเงยหน้าขึ้นไปมองขนาดกระติก โอ้แม่เจ้า สยองลูกกะตามากๆ มันไม่ใช่กระติกน่ะสิคะ ที่มาของน้ำก็คือหนุ่มใหญ่วัยกลางคนสองคนจากรถคันข้างๆ คือลุงช่วยไปที่ลับๆหน่อยได้ป่ะ ถึงมันจะดึกแล้วแต่มันก็ไม่สมควรที่ลุงจะมาทำร้ายเด็กตาดำๆด้วยวิธีนี้นะลุง เฮ้อ ซวยตั้งแต่ยังไม่ได้ออกเดินทาง เอิงเลยรีบหลบเลยค่ะ กลัวว่าเดี๋ยวลุงเห็นแล้วแกจะอาย พอใกล้เที่ยงคืนก็เดินไปกดซื้อตั๋ว ไม่มีคนเลยอ่ะ น่ากลัวมาก แต่ยังดีมีเจ้าหน้าที่อยู่คนสองคน ก็เห็นเค้ามองๆเอิงเหมือนอีนี่เป็นใครเนี่ยมาขึ้นรถไฟเอาป่านนี้ เอิงเลยเดินไปคุยกะเค้าจะได้รู้ว่าตรูเป็นคนนะไม่ใช่ผี ก็ถามอะไรคำสองคำเสร็จแล้วเอิงก็มานั่งรอรถ(เผื่องงว่าทำไมไม่มากะเพื่อน คือเพื่อนขึ้นสถานีก่อนเอิงค่ะแล้วค่อยมาเจอกันบนรถไฟ) นั่งได้ซักพักใหญ่ๆเจ้าหน้าที่คนนึงเดินมาบอกว่ารถหมดตั้งแต่เที่ยงคืนแล้ว ป๊าด แกไม่รอให้เช้าแล้วค่อยมาบอกเลยล่ะ คือไม่เข้าใจว่าความรู้สึกช้าหรือเค้าเข้าใจว่าเอิงจะรอขึ้นรถขบวนเช้าอยู่ก็ไม่รู้นะ ขณะกำลังนั่งช็อกอยู่ก็เห็นเพื่อนนั่งรถผ่านไปต่อหน้าต่อตาแถมโบกมือหย็อยๆให้เอิงด้วย เอาเข้าไป มันดันนั่งรถเลยอีก ตอนนั้นคิดอย่างเดียวว่าเหลือเวลาอีกสี่สิบนาทีจะไปถึงสถานีรถบัสทันมั้ยเนี่ย ทางไปก็ไม่รู้ตรูจะทำไงดี แล้วต้องรอนังเพื่อนนั่งรถกลับมาอีก ก็เลยถามทางไปสถานีจากคุณเจ้าหน้าที่ความรู้สึกช้า ฮีก็บอกกว้างเหลือเกินบอกให้หาทางออกตรงถนนนึงแล้วจากนั้นก็จะเจอเอง เอาวะ ทำไงได้ เดี๋ยวคลำๆหาเอาก็ได้ อ่ะ เพื่อนนั่งรถกลับมาแล้ว เหลือเวลาอีกไม่ถึงสามสิบนาที ตรูจะตกรถมั้ยนี่ ก็เหยียบกันไปเต็มที่ยังดีที่สถานีมันอยู่ข้างฮาร์ดร็อกคาเฟ่เลยเห็นป้ายฮาร์ดร็อกแต่ไกลเราก็ตามป้ายไปจนถึงที่ค่ะ ไปถึงสถานีแล้วมีปัญหาอีก แล้วตรูจะจอดรถตรงไหนล่ะเนี่ย จะจอดข้างถนนมันก็ตั้งสองวันกลัวโดนยกไปซะก่อนแต่สุดท้ายก็โทรถามแฟนเพื่อนอีกคนนึงเลยพากันไปหาที่จอดได้ในที่สุดค่ะ เฮ้อ ถึงสถานีรถบัสโดยสวัสดิภาพทันเวลาด้วย ก็เดินไปยืนรอรถบัส คุยกันก็แล้ว เดินเอาของไปเก็บที่รถก็แล้ว นั่งก็แล้ว ก็ยังไม่มีวี่แววของรถ รอไปรอมาจากกำหนดการรถออกตีหนึ่งสิบห้า ปรากฏว่ามันมาถึงตีสองค่ะ ตรูล่ะเซ็ง อุตส่าห์เหงื่อแตกรีบแทบตาย รู้งี้เดินมาก็ยังทันวะ อ่ะๆเว่อร์ไปละ ขึ้นรถปั๊บก็หลับปุ๊บเพราะวันรุ่งขึ้นกะเที่ยวต่อเลย ฟิตค่ะฟิต ไม่ใช่ไรหรอกคือโรงแรมที่จองอ่ะมันยังเช็คอินไม่ได้จนกว่าจะบ่ายสามโมง มันก็ไม่มีที่ไหนให้นอนแล้วอ่ะเลยต้องนอนในรถนี่แหละ รถออกตีสองกว่าไปถึงชิคาโกก็เช้าพอดีประมาณแปดโมง จัดการล้างหน้าแปรงฟันกันที่สถานีนี่แหละแล้วก็ออกเดินเท้าต่อ กะว่าเดินๆดูถนนหนทางไปจนถึงโรงแรมแล้วค่อยฝากของเค้าไว้ก่อน ดีนะเนี่ยที่เอาของมาน้อย ฉลาดก็เงี้ยแหละ ตื่นตาตื่นใจกับชิคาโกมากเลยค่ะ สวยอ่ะ ตึกเยอะแยะไปหมดเลยแล้วหลายตึกที่เป็นตึกเก่าๆสร้างมานานแล้วมันก็ได้อารมณ์เก่าๆดี แถมวันนั้นท้องฟ้าใสมากเลยตัดกันดี ได้บรรยากาศเมืองเต็มที่แต่สะอาดกว่ากรุงเทพเย้อะ เซ็นต์หลุยส์นี่หลบไปเลย จริงๆจุดประสงค์ที่ไปชิคาโกคราวนี้เพราะเค้ากำลังมีงานTaste of Chicagoอยู่ค่ะ ชื่อก็บอกแล้วว่าต้องเป็นงานอาหารแน่ๆเลย แต่ที่เอิงประทับใจมากกว่าอาหารก็คือบรรยากาศเมืองนี้นี่แหละค่ะ ชอบเจงๆๆ อ่ะ พอๆเดี๋ยวคนอ่านจะนึกว่าเอิงไปเยี่ยมสวรรค์ชั้นเจ็ดมา ไปถึงโรงแรมปุ๊ปก็ขึ้นไปฝากของได้เลยแล้วพอดีว่าเค้าให้เช็คอินก่อนได้ก็เลยเอาของขึ้นไปเก็บแล้วจะได้เห็นห้องด้วย ห้องก็โอค่ะ สะอาด มีอุปกรณ์ที่จำเป็นพร้อม แถมถูกด้วยเพราะมันอยู่ในดาวน์ทาวน์เลย ถือว่าดีอ่ะ แถมโรงแรมนี้ได้ชื่อว่าเป็นตึกที่แคบที่สุดในเมืองด้วยนะจะบอกให้ (City's thinnest skyscrapper) 555 ภูมิใจเสนอค่ะ ห้องก็เลยแคบตามตึกแต่ไม่เป็นปัญหาอยู่แล้วสำหรับคนงบน้อยอย่างพวกเรา แต่ที่ชอบอีกอย่างคือเค้ามีน้ำให้ฟรีด้วยอ่ะ คือมีขวดกะน้ำให้กดตรงหน้าลิฟท์ มันสำคัญนะสำหรับคนมาเที่ยว คืออากาศมันร้อนก็ต้องดื่มน้ำเยอะแล้วจะให้ไปซื้อทีละขวดๆรวมๆกันมันก็หลายอยู่นา อ่ะต่อ วางของปุ๊ปล้างหน้าล้างตาพอให้ตื่นก็ออกเดินต่อค่ะ ทริปนี้เราไม่พึ่งขนส่งมวลชนใดๆทั้งสิ้น แก๊งค์เดินทนอย่างพวกเราซะอย่าง555 ก็เดิน เดิ๊น เดิน ไปโน่นไปนี่ทั้งวันอ่ะค่ะ ตั้งแต่แปดโมงเช้าถึงบ่ายสองตอนแรกว่าจะไปเดินถนนชอปปิ้งต่อแต่ไม่ไหวละ เดินต่อไปต้องน่องแตกแน่ๆเลยขอแวะกลับมานอนก่อนแล้วค่อยเดินต่อ พอล้มตัวลงนอนเหมือนได้ขึ้นสวรรค์เลยค่ะ แต่พอตื่นมาเอาเท้าลงพื้นปุ๊ปเหมือนมีใครเอาไฟมาช็อตที่ส้นเท้าอ่ะ โอ้ย เจ็บ แต่ต้องทนค่ะ ไม่งั้นจะอดเที่ยว ก็ไปช็อปต่อ เอิงไม่กะมาซื้อไรอ่ะ แค่อยากมาเห็นว่าถนนช็อปปิ้งที่เค้าว่ากันมันจะแค่ไหนเชียว ก็ดีค่ะ ยาวดี ร้านเยอะดี แพงดี เราก็ได้แต่เดินหยิบๆจับๆดมๆก็พอแย้ว จนเย็นย่ำก็กะจะไปท่าเรือไปขึ้นชิงช้าสวรรค์แล้วก็ดูพลุ โรแมนติกเนอะ เสียดายไม่มีหนุ่มๆมาให้ทำซึ้งด้วย แต่ฝนเจ้ากรรมดันตกชิงช้าสวรรค์เลยเป็นหมันอดขึ้นแถมพลุก็จุดไม่ได้ เลยเดินคอตกกลับโรงแรม พอเดินมาถึงหน้าโรงแรมแระ หันกลับไป อ่าว ไอ้นี่ มันดันจุดพลุน่ะสิคะ จะเดินกลับก็ลากสังขารไปไม่ไหว ได้แต่มองอยู่ห่างๆอย่างห่วงๆ แต่ก็สวยอยู่ดี เสียดายถ้าอยู่ใกล้ๆคงจะตระการตากว่านี้ พอวันอาทิตย์ก็ชิลๆค่ะ เดินๆเล่นๆเพราะแต่ละคนเท้าระบมไปหมดแล้ว จริงๆชิคาโกมีตึกสวยๆแล้วก็พิพิธภัณฑ์ดีๆเยอะค่ะแต่ไม่มีเวลาก็ขอดูอะไรแต่ภายนอกละกันนะ วันนี้ลมแรงมากเดินแบกกระเป๋านี่แทบปลิวอ่ะ ไม่ได้เว่อร์นะ ต่อให้หนักขนาดนี้ก็เหอะ เอิงนั่งกินเค้กกันอยู่ข้างนอกนี่ต้องจับเค้กดีๆอ่ะไม่งั้นปลิวอดกินกันพอดี ก็เดินๆกันอีกนิดหน่อยแล้วก็ต้องไปขึ้่นรถกลับละ มีปัญหาอีกคือนึกว่าต้องไปขึ้นสถานีเดิมเราก็เดินไปกันซะดิบดีที่ไหนได้มันต้องไปขึ้นอีกที่นึง เหงื่อแตกอีกแล้วค่ะแต่ก็ไปถึงทันเวลาแต่ปรากฎว่านังรถบัสก็สายไปซะเกือบชั่วโมง วันหลังจะขึ้นรถไฟละ ถึงเซ็นต์หลุยส์ตอนตีหนึ่งกว่ากว่าจะได้นอนก็ตีสามกว่าวันต่อมาต้องแหกขี้ตาตื่นมาเลี้ยงเด็กแต่เช้า เฮ้อ ชีวิตออแพร์ แต่ก็มันไปอีกแบบเนอะ
















Create Date : 01 กรกฎาคม 2552
Last Update : 1 กรกฎาคม 2552 8:51:35 น. 9 comments
Counter : 189 Pageviews.

 


โดย: she-sweet วันที่: 1 กรกฎาคม 2552 เวลา:9:50:05 น.  

 


โดย: พิมมี่ (winrukpim ) วันที่: 1 กรกฎาคม 2552 เวลา:12:00:53 น.  

 
ไม่ได้ออกไปช้อปแถวไหนเลย อยู่แต่ในแอร์พอร์ตที่ชิคาโก ไปเปลี่ยนเครื่องที่นั่นสามครั้ง
เราเคยเป็นออแพร์เหมือนกันน๊า แต่ตอนนี้กลับมาแล้วค่ะ


โดย: พิมมี่ (winrukpim ) วันที่: 1 กรกฎาคม 2552 เวลา:12:02:30 น.  

 
wow
อยากไปจังเลย


โดย: holasukanya วันที่: 1 กรกฎาคม 2552 เวลา:13:18:20 น.  

 
ตึกในชิคาโกสวยจิง ๆ เนอะ เสียดายที่เอิงมีเวลาอยู่แค่แป๊ปเดียวเอง แหมเอาแต่รูปตึกมาโชว์ไม่เอารูปคนมาโชว์มั่งอ่ะจ๊ะ


โดย: พี่บี IP: 202.176.88.242 วันที่: 1 กรกฎาคม 2552 เวลา:13:36:56 น.  

 
สวยจังเลย อยากไปบ้างจัง


โดย: Macys วันที่: 1 กรกฎาคม 2552 เวลา:15:07:43 น.  

 
อยากกลับไป chicago อีกรอบจัง

คราวหน้าจะได้หาเวลาเดินเที่ยวรอบ ๆ เมืองบ้าง


โดย: Rainny7 วันที่: 1 กรกฎาคม 2552 เวลา:17:37:28 น.  

 
555 เหมือนเดิมเลยนะ กะจะไปเจอบนรถอีกแล้วเหรอ
แบบว่า คิดไว้ว่าจะง่ายใช่ปะ สุดท้ายยากกว่าเดิมอะ 555


โดย: พี่เอ IP: 118.173.71.47 วันที่: 10 กรกฎาคม 2552 เวลา:9:23:03 น.  

 
สมน้ำหน้าอีกแล้ว ฮ่าๆๆ


โดย: ชั้นเอง IP: 58.10.87.57 วันที่: 20 กรกฎาคม 2552 เวลา:11:22:41 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

wowerng
Location :


[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed

ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




Friends' blogs
[Add wowerng's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.