ทางแพร่งของกระบี่ กับทางเลือกอนาคตพลังงานของไทย
Blogpost โดย รัตนศิริ กิตติก้องนภางค์ -- สิงหาคม 22, 2557 ที่ 18:31 หลายเดือนที่ผ่านมาดูเหมือนว่ากระบี่กำลังเผชิญกับมรสุมครั้งใหญ่ หลายคนที่ได้รับรู้ว่ามีแผนการสร้างโรงไฟฟ้าถ่านหินที่กระบี่ผู้ที่รักทะเลกระบี่ก็ต่างเฝ้ามองหาดทรายขาว และน้ำทะเลสีมรกต แล้วตั้งคำถามว่า วันนี้ในปีหน้าหรือปีต่อๆ ไป กระบี่จะยังคงความสวยงามอุดมสมบูรณ์เช่นนี้อีกหรือไม่ หากมีโรงไฟฟ้าถ่านหินพร้อมกับท่าเรือขนส่งถ่านหินเข้ามา หลายเรื่องราวที่เกิดขึ้นทำให้เราต้องเริ่มตั้งคำถามและหาคำตอบอย่างจริงจังว่า อนาคตพลังงานของไทยจะไปในทิศทางใด ระหว่างยึดติดกับเชื้อเพลิงถ่านหินที่สกปรกหรือพัฒนาไปสู่ระบบพลังงานหมุนเวียนที่สะอาดและปลอดภัย เมื่อวานนี้ (21 สิงหาคม 2557) กรีนพีซได้จัดเวทีสาธารณะเรื่อง กระบี่บนทางแพร่ง: : ถ่านหินสกปรกหรือระบบพลังงานหมุนเวียนที่สะอาด และร่วมหาคำตอบกับประชาชนว่าพลังงานประเภทใดคืออนาคตของพลังงานที่ประเทศไทยควรเลือกเดิน พร้อมทั้งถ่ายทอดสดทางอินเตอร์เน็ท และเปิดเผยรายงานที่อธิบายถึงแผนการของรัฐบาลและการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทยเพื่อขยายโครงการโรงไฟฟ้าถ่านหินที่จังหวัดกระบี่ แม้ว่ากระบวนการจัดทำการประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อมและสุขภาพนั้นประสบความล้มเหลว ระบุถึงผลกระทบต่อการท่องเที่ยวและเศรษฐกิจท้องถิ่น ผลกระทบที่เคยเกิดขึ้นในอดีตจากโรงไฟฟ้าถ่านหินเก่า ความล้มเหลวของการศึกษาผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อมและสุขภาพ และข้อเสนอเชิงนโยบายด้านทางออกระบบพลังงานหมุนเวียนแบบกระจายศูนย์และผสมผสานที่ประเทศไทยควรเลือกเดิน ทางเลือกที่เลือกไม่ยาก แต่รัฐไม่อยากจะเลือก? ขณะนี้โรงไฟฟ้าถ่านหินของไทยหลักๆ 2 โรง คือที่แม่เมาะ จังหวัดลำปาง (กำลังผลิต 2,180 เมกะวัตต์) และของบีแอลซีพี/เก๊คโควัน ที่จังหวัดระยอง (กำลังผลิต 2,007 เมกะวัตต์) นั้นใช้ถ่านหินนำเข้าจากประเทศอินโดนีเซีย และออสเตรเลีย ในแผนพีดีพีใหม่ กำหนดเป้าไว้ว่าจะนำเข้าถ่านหินเพิ่มขึ้นจากร้อยละ 8 ในฉบับปรับปรุงครั้งที่ 3 ไปเป็นร้อยละ 18-26 ในอนาคต ซึ่งนั่นหมายความว่า นอกจากโรงไฟฟ้าถ่านหินที่กระบี่แล้ว จะมีโรงไฟฟ้าถ่านหินแห่งอื่นอีกอย่างน้อย 3 โรง สำหรับถ่านหินที่อ้างว่าสะอาดนั้นมีกระบวนการชะล้างถ่านหินเพื่อเอาปรอทออกไป แต่ปรอทก็ยังคงอยู่ในกระบวนการเผาผลาญถ่านหิน แม้จะมีเทคโนโลยีที่ทันสมัยเพียงใด ปรอทจะสะสมในเถ้า และกระจายสู่สิ่งแวดล้อม ไม่ได้หายไปแต่อย่างไร ธารา บัวคำศรี ผู้อำนวยการรณรงค์กรีนพีซ ประเทศไทย กล่าว การเปลี่ยนแปลงแผนเพิ่มโรงไฟฟ้าขนาดนั้น ที่ประเทศอื่นจะเปลี่ยนเนื่องจากอุบัติเหตุอย่าง ภัยพิบัติเชอร์โนบิล ซึ่งเกิดเป็นวิกฤตขาดแคลนไฟฟ้า ในการอ้างว่าพลังงานหมุนเวียนไม่แน่นอน บริหารยาก ความจริงคือ เราสามารถพยากรณ์ล่วงหน้าได้ ซึ่งในทางสถิติถือว่าค่อนข้างแม่นยำ หลักการพลังงานมีหลักการเดียวกับประชาธิปไตย คือ กระจายอำนาจ กระจายศูนย์ ประชาชนมีส่วนร่วม ไม่ใช่แค่โรงไฟฟ้า การที่พลังงานหมุนเวียนมีต้นทุนสูงเนื่องจากรัฐไม่ให้การสนับสนุน ผศ. ประสาท มีแต้ม กล่าว ภาวะโลกร้อนไม่ใช่นิยาย แต่เป็นเรื่องจริง ถึงจะมีน้ำมันเยอะเท่าน้ำทะเลเราก็ไม่ควรใช้ เพราะระบบนิเวศของโลกพังหมดแล้ว เราจะอยู่ไม่ได้แล้ว เราไม่ควรถกเถียงเรื่องพลังงานในแง่มิติของพลังงาน แต่ควรมองในมิติของระบบนิเวศโดยรวม สิ่งที่โครงการโรงไฟฟ้าถ่านหินกระบี่เลือกที่จะไม่บอก พีพีทุกคนรับรู้ว่าเป็นเหมือนเกาะสวรรค์ ชาวลันตาฟังแล้วรู้สึกเจ็บปวดว่าเกาะลันตาเป็นเสมือนนรกหรือ ธีรพจน์ กษิรวัฒน์ นายกสมาคมธุรกิจการท่องเที่ยวเกาะลันตา กระบี่ กล่าว คำกล่าวในการโน้มน้าวชาวกระบี่เพื่อสร้างโรงไฟฟ้าถ่านหิน และท่าเรือขนส่งถ่านหินนั้นยังเป็นข้อสงสัยอยู่ว่า หากเทคโนโลยีถ่านหินสะอาดมีจริง เหตุใดจึงไม่สามารถสร้างจุดจอดพักเรือขนส่งถ่านหินที่เกาะพีพีได้ และทำไมตอนนี้ชาวพีพีจึงยังไม่รู้ถึงโครงการถ่านหินนี้ เส้นทางเดินเรือขนส่งถ่านหินนั้นอยู่ใกล้กับเกาะศรีบอยา อันเป็นพื้นที่หญ้าทะเลขนาดใหญ่ และเป็นบ้านของฝูงปลาพะยูนประมาณ 15 ตัว ซึ่งในแผนที่ของรายงาน EIA กลับไม่มีการพูดถึงจุดท่องเที่ยวสำคัญอย่างเกาะพีพี กระบี่มีมูลค่าทางเศรษฐกิจจากป่าชายเลนและเชิงสันทนาการ ในพื้นที่ชุ่มน้ำปากแม่น้ำกระบี่อย่างมหาศาล และไม่ได้ถูกพูดถึงในการจัดทำรายงาน EHIA และ EIA โดยโครงการโรงไฟฟ้ากระบี่นั้นมีการศึกษาผลกระทบแบ่งออกเป็น 2 ส่วน แยกกัน คือ ส่วนของโรงไฟฟ้าถ่านหินจะอยู่ในกระบวนการจัดทำรายงาน EHIA แค่ส่วนของท่าเรือและการขนส่งถ่านหินเป็นเพียงแค่EIA ที่ขาดการวิเคราะห์เรื่องผลกระทบด้านสุขภาพ ซึ่งการที่แยกโครงการออกมา คนจะมองไม่เห็นภาพรวมของผลกระทบที่เกิดขึ้น ในพื้นที่ของจังหวัดกระบี่เอง ใช้ไฟสูงสุดประมาณ 125 เมกะวัตต์ แต่กำลังผลิตประมาณ 400 เมกะวัตต์ ผลิตให้จังหวัดอื่นอีกประมาณ 300 เมกะวัตต์ การที่พูดว่าไม่เอาโรงไฟฟ้าถ่านหินแปลว่ากระบี่ไม่ใช้ไฟฟ้าหรือ และจะทำให้กระบี่จะขาดแคลนพลังงาน อันที่จริงแล้วการขาดแคลนพลังงานเป็นเพียงที่ข้อมูลที่รัฐบอก แต่ความเป็นจริงนั้นกระบี่เป็นจังหวัดเดียวที่ผลิตไฟฟ้าได้จากพลังงานหมุนเวียนโดยไม่ต้องพึ่งพาแก๊สและฟอลซิลได้ 100 เปอร์เซ็นต์ภายในสองปี เหตุใดต้องยัดเยียดถ่านหินให้กับกระบี่ นายธีรพจน์ กษิรวัฒน์ กล่าวเสริม อีกเรื่องหนึ่งที่ชาวกระบี่ยังข้องใจ คือ เมื่อใกล้จบกระบวนการรับฟังความคิดเห็น หรือ ค.3 กลับมีข่าวว่าจะมีโรงไฟฟ้าที่กระบี่ 4 โรง ไม่ใช่เพียงแค่โรงเดียว เราจึงมองผลกระทบที่ไม่ได้เกิดจากโรงไฟฟ้าเพียงหนึ่งโรง แต่ปัญหาอาจเกิดขึ้นเป็นนิคมอุตสาหกรรม อย่างเช่น ชลบุรี การผลิตไฟฟ้าขึ้นอืกหนึ่งหมื่นเมกะวัตต์นั้นจะนำไปใช้ทำอะไรนอกจากการผลิตเพื่อนิคมอุตสาหกรรม การสร้างโรงไฟฟ้าถ่านหินที่กระบี่นั้นเป็นเรื่องของการขาดแคลนพลังงานจริงหรือ ในเมื่อยังมีพลังงานอย่างอื่นให้เลือกอีก นายธีรพจน์ กษิรวัฒน์ กล่าวเสริม ทางเลือกของกระบี่: ถ่านหินสกปรก หรือระบบพลังงานหมุนเวียนที่สะอาด บางคนบอกประเทศไทยลมเพลมพัด จริงๆ แล้วไม่ได้ขึ้นอยู่กับเทคโนโลยีลม แต่เป็นนโยบายของรัฐ ดังที่ ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ประสาท มีแต้ม กล่าวไว้ว่า อุปสรรคของกังหันลมไม่ได้อยู่ที่ต้นทุน และไม่ได้อยู่ที่เทคโนโลยีหรือแรงลม แต่อยู่ที่นโยบายรัฐ โลกของเรามีศักยภาพทางพลังงานเหลือเฟือ ถ้าหากเราลองแหงนมองขึ้นฟ้า และรับแรงลม ในเวทีสาธารณะวันนี้ เราได้เรียนรู้ว่าพลังงานหมุนเวียนในไทยกำลังเติบโตอย่างรวดเร็ว เรามีพลังงานหมุนเวียนจากชีวมวล โซลาร์เซลล์ กังหันลม พลังน้ำ อยู่เกือบ 4,000 เมกกะวัตต์ จากเดิมที่สัดส่วนน้อยมาก มองดูแล้วไทยสามารถเป็นผู้นำในการพัฒนาพลังงานหมุนเวียนที่ก้าวหน้า หากมีนโยบายที่สนับสนุน ขณะนี้ไทยมีพลังงานจากกังหันลมเป็นอันดับหนึ่งในอาเซียน ทั้งๆ ที่ฟิลิปปินส์มีกลไลนโยบายสนับสนุน แสดงว่าประเทศไทยสามารถทำได้ดีกว่านี้หากมีกลไกสนับสนุนที่ดี กระบี่มีความต้องการไฟฟ้าแค่ 125 เมกะวัตต์ ซึ่งหากประเมินกำลังผลิตตามศักยภาพแล้วกระบี่สามารถผลิตไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียนได้ถึง 470 เมกะวัตต์ในอนาคต การผลิตพลังงานหมุนเวียนของกระบี่ทำให้กระบี่สามารถอยู่ได้ด้วยตนเอง นอกจากเพียงพอกับการใช้ไฟฟ้าทุกกิจกรรมอย่างศักยภาพมีแล้ว ต้นทุนพลังงานหมุนเวียนก็กำลังลดลง และเป็นการพัฒนาอย่างยั่งยืน เป็นจังหวัดต้นแบบนำร่อง Green City ขับเคลื่อนเศรษฐกิจแบบ Green Economy ดร. จอมภพ แววศักดิ์ มหาวิทยาลัยทักษิณ วิทยาเขตพัทลุง กล่าวถึงศักยภาพพลังงานหมุนเวียนของกระบี่ กระบี่เป็นเมืองท่องเที่ยวที่ขึ้นชื่อด้านสิ่งแวดล้อมพร้อมด้วยนโยบาย Krabi goes green ของกลุ่มภาคธุรกิจกระบี่ ว่าด้วยทางเลือกด้านพลังงานเพื่อมุ่งสู่วิสัยทัศน์กระบี่ 2020 มุ่งสู่กระบี่สีเขียว แต่ถ่านหินคงไม่สามารถทำให้กระบี่ไปในทิศทางที่ต้องการได้ ทางสายพลังงานสีเขียวมีคำตอบที่ดีที่สุดอยู่แล้ว และคำตอบนั้นคงไม่ใช่พลังงานจากถ่านหิน เหลือแต่เพียงว่าผู้กำหนดนโยบายจะกำหนดอนาคตพลังงานของกระบี่และไทยไปในทิศทางใด เท่านั้นเอง ร่วมลงชื่อ ปกป้องกระบี่จากถ่านหิน และเรียกร้องว่าเราต้องการโรงไฟฟ้าที่มาจากพลังงานหมุนเวียนที่สะอาด คลิกเลยที่www.protectkrabi.org #ProtectKrabi ที่มา : ทางแพร่งของกระบี่ กับทางเลือกอนาคตพลังงานของไทย
Create Date : 28 สิงหาคม 2557 |
Last Update : 28 สิงหาคม 2557 12:09:14 น. |
|
0 comments
|
Counter : 1108 Pageviews. |
|
|
|