กรีนพีซดำรงอยู่เพราะโลกอันบอบบางใบนี้สมควรมีผู้ปกป้อง โลกต้องมีวิธีแก้ปัญหา ต้องมีการเปลี่ยนแปลง ต้องมีการลงมือทำ
 
หรือปี 2559 จะเป็นปีที่เรายุติยุคถ่านหินได้…?

ผู้เขียน Kelly Mitchell / แปลโดย รัตนศิริ กิตติก้องนภางค์

ขณะที่เรากำลังเริ่มต้นปี 2559 ประเทศจีนและสหรัฐอเมริกาในฐานะที่เป็นผู้ผลิตถ่านหินรายใหญ่ที่สุดของโลกก็ได้เริ่มต้นสร้างการเปลี่ยนแปลงด้วยการลดการใช้พลังงานถ่านหิน จึงทำให้เราเริ่มตั้งคำถามว่า หรือปี 2559 นี้จะเป็นปีที่เรายุติยุคถ่านหินได้…?

เป็นเวลาหลายร้อยปีมาแล้วที่โลกได้ “เสพติด” พลังงานถ่านหิน และโรงไฟฟ้าถ่านหินก็ยังคงเป็นแหล่งพลังงานที่ใหญ่ที่สุดอันเป็นต้นเหตุของการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ทั่วโลกจากกิจกรรมของมนุษย์ การเผาไหม้ถ่านหินนั้นยังทำลายสุขภาพอย่างร้ายแรง ชาวปักกิ่งที่ได้รับผลกระทบจากหมอกมลพิษรู้ซึ้งถึงภัยคุกคามนี้เป็นอย่างดี

แต่ปี 2559 นี้ เริ่มดำเนินไปในทิศทางที่ดีขึ้น กับการที่หลายประเทศเริ่มต้นยุติการใช้พลังงานฟอสซิล ก้าวไปสู่ยุคพลังงานหมุนเวียน เมื่อปีที่ผ่านมา อุตสาหกรรมถ่านหินประสบปัญหาอัตราการใช้พลังงานถ่านหินลดตัวลงอย่างรวดเร็ว โดยที่การใช้พลังงานถ่านหินทั่วโลกลดลงมากถึง  90-180 ล้านตันในช่วงครึ่งปีแรก ซึ่งเป็นปริมาณที่ลดลงมากที่สุดในประวัติศาสตร์

มุมมองทางการเมืองก็เปลี่ยนแปลงไปด้วยเช่นกัน โดยประเทศที่ได้รับผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศมากที่สุดได้ออกมาแสดงทีท่าต่อต้านถ่านหิน อาทิเช่น ประธานาธิบดีของสาธารณรัฐคิริบาส ประเทศหมู่เกาะในมหาสมุทรแปซิฟิกที่มีความสูงจากระดับน้ำทะเลต่ำ ได้เรียกร้องให้ทั่วโลกยุติการใช้พลังงานถ่านหิน ในขณะเดียวกัน ประเทศฟิลิปปินส์ได้เปิดตัวการสืบสวนทางสิทธิมนุษยชนระดับชาติกับผู้ปล่อยมลพิษยักษ์ใหญ่ 50 ราย เป็นครั้งแรกของโลก

แต่การตอบโต้ถ่านหินที่ใหญ่ที่สุดเกิดขึ้นในเดือนธันวาคม เมื่อผู้นำระดับโลกในการประชุมด้านสภาพภูมิอากาศ COP21 ปารีส ได้ร่วมกันลงนามตกลงว่า การลงทุนถ่านหินนั้นเป็นการลงทุนที่เสี่ยง

ปัจจุบันนี้ อดีต “มิตร” ของถ่านหินอย่างประเทศจีนและสหรัฐอเมริกากำลังเริ่มตีตัวออกห่างจากพลังงานสกปรก และนี่คือสิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อไม่กี่สัปดาห์ที่ผ่านมา

จีนกำลังปิดตัวเหมืองถ่านหินกว่า 1,000 เหมือง

เมื่อปลายปี 2558 ที่ผ่านมา จีนได้ประกาศว่าจะไม่อนุมัติโครงการเหมืองถ่านหินใหม่ เป็นเวลา 3 ปี และจะปิดตัวเหมืองถ่านหินลงอีกกว่า 1,000 แห่ง เพื่อต่อกรกับปัญหามลพิษทางอากาศ นี่เป็นข่าวที่น่าทึ่งมากหากมองย้อนไปเมื่อ 2 ปีที่แล้ว ที่เคยมีการคาดเดาว่า จีนจะเผาผลาญถ่านหินมากขึ้นอีกกว่าพันล้านตัน ภายในปี 2563 แต่ในความเป็นจริง การบริโภคถ่านหินของประเทศจีนกำลังลดลงเรื่อยๆ มาเป็นเวลาเกือบ 2 ปีแล้ว โดยก่อนการประชุมที่ปารีส จีนยังได้ประกาศเจตนารมณ์ในการลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ภายในปี 2573 เป็นอย่างช้า และเมื่อไม่นานมานี้ ปักกิ่งได้ประกาศว่าจะไม่ใช้พลังงานจากถ่านหินใน 6 มลฑล เพื่อเดินหน้าต่อกรกับมลพิษทางอากาศ

การเปลี่ยนแปลงเหล่านี้เป็นการส่งสัญญาณออกไปว่ารัฐบาลจีนกำลังเอาจริงกับการจัดการผลกระทบจากถ่านหินที่ทำร้ายคุณภาพทางอากาศในตัวเมืองใหญ่ของจีน รวมถึงผลกระทบการขาดแคลนน้ำ และการสูญเสียทางนิเวศในพื้นที่ที่ไม่มีทางออกสู่ทะเล

นี่เป็นก้าวสำคัญของจีนที่จะหันหลังให้กับการเสพติดถ่านหินเสียที

ถ่านหินถูกแบน และล้มละลาย ที่สหรัฐอเมริกา

ประธานาธิบดีโอบามา ได้ให้สัญญาในการแถลงนโยบายประจำปีต่อรัฐสภาของประธานาธิบดีสหรัฐ (State of the Union) ว่าจะดำเนินการเรียกเก็บเงินเพิ่มขึ้นจากอุตสาหกรรมถ่านหินและน้ำมัน รวมถึงการทำเหมืองแร่และการขุดเจาะบนพื้นที่สาธารณะของสหรัฐอเมริกา และในวันนี้โอบามาก็ได้ทำตามสัญญา

กระทรวงมหาดไทย ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของคณะบริหารของรัฐบาลโอบามา ดูแลในส่วนของพื้นที่สาธารณะของสหรัฐอเมริกา ได้ประกาศว่าจะทบทวนโครงการที่อนุญาตให้บริษัทถ่านหินดำเนินการ และจะนำเอาผลกระทบการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศมาคำนวนในการเรียกเก็บเงิน นอกจากนี้ในช่วงกระบวนการทบทวนผลกระทบที่ต้องใช้เวลาหลายปีนี้ ภาครัฐจะยังไม่อนุมัติการปล่อยเช่าที่เกี่ยวข้องกับถ่านหิน

นี่คือชัยชนะครั้งใหญ่สำหรับสภาพภูมิอากาศ เนื่องจากร้อยละ 40 ของถ่านหินในสหรัฐอเมริกามาจากพื้นที่สาธารณะ และการแบนในครั้งนี้จะเป็นการช่วยให้ถ่านหินจำนวนหลายพันล้านตันยังคงอยู่ในดินต่อไป ไม่สร้างมลพิษเพิ่มเติม

อีกข่าวร้ายหนึ่งที่เกิดขึ้นกับอุตสาหกรรมถ่านหินของสหรัฐอเมริกาคือ Arch Coal บริษัทเหมืองถ่านหินที่ใหญ่ที่สุดเป็นอันดับสองของประเทศ ถูกฟ้องล้มละลาย (ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา บริษัทถ่านหินเกือบ 50 บริษัทในสหรัฐอเมริกาได้ล้มละลายไป) บริษัท Arch Coal เป็นกรณีตัวอย่างของอุตสาหกรรมถ่านหินที่ฉ้อฉลในสหรัฐอเมริกา โดยทางบริษัทได้ใช้ฉากหน้าเป็นการคุ้มครองส่งเสริมสุขภาพและสิ่งแวดล้อม แต่กลับโกงคนงานเหมือง และทำลายสภาพภูมิอากาศและระบบนิเวศในสหรัฐอเมริกา โดยถึงแม้ว่าผลกำไรของบริษัทจะตกลงในช่วงหลายปีสุดท้ายก่อนล้มละลาย ก็ยังมีอัตราผลกำไรที่สูงกว่าเงินเดือนของซีอีโอบริษัทถึงสองเท่า

ความล้มเหลวของบริษัทถ่านหินดังเช่นกรณีนี้ คือหลักฐานที่เด่นชัดว่าถ่านหินกำลังอยู่ในช่วงขาลงแล้วในสหรัฐอเมริกา และยังเกิดขึ้นก่อนการดำเนินการของโอบามา ยิ่งไปกว่านั้น ล่าสุดนาย Andrew M. Cuomo ผู้ว่าการรัฐนิวยอร์ก ได้ประกาศเป้าหมายใหม่ออกมาว่าจะปิดโรงไฟฟ้าถ่านหินในรัฐ ภายในปี 2563

2559 … ปีนี้ และปีต่อๆ ไป

การลดอำนาจและขนาดของอุตสาหกรรมถ่านหินกำลังดำเนินไปได้ด้วยดี และกำลังก้าวไปสู่ยุคพลังงานหมุนเวียน แต่กระนั้นพลังงานหมุนเวียนยังไม่เติบโตเร็วพอที่จะช่วยกอบกู้วิกฤตโลกร้อน อย่างไรก็ตาม เป็นเรื่องที่น่ายินดีที่อุตสาหกรรมถ่านหินต้องเผชิญกับปัญหาหนักเพื่อที่จะดำเนินธุรกิจในปัจจุบัน และราคาของพลังงานหมุนเวียนกำลังถูกลงทั่วโลก!

เดือนแรกของปี 2559 เป็นข้อพิสูจน์ที่ชัดเจนว่า แม้ว่าถ่านหินยังคงดำเนินการต่อไป แต่อยู่ในอัตราที่ลดลงอย่างชัดเจน ยุคของถ่านหินใกล้สิ้นสุดลง และกำลังเข้าสู่เช้าวันใหม่ของพลังงานหมุนเวียนที่สดใสแล้ว

Kelly Mitchell is the Climate Campaign Director at Greenpeace USA.


ที่มา: www.greenpeace.org/seasia/th/news/blog1/edit/blog/55350




Create Date : 22 มกราคม 2559
Last Update : 22 มกราคม 2559 14:21:14 น. 0 comments
Counter : 1090 Pageviews.  
 
Name
Opinion
*ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก

greenpeacethailand
 
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 3 คน [?]




ในพ.ศ.2514 กลุ่มนักกิจกรรมกลุ่มเล็กๆ จากเมืองแวนคูเวอร์ แคนาดา ซึ่งได้รับแรงบันดาลใจจากวิสัยทัศน์แห่งโลกสีเขียวและมีสันติสุข ได้แล่นเรือหาปลาเก่าๆ ออกจากแวนคูเวอร์ แคนาดา นักกิจกรรมเหล่านี้ ซึ่งเป็นผู้ก่อตั้งกรีนพีซ เชื่อว่าบุคคลไม่กี่คนสามารถสร้างความเปลี่ยนแปลงได้

ภาระกิจของพวกเขาคือการ "เป็นประจักษ์พยานในที่เกิดเหตุ" ของการทดลองนิวเคลียร์ใต้ดินที่เกาะอัมชิตกา ซึ่งเป็นเกาะเล็กๆ นอกชายฝั่งตะวันตกของรัฐอลาสก้า ซึ่งเป็นภูมิภาคที่เสี่ยงต่อแผ่นดินไหวมากที่สุดแห่งหนึ่งในโลก

อัมชิตกาเป็นสถานหลบภัยของนากทะเลที่ใกล้สูญพันธุ์ 3,000 ตัว และเป็นบ้านของนกอินทรีย์หัวล้าน เหยี่ยวต่างถิ่น และ สัตว์ป่าอื่นๆ มากมาย

ถึงแม้ว่าเรือเก่าๆ ของพวกเขา คือ ฟิลลิส คอร์แมก ถูกขัดขวางก่อนที่จะไปถึงอัมชิตกา แต่การเดินทางครั้งนี้จุดประกายเล็กน้อยให้แก่ความสนใจของสาธารณชน

สหรัฐอเมริกายังคงจุดระเบิดอย่างหนักหน่วง แต่เสียงเพรียกแห่งเหตุผลมีผู้ได้ยินแล้ว การทดลองนิวเคลียร์บนเกาะอัมชิตกาได้สิ้นสุดลงในปีเดียวกัน และเกาะแห่งนั้นได้ถูกประกาศให้เป็นสถานหลบภัยของนกทั้งหลาย

ปัจจุบัน กรีนพีซเป็นองค์กรนานาชาติที่ให้ความสำคัญแก่การรณรงค์เพื่อสิ่งแวดล้อมเป็นอันดับแรก


คุณพร้อมที่จะร่วมสร้างการเปลี่ยนแปลงหรือยัง?
มีหลายวิธีที่คุณสามารถทำได้ตอนนี้!


หลายคนอาจจะคิดว่าการดูแลรักษาโลกเป็นเรื่องยาก แค่ลำพังเราอาจทำอะไรได้ไม่มากนัก แต่ในความเป็นจริงแล้วแค่เพียงสองมือเล็กๆของเราก็สามารถทำเพื่อโลกได้มากมาย อ่านต่อ

ติดตามกรีนพีซเพ่ิมเติมได้ที่:

Facebook | Twitter | Instagram | YouTube
[Add greenpeacethailand's blog to your web]

 
pantip.com pantipmarket.com pantown.com