ชาวนาคือผู้ทำนาปลูกข้าว
ส่วนใหญ่ผู้ที่เป็นชาวกสิกรรมทำนาปลูกข้าวมักจะไม่ค่อยได้มีบทบาทในการแสดงความคิดเห็นในด้านต่างๆสู่สังคมมากนักแม้กระทั่งการกำหนดราคาข้าวก็ไม่เคยที่จะย่างกรายใกล้เข้าไปเป็นผู้ที่จะมีบทบาทกำหนดเองได้ มีปัญหาที่ต้องประสบพบชะตากรรมก็ต้องงึมงำทำหรือแก้ไขกันเองไปตามลำพังไม่มีผู้หลักผู้ใหญ่หรือนักวิชาการที่ไหนออกหน้าออกตามาแก้ปัญหาได้อย่างถึงลูกถึงโคน มีแต่โยนกันไปโยนกันมา วันนี้มีผู้ใหญ่ใจดีมาช่วยกำหนดราคา มาช่วยแก้ปัญหาราคาที่ตกต่ำมาช่วยหาคลังสินค้าเพราะจะหวังพึ่งกำลังชาวนาชาวไร่จะมีปัญญามาสร้างคลังสร้างยุ้งขนาดใหญ่กักตุนเก็บงำเก็งราคาคงหาได้ไม่ ผู้ใหญ่ใจดีท่านนี้อาจจะนึกเห็นอกเห็นใจในความยากจนค่นแค้นแบบยั่งยืนของเกษตรกรที่ต้องคอยหาเช้ากินดึกหรือเขาจะนึกว่าอาจจะได้คะแนนนิยมชมชอบเป็นกอบเป็นกำจากชาวไร่ชาวนาก็ไม่ทราบได้ ในเมื่อชาวนาพอจะลืมตาอ้าปากหลังจากที่อดอยากมาหลายปีดีดักก็ยังอุตส่าห์มีบรรดานักวิชาการอดห่วงโน่นห่วงนี่ไม่ได้กลัวว่างบประมาณของชาติที่ช่วยชาวนาจะหมดกลัวว่าจะมีการโกงกินคอร์รัปชั่นในขั้นตอนและกระบวนการต่างๆ ทำเหมือนดังว่าประเทศไทยของเรานั้นบริสุทธิ์ผุดผ่องเป็นยองใยไม่ว่าจะโครงการสร้างเมือง สร้างถนน สร้างสนามบิน รถไฟฟ้า สร้างทางด่วน โฮปเวลล์ โทลเวย์ การแบ่งปันที่สปก. ที่ป่าสงวน ล้วนเหมือนดังว่าไม่มีการคอร์รัปชั่นใดๆเกิดขึ้นเลยกระนั้นหรือ? ราคาข้าว 15,000บาทถึงแม้ว่าจะมีปัญหาเรื่องความชื้นที่มาขัดขวางทำให้เหลือเพียง 12,000 13,000บาท แต่เมื่อเทียบกับราคาตลาดปัจจุบันที่อยู่ระดับ 8,000 9,000 บาทไม่ต้องคิดให้เมื่อยตุ้ม ชาวนาน่าเลือกราคาที่สูงกว่าดีกว่าอย่างแน่นอนเพราะในอดีตไม่เคยมีใครคิดกล้าท้าทายที่จะออกหน้าออกตาแทนให้ มีแต่หวังสร้างราคาข้าวสารให้สูงก็พยูงจูงราคาข้าวเปลือกให้สูงตามด้วย (เหมือนเคาะกะลาให้หมาดีใจ) เมื่อได้ราคาข้าวสารสูงขึ้นดังใจก็ปล่อยให้ราคาข้าวเปลือกตกต่ำดังเดิม เป็นอย่างนี้มาทั้งกะปีสี่กะชาติ ราคาข้าวเปลือกที่สูงขึ้นทีละนิดทีละหน่อยรัฐก็ปล่อยให้ปุ๋ยเคมี ยาฆ่าแมลงสูงตาม แล้วความต่างๆของกำไรใครเอาไปชาวนาชาวไร่ก็ได้เท่าเดิม ก็เป็นวงจรอุบาศก์ที่มีตัวละครอยู่ไม่กี่ตัว พ่อค้าคนกลางเจ้าของโรงสี นักการเมือง ผู้ส่งออก พวกนี้เคยได้ผลประโยชน์เพราะมี่ที่ตากข้าวได้ส่วนต่าง25 30 % เพียงแค่นำข้าวไปตากก่อนขายให้ได้ความชื้นที่ตลาดต้องการราคาที่ถูกตัดไปจากชาวนา 2,000 3,000 บาท เมื่อนำไปคูณจำนวน 1,000 หรือ 10,000ตัน ก็ได้หลายตังอยู่ มีโรงสีแปรรูปเป็นข้าวสาร มีตลาดมีพ่อค้าส่งออกคอยรับซื้อไม่ต้องเหนื่อยทำเทือก เตรียมแปลง หว่านเมล็ด พันธุ์ ฉีดพ่นปุ๋ยยาฮฮร์โมนรอคอยแค่ส่วนต่างแค่นั้นเองชาวนาทำมาหลายสิบปีมีผู้ผลิตผู้ปลูกมากหลายแต่มีผู้ซื้ออยู่ไม่กี่รายที่มีทั้งอำนาจบารมีกดขี่ราคาทำให้ชาวนามากหน้าหลายตายังยากจนข้นแค้นไป่แม้ชาวฟ้ามหานคร หลายท่านห่วงเรื่องว่าจะใช้นโยบายอะไร? (จำนำหรือประกัน)งบประมาณจะหมดไปแค่ไหน? ใครจะโกง?รู้กระบวนการโกง? (แต่ไม่บอกวิธีการแก้โกงหรือความจริงน่าจะออกมาบอกตั้งนานหลายสิบรัฐบาลที่ผ่านมาแล้วด้วยซ้ำ)ห่วงว่ารัฐจะไม่มีเงินนำไปอุ้มไปรับจำนำ แต่ไม่เคยจำได้ว่าเมื่อครั้งสถาบันการเงินล้มรัฐต้องจมเงินทองพร่องไปไม่รู้เท่าไหร่? ข่าวร้ายในแง่รับจำนำนั้นส่วนใหญ่จะมาจากนักวิชาการ นักธุรกิจ พ่อค้าผู้เสียผลประโยชน์และประเทศที่รับซื้อหรือเป็นลูกค้าข้าวของไทย เนื่องด้วยเขาเหล่านี้เข้าใจดีว่าต่อไปในอนาคตข้าวจะต้องแพงฉะนั้นจะต้องยื้ดยุดฉุดทุกกระบวนการเพื่อให้ข้าวราคาต่ำให้นานที่สุดเท่าที่จะทำได้เพราะเมื่อสี่ซ้าห้าปีที่แล้วราคาข้าวก็เคยสูงขึ้นมาตามหลักดีมานด์ซับพลายให้เราชาวไทยได้เห็นกันมาบ้างแล้วเนื่องด้วยอินเดียมีนโยบายกักตุนเข้าว ไม่ส่งออกเทขายในตลาดโลก สะสมอมเสบียงเอาไว้เลี้ยงประชากรของตนเพียงอย่างเดียวจนหลายหน่วยงาน หลายสถาบันระดับโลก (FAO) ต้องออกมาร้องแรกแหกกระเชอให้ระวังเรื่องความมั่นคงทางอาหาร แสดงว่าราคาข้าวที่เคยแพงแบบผลุบโผล่นั้นกำลังสะท้อนอะไรบางอย่างที่น่าคิดราคาข้าวปรกติต่อไปน่าจะมีราคามากกว่า 15,000 หรือ 20,000 บาทด้วยซ้ำเพราะแม้กระทั่งแขก จีน ฝรั่ง ยังอยากจะมาเช่าเฝ้าหาแผ่นดินไทยใช้ในการทำนาอยู่มิหยุดหย่อนถ้าพวกเราชาวไทยหัวใจรักเกษตรกร (จริงๆ) น่าจะลดหย่อนผ่อนปรนอดทนรอดูสักปีสองปีว่าจะมีอะไรดีๆเกิดขึ้นได้บ้างไหม? ไหนๆ ผู้มีกระสบการณ์ด้านการค้าระดับโลกอย่างท่านธนินทร์ เจียรวนนท์ท่านยังออกมาเสกมนต์ให้คนเชื่อในทฤษฏี สองสูง (ราคาสินค้าเกษตรสูง เงินเดือนสูง)น่าจะทำให้ประชาชนคนไทยไปรอดได้ไม่ใช่หรือ? ทำไมเมื่อจะมีโครงการดีๆให้มีเศรษฐีชาวนากับเขาบ้าง จะไม่เปิดกว้างให้โอกาสเขาบ้างเลยหรือ? อย่างไรก็ให้ชาวนาได้ลืมตาอ้าปากมีโอกาสสร้างความสุขกับเงินฝากเงินถุง(งบประมาณ)ที่รัฐบาลนานๆทีจะมีให้ตั้งสองสามแสนล้านกับเขาสักทีในอดีตเม็ดเงินเหล่านี้มักจะใช้ในการลงทุนโครงสร้างพื้นฐาน (Infrastructure) อย่างเช่นรถไฟฟ้าสี่นี่ นั่น โน่นเสียมากกว่า มาถึงตรงนี้ก็อยากนำบทกลอนของบูรพาจารย์มาฝากท่านผู้อ่านสักท่อนสองท่อนแล้วกัน นิดหนึ่งนี้อุทิศแด่ชาวนา ผู้ต่ำต้อยน้อยหน้าเหลือแสน ลำบากยากจนข้นแค้น ไป่แม้ชาวฟ้ามหานคร โดย อาจารย์ดีพร้อม ไชยวงศ์เกียรติ และสุดท้ายขอยกเอาบทกวีศรีชาวนาอย่างจิตร ภูมิศักดิ์ มาฝากอีกหนึ่งท่อนข้าวนี้นะมีรส ให้ชนชิมทุกชั้นชนเบื้องหลังสิทุกข์ทน และขมขื่นจนเขียวคาว มนตรี บุญจรัส ชมรมเกษตรปลอดสารพิษ www.thaigreenagro.com
Create Date : 11 ตุลาคม 2555 |
| |
|
Last Update : 11 ตุลาคม 2555 19:02:23 น. |
| |
Counter : 1935 Pageviews. |
| |
|
|