ทำเกษตรแบบรู้วิธี บางทีก็ไม่ต้องปลืองค่าแรงฉีดพ่นทางใบ
ถ้าจะลองนึกเล่นขำๆว่าต้นไม้ที่เจริญเติบโตงอกงามอยู่ในป่าเขาลำเนาไพรทำไมไม่ต้องมีคนไปคอยฉีดพ่นอัดปุ๋ยฉีดพ่นยาก็สามารถจะเจริญเติบโตงอกงามเป็นอาหารให้กับสิงห์สา รา สัตว์ได้มาไม่รู้กี่หมื่นกี่แสนปีถ้าไม่มีมนุษย์เข้าไปรุกรานป่าไม้ก็จะยังอยู่ยงคงกระพันไปอีกนานแสนนาน เมื่อเราพอจะทราบองค์ความรู้ของธรรมชาติว่าไม่ต้องฉีดพ่นอาหารทางใบพืชก็สามารถที่จะเจริญเติบโต ผลิดอกออกผลให้ผลผลิตได้เช่นเดียวกันแต่ก็ต้องอยู่บนพื้นที่ของดินที่ดีมีองค์ประกอบเพียบพร้อมสมบูรณ์คือจะต้องมีอินทรียวัตถุ5 % น้ำ 25 % อากาศ 25% และอนินทรีย์หินแร่ที่มีคุณภาพอีก 45 %ไม่ใช่ปล่อยให้ผ่านการใช้งานมานานหลายปีจนอินทรีย์หินแร่เหล่านี้เสื่อมโทรมอัดแน่นแข็งเป็นดานถูกเจือจานแร่ธาตุและสารอหารออกไปจนไม่เหลือหรอดินแบบนี้คือดินที่ผ่านการเพาะปลูกซ้ำๆ ที่เดิมมาเป็นระยะเวลานานหลายปีนั่นเองครับจนโครงสร้างหรือคุณสมบัติของดินไม่เหมาะสมต่อการปลูกพืช แนวทางแก้ปัญหาที่จะช่วยทำดินในแปลงเรือกสวนไร่นาของเราให้ปลูกพืชได้เหมือนกับต้นไม้ในป่าเขาลำเนาไพรโดยที่ไม่ต้องฉีดพ่นปุ๋ย ยา ฮอร์โมนนั่นก็คือ ต้องเลียนแบบธรรมชาติครับเลียนแบบธรรมมชาติด้วยการทำดินให้เหมือนกับดังว่ามีเศษกิ่งไม้ ใบหญ้าร่วงหล่นทับถมลงไปสู่ผืนดิน อยู่ตลอดเวลานั่นก็คือการหมั่นเติมอินทรียวัตถุลงไปในดินให้มากเพียงพอ(หลังจากที่ย่อยสลายโดยจุลินทรีย์เรียบร้อยแล้ว)เพราะฉะนั้นจึงจำเป็นอย่างยิ่งนะครับที่ท่านจะต้องมาให้ความสนใจเกี่ยวกับการทำธนาคารปุ๋ยหมักและจุลินทรีย์จากสัตว์เคี้ยวเอื้อง (วัว ควาย แพะ แกะ เก้ง กระจง จิงโจ้ ฯลฯ)เพื่อนำมาช่วยให้ธนาคารปุ๋ยหมักของเราย่อยสลายกลายสภาพเป็นอาหารพืชให้เร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้นะครับ อีกช่องทางหนึ่งก็คือการเติมเต็มหินแร่ภูเขาไฟที่มีแร่ธาตุและสารอาหารในรูปที่พร้อมต่อการแปรเปลี่ยนเป็นอาหารให้พืชโดยทันทีเมื่อใส่ลงดินพูมิชซัลเฟอร์ (Pumish Sulpher) มีองค์ประกอบทั้งธาตุหลักสองตัว คือ ฟอสฟอรัสโพแทสเซียม ธาตุรอง แคลเซียม แมกนีเซียม กำมะถัน ธาตุเสริมหรือจุลธาตุ อย่าง เหล็กทองแ ดง แมงกานีส สังกะสี โบรอน โมลิบดินั่ม นิกเกิล ไทเทเนียม ฯลฯอีกทั้งยังมีแร่ธาตุซิลิก้า ที่สามารถละลายน้ำมากกว่า 70 % ทั้งนี้ก็เนื่องด้วยพูมิชซัลเฟอร์นั้นได้มาจากธรรมชาติที่เป็นหินแร่ภูเขาไฟ ผ่านความร้อนหลายร้อยหลายพันองศาในรูปของแมกมาและระเบิดเกิดขึ้นมาทางเปลือกโลกกลายเป็นลาวาค่อยๆเย็นตัวลงกลายเห็นหินเกิดขึ้นมาทางเปลือกโลกกลายเป็นลาวาค่อยๆเย็นตัวลงกลายเห็นหินแร่ภูเขาไฟ (Volcanic rock หรือ Zeolite) จึงทำให้เมื่อใส่เติมเต็มลงไปในดินพร้อมกับปุ๋ยหมักปุ๋ยคอกจึงช่วยทำให้ดินนั้นครบองค์ประกอบทื่จะช่วยให้พืชเจริญเติบโตโดยลำเลียงแร่ธาตุและสารอาหารทางดินขึ้นไปสะสมได้อย่างครบถ้วนถ้าสามารถบริหารจัดการให้สมบูรณ์เพียงพอต่อการนำไปใช้ใมนการเจริญเติบโตของพืชและเพียงพอต่อการออกดอกติดผล ไปจนยันเก็บเกี่ยวได้ เมื่อนั้นก็มีช่องทางที่เราจะลดทั้งค่าแรงฉีดพ่นทางใบและลดต้นทุนการซื้อปุ๋ย ยา ฮอร์โมนทางใบไปได้มากต่อมาก เอาล่ะครับโดยส่วนตัวคิดว่าหินแร่ภูเขาไฟน่าจะตอบโจทย์เรื่องนี้ได้อย่างแน่นอนนะครับเพราะทางชมรมเกษตรปลอดสารพิษเราได้นำเทคนิคนี้ไปใช้กับการปลูกข้าวก็เรียกว่าได้ผลดีครับประเทศญีปุ่นก็เพาะปลูกบนพื้นที่ภูเขาไฟเก่าเกาะบาหลีอินโดนีเซียก็ปลูกบนภูเขาไฟเก่า ก็ใช้หลักการปลูกครั้งเดียวแล้วก็รอเก็บเกี่ยวไปเลยไม่ต้องมัวฉีดพ่นทางใบก็สามารถทำกันได้นะครับ ต้องการแลกเปลี่ยนเรียนรู้โทรศัพท์มาคุยกันนะครับ02 986 1680 -2 มนตรี บุญจรัส ชมรมเกษตรปลอดสารพิษ www.thaigreenagro.com
Create Date : 29 กันยายน 2558 |
Last Update : 29 กันยายน 2558 15:14:52 น. |
|
0 comments
|
Counter : 395 Pageviews. |
|
|
|